Skip to main content
sharethis

นายกฯ ขอบคุณประชาชน เข้าร่วมพระราชพิธีฯ


เว็บไซต์เดลินิวส์ : นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการจัดงานพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพฯว่า ต้องขอขอบคุณประชาชน โดยเมื่อคืนวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังเสร็จพระราชพิธีส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ประมาณตีหนึ่งกว่า ๆ บริเวณถนนราชดำเนิน ประชาชนก็ยังอยู่กันเนืองแน่น ก็ภาคภูมิใจ ที่เห็นว่าทุกคนใจจดใจจ่อ ร่วมกันถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระพี่นางฯ ทุกคนอยากจะมีส่วนร่วม สำหรับการจัดงานส่งเสด็จฯ มีการจัดงานทั่วประเทศ และมีการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คนไทยคิดอย่างไร ตนถึงได้บอกว่า เรื่องความจงรักภักดีและการเทิดทูนนั้น อยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคน งานครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นชัดเจน


 



 "การจัดงานทั้งหมดเท่าที่ดูแล้ว แม้พระราชพิธียังไม่จบสิ้น แต่งานทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ทุกอย่างจัดได้อย่างสมพระเกียรติ ถือเป็นความร่วมมือของทุก ๆ คน รวมทั้งการที่ประชาชนเดินทางกันมาเพื่อถวายดอกไม้จันทน์ ก็ต้องขอบคุณทุกฝ่าย ทั้งคณะกรรมการจัดงาน ที่ได้ร่วมกันจัดงานมาตั้งแต่ต้น ถึงวันนี้ทุกคนก็หายเหนื่อย รวมทั้งฝ่ายจัดริ้วขบวน ที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้นำกำลังพลมาเดินในริ้วขบวน ทำให้งานยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ต้องขอบคุณทุกท่านในการถวายความจงรักภักดีและถวายพระเกียรติแด่พระองค์ท่าน" นายสมชายกล่าว


 


 


เปิดให้ชมความงามพระเมรุ


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ : นายประวิทย์บุญมี ผู้อำนวยการฝ่ายเกษตร สำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริกล่าวถึงการชมความงามของพระเมรุ และไม้ดอกไม้ประดับโดยรอบ ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ว่า จะมีการเปิดนิทรรศการ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในระหว่างวันที่18-30 พ.ย.นี้ให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมความงามของพระเมรุ และภูมิทัศน์โดยรอบ โดยทั้งในระหว่างงานนิทรรศการและระหว่างนี้ขอความร่วมมือประชาชนที่ชมความ งาม ช่วยกันดูแลรักษาพื้นที่รอบสนามหลวง อย่าได้หยิบ เด็ด ดึง จับ ถอน ดอกไม้ และไม้ประดับอื่นๆ


 



ผู้อำนวยการฝ่ายเกษตร สำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง กล่าวต่อว่า หากจะถ่ายรูปก็ขออย่าได้เข้าไปนั่งหรือดึงดอกไม้ตามสนามหญ้าเพื่อให้ความสวย งามดังกล่าวยังคงทน และให้คนที่มาภายหลังไปรับชมความสวยงามที่เท่าเทียมเหมือนวันแรก ไม่ใช่นานวันความงดงามลดลง ส่วนการแจกดอกไม้ในมณฑลพิธีนั้น จะดำเนินการหลังเสร็จสิ้นการจัดงานนิทรรศการในวันที่ 30 พ.ย.นี้เท่านั้น


 


 


คอนเฟิร์มทักษิณหย่าขาดพจมานแฉหนียึดทรัพย์


บ้านเมือง : นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ข่าวการหย่าร้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ตนได้ตรวจสอบแล้วว่า เป็นเรื่องจริง ส่วนสถานที่ที่ทำเรื่องหย่า หรือเหตุผลนั้น ตนไม่ทราบ เนื่องจากถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีการหย่ากันจริง ก็ไม่มีผลทางคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกดำเนินคดีในประเทศไทย


 


 


หนี้บัตรเครดิตส.ส.ยังไม่เข้าที่ประชุม


น.ส.สมลักษณ์จัดกระบวนพล กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบส.ส.ร่วม 200 คน ที่มีบัตรเครดิต แต่ไม่แจ้งหนี้สินบัตรเครดิตในวันเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งอาจถือว่าปกปิดบัญชีทรัพย์สินในเรื่องเงินเบิกเกินบัญชีหรือไม่ว่า หนังสือดังกล่าว ยังไม่เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพียงแต่หยิบยกมาคุยกันบ้าง เพราะเป็นข่าวออกทางสื่อมวลชน คณะกรรมการจึงยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ในความเห็นส่วนตัว มองว่า กรณีนี้เป็นเรื่องหยุมหยิม ยกเว้นเสียแต่มีเจตนาใช้บัตรเครดิตในทางไม่ชอบ เช่น ให้คนอื่นนำไปซื้อสินค้าราคาแพง อย่างรถยนต์ เป็นการต่างตอบแทน หรือ มีเจตนาทุจริตในการใช้บัตร เพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับเงิน แต่ถ้าเป็น เรื่องหนี้บัตรเครดิต ต้องแจ้งทั้งหมด มันจะเดือดร้อนกันไปหมด เพราะใครๆ ก็มีบัตรเครดิต ใช้แล้วก็จ่ายคืนเป็นปกติ แม้แต่กรรมการป.ป.ช. ก็มี ถ้าเทียบกรณีใกล้ๆ กับเรื่องนี้ก็ คือ กรณีที่นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่แจ้งว่า มีหุ้นส่วน ในสหกรณ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเรื่องนี้ นายชวน ไม่ได้มีเจตนาปกปิด แต่ลืม


 


น.ส.สมลักษณ์ กล่าวว่า ถ้ามีการนำคำร้องเข้าที่ประชุม ป.ป.ช.ก็ต้องนำมาตีความกันว่าเข้าลักษณะการปกปิดหนี้สินเบิกเกินบัญชีหรือไม่ แต่ส่วนตัวแล้ว เห็นว่าต้องมองเจตนา ว่ามีความทุจริตหรือไม่เท่านั้น และเมื่อได้ผลการพิจารณา จึงจะแจ้งให้ผู้ร้อง คือ นายเรืองไกร ทราบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งที่สำคัญคือ เราต้องพิจารณาประเด็นที่ว่า ในคำร้องมีข้อมูลอะไรเป็นพิเศษ เกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิตในทางไม่ชอบหรือไม่ ถ้ามีการตีความว่า การไม่แจ้งหนี้บัตรเครดิต ถือเป็นการปกปิดบัญชีทรัพย์สินในส่วนของหนี้เบิกเกินบัญชี แล้วเกิดมาตรฐานใหม่ มันก็ต้องเป็นไปตามมติที่ประชุม


 


 


โพลชี้รัฐบาลไร้ธรรมาภิบาล เผย 81.9% เชื่อเวรกรรมมีจริง


ผู้จัดการรายวัน : ศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์ และวิจัยความสุขชุมชน (ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน) มหาวิทยาลัยอัชสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจความสุขมวลรวมของคนไทย ประจำเดือน ต.ค - ต้นเดือนพ.ย. 51 พบว่า ความสุขมวลรวมของคนไทยลดลงต่ำสุด ตั้งแต่เคยทำวิจัยความสุขมาในรอบ 34 เดือน โดยดัชนีความสุขมวลรวมในผลวิจัยครั้งนี้อยู่ที่ 4.84 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ลดลงจาก 5.64 ในการสำรวจช่วงเดือนก.ย. ที่ผ่านมา


 


นายนพดล กรรณิกา ผ.อ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ความสุขของประชาชนลดต่ำลงในทุกภูมิภาค และต่ำสุดในรอบ 34 เดือน คือ ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายทางการเมือง จนมีเหตุทำให้ประชาชนคนไทยด้วยกันบาดเจ็บล้มตาย ปัญหาหลักธรรมาภิบาลของรัฐบาล ปัญหาจริยธรรมทางการเมืองของนักการเมือง และปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน ส่งผลทำให้เกิดความเครียดสะสมในกลุ่มประชาชนทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับชั้นของสังคม


 


ทั้งนี้ ประชาชนเกินกว่าครึ่ง หรือ 56.9% เห็นว่ารัฐบาลมีปัญหาด้านหลักธรรมาภิบาล เช่น ไม่มีความสง่างาม ไม่ชอบธรรม มีปัญหาด้านจริยธรรมทางการเมือง มีความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชนต่อรัฐบาล และผลประเมินความสุขมวลรวมในคนกลุ่มนี้ พบว่ามีความสุขมวลรวมเพียง 4.60 เท่านั้น


 


ขณะที่ประชาชน 43.1% เห็นว่ารัฐบาลไม่มีปัญหาด้านหลักธรรมาภิบาล เพราะยังคงมีความสง่างาม มีความชอบธรรมอยู่ และผลวิจัยพบว่า ประชาชนกลุ่มนี้มีความสุขสูงกว่า คือมีความสุขอยู่ที่ 5.1


 


ผลสำรวจยังพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 81.9 % ระบุว่า เมื่อมองสถานการณ์การเมืองปัจจุบันที่นักการเมืองโฏงต้องประสบวิบากกรรมแล้ว ทำให้มีความเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษเพิ่มมากขึ้น และความสุขมวลรวมของคนกลุ่มนี้อยู่ที่ 4.85 ในขณะที่ประชาชน 18.1% กลับมีความเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษลดน้อยลง แต่ความสุขมวลรวมของคนกลุ่มนี้มีค่าเฉลี่ยน้อยกว่าคนกลุ่มแรกคืออยู่ที่ 4.67


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงความหวังต่อความปรองดองของคนในชาติหลังจากติดตามข่าวการเตรียมงานการซ้อม และงานพระราชพิธีต่างๆ แล้ว พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 71.2% มีความหวังต่อความปรองดองของคนในชาติ ขณะที่ 28.8% ไม่มีความหวัง


 


ทั้งนี้ ผลการจัด 3 อันดับ ของสิ่งที่จะช่วยทำให้ความสุขมวลรวมของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น อันดับแรก คือ ประชาชนคนไทยทุกคนปฏิบัติตนด้วยความรักความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รองลงมา คือ ทุกกลุ่มทุกฝ่ายหันหน้าจับมือกันต่อหน้าสาธารณชน ช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง และอันดับที่สาม ทุกฝ่ายทุกคนเคารพและยอมรับกระบวนการยุติธรรมตามตัวบทกฎหมาย


 


ผลการสำรวจดังกล่าว มาจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 18 จังหวัด ของประเทศ คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี เชียงใหม่ ลำพูน นครสวรรค์ ปราจีนบุรี ระยอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครพนม สกลนคร ศรีสะเกษ นครราชสีมา อุบลราชธานี กระบี่ และสุราษฎร์ธานี จำนวนทั้งสิ้น 5,267 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 2 - 15 พ.ย.51


 


 


เลือกตั้งผ่านเครื่องเกิดยาก เหตุนักการเมืองไม่ยอมรับ


ผู้จัดการรายวัน : นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า หลังจากที่ กกต.ได้มีมติตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพัฒนารายละเอียดในการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ จะมีคนนอกทั้งอาจารย์ระดับมาหวิทยาลัย ทั้งในส่วนสมาคมการพิมพ์แห่งประเทศไทย และตัวแทนจากโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยของสุโขทัยธรรมาธิราช ที่มีความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการพิมพ์ ก็ได้มีการระดมความคิดเห็นในส่วนของปัญหาการพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ซึ่งเห็นตรงกันว่า มาตรฐานในการกำหนดเรื่องของความปลอดภัยในเรื่องของการปลอมแปลงนั้นต้องคงไว้เหมือนเดิม และควรที่จะให้อยู่ในระดับกลาง และหลายโรงพิมพ์ทำได้ เพื่อเปิดทางให้กับบริษัทที่พอมีศักยภาพได้เข้ามาร่วมประกวดราคาแข่งขันด้วย ทั้งภาครัฐและเอกชน เชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องของบัตรเลือกตั้งอีกแล้ว


 


ทั้งนี้ คณะทำงานชุดนี้ยังเหลือการประชุมอีก 1 ครั้งก่อนที่จะนำเสนอเข้าที่ประชุม กกต.เพื่อให้การเห็นชอบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า กกต.จะเห็นชอบกับแนวทางในการที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในเรื่องของการพิมพ์ วิธีการและรูปแบบ ตามคณะกรรมการชุดจัดทำนี้หรือไม่


 


นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า ตนมองระบบแบบจีทูจี (รัฐต่อรัฐ) เป็นวิธีที่น่าจะดี เพราะจะมีปัญหาเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างเหมือนอย่างที่ผ่านมา ซึ่งตนก็คิดว่า กกต.ก็น่าจะเห็นด้วยกับวิธีนี้ แต่ก็อีกนั่นแหละ ก็อาจจะมีคนมองว่า ถ้าให้รัฐทำก็จะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายรัฐบาล ทำให้ถูกล่าวหาว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งอีก แต่เราก็จะทำให้ดีที่สุด ทั้งที่ใจจริงแล้วอยากใช้เครื่องอิเลกทรอนิกมาใช้กับการเลือกตั้ง เพราะจะได้ประหยัดทั้งงบประมาณ ไม่มีปัญหาเรื่องการขนหีบบัตรเลือกตั้ง ทราบผลคะแนนเร็ว


 


"ถ้าผมเสนอไปตอนนี้ รับรองกกต.ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน เพราะว่าสถานการณ์บ้านเมืองเรายังไม่เชื่อใจกัน และกันกกต.เองก็ต้องใช้เวลาในการสร้างกู้ศรัทธาคืนมา ที่ผ่านมา เราก็พยายามกู้ศรัทธา แต่มันมีประเด็นทางการเมืองที่พยายามทำลายความน่าเชื่อถือของเรา นอกจากนี้ตนมองว่า ในบางครั้งนักการเมือง แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคน เขาคุ้นเคยกับระบบการโกงโดยใช้บัตรเลือกตั้ง มันมีกลยุทธในการโกงการเลือกตั้งโดยวิธีแบบเก่า" นายสุทธิพล กล่าว


 


นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า ตนมีความคิดว่า ถ้าเราจะแก้เราต้องมีการพัฒนาเรื่องของวิธีการจัดการเลือกตั้งแบบใหม่ และมีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลาทำให้คนที่เขาจะโกงนั้นกว่าจะโกงได้ก็ต้องใช้เวลาบ้างในการโกง ขณะนี้คัมภีร์ในโกงการเลือกตั้งนั้นมันสมบูรณ์แล้ว เพราะมันพัฒนาใช้ระบบเดียวกันมาหลาย 10 ปี ถ้าเรามีการพัฒนาระบบว่า เขาจะมีการปรับปรุงอะไรขึ้นมา เทคนิกในการโกงเขาต้องใช้ระยะเวลา เพราะฉะนั้นนักการเมืองหลายคนเขาไม่เห็นด้วย ถ้าใช้เครื่องหรือเทคนิคเข้ามาเขาต้องศึกษาแล้วต้องคิดค้นกลยุทธในการโกง ดังนั้นเขาก็ต้องใช้เวลา


