"รักเชียงใหม่ 51" ระดมพลอารักขานายกรัฐมนตรี
วันนี้ (26 พ.ย.51) มีรายงานว่ากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนแนวทางของแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) นำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ประธานที่ปรึกษากลุ่ม รวมตัวกันที่บริเวณถนนหน้าทางเข้าออกท่าอากาศยานเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และตรวจพาหนะที่เข้าออกท่าอากาศยาน ทั้งนี้ ได้ระบุเหตุผลว่า เพื่ออารักขาท่าอากาศยานเชียงใหม่เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเข้าทำการชุมนุมปิดล้อมเหมือนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตลอดจนเพื่อเป็นการเคลียร์ทางให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี หากต้องการจะนำเครื่องบินที่เดินทางกลับจากประเทศเปรู มาลงที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ตามที่มีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่บริเวณท่าอากาศยานเชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการจัดวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบแล้ว
โดยก่อนที่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จะเดินทางมารวมตัวกันที่ถนนภายนอกท่าอากาศยานเชียงใหม่ นายเพชรวรรต พร้อมแกนนำกลุ่มและสมาชิกจำนวนหนึ่ง ได้ไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ที่ศาลากลางจังหวัด ให้มีคำสั่งแต่งตั้งให้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ทำหน้าที่สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ในการอารักขาและดูแลความปลอดภัยสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญต่างๆ ในพื้นที่ โดยนายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าวไว้ แต่ไม่ได้มีการสั่งการใดๆ
ส่วนบรรยากาศที่หน้าท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในเวลา 14.15 น. มีรถบัสของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) แม่เมาะ จ.ลำปาง เข้ามาในบริเวณสนามบิน ทำให้ผู้ชุมนุมติดตามเข้ามา และปิดล้อมรถบัสคันดังกล่าวไว้ ทั้งนี้ คนขับรถบัสได้ชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่ามารับนักข่าว โดยมีเจ้าหน้าที่สนามบินเข้ามาเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมให้อยู่ในความสงบ แต่ในเวลา 14.30 น. รถบัสได้ขับออกไปทางด้านหลังท่าอากาศยานเชียงใหม่ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมขับรถปิกอัพ สองคันตามรถบัสคันดังกล่าวไป
เข้าใจผิดