รอยเตอร์รายงาน: เสียงจากผู้ชุมนุมต้านรัฐบาล "เราจะตายเพื่อในหลวง"

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ประชาไทแปลแบบคำต่อคำ

 

กรุงเทพฯ รอยเตอร์ กลุ่มผู้คัดค้านพยายามที่จะเขย่าสมัครให้ถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้ปฏิญาณตนว่าพวกเขาสามารถพลีชีวิตเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าทรงตกอยู่ภายใต้การคุกคาม

 

"ฉันตายเพื่อในหลวงได้" ครูวัย 53 ปี ชื่อ จันทรา ละมั่งทอง กล่าวกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ในทำเนียบรัฐบาลที่ถูกยึดครองมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและเป็นฝ่ายนิยมกษัตริย์อย่างเข้มข้น

 

"ฉันคิดว่าพระองค์ทรงช่วยเหลือพวกเราโดยการพระราชทานน้ำและอาหาร แต่ทรงไม่สามารถเปิดเผยได้" เธอกล่าว

 

ชาวไทยส่วนใหญ่ถือว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ โดยสถานะที่เป็นทางการ พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง แต่ก็ทรงเข้ามามีส่วนในทางการเมืองหลายครั้งตลอดช่วงเวลา 60 ปีแห่งการครองราชย์ พระองค์ทรงมีพระกรุณาแก่ทั้งกองทัพและฝ่ายบริหารที่มาจากการเลือกตั้งในระดับที่ต่างๆ กันไป

 

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งเป็นกลุ่มนักธุรกิจและนักวิชาการฝ่ายขวากล่าวหาว่าสมัครนั้นเป็นตัวแทนที่ไม่ชอบธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนก่อน ซึ่งพ้นจากตำแหน่งไปเพราะการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ภายหลังการชุมนุมยาวนานหลายเดือนของพันธมิตรฯ

 

อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯ ก็ได้รับการสนับสนุนด้วยศรัทธาอย่างแรงกล้าซึ่งเป็นผลจากการระบายสีทักษิณและรัฐบาลสมัครซึ่งเข้ามามีอำนาจหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่ามีแนวทางสาธารณรัฐและต้องการล้มราชวงศ์จักรี

 

สมัครและทักษิณได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวหลายครั้ง แต่การชุมนุมประท้วงก็ยังดำเนินไปโดยปราศจากการรับฟังจากกลุ่มผู้มีศรัทธาแรงกล้าอย่างพันธมิตรฯ ซึ่งได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการฟังคำปราศรัยอันหนักแน่นเกี่ยวกับการคุกคามราชวงศ์

 

"ฉันรักในหลวงและพระราชินี และทักษิณต้องการฆ่าในหลวงและพระราชินี" พนักงานขายประกันวัย 65 ปี ชื่อทรงพิชญา ตันศักดิ์วรน กล่าวภายใต้หมวกกอล์ฟสีดำ และเสื้อเชิ้ตสีเหลืองเช่นเดียวกับผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ อื่นๆ

 

สีเหลืองเป็นสีของวันจันทร์ เป็นวันที่ทรงพระราชสมภพ

 

"ในหลวงทรงไม่สามารถตรัสอะไรได้ แต่ผมเชื่อว่าถึงที่สุดแล้วพระองค์จะทรงอยู่ข้างพวกเรา" สุวันชัย จิตวิวัฒน์ วัย 40 ปีซึ่งอธิบายว่าเขาเป็นลูกจ้างของตัวเอง กล่าว "ผมไม่เคยกลัว เพราะผมมาที่นี่เพื่อประเทศชาติและในหลวงของผม"

 

เมื่อตำรวจปราบจลาจลต้องเผชิญหน้ารั้วลวดหนามและด่านยางรถยนต์ของพันธมิตรฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อที่จะเข้าไปติดประกาศคำสั่งศาล ฝ่ายผู้ประท้วงได้ยกพระบรมฉายาลักษณ์ซึ่งทรงฉายเมื่องานครองราชย์ครบ 50 ปี ขึ้นสูงดังหนึ่งเป็นรูปเคารพทางศาสนา

 

พวกเขาเชื่อว่า ไม่มีทหารหรือตำรวจคนไหนสามารถทุบตีพระบรมฉายาลักษณ์ แม้ว่าจะได้รับคำสั่งให้จู่โจมก็ตาม การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของสมัครหลังจากที่ฝ่ายต่อต้านพันธมิตร ถูกฆ่าไปในการปะทะระหว่างพันธมิตรและฝ่ายต่อต้านเมื่อคืนก่อนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของพันธมิตรฯได้

 

พระบรมฉายาลักษณ์ยังคงติดอยู่ทั่วไปรอบบริเวณทำเนียบรัฐบาลซึ่งให้บรรยากาศเหมือนเทศกาลดนตรีวู๊ดสต๊อก สนามหญ้าที่เคยได้รับการตัดแต่งขณะนี้กลายเป็นโคลนและประชาชนปัสสาวะกันอย่างสะดวกหลังผ้าใบที่กั้นขึ้นชั่วคราว

 

"วันนี้ผมไม่ทำงาน การชุมนุมเป็นเรื่องใหญ่กว่า จะสำคัญอะไรถ้าผมตกงาน ตราบใดที่ผมยังทำเพื่อปกป้องประเทศ" ประโยชน์ ศิริลักษณ์ คนงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากชลบุรีวัย 40 ปี กล่าว

 

จันทราซึ่งเป็นครูได้ลางานและเดินทางจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นราชธานีเก่า ห่างจากกรุงเทพฯไป 100 กิโลเมตร เพื่อเข้าร่วมกับ "สงครามครั้งสุดท้าย" ของพันธมิตรเพื่อต่อต้านสมัคร

"ชั้นเรียนของฉันเป็นปัญหาเล็ก ประเทศชาติคือปัญหาใหญ่" จันทรา กล่าว

 

 

ที่มา

 

"We'll die for King" say defiant Thai protesters

http://www.reuters.com/article/worldNews/idUKBKK30552420080902?sp=true

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท