Skip to main content
sharethis



เว็บไซต์ข่าวเดลินิวส์ รายงานว่า เมื่อเวลา 14.25 น. วันนี้(25 พ.ย.) ที่รัฐสภา พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น ส.ส. ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ต้องขอโทษหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และสมาชิกพรรคทุกคน ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งกับทางพรรค เพราะได้แจ้งให้นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เลขาธิการพรรค เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้ง2 คนก็เข้าใจ ตนตั้งใจจะทำงานให้บ้านเมือง แต่การทำงานในระบบรัฐสภาไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติได้

 


สาเหตุที่ตัดสินใจลาออก เพราะ 1.รู้สึกสะเทือนใจต่อการเสียดินแดนของไทยกรณีเขาประวิหาร 2.ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ที่บริเวณแยกเกียกกาย 3.ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550


 


พล.ต.มนูญกฤต กล่าวต่อว่า สภาควรจะเป็นที่แก้ปัญหาของประชาชนแต่วันนี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้เลย รัฐบาลก็แก้ปัญหาไม่ได้ จึงคิดว่าการลาออกของตนไม่กระทบใครเพราะเป็น ส.ส.ระบบสัดส่วน สามารถเลื่อนคนลำดับถัดไปมาทำหน้าที่แทนได้ ไม่ต้องเสียเงิน ทั้งนี้ตนมองว่าสภาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะมีแต่ความขัดแย้ง ประชาชนไม่ยอมรับโครงสร้าง จึงเกิดปัญหาซ้ำซากสะสมเหมือนฟอสซิล และปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ที่สภา จู่ๆก็จะมาแก้รัฐธรรมนูญ จึงมีผู้ชุมนุมมาปิดล้อม ทำให้ประชุมสภาไม่ได้ ตนจึงคิดว่าไม่ควรอยู่ทำหน้าที่ต่อไปและถ้าสภายังไม่ปรับปรุงแก้ไข ประเทศชาติก็ไปไม่รอดแน่ วันนี้ คนแตกแตกเป็นเสื้อแดง เสื้อเหลือง หากรัฐบาลจะปราบก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ แต่จะเป็นรอยร้าวลึกในสังคม สุดท้ายก็จะแพ้ทั้งคู่ และขอพูดไว้ตรงนี้ว่าไม่ว่าฝ่ายใดชนะ จะมีการก่อการร้ายเกิดขึ้นทั่วประเทศถึงสีเหลือชนะ ถามว่าแล้วจะจัดการกลุ่มคนเสื้อแดง ได้หรือไม่ เพราะผู้ถืออำนาจรัฐในขณะนี้คือกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้นจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ถ้าไม่เกิดความปรองดองกัน


 


เมื่อถามว่า จะวางมือจากงานการเมืองไปทำงานด้านอื่นหรือไม่ พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ เป็นหนทางที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสียของทุกฝ่ายและให้ทุกฝ่ายมาปรองดองสามัคคีแก้ปัญหาประเทศร่วมกันโดยการตั้ง "สภาปรองดอง" ที่ให้ประชาชนทุกฝ่ายยอมรับและให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมด้วยรัฐบาลจะลาออกหรือไม่ก็ได้ และรัฐธรรมนูญจะแก้หรือไม่แก้ก็ได้ เพราะขณะนี้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าระบบรัฐสภาไม่สามารถเดินหน้าได้ จึงมีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้ามาสร้างความปรองดอง รัฐบาลและฝ่ายค้านควรจะหันหน้าเข้ามาแก้ไขปัญหา


        


ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะเป็น อดีต จปร.7 มีการนำแนวคิดนี้ไปหารือกับเพื่อนร่วมรุ่น อย่างพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ หรือไม่ พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า ความปรองดองในชาติ ไม่จำเป็นต้องให้ จปร.7 แต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือ ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นบุคคลสำคัญหรือมีชื่อเสียง แต่คนควรจะได้มีส่วนเกี่ยวข้องในครั้งนี้ด้วย เมื่อถามย้ำว่าจะเรียกร้องให้ ส.ส.คนอื่นลาออกด้วยหรือไม่ พล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า ถ้าคนอื่นเข้าใจถึงเหตุผลของตนว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของทางออกของประเทศหรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของประเทศ อย่าคิดว่าตนเป็น ส.ส. แต่คิดว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้น ถามว่าวิกฤตวันนี้ใครแก้ได้ เมื่อถามว่า แล้วจะทิ้งการเมืองไปเลยหรือไม่ พล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า ตอนนี้อายุมากแล้ว เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่  เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ พล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า "ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพแล้ว ยังแข็งแรงดี"


 


ทั้งนี้ พล.ต.มนูญกฤต เป็น ส.ส.แบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มที่ 7 ได้แก่ จ.ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรีและสมุทรสงคราม


 


สำหรับพล.ต.มนูญกฤต ปัจจุบันอายุ 72 ปี อดีตเคยดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 7 หรือที่เรียกว่า "จปร.7" รุ่นเดียวกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)


 


 


…………………………………


หมายเหตุ: แก้ไขข้อมูลเมื่อ 26 พ.ย. 1.30น.


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net