สัมภาษณ์: สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ว่าด้วยคดีหมิ่นฯ ก่อนเดินทางไปอังกฤษ

ประชาไท สัมภาษณ์ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ในค่ำวันที่ 7 พ.ย. ต่อกรณีที่เขาถูกจับกุมตัวในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ


ถูกตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาว่าอย่างไร และคิดว่ามีความผิดตามนั้นหรือไม่
คุณถามผู้ต้องหาแล้วจะมีผู้ต้องหาคนไหนที่พูดว่าตัวเองผิด

เมื่อคืนนี้ (6พ.ย.) ผมไปถึง จ.ขอนแก่น ประมาณตี 2 เศษ ตำรวจก็เอาถ้อยคำของผมมาอ่านให้ผมฟัง เขาบอกว่าเป็นถ้อยคำของผม ผมถามว่าคุณเอาถ้อยคำนี้มาได้ยังไง คุณมีเทปที่อัดเสียงไหม เขาตอบว่าเขาไม่มีเทปครับ มีคนให้ถ้อยคำเขามา แต่ถ้าพูดอย่างเห็นใจเขาคือผมอนุมานว่าอาจจะมีกลุ่มซึ่งมีอิทธิพลล็อบบี้เขา ให้เล่นงานผม ตำรวจเขาก็กลัวพวกนี้ เขาก็เลยทำเรื่องเล่นงานผม

ส่วนถ้อยคำที่เขาอ่านให้ผมฟังเมื่อวานนี้ เขาอ่านบอกว่า เมืองไทยตอนนี้เราถูกล้างสมองให้เคารพพ่อแห่งชาติ แม่แห่งชาติ เราควรจะเคารพพ่อของเราเองแม่ของเราเอง แล้วผมปฏิเสธนะว่าผมไม่ได้พูดอย่างนี้ ผมปฏิเสธถ้อยคำนั้นนะครับ แต่ถ้าผมพูดนี่... เอ๊...ผมว่าเก๋ดีเหมือนกันนะ และในทางกฎหมายก็เอาผิดผมไม่ได้ เพราะกฎหมายเขียนชัดเจนครับหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต้องหมิ่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี และองค์รัชทายาท ผมว่าถ้อยคำนั้นไม่ได้หมิ่นเลยทั้ง 3 พระองค์ เพราะติติงเรื่องพ่อแห่งชาติ แม่แห่งชาติ

สอง เขาบอกว่า ผมพูดว่าขบวนพยุหยาตราชลมารคสิ้นเปลือง เอาเงินใครมาใช้ ผมเชื่อว่าคนที่มีสติปัญญาต้องเห็นด้วย ซึ่งผมบอกตำรวจไปว่าผมไม่ได้พูด แต่ถ้าผมพูดจริง มันก็เก๋ดีนะ

อีกนัยยะหนึ่งคือสังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่ยอมรับให้คนพูดความจริง ใครพูดความจริงก็เป็นความผิด ต่อไปผมจะเขียนนะ เช่น ขบวนพยุหยาตราไม่ได้มีเฉพาะงานพระราชพิธี แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยจัดเพื่อใช้ต้อนรับ นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในงานโอเปค คุณรู้ไหมนั่นหมดไปกี่พันล้าน ตัวเลขน่าจะเปิดเผย และเงินเป็นเงินภาษีอากรจากเรา ถ้านำเงินนั้นมาใช้ลอกแม่น้ำเจ้าพระยา ทำคูคลองให้สะอาด นี่เป็นการเพิ่มพูนพระบรมราชกฤษฎาภินิหารให้ฟ้าอยู่เย็น แต่คุณไม่ทำครับ แล้วจะมาโจมตีว่าผมหมิ่นฯ ได้ไง เพราะคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้คือรัฐบาลครับ เพราะเหตุว่าเราเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คนที่อนุมัติเงินทั้งหมดคือรัฐบาล เหมือนเวลานี้มีคนบอกว่างานพระเมรุมาศงานพระศพพระนางฯ คนที่จ่ายเงินคือรัฐบาล ต้องคนไม่รู้จักแยกแยะแล้วมาเล่นงานผม


ที่ผ่านมาเคยถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่นหรือไม่ท่ามกลางกระแสการเมืองที่มักอ้างอิงเบื้องสูง

ต้องเข้าใจว่าคดีเมื่อคืนนี้ 6 พ.ย. ตำรวจแจ้งว่า เป็นกรณีผมพูดที่ขอนแก่น 11 ธ.ค. 2550 แต่ก่อนหน้านั้นในวันที่ 3พ.ย. ผมได้รับหมายเรียกจาก สน.ชนะสงคราม ให้ผมไปมอบตัวกับอัยการคดีกรณีนิตยสารภาษาอังกฤษ Seeds of Peace ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมกราคม-เมษายน 2548 ที่ ผมเป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ตำรวจบอกว่ามีข้อความที่อาจจะก้าวก่ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรณีสวรรคตของพระเชษฐา หนังสือนี้พิมพ์เมื่อ 4 ปีมาแล้ว ซึ่งผมได้เขียนจดหมายไปถึง สน.ชนะสงคราม บอกว่าผมไม่มอบตัวเพราะว่ากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาให้การเพิ่มเติมได้ เรียกพยานเพิ่มเติมได้ ตำรวจจะบอกว่าสรุปแล้วก็สรุปไป แต่ผมปฏิเสธ เช่นเดียวกับกรณีที่จังหวัดขอนแก่นเมื่อคืนวันที่ 6 พ. ย. ก็เหมือนกัน ตำรวจจะให้ประกันในชั้นศาล ผมบอกว่าไม่ไป ผมจะประกันที่ตำรวจนี่แหละ และผมก็เรียกพยานเพิ่มเติมเอ่ยชื่อพยาน แต่ตำรวจก็บอกต้องไปที่ศาล ในที่สุดแล้วให้ผมประกันเกือบตี 4

ผมโดนมาหลายคดี ทุกคดีจะมีหมายเรียก ผมไม่เคยหนี แต่คราวนี้ไม่มีหมายเรียก มีหมายจับมาเลย เห็นผมเป็นอะไร เป็นอาชญากรค้าเฮโรอีนหรือไง ตำรวจจาก สน.บางรัก มาจับผมตอนมืดแล้ว แต่ลงบันทึกประจำวันเป็น 16.00น. ทั้งที่ความจริงเป็นเวลา 18.00น. จับผมไปที่ สน.บางรัก เสียเวลาอยู่จนถึง 4 ทุ่ม พอออกจากบางรักแล้วไปจังหวัดขอนแก่น คุณไม่เห็นแก่สิทธิมนุษยชนเหรอ ผมอายุ 76 ปีแล้ว แต่เขาก็พูดจากับผมเรียบร้อยดีนะ โอเค กล่าวโดยสรุปเขาให้ประกัน


การดำเนินการของตำรวจที่มาเชิญตัว ผิดปกติหรือมีข้อสังเกตหรือไม่

คุณอย่าพูดให้ไพเราะ เขาไม่ได้เชิญตัว แต่มีหมายจับ วันที่ 3 พ.ย. ที่ สน.ชนะสงคราม วันที่ 6-7 พ.ย. ที่กรุงเทพฯ-ขอนแก่น และผมได้ยินมาว่า มีอีกหลายคดี เขาจะเอาให้หมดเลย ส่วนว่าทำไมนั้น คุณสมชาย หอมละออ ทนายความของผมซึ่งไปด้วยได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไปว่า น่าสังเกต ว่าคุณทักษิณ โฟนอินที่ราชมังคลาฯ ว่า ไม่มีใครเอาเขากลับเมืองไทยได้นอกจากพระบารมี... หรือ ขบวนการประชาชน

ในวันรุ่งขึ้นไทยทีวีมาสัมภาษณ์ผมที่บ้าน ผมให้สัมภาษณ์ไปว่า ที่คุณทักษิณพูดเช่นนี้นี่ แสดงว่าไร้สติสัมปชัญญะ หรือไร้มารยาท เพราะถ้าคุณจะขอพระบารมีปกเกล้าฯ ก็ต้องทำจดหมายส่วนตัวไปกราบบังคมทูล ส่วนท่านจะช่วยได้หรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าแผ่นดินภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่คดีของคุณทักษิณเป็นคดีอาญา ผมไม่เชื่อว่าท่านจะทำอะไรได้

แต่ถ้าคุณทักษิณต้องการก็ต้องเขียนเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่มาพูดต่อหน้ามหาชน และที่ร้ายไปกว่านั้นคือคุณทักษิณพูดว่า ถ้าไม่ทรงพระกรุณาฯ โดยใช้คำว่า "หรือ" ก็จะใช้มวลชนมาบีบ ผมว่านี่มันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเลยนะ ใช้มวลชนมาบีบ


ความเห็นส่วนตัวของอาจารย์เป็นอย่างไร เพราะอาจารย์เคยให้สัมภาษณ์ลงในวารสารฟ้าเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ที่ฝ่ายพันธมิตรฯ โจมตี แต่ขณะนี้กลายเป็นว่ากลุ่มเสื้อแดงกำลังจะมาเล่นงานแทน

ก็มีส่วนนะครับ ผมไปพูดที่ขอนแก่น 11 ธ.ค. 2550 ตำรวจไม่มีเทป แต่ตำรวจบอกว่ามีคนมาล็อบบี้ให้จับผมให้ได้ ผมก็เดาว่าคนที่ล็อบบี้คงเป็นคนกลุ่มเสื้อแดง เพราะที่จังหวัดขอนแก่น เสื้อแดงมีอิทธิพลมากแต่อันนี้เป็นเพียงข้ออนุมานของผมนะครับ ผมอาจจะผิดก็ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา แต่ที่แน่ๆ มีคนต้องการให้ผมถูกจับ


สาเหตุเพราะกระแสกวาดล้างสื่อที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในการโจมตีกันทางการเมืองของทั้ง2 ฝ่ายหรือไม่

ผมไม่รู้ ปัญหาคือทางฝ่ายเสื้อแดงก็กล่าวหากลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนพันธมิตรฯ ก็กล่าวหากลุ่มเสื้อแดง ผมไม่อยู่ทั้ง 2ฝ่าย แต่ผมเห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายก็มีทั้งอะไรที่ดีและมีข้อบกพร่อง ผมก็คิดว่าไม่แปลกประหลาด ถ้าทั้ง 2 ฝ่าย จะใช้ผมเป็นเครื่องมือ เพราะผมแก่ป่านนี้แล้วใครจะใช้ผมเป็นเครื่องมือก็ไม่ว่าอะไร แต่ที่ผมเป็นห่วงก็คือตอนนี้มีการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือมาก และพูดอย่างไม่เกรงใจ คุณทักษิณใช้อย่างได้ผลมาก

ผมเชื่อว่ามีมาตรการที่นำมาใช้ในบริบทของสังคมไทย อย่างที่ในสมัยหนึ่งมีคนไปตะโกนในโรงหนังว่า "ปรีดี (พนมยงค์) ฆ่าในหลวง" แต่สมัยนี้มันยิ่งกว่าโรงหนัง ขยายไปคนขับรถแท็กซี่หรือเว็บไซต์อะไรต่างๆ โจมตีเบื้องสูง ผมเชื่อเลยว่าการจับผมก็เป็นไปเพื่อเล่นงานเบื้องสูง นี่มองในแง่ผมนะ

ปัญหาคือว่าคนที่เล่นงานผมตามนิตินัยคือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและรัฐบาล รัฐบาลไม่รู้หรือ ตำรวจไม่รู้หรือว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อพระชนมายุ 79 พรรษาว่า ใครก็ตามที่ทำเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นทำร้ายพระองค์ท่านและต้องการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ชัดเจนนะครับ พระราชดำรัสนี้ชัดเจนและรัฐบาลนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาบอกว่าจงรักภักดี คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็บอกว่าทนอยู่เพื่อจะจัดงานพระศพ ทนอยู่เพื่อจะจัดงานเฉลิมฯ นี่ตอแหลนี่ครับ

ถ้าคุณจงรักภักดีจริงๆ ก็ต้องเลิกสิครับ ยุติคดีหมิ่นฯ ให้หมด เพื่อเป็นการเพิ่มพูนพระบรมเดชานุภาพเพิ่มพูนพระบรมราชกฤษฎาภินิหาร แต่คุณไม่ทำ เพราะคุณเป็นรัฐบาลร่างทรงของคุณทักษิณ คุณทำเพื่อประโยชน์ของคุณทักษิณ ชัดเจนนะครับ


