"อภิรักษ์" ไขก๊อก คาด 11 ม.ค.เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือกับแกนนำถึงท่าทีของพรรค และการตัดสินใจทางการเมืองหลังจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ชี้มูลความผิดของนายอภิรักษ์กรณีจัดซื้อจัดจ้างรถและเรือดับเพลิง ท่ามกลางความไม่ลงตัวภายในพรรคที่มีสมาชิกบางส่วนกดดันให้นายอภิรักษ์ แสดงสปิริตด้วยการลาออก

 

ทั้งนี้ นายอภิรักษ์ ได้หลีกเลี่ยงที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยได้เดินทางเข้าที่ทำการพรรคทางประตูด้านหลัง และมีสีหน้าเรียบเฉย ภายหลังจากการหารือแล้ว นายอภิรักษ์ จะเดินทางไปแถลงข่าวอย่างเป็นทางการต่อสื่อมวลชนในเวลา 15.30 น. ที่ศาลาว่าการกทม. โดยกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสมัยที่ตนยังเป็นผู้ว่าฯกทม.ครั้งแรก และเมื่อหมดวาระก็อาสาเข้ามาอีกและชาวกรุงเทพฯให้ความไว้วางใจอีก ดังนั้นขอให้ประชาชนทั้งประเทศรู้ว่าปชป.จะตั้งอยู่บนพื้นฐานการเมืองอย่างชัดเจน ทั้งนี้ได้ปรึกษากับครอบครัวและหัวหน้าพรรครวมทั้งผู้ใหญ่อีกหลายคน ก็มีความเห็นแตกต่าง มีผู้ใหญ่หลายคนแนะนำว่าการตัดสินทางกฎหมายที่ต้องการให้ยุติบทบาทการทำงาน จึงเป็นทางเลือกทางหนึ่งที่ทำได้และตนก็ได้เลือกวิธีนี้

 

 "ผมพร้อมที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม และเพื่อให้ไม่กระทบกับความรู้สึกของทุกคน และขอขอบคุณทุกคน และสมาชิกพรรคประชาธปัตย์ และรณรงค์หาเสียง ประชาชน ขอโทษที่ทำให้เกิดความรู้สึก หลังจากมีการชี้มูลความผิด จึงขอลาออกโดยให้มีผลหลังจากมีพระราชพิธีเสร็จแล้ว" นายอภิรักษ์ กล่าว

 

ต่อมาภายหลังการแถลงข่าวได้มีเจ้าหน้าที่และข้าราชการกทม.นำดอกไม้มาให้กำลังใจ ส่วนนายอภิรักษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงข่าวลาออกว่า ยอมรับว่าการลาออกครั้งนี้ มีผลกระทบต่อตนเองและครอบครัว และอยากให้มีการพิสูจน์และผ่านกระบวนการในชั้นศาลโดยเร็ว ส่วนเรื่องที่ทางพรรคจะส่งใครลงสมัครผู้ว่า กทม.นั้นเป็นเรื่องของพรรค เพราะตนหมดหน้าที่แล้ว ซึ่งหน้าที่ต่อไปของตนคือ การต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม และยืนยันว่าจะมาไม่อุทธรณ์ ซึ่งตนเคารพในคำตัดสินของป.ป.ช. และอยากให้ประชาชนเข้าใจในกระบวนการตรวจสอบ ในขณะนี้ยังเหลื อขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมศาลอาญาคดีแผนกการเมืองที่ยังไม่แล้วเสร็จ

 

นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า เพียงแต่ตอนนี้เจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการให้ยุติการทำงาน และตนเองก็ต้องการแสดงจุดยืนและเพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจในการทำงาน ไม่ได้มีใครบีบให้ลาออก ส่วนเรื่องการลาออกหลังวันที่ 19 พ.ย.นั้นไม่ได้มีนัยยะอะไร แต่อยากให้การดำเนินงานพระราชพิธี พระราชเพลิงพระศพฯผ่านพ้นก่อน ไม่มีการส่งสัญญาณใดๆทั้งสิ้น เป็นการตัดสินใจของตนเอง เพราะถ้าหากตัดสินใจอีกแบบหนึ่ง ปัญหาการเมืองก็จะตามมา  และตนจะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

 

ทั้งนี้ นายอภิรักษ์ระบุว่า โครงการรถและเรือดับเพลิงที่ผ่านการอนุมัติจากครม.แล้วนั้น เป็นโครงการของรัฐบาล เมื่อถามว่า การลาออกในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อพรรคหรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจ ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าปชป.จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของสังคม ส่วนทางพรคจะส่งใครลงสมัครนั้นไม่ทราบ แต่เชื่อว่าทางพรรคจะส่งคนที่ดี มีความเหมาะสม