 


อย่างไรก็ตาม ในสภาวะแบบนี้ ตนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เดินหน้าในเรื่องการที่จะใช้เครื่องอิเลกทรอนิก กำหนดแผนงาน ใช้ในสถานศึกษา ใครมีเลือกตั้งที่ไหนก็จะนำเครื่องนี้ไปให้ทดลองใช้ ในอนาคตก็จะให้นักการเมืองเขาเข้ามามีส่วนใช้ เช่น หากพรรคการเมืองจะเลือกกรรมการบริหารพรรค กกต. ก็ส่งเครื่องไปให้ทดลองใช้ และก็อาจจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาพัฒนาระบบการลงคะแนนเลือกตั้ง ให้มีความทันสมัยและเป็นที่น่าเชื่อ โดยอาจจะเชิญให้นักการเมืองเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ตนว่าไม่นานเกินรอก็อาจะมีเครื่องลงคะแนนอิเลกทรอนิกมาใช้กัน


 


เมื่อถามว่า จะเห็นได้ใช้ใน กกต.ชุดนี้หรือไม่ นายสุทธิพล กล่าวว่า ตอนนี้กฎหมายเรายังไม่เปิดช่องให้ใช้เครื่องลงคะแนน เพราะว่าตามกฎหมายจะต้องลงโดยใช้บัตร ซึ่งก็ต้องมาแก้กฎหมายและต้องกำหนดว่า การลงคะแนนโดยการใช้บัตรเลือกตั้ง หรือโดยวิธีการอื่น ตามที่กกต.กำหนด แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไปถึงสภาแล้วจะเห็นด้วยกับเราหรือไม่อีก อย่างไรก็ตาม ในประเทศอื่นเขาก็มีการลงคะแนนโดยใช้เครื่องอิเลกทรอนิกกัน เช่นที่ตนเคยไปที่รัฐเซีย ก็มีการใช้ทั้งบัตรเลือกตั้ง และเครื่องอิเลกทรอนิก เขาได้มีการกำหนดโซนเท่านั้น ซึ่งตนก็เห็นว่าในประเทศไทยก็น่าที่จะดำเนินการได้ในบางจังหวัด หรือบางโซนที่พร้อม เช่น ในกทม. แถวสีลม อย่างนี้เป็นต้น แต่ทั้งนี้เพื่อให้ได้การยอมรับ ก็ต้องให้ผู้สมัครเขาเห็นชอบด้วยหากมีการดำเนินการ


 


 


ปชป.เตรียมดัน"พรวุฒิ"ถ้า"กรณ์"ปัดสู้ศึกผู้ว่าฯกทม.


เว็บไซต์คมชัดลึก : ปชป.เตรียมดัน พรวุฒิ เสียบผู้สมัครผู้ว่ากทม. หาก"กรณ์ ปฏิเสธด้านโฆษกพรรค ระบุ การเฟ้นหาตัวผู้เหมาะสมต้องคำถึงความรู้สึกคน กทม. ยอมรับเคยหารือกับ"ภูษณะ-วิกรม" "สุเทพ"ยันปชป.เลือกคนที่ดีที่สุดชิงผู้ว่าฯกทม.


 



นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.สัดส่วนและโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการเฟ้นหาตัวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ว่าขณะนี้ พรรคยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะส่งใครลงรับสมัครเลือกตั้ง ส่วนที่มีชื่อบุคคลต่าง ๆ ปรากฏออกมา ล้วนมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงาน เป็นผู้ว่าฯกทม.ได้โดยพรรคคำนึงทั้งความรู้ความสามารถ ทั้งคนในและคนนอกที่อุดมการณ์และแนวคิดที่สอดคล้องกับพรรค ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ เปิดกว้างให้สำหรับทุกคน ที่จะเข้ามาดำเนินกิจกรรมทางการเมือง


 



ส่วนจะตัดสินใจสินใจส่งลงรับเลือกตั้งนั้นพรรคได้ตระหนักถึงความรู้สึกของประชาชนชาวกทม. โดยระหว่างนี้ได้มอบหมายให้ส.ส. ส.ก. และส.ข. รวมถึงสาขาของพรรคไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนกทม.ว่าใครจะเหมาะสม ซึ่งมาตราฐานในการเลือกผู้ว่าฯกทม.ประชาธิปัตย์จะไม่น้อยหน้ากว่านายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ได้รับเลือกถึง2 ครั้ง


 



นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า ที่ผ่านมาในการเฟ้นหาตัวผู้สมัครของพรรค ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนในเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคได้มีการพูดคุยกับนายภูษณะ ตรีมาโนช ประธานสถาบันนโยบายสัมคมและเศรษฐกิจ ซึ่งการพูดคุยกับคนนอกได้เคยเกิดขึ้นมาตลอด ก่อนที่นายอภิรักษ์จะรับปากว่าจะสมัครในนามพรรคก็เคยเป็นคนนอกมาก่อน ดังนั้น พรรคจะยึดตามแนวทางเดิม คือ หาทั้งคนนอกคนในที่มีความเหมาะสมที่สุด เพื่อที่จะมาเป็นผู้นำผู้บริหารกทม.ได้


 



ทั้งนี้ยอมรับว่า ขณะนี้พรรคได้มีการพูดคุยหลายคน รวมทั้งนายวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้บริหารอมตะนครกรุ๊ป ซึ่งนายวิกรม ก็ได้เสนอความคิดเห็นต่อปัญหาเศรษฐกิจ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ถือว่า เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ประชาชนให้การยอมรับ เมื่อมีผู้เสนอตัวเข้ามาพรรคก็พร้อมที่จะยอมรับฟัง เพื่อเลือกบุคคลให้เหมาะสมกับกทม.


 



มีรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ระดับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ยังให้น้ำหนักผู้ที่จะสมัครผู้ว่าฯกทม.ครั้งต่อไปมากที่สุดคือนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค โดยเมื่อ 4 ปีก่อนในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค สมัยเป็นรองหัวหน้าพรรค ได้ไปทาบทาม 2 คนคือนายกรณ์และนายอภิรักษ์ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บริหารในบริษัทเอกชน โดยเห็นว่า ทั้งคู่มีความเหมาะสมเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ ในการบริหารกทม. ซึ่งในช่วงนั้นนายอภิรักษ์จังหวะเหมาะสมมากกกว่า เพราะอยู่ในช่วงว่างของตำแหน่งผู้บริหาร พรรคจึงได้ตัดสินใจเลือกนายอภิรักษ์ และให้นายกรณ์เข้ามาลงสมัครการเมืองระดับชาติภายหลัง ดังนั้นตัวเลือกที่น่าจะเหมาะสมที่สุดคือนายกรณ์


 



ข่าวแจ้งด้วยว่านายอภิสิทธิ์ ได้มีการเจรจากับ นายกรณ์ อีกครั้งเพื่อให้มาลงสมัครผู้ว่าฯกทม.หลังมีกระแสข่าวว่านายกรณ์จะปฏิเสธ ซึ่งขณะนี้มีความเป็นไปได้สูง ที่นายกรณ์ จะปฏิเสธการลงสมัครผู้ว่านกทม. เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นในพรรค เนื่องจากมีสมาชิกพรรคบางส่วนคัดค้าน


 



อย่างไรก็ตามหาก นายกรณ์ปฏิเสธ พรรคก็ได้มองหาผู้ที่เหมาะสมอีกคนคือนายพรวุฒิ สารสิน ที่ปรึกษานายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ อีกทั้งยังเป็นอดีตผู้บริหารมือหนึ่งของบริษัทเอกชนมาก่อน รวมทั้งเคยเป็นอดีตส.ส.ของพรรคซึ่งมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับนายอภิรักษ์ ที่สำคัญนายพรวุฒิได้เคยทำงานร่วมกับนายอภิสิทธิ์ในการเป็นตัวกลางในการเจรจา ให้นายกรณ์และนายอภิรักษ์ เข้ามาร่วมงานทางการเมืองกับพรรค


 



รายงานแจ้งว่าขณะนี้ รอเพียงการตัดสินใจจาก นายกรณ์ กับ นายพรวุฒิ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ทั้งนี้ในเรื่องของตัวบุคคลพรรคจะนำเข้าไปร่วมการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธานอีกครั้ง



 


ระดมสมองตัดสินรถไฟฟ้าสีเขียว


เดลินิวส์ : นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 17 พ.ย.นี้ ได้เชิญ รมว.กระทรวงคมนาคม มหาดไทย ทรัพยากรธรรมชาติฯ ปลัดกรุงเทพมหานคร เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาหารือเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนขยายเส้นทาง (หมอชิต-สะพานใหม่) และเส้นทาง แบริ่ง-สมุทรปราการ รวมมูลค่า 31,577 ล้านบาท เพื่อพิจารณาร่วมกันว่าจะให้ใครเป็นผู้ดำเนินการระหว่างกระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานคร


 


ทั้งนี้ต้องยอมรับว่ารถไฟฟ้าสายนี้มีประวัติศาสตร์โดย กทม. ได้เข้ามารับหน้าที่ดำเนินการในบางช่วง คือเส้นทางที่ข้ามสะพานตากสินไปแล้ว และเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังแบริ่ง


 


"ในฐานะที่ รมว.หลายคนได้มอบหมายให้เป็นคนกลางเพื่อเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหา จึงต้องสอบถามความคิดเห็นของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นผู้ตัดสินใจในฐานะการเมือง และทั้งหมดต้องเสนอให้ ครม.ลงมติให้ชัดเจน"


 


 


จับ 10 ผู้ต้องสงสัยบึ้มสุคิริน


ผู้จัดการรายวัน : พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข ผบก.ภ.จ.นราธิวาส กล่าวถึงความคืบหน้า คดีคนร้ายซุกระเบิดในรถยนต์เก๋ง และในรถจักรยานยนต์ แล้วนำไปจอดหน้าศาลาอเนกประสงค์ ที่ตั้งอยู่หน้าที่ว่าการ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส จากนั้นได้กดโทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิด ทำให้ปลัดอำเภอ, กำนัน, สารวัตรกำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บ 80 คน เหตุเกิดวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่าล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ได้แล้ว 10 คน


 


ทั้งนี้ ผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวได้ทั้ง 10 คน แยกเป็นผู้ต้องหา ตาม ป.วิอาญา 1 คน 8 คน จับกุมตามหมายจับที่ออกโดย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ  รายงานแจ้งว่า นายตูรีดี มะดง อายุ 24 ปี ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดในรถยนต์เก๋ง และรถจักรยานยนต์ ทั้ง 2 คัน จนเกิดเหตุระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากดังกล่าว และแยกเป็นผู้ต้องหาตามกฎอัยการศึก 1 คน คือนายมะเย็ง พาซอ อายุ 35 ปีบ้านเลขที่ 165 หมู่ 2 ต.จะแนะอ.จะแนะ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีการสอบสวน ดำเนินคดี และสอบขยายผลต่อไป


 


 


พลทหารโชคร้ายเหยียบกับระเบิด ใกล้ปราสาทพระวิหาร ตายคาที่


เว็บไซต์แนว : มีรายงานข่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พลทหารวีรยุทธ แก่นสาร อายุ 20 ปี สังกัด ร.พัน. 2 ตำแหน่งพลกระสุนร้อยสนับสนุนการรบ ร. 6 พัน 2 จังหวัดร้อยเอ็ด ได้เหยียบกับระเบิดเสียชีวิต ขณะออกลาดตระเวนในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ตำบลรุง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ห่างจากปราสาทพระวิหาร ไปทางด้านทิศเหนือ ประมาณ 3 กิโลเมตร และอยู่ห่างจาก สถานีตำรวจภูธรโดนเอาว์ ประมาณ 3 กิโลเมตร ส่วนกับระเบิดที่คร่าชีวิตของพลทหารวีรยุทธอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด


 


 


อิหร่านร้องโอเปกลดกำลังผลิตลงอีก


เว็บไซต์สยามรัฐ : เตหะราน - นายโมฮาหมัด อาลี คราทิบี ผู้ว่าการด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปกแห่งอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านจะเสนอให้โอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 1-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังการประชุมที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ในเดือนนี้ เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้ปริมาณความต้องการบริโภคน้ำมันในตลาดปรับตัวลดลง  จนทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยพุ่งแตะระดับสูงสุด 147 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เมื่อเดือนก.ค. จนกระทั่ง ลดลงมาอยู่ในระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลเมื่อเดือนที่แล้ว


 



ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 ต.ค. โอเปกได้ตัดสินใจลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น


 


ล่าสุดราคาน้ำมันปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.2 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาปิดที่ 57.04 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล  ที่ตลาดเบรนท์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 2.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 54.24 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล


 


 


หวั่นพิษหวัดนกมาเลเซียระงับนำเข้าไก่จากไทย


เดลินิวส์ : สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า นายมุสตาฟา โมฮัมเหม็ด รมว.เกษตรของ     มาเลเซียให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์นิว สเตรท ไทมส์ฉบับวันเสาร์ว่า รัฐบาลมาเลเซียได้สั่ง   ระงับชั่วคราวสำหรับการนำเข้าไก่จากประเทศไทย เพราะเกรงเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โดยอาจมีการลักลอบนำเข้ามาบริเวณชายแดนไทยมาเลเซีย จึงต้องเข้มงวดในเรื่องนี้ แต่    คำสั่งห้ามนี้จะยกเลิกไปในทันทีที่สถานการณ์ในประเทศไทยกลับคืนสู่สภาพปกติ รมว.เกษตรมาเลเซียกล่าวในที่สุด


 


ด้านนพ.สุเทพ วัชรปิยานันท์ สาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จากการตรวจสอบ ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดสงขลา ยังไม่พบในพื้นที่  มีไก่ติดเชื้อไข้หวัดนกแต่อย่างใด แต่เพื่อความ ไม่ประมาท สาธารณสุขได้ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด  ทำการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจ  สอบกับเจ้าหน้าที่ด่านพรมแดน อ.สะเดา ทั้ง   ที่ด่านบ้านจังโหลน และที่ด่านปาดังเบซาร์ พบ ว่าเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจทั้ง 2 แห่ง ของประเทศมาเลเซีย ได้ทำการตรวจสินค้าที่ซื้อ   ไปจากประเทศไทยอย่างเข้มงวด เพื่อมิให้ประชาชนนำไก่สดจากตลาดฝั่งไทยเข้าไปในประเทศ รวมทั้งมีการปิดประกาศเป็นภาษาอังกฤษ เตือนประชาชนให้ระวังการติดเชื้อโรคไข้หวัดนกทั้งสองด่าน


 


สำหรับในตลาดสดหาดใหญ่ และศูนย์การค้าต่าง ๆ ใน จ.สงขลา พบว่าประชาชนทั่วไปยังไม่ตื่นตระหนกกับข่าวไข้หวัดนกแต่อย่างใด ประชาชนยังคงซื้อไก่ไปบริโภคตามปกติ โดยแม่ค้าในตลาดสดหาดใหญ่เปิดเผยว่า ประชาชนยังไม่มีใครถามถึงเรื่องไข้หวัดนก และยังคงซื้อไก่ไปบริโภคตามปกติ


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net