คดีเมื่อเกิดขึ้นแล้วรัฐบาลไม่สามารถยกเลิกได้เองไม่ใช่หรือ

ยกเลิกได้ โดยทฤษฎีมันอยู่ในชั้นตำรวจ แต่ถ้าอยู่ในชั้นอัยการหรือศาลแล้วทำอะไรไม่ได้

ประชาชนควรเข้าใจอย่างไรถึงความแตกต่างระหว่างการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์กับการโจมตีในลักษณะทำร้าย
การวิพากษ์วิจารณ์หรือด่าทอ หรือวิพากษ์วิจารณ์ด้วยมีผลประโยชน์ที่จะเล่นงานทำลายล้าง นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม อีกนัยยะหนึ่ง เมืองไทยมีกฎหมายอาญา ถ้าคุณละเมิดสิทธิอันนี้หมิ่นประมาทจ้วงจาบหยาบช้า ก็มีกฎหมายอยู่แล้ว

ในหลวงในฐานะที่เป็นพระเจ้าแผ่นดินภายใต้รัฐธรรมนูญฯ ก็เป็นคนหนึ่งเหมือนกับเราทั้งหลาย ก็ต้องใช้กฎหมายหมิ่นประมาท แต่ตอนนี้เราไปพยายามสร้างพระเจ้าอยู่หัวเป็นเทวราชไม่ใช่สมมุติเทพ อันนี้เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง ซึ่งทุกคนต้องมีความกล้าหาญในการพูด
แต่ถ้าคุณพูดเกินเลยความเป็นจริงไปเขาก็เล่นงานคุณได้ เพราะมีกฎหมายหมิ่นประมาทอยู่แล้ว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.7) ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์สุดท้ายในสมัยราชาธิปไตย มีคนไปกราบบังคมทูลพระองค์ว่า มีคนเขียนด่ารัฐบาลโจมตีรัฐบาล ท่านตรัสตอบว่าถ้ามันโจมตีมาดีฟังขึ้น ก็ต้องทำตามที่เขาเสนอ แต่ถ้ามันโจมตีมาอย่างเลวร้ายก็แสดงความบัดซบของมันเอง คนก็จะลืม

ต้องเข้าใจครับว่าเรื่องคนด่าเป็นเรื่องห้ามไม่ได้ ถ้าเขาไม่ด่าต่อหน้าก็ต้องด่าลับหลัง แล้วสมัยนี้มีเว็บไซต์ บางทีก็จับไม่ได้ ห้ามไม่ได้ครับ วิธีห้ามมีอย่างเดียวคือ ถ้าเขาพูดมามันจริงก็ต้องแก้ไขเสีย

ปัญหามันคือเรื่องของการวินิจฉัยว่าแค่ไหนเผยแพร่ได้หรือไม่ได้
ปัญหาอยู่ที่ว่าสื่อต้องมีความกล้าให้มากขึ้น พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร ทำหนังสือชื่อ "ประชาชาติ" ออก มา ท่านพูดว่าคนเขียนหนังสือพิมพ์ ต้องกล้าเพ่ง กล้าพินิจ กล้าวิพากษ์ กล้าวิจารณ์ ถ้าขาดตรงนี้เสร็จเลย ผมว่าตอนนี้เราขาด อีกนัยหนึ่งคือเราแหย ถ้าเป็นพวกเราเราก็เชียร์ว่าดี ถ้าไม่ใช่พวกเราก็เขียนว่าเหี้ย มันไม่ถูก ต้องมีมาตรฐาน มาตรการ


คดีหมิ่นฯ ถูกใช้ทั้งฝ่ายสีเหลืองและแดง สถาบันก็ถูกนำมาใช้ในการเคลื่อนไหวมาก มีข้อแนะนำต่อการเคลื่อนไหวทั้ง 2 ฝ่ายหรือไม่ว่าควรจัดวางสถาบันฯ ไว้ตรงไหน

พันธมิตรฯ ก็ใช้สถาบันฯ เป็นเครื่องมือ คุณต้องเข้าใจอันนี้ชัดเจน แม้กระทั่งการเสด็จพระราชดำเนินมางานศพ อันนี้มันชัดซึ่งไม่เป็นคุณต่อสถาบันครับ เพราะถ้าสถาบันฯ เลือกข้างก็อันตรายไม่ว่าเลือกข้างผิดหรือถูกก็ตาม พันธมิตรฯ สนใจอย่างเดียวว่าถ้าสถาบันเลือกข้างอยู่ฝ่ายเขา เป็นอันใช้ได้ อันนี้เป็นการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ในระยะยาว

ส่วนฝ่ายเสื้อแดงชัดเจนเลยครับ โจมตีสถาบันฯ ไม่ยับยั้งเลย การให้ข้อเท็จจริงนั้นทำได้ แต่น่าจะต้องใช้ถ้อยคำที่ระมัดระวังและให้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อมหาชน ไม่ใช้ผรุสวาทอันนี้ไม่ถูกต้อง และเป็นที่น่าเสียใจว่าสังคมไทยยอมรับเรื่องพวกนี้ ต้องเตือนสติคนเรื่องนี้ คุณนำเสนอไปเขามาด่าผมก็ไม่เป็นไร เราต้องพร้อมให้คนด่า ถ้าไม่ให้คนด่าก็หดหัวเสียไม่ต้องพูดอะไรเลย


ช่วงนี้มีสื่อเว็บไซต์มากขึ้น มีการด่าทอเสรีขึ้น เป็นเสรีภาพที่มากเกินไปหรือไม่

มากไปหรือไม่ต้องพิจารณาว่า เขาถูกกดมานาน โดยเฉพาะเรื่องเบื้องสูง ถ้าเขาออกมาแสดงได้โดยจับตัวเขาไม่ได้เขาก็ต้องออกมาแสดง ต้องเห็นใจเขา แต่ถ้าถามผม ผมมองว่าไม่ใช่ของดี แต่เราน่าจะต้องเปิดโอกาสให้เขาเติบโต เหมือนคุณเป็นครูสอนลูกศิษย์ในชั้นเรียน ถ้าเขาเถียงคุณไม่ได้ เขาก็ไปด่าคุณลับหลัง ถ้าคุณเป็นครูที่ดี ต้องให้เขาเถียงคุณได้ ด่าคุณต่อหน้าได้ สังคมจึงจะเจริญงอกงาม เพราะสังคมที่เจริญงอกงามคือสังคมที่มนุษย์สามารถสื่อกันได้ เถียงกันได้ ถกกันได้ ไม่เห็นด้วยกันแต่เคารพอีกฝ่ายหนึ่ง ผมว่าสังคมไทยมีโอกาสเป็นไปอย่างนี้ได้ และจะเติบโตมากขึ้น

วารสารฟ้าเดียวกันก็มีข้อบกพร่อง แต่ที่ทำออกมาก็เป็นนิมิตรหมายที่ดี แม้กระทั่งพันธมิตรฯ ก็ช่วยสังคมเยอะนะ แม้ผมไม่เห็นด้วยหลายอย่างเลย แต่ก็ต้องปล่อยให้เขาเติบโต อย่างน้อยพันธมิตรฯ ปลุกให้คนตื่นขึ้น อย่างน้อยเห็นว่าละครน้ำเน่าที่บ้านไม่ได้เรื่องก็มาน้ำเน่าที่พันธมิตรฯ ดีกว่าและหวังว่าจะเป็นน้ำดีกว่าเน่าขึ้นเรื่อยๆ และเขาทำได้มากกว่าทีวีกระแสหลักที่ต้องพึ่งธุรกิจโฆษณา ถ้าเรามองในแง่บวกสังคมไทยก็จะเป็นไปในทางบวกมากขึ้น


กรณีพันธมิตรฯ เหมือนเติบโตไปได้อย่างเสรี แต่เขาจำเป็นต้องตรวจสอบในตัวเองด้วยหรือไม่

ต้องช่วยกัน ผมก็พูดกับเขา เขาก็ฟังผมแต่เขาก็ไม่ได้ทำตาม (หัวเราะ) เราต้องเข้าใจว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ถูกสะกดไม่ให้เผชิญความจริงตั้งแต่ พ.ศ.2490 หรือ ถ้าพูดอย่างไม่กลัวติดคุกก็คือตั้งแต่กรณีสวรรคต ซึ่งสำคัญมาก เพราะเป็นกรณีไม่ยอมเผชิญความจริงที่สำคัญที่สุดแล้วเราก็โจมตีคนที่พูดความ จริงมาตลอดเช่นอาจารย์ปรีดี ตอนนี้สังคมก็เต็มไปด้วยความกึ่งจริงกึ่งเท็จ เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าใจตรงนี้แล้วเราต้องให้โอกาสคน ให้เขาเติบโต


ถ้ายกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ น่าจะดีกว่าเดิมหรือไม่

ชนชั้นปกครองต้องมีความกล้าหาญทางจริยธรรมมากในการยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ชนชั้นปกครองไม่รู้สึกอย่างนี้ เพราะชนชั้นปกครองต้องการเล่นงานฝ่ายตรงกันข้ามด้วยกฎหมายนี้ และเมื่อคุณเป็นฝ่ายตรงข้ามก็จะถูกกฎหมายนี้เล่นงานคุณ

ต้องเปลี่ยนมิติของคน แต่ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ ก็ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เพราะคนของเราถูกระบบการศึกษาล้างสมอง เป็นความรู้ที่ทำให้เราเป็นทาส

กบฎผีบุญครั้งแรกเกิดที่จังหวัดอุบลฯ เราเรียกเขาว่า "ผีบุญ" แต่เขาเรียกตัวเองว่า "ท้าวธรรมิกราชผู้มีบุญ" เพราะเห็นแล้วว่ากรุงเทพฯ ไปรังแกเขา เขาต้องการรักษาวัฒนธรรมของเขา เหมือนที่ยายไฮที่ปากมูลต้องการรักษาในเวลานี้ 100 กว่าปีมานี้ไม่แตกต่าง แต่เราถูกล้างสมองว่าพวกนี้เป็นคนเลวร้าย ไม่ได้เรื่อง ถ้าจะได้เรื่องต้องเป็นแบบฝรั่ง ต้องเปลี่ยนมิตินี้


เกรงจะถูกคนอื่นจัดประเภทว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่

ก็ไม่เป็นไรครับ ต้องให้อภัยเขา เพราะคนจะรับรู้จากสื่อ แต่มิติของคนเปลี่ยนเยอะนะครับ ผมถูกจับครั้งแรกในปีพ.ศ.2527 เข้าไปในคุกใหม่ ซึ่งตอนนี้เป็นสวนรมณีนาถ ก่อนหน้านั้นคนที่โดนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเข้าไปในคุก คนคุกก็จะรุมกระทืบ แต่เมื่อปี พ.ศ. 2527 ผมเข้าไปในคุก คนในคุกเขาก็รักผมหมดเลย เขาบอกว่ากฎหมายแบบนี้รังแกคน ซึ่งวิธีคิดคนได้เปลี่ยน เป็นนิมิตรหมายที่ดี ผมว่าต้องมองให้ชัด


แสดงว่าไม่ได้รู้สึกหนักใจ

ครับๆ ถ้าคุณหนักใจเพราะโดนคดีนี้ ผมว่าคุณพลาดนะ พลาดที่ตัวคุณคิดว่าคุณใหญ่มาก คนรังแกไม่ได้ ขณะที่คนเป็นอันมากถูกรังแกขนาดไหน แต่สำหรับผม ผมเข้าใจ การถูกกล่าวหาแบบนี้เป็นเรื่องเล็ก


แล้วกรณี "สุชาติ นาคบางไทร" กับ "ดา ตอร์ปิโด" พอทราบรายละเอียดไหม

ดา ตอร์ปิโดนี่ได้ยินเทปเขา แต่สุชาติไม่ได้ยิน


แล้วควรจัดอยู่ในลักษณะไหน เป็นระดับวิพากษ์วิจารณ์หรือด่าทอ

นี่เป็นอีกเรื่อง เป็นเรื่องใหญ่ ผมไม่อยากพูดอะไรในทางลบต่อคนที่ถูกรังแก แต่ดา ตอร์ปิโด สามารถฉลาดพูด แต่การฉลาดพูดเป็นไปในทิศทางทักษิณ คือ สถาบันเดิมเลวหมด พอใช้คำว่าเลวหมดมันเกินไป