นายอภิรักษ์ยังได้กล่าวกับข้าราชกากทม.ว่า เชื่อมั่นใจอุดมการณ์ของพรรค การทำงานทีผ่านมาตลอด4 ปี เต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ณ วันนี้หมดบทบาทของผู้ว่า กทม.แล้ว แต่ยังคงเหลือบทบาทเป็นคน กทม.เท่านั้น

 

ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิรักษ์ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ว่า เราเห็นใจ นายอภิรักษ์ มาก ปัญหาเรื่องของการเปิดแอลซีตั้งแต่แรก เห็นได้ชัดว่า การตัดสินใจทางหนึ่งทางใดก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากปมต่างๆ ผูกไว้แล้ว แต่ขอยืนยันว่า พวกเราทุกคนเชื่อมั่นในตัวนายอภิรักษ์ และพร้อมที่จะช่วยต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ต่อไป โดยมีการเริ่มต้นดูคำแถลงของป.ป.ช. ซึ่งเราต้องเคารพการตัดสินใจขององค์กรอิสระ แต่เมื่อดูคร่าวๆ แล้ว มีความเชื่อว่ายังมีอีกหลายประเด็น ซึ่งทางพรรคจะได้นำเสนอ เพื่อให้ นายอภิรักษ์ ได้ใช้ในการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในเรื่องนี้ทั้งหมด

 

"การตัดสินใจของ คุณอภิรักษ์ เป็นเรื่องที่ท่านต้องการจะเห็นบรรทัดฐาน หรือมาตรฐานของบ้านเมืองที่หลายฝ่ายต้องการเห็นในการเมืองไทย ผมถือว่าเป็นการตัดสินใจที่น่าชื่นชม และเป็นเรื่องที่อยากเห็นสังคมให้กำลังใจนักการเมืองที่พร้อมจะตัดสินใจเช่นนี้ เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องง่าย ความคาดหวังต่างๆ ที่ประชาชนมีรวมทั้งผู้สนับสนุนคุณอภิรักษ์ เมื่อหลายคนมีความมั่นใจว่า อาจจะชนะคดีในวันข้างหน้าต่อไป และอาจคิดว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินใจในทางนี้ แต่ที่ คุณอภิรักษ์ ตัดสินใจผมคิดว่าถูกต้อง และเป็นเรื่องที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวกทม.ได้มีโอกาสเลือกผู้บริหารมาใหม่แทนที่จะอยู่กับความไม่แน่นอนเป็นเวลานาน" นายอภิสิทธิ์กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า ทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายหรือไม่ เพราะปชป.ทำให้ประชาชนต้องเลือกตั้งใหม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราคงต้องเรียนอย่างตรงไปตรงมา ในวันที่เราตัดสินใจส่ง นายอภิรักษ์ นั้น เป็นวันที่เราได้รับข่าวสารอย่างชัดเจนว่าทางอนุฯคตส. เห็นว่า นายอภิรักษ์ ไม่ผิด และคงจะไม่เป็นธรรมนัก ถ้าหากในสถานะล่าสุดเช่นนั้น จะปิดโอกาสนายอภิรักษ์ และคิดว่า การเลือกตั้งเป็นที่ทราบทั่วกันว่าประชาชนให้ความไว้วางใจ นายอภิรักษ์ ซึ่งเราเสียใจที่เหตุการณ์นี้ต้องมาเกิดขึ้น แต่อนาคตเป็นเรื่องที่ชาว กทม.ต้องตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง      

 

ที่ห้องผู้สื่อข่าว ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่านายอภิรักษ์ ควรจะลาออก เพราะเป็นเรื่องที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดออกมาแล้ว และตนเชื่อว่านายอภิรักษ์ จะลาออกเอง เพื่อทำให้การเมืองดีขึ้นและอย่าเอาแบบอย่างจากรัฐบาล  ดังนั้นก่อนจะแต่งตั้งใคร จึงควรจะต้องตรวจสอบให้ดีว่าไม่มีคดีอะไรติดตัว

 

ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กล่าวแสดงความเสียใจกับ นายอภิรักษ์ ที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญา พร้อมระบุว่าเคยเตือนนายอภิรักษ์แล้วว่า ไม่เหมาะสมที่จะลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ต่ออีกสมัย เพราะยังติดปัญหาคดีดังกล่าว ซึ่งจะทำให้เสียงบประมาณในการเลือกตั้งหากถูกชี้มูลความผิด ส่วนปชป. โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ก็ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วย โดยต้องขอโทษประชาชน เพราะเป็นผู้ที่มาค้ำประกันว่านายอภิรักษ์ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตการจัดซื้อรถ เรือและอุปกรณ์ดับเพลิง ขณะเดียวกันเงินที่ใช้ในการจัดการเลือกตั้งจำนวน 150 ล้าน ซึ่งหากนายอภิรักษ์ ประกาศลาออกจริงทางปชป.ก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับอนาคตทางการเมืองของตนนั้น เบื้องต้นต้องมีความชัดเจนว่านายอภิรักษ์ จะดำเนินการอย่างไร แต่ที่คิดไว้หากจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะร่วมมือกับนายประภัสร์ จงสวงน อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.เพื่อเพิ่มโอกาสการได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ต้องคุยกันให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯโดยมีข้อแม้ว่านายประภัสร์จะต้องลงสมัครในนามอิสระ เพราะตนจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับพปช.แน่นอน เพราะหากแยกกันลงก็คงแพ้อีกเช่นเดิม

 

นายวิชา มหาคุณ ป.ป.ช.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน กล่าวถึงการลงมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียงในคดีรถ-เรือดับเพลิง ของกทม.ว่า เรื่องนี้ยืดเยื้อยาวนาน และวันก่อนก็พิจารณายาวมากกว่าจะชี้แจงข้อเท็จจริงได้ เอกสารมีกล่องใหญ่ โดยป.ป.ช.ทุกท่านๆได้ทำการบ้านกันมาอย่างละเอียด

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มติสวนทางและแย้งกับคตส.ที่ทำสำนวนมาแต่แรก โดยเฉพาะประเด็นนายอภิรักษ์  ที่ชั้นคตส.ไม่โดน แต่เมื่อมาถึงมือป.ป.ช. ความแตกต่างและหลักคิดคืออะไร นายวิชา กล่าวว่า อย่าพูดว่าเป็นคตส. เป็นอนุคตส.ชุดนายนาม ยิ้มแย้ม ที่มาเป็นแทนนายประเสริฐ บุญศรี ที่ลาออกไปเพราะขัดแย้งเรื่องจะให้นายอภิรักษ์ ถูกกล่าวหาหรือไม่ มันค้างอยู่ในอนุฯคตส. ที่ลงนามกันไม่ครบ มีความเห็นที่แตกต่าง แต่โน้มเอียงมาทางนายอภิรักษ์ ที่ชี้แจงปกป้องตัวเองว่าได้ระงับการเปิดแอลซีหลายครั้ง

 

เมื่อถามว่า นี่เป็นคดีที่ 2 ที่มีความเห็นแตกต่างระหว่างคตส.-กับป.ป.ช. อย่างคดีซีทีเอ็กซ์ ที่คตส.ชี้มูลแล้ว แต่หมดอายุก่อน จึงส่งสำนวนมายังป.ป.ช. นายวิชา กล่าวว่า เรื่องนั้นอัยการเห็นแย้งกับคตส. ป.ป.ช.ต้องเข้าไปรับช่วงต่อ เพราะอัยการแย้งว่า หลักฐานบางอย่างไม่ครบถ้วน อัยการแย้งแต่ตีกลับไปที่คตส.ไม่ได้ เพราะหมดอายุแล้ว จึงต้องส่งมาที่ป.ป.ช. และตนทราบจากสื่อว่า มีความขัดแย้งในคณะทำงานร่วม ตัวแทนคตส.-ตัวแทนสตง.ที่ตบเท้าลาออก ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ทราบรายละเอียด

 

ต่อมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคและ สส.กทม. เป็นหนึ่งในตัวเลือกของพรรคที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แทนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ซึ่งประกาศลาออกแล้ว

 

นายกรณ์ กล่าวว่า หากพรรคมีมติให้ลงสมัครก็พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.   ซึ่งทางพรรคจะหารือกันในเร็วๆ นี้

 

ส่วนนายประภัสร์ จงสงวน  ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคพลังประชาชน และได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 กล่าวว่า พร้อมจะลงชิงชัยอีกรอบ แต่ต้องหารือกับพรรคก่อน

 

นายยศศักดิ์ คงมาก ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน กทม. กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งจะจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน ในเบื้องต้น กทม.เตรียมกำหนดวันรับสมัครไว้ระหว่างวันที่ 26-30 พ.ย. หรือ 1-5 ธ.ค.นี้ และคาดว่าจะกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค. 2552

 

นายพิงค์ รุ่งสมัย ประธาน กกต.กทม. กล่าวว่า แม้นายอภิรักษ์จะลาออกแล้ว แต่ยังมีเรื่องร้องเรียนค้างอยู่ 4 เรื่อง หากพบว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนายอภิรักษ์อาจจะถูกใบแดง ซึ่งนอกจากถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแล้ว ต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าจัดการเลือกตั้งใหม่ 154 ล้านบาทด้วย

 

 

เรียบเรียงจาก : พิมพ์ไทยและโพสต์ทูเดย์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท