มุกดาวรรณ ศักดิ์บุญ แปลและเรียบเรียงจาก
THE MIRROR HAS 60 MILLION FACES
Voranai Vanijaka1
http://www.bangkokpost.com/070908_News/07Sep2008_news18.php
คืนหนึ่งของเดือนตุลามหาวิปโยค พุทธศักราช 2516 แม่ (ซึ่งอุ้มท้องผมได้แปดเดือน) กำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่บ้าน เพราะเป็นห่วงพ่อซึ่งเป็นตำรวจปราบจลาจล ที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมของเหล่านักรบฝ่ายซ้ายอยู่ที่สถานีตำรวจ
ในอ้อมแขนพ่อคือลูกน้องคนหนึ่งที่ถูกยิงที่ท้องเลือดไหลไม่หยุด ตำรวจประมาณ 15-20 คน ถูกล้อมกรอบโดยผู้ประท้วงนับร้อย ความหวังดูจะริบหรี่เต็มที มีพวกลอบสังหารอยู่กันเต็มไปหมด นายตำรวจที่ถูกยิงที่สุดก็เสียชีวิตเพราะเสียเลือดมาก
ค่อนดึก พ่อสั่งให้ลูกน้องถอดเครื่องแบบออกใส่ชุดพลเรือนแทน อาศัยความมืดเป็นฉากกำบังเร้นหนีออกมาจากสถานีตำรวจแห่งนั้นได้ ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พ่อกลับบ้านมาหาแม่
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์รัฐประหาร การประท้วง เหตุนองเลือดต่างๆที่ผ่านมาในบ้านเรา ผมอดนึกไม่ได้ว่าเราต่อสู้ไปเพื่ออะไร และเราได้อะไร
คนส่วนใหญ่ยังคงยากจนอยู่ เด็กๆ ของเรายังต้องมานั่งขอทานริมถนน ไม่แค่การเมืองเท่านั้นที่คอรัปชั่น สังคมเราโดยส่วนใหญ่ก็ด้วย เรายังไม่รู้อยู่ดีว่าประชาธิปไตยคืออะไร
รัฐประหาร การประท้วง ความขัดแย้ง มันก็แค่พวกคนรวยและมีอำนาจทะเลาะกัน แค่อาศัยโวหาร ยุทธวิธีจูงใจต่างๆ และกระเป๋าหนัก มาหลอกล่อคนให้หลงเชื่อ
ผมเองไม่ได้นิยมทั้งนายกฯสมัคร และแกนนำพันธมิตรทั้งห้าคน แต่ผมนิยมคนทุกคน - ไม่ว่าเขาจะ"ใส่เสื้อ" สีอะไรก็ตาม - คนที่ตื่นเช้าไปทำงาน หาเลี้ยงครอบครัว พอมีเหลือก็จุนเจือคนยากไร้บ้าง ดำเนินชีวิตประจำวันไปอย่างง่ายๆอย่างนี้
กำจัดนายกฯสมัครแล้วยุบสภา คงทำให้หลายคนสมหวัง ผมก็ด้วย แต่แล้วยังไงล่ะ
คอรัปชั่นจะน้อยลงไปไหม สังคมจะมีความอยุติธรรมน้อยลงแน่หรือ ช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนจะแคบลงไหม ชีวิตคนโดยทั่วไปจะดีขึ้นยังไง
เราอยากไล่ให้เขาไปพ้นๆ เพราะว่าเขาคอรัปชั่น แต่จริงละหรือที่ว่าเขาคอรัปชั่นกว่าคนไทยโดยทั่วไป มีพวกเราสักกี่คนกันที่ไม่เคยใช้ "หนทางลัด" จ่ายเงินใต้โต๊ะ ใช้เส้นใช้สาย หรือจ่ายเงินเบี้ยบ้ายรายทางร้อยสองร้อย
เราอยากกำจัดเขาเพราะเราไม่ต้องการโครงการต่างๆ แบบของทักษิณ แต่เดี๋ยวก่อน - มองดูสื่อมวลชนของเรา มองดูสังคมของเราสิ - ทำไมเราถึงคลั่งไคล้นักหนากับวัตถุนิยมและความจอมปลอม
เราไม่ต้องการให้นายสมัครแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเอื้อประโยชน์แก่เขาหรือเพื่อช่วยเหลือนายใหญ่ แล้วทำไมทุกวันนี้ พวกเราประชาชนต่างคนต่างก็หาช่องทางเลี่ยงกฎหมายหรือใช้มันสนองความต้องการของเราเล่า
หากเราอยากเปลี่ยนให้ประเทศไทยดีขึ้น แค่กำจัดคนบางคนมันไม่ช่วยอะไร การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องเริ่มที่เรา
เราเดินขบวนเพื่อหวังกำจัดคนๆ หนึ่ง แต่เราเคยคิดที่จะทำเช่นเดียวกันไหมเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ของเราที่ขอทานอยู่ข้างถนน
เราเดินขบวนขับไล่คนๆ หนึ่ง แต่เคยไหมที่จะทำเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเราในสามจังหวัดสุดชายแดนใต้
เราเดินขบวนไล่คนหนึ่งคน แต่เราคิดจะทำแบบนั้นไหมเมื่อทักษิณไฟเขียววิสามัญฆาตกรรมผู้บริสุทธิ์
อยากเปลี่ยนประเทศไทยให้ดีขึ้น กำจัดคนบางคนไม่ได้ช่วยอะไร การเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มที่เรา
พันธมิตรมีสิทธิชุมนุม และสมัครก็มีอำนาจเต็มที่จะพูดว่าเขาได้รับการเลือกตั้งเข้ามาด้วยเสียงข้างมากตามระบอบประชาธิปไตย
เราจะพูดว่าซื้อเสียงเลือกตั้งก็ได้ แล้วการเลือกตั้งครั้งไหนล่ะที่มันไม่มี เรื่องซื้อเสียงมันเป็นเรื่องของคนให้และคนรับ หากไม่มีคนขายก็ไม่มีคนซื้อ คนเหล่านี้ก็คือพวกเราๆคนไทยนี่แหละ เราเองที่ขายอิสรภาพ และประชาธิปไตยของเรา
ถึงแม้สมัครลาออก ก็ยังมีคนอย่างสมัครอีกนับไม่ถ้วนที่พร้อมจะเข้ามาเสียบแทน แนวคิดหรือคนแบบทักษิณหรือสมัครนั้นเปรียบไปก็ดั่ง "ข้าวในนา ปลาในน้ำ"
แน่นอน เหมือนข้าวเหมือนปลา มีคนอย่างทักษิณและสมัครมากมายในประเทศไทย ในทุกระดับของสังคม ตั้งแต่รากหญ้าไปถึงรวยล้น
พวกขี้อิจฉา มุ้งเล็กมุ้งน้อย ใจแคบ ผูกใจเจ็บ เล่นพรรคเล่นพวก คอรัปชั่น นักเลือกตั้ง มือประสานสิบทิศ ฉวยโอกาส เห็นแก่ตัว อ้างคุณธรรม พวกไม่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง - เหล่านี้ ที่มีอยู่ดาษดื่นในแวดวงการเมืองของเรา ที่พวกเราประชาชนพร่ำบ่นก่นด่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย - ใช่แน่หรือ ว่าเราเองก็ไม่ได้ต่างไปจากนี้ ในครอบครัว ในวงสังคม ในสถานศึกษา ในที่ทำงาน
นายสมัครเป็นเพียงภาพสะท้อนสังคมของเรา กระจกซึ่งบอกว่าเราคือใคร ไม่เว้นแม้แต่ผู้เขียนคอลัมน์นี้เอง
แน่ละ มันง่ายกว่าที่จะหาแพะรับบาป และชี้นิ้วประณามคนอื่น คนรวยกล่าวหาคนจน คนจนกล่าวหาคนมี พ้นไปจากนี้ บางทีเราก็โทษเวรกรรมบ้าง ไสยศาสตร์บ้าง และแน่นอน พวกคนต่างชาติ
แน่นอน เราควรจะเดินขบวนประท้วงนักการเมืองโกงกิน แต่มันจะมีอะไรดีขึ้นมา เพียงแค่เราออกมายืดเส้นยืดสายสองสามปีครั้งแล้วก็กลับไปอยู่ในโลกแห่งชีวิตของเรา ของการคอรัปชั่น การเพิกเฉยดูดาย และความจอมปลอม
ความจริงก็คือ เราทุกคนต่างมีส่วนร่วมต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมือง สังคม และอนาคตลูกหลานของเราด้วยกันทั้งนั้น
ไม่ว่าการเมืองและสังคมไทยจะมีข้อบิดเบี้ยว ผิดพลาดอย่างไรก็ตาม พวกเราประชาชนทั้งหกสิบล้านคนต่างก็มีส่วนร่วมต้องรับผิดชอบกับมัน
เรานี่แหละที่สร้างเมืองไทย ไม่ใช่แค่ทักษิณ ไม่ใช่แค่สมัคร แต่เป็นพวกเราทั้งหมดทั้งมวลหกสิบกว่าล้านคน
คนอย่างสมัครไม่มีค่าแม้เพียงเศษเสี้ยวให้เกิดความรุนแรง แม้เพียงเลือดหนึ่งหยด หรือเพียงหยาดน้ำตา ไม่มีค่าแม้เพียงให้ประณามก่นเกลียดอย่างที่พันธมิตรทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ขอผองเราจงประท้วงต่อต้านด้วยเหตุอันชอบธรรม ไม่ใช่เพียงเพราะเราเกลียดนายสมัคร แต่เพื่อเมืองไทยที่เรารัก
สิ่งที่เราแต่ละคนกระทำ หรือมีส่วนร่วมกระทำในชีวิตประจำวันของเราต่างหาก ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศของเรา ไม่ว่าจะในทางดีหรือร้าย
เราควรต่อสู้พวกนักการเมืองโกงกิน แต่ถ้าเราต้องการเห็นสิ่งดีๆสำหรับเมืองไทย พวกเราคนไทยทุกคนต้องเริ่มสร้างความเปลี่ยนแปลงนั้นให้เกิดขึ้นด้วยมือของเราเอง
หมายเหตุ
1 วรนัยน์ วาณิชกะ เป็นบรรณาธิการนิตยสาร Guru (ในเครือบางกอกโพสต์) โดยนิตยสารดังกล่าว พิมพ์แถมมาในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ทุกวันศุกร์