สอง คนดีคือท่านปรีดี ผมก็เห็นด้วย แต่คนที่ดีเท่าท่านปรีดี คือ คุณทักษิณ อันนี้คือโฆษณาชวนเชื่อ คุณทักษิณมีอะไรดีคล้ายท่านปรีดีมิใช่น้อย โครงการเอาเงินล้านไปให้ชาวบ้านก็ไม่เลว 30 บาท รักษาทุกโรคก็ไม่เลว แต่ท่านปรีดีทำทั้งหมดเพื่อประโยชน์ของราษฎร ส่วนคุณทักษิณทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เอาเงินของแผ่นดินมาใช้เพื่อประโยชน์ตัวเอง แล้วฉลาด

พวกเสื้อแดงอย่าคิดว่าโดนซื้อมาทั้งหมด เขามากันจริงๆ เพราะคุณทักษิณเอาอำนาจให้เขาครับ ที่แล้วมาเงินนั้นพวกขุนนางต้องตัดสินให้เขา เขาทะเลาะกัน เขาแย่งกันเขารู้ ชาวบ้านไม่ได้โง่ขนาดนั้น แล้วเขารู้สึกว่าทักษิณเป็นคนแรกที่ให้ เขาก็จงรักภักดีกับทักษิณ แต่ ดา ตอร์ปิโด เขาพูดเป็นปรีดี พนมยงค์ เลย ก็ไม่ว่าอะไรเพราะมันเป็นการเมือง แต่เขาล่วงล้ำเบื้องสูงขนาดนั้นมันก็มีกฎหมายอยู่น่ะ แต่กฎหมายหมิ่นฯรุนแรงเกินไป เพียงกฎหมายหมิ่นประมาทก็น่าจะโดนแล้ว ก็น่าจะนำกฎหมายหมิ่นประมาทมาใช้กับเขา

เพื่ออะไร เพื่อศักดิ์ศรีของสถาบันเลย ทำไมสถาบันต้องลดตัวลงมาต่อสู้กับดา ตอร์ปิโด เพียงกฎหมายหมิ่นประมาทก็แย่แล้ว อันนี้ผมพูดในภาษาศักดินาเล็กน้อยนะ เพราะคุณมีสถาบันกษัตริย์จะต้องมีศักดินาเล็กน้อย มีศักดินาเล็กน้อยไม่เสียหาย แต่มีศักดินามากเกินไปเสียหาย


ขณะนี้ คนที่พูดวิพากษ์วิจารณ์สถาบันยังมีความปลอดภัยเทียบได้กับการติดคุกเมื่อ พ.ศ. 2527 จริงหรือ

ถ้าคุณอยู่ในคุก คุณปลอดภัย แต่นอกคุก คุณอยู่ในบริบทไหน ตอนนี้มันมีการแบ่งฝ่ายอย่างน่ากลัว อีกนัยยะหนึ่งสังคมไทยกลายเป็นสังคมปศุสัตว์ วัวจะต้องขวิดควาย มันน่าเศร้า

ที่สังคมไทยขาดคือการแยกแยะ ศาสนาพุทธใช้คำว่า "วิจารณญาณ" ที่คุณทำสื่อต้องเน้นที่วิจารณญาณ อย่าไปเน้นที่ให้เขามาเห็นด้วยกับคุณ ตรงนี้จะเดินทางถูก

เนื้อหาสาระอยู่ที่เราเป็นเพื่อนกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นแม้ว กะเหรี่ยง หรือลาว ถ้าสถาบันกษัตริย์จะอยู่ได้ต้องเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เพียงการกราบกราน คนไทยต้องรู้สึกตรงนี้ให้มากขึ้น ในหลวงไปจีนก็ไปควงแขนกับเจ๊ก คนขาว ฝรั่ง แล้วก็มาจับผมเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าต่อไปคนจะมาจับผมไม่ได้ เพราะผมพูดเรื่องจริง


ที่ว่าเราต้องมีศักดินาเล็กน้อย สำหรับคนที่มีสถานะพิเศษ คนไทยควรแสดงออกแค่ไหน

แสดงออก เท่าที่คุณอยากแสดงออก สำคัญมากนะครับ ไหว้ครูก็เหมือนกัน ดอกมะเขือ หญ้าแพรกอยากจะทำก็ได้ แต่ถ้าทำแล้วเด็กด่าอยู่ในใจ ผมว่าบ้า ถ้าเด็กอยากไหว้หรือถ่มน้ำลายรดแล้วคุณก็โอเค มาไหว้ได้ นั่นคือการไหว้ที่แท้จริง การไหว้ที่แท้จริงคือการแสดงความจริงใจต่อกันแค่นั้นเอง

มนุษย์โดยเนื้อหาต้องลดความเห็นแก่ตัว ลดความอ้าขาผวาปีก พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าสิ่งที่ประเสริฐที่สุดคือกัลยาณมิตรและกัลยาณมิตรคือ คนที่พูดในสิ่งที่คุณไม่อยากจะฟัง มันเป็นเสียงแห่งมโนธรรมสำนึก


กรณีที่เกิดขึ้นกับพันธมิตรฯ โดยเฉพาะงานพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. อาจารย์คิดว่าส่งผลต่อสถาบันอย่างไร

แน่นอนครับ คุณยกย่องสถาบันสูงที่สุด วิเศษสุด สถาบันเข้าข้างฝ่ายใดก็เกลือกกลั้ว การมีสถาบันพระมหากษัตริย์คือมีสถาบันซึ่งไม่อยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เป็นสถาบันซึ่งสามารถตัดสินในทางจริยธรรม วัฒนธรรม อย่างพระเจ้าแผ่นดินสวีเดน ทุกคนเห็นว่าท่านโง่ แต่ก็เห็นว่ามีท่านดีกว่าไม่มี

พระเจ้าแผ่นดินในยุโรปมีฉลาดองค์เดียวคือ พระเจ้าแผ่นดินเดนมาร์ก เป็นผู้หญิง แต่เพราะรู้ว่าท่านฉลาดจึงมีบทบาทเฉพาะทางวัฒนธรรม เพราะถ้ามีบทบาททางการเมืองท่านก็อยู่ไม่ได้

สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องมีความแนบเนียนที่จะรักษาไว้ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์มีข้อเสียคือมีประเพณีพิธีกรรม ประเพณีพิธีกรรมมีทั้งข้อดีข้อเสีย ยกตัวอย่างกรณีของประเทศอังกฤษ เจ้าหญิงไดอาน่าตาย คนรักใคร่มาก แต่ราชินีไม่สนใจเลยเพราะหย่ากับลูกชายไปแล้ว ขอให้ลดธงครึ่งเสาก็ไม่มีธรรมเนียม ดอกไม้ที่วางหน้าพระราชวังบักกิ้งแฮมก็ไม่สนใจ

แต่ตอนนั้นโทนี่ แบลร์ เพิ่งเป็นนายกรัฐมนตรี และเห็นคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์จึงทูลราชินีว่าถ้าไม่เปลี่ยนสถานะ สถาบันมหากษัตริย์จะแย่ ตอนนั้นความนิยมลดลงมาเต็มที่ ราชินีไปอยู่ที่สก็อตแลนด์

สถาบันพระมหากษัตริย์ได้เปรียบโดยไม่ต้องทำอะไรมาก มายิ้ม มาจับมือราษฎรบางคน ลดธงลงครึ่งเสาก็ได้กำไรแล้ว อีกนัยยะหนึ่ง ถ้าสถาบันพระมหากษัตริย์จะมีบทบาทต้องรู้จักเปลี่ยนให้เข้ากับกาลสมัย หลายอย่างแก้ไขไม่ได้ แต่ก็ต้องทำสิ่งที่แก้ได้ คดีหมิ่นฯ แม้แก้กฎหมายไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่สามารถยุติคดีได้

ไม่ใช่เฉพาะคดีผม แต่คดีอื่นด้วย ถ้าสามารถยอมรับความจริงได้ จะเป็นทางออกของเมืองไทย เราเริ่มฟังความจริงมากขึ้น รับฟังความเห็นที่แตกต่างมากขึ้นอันนี้จะทำให้คนเติบโต สังคมไทยไม่ทำให้คนเติบโต สำหรับผมกรณีของจักรภพ เพ็ญแข กรณีของเด็กสองคนที่ไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญน่าจะพูดได้ เพราะว่าไม่ได้ทำอะไรเลวร้าย หรือกรณีประธานสหภาพที่เป็นผู้หญิงก็ตาม ผมว่าเราต้องสนับสนุนคนพวกนี้ ไม่ได้แปลว่าเราจะแก้ปัญหาให้เขาได้ แต่จะเป็นพลังขยับไปเรื่อยๆ อย่าไปหวังแก้ปัญหาทันที ต้องแก้ปัญหาในระยะยาว
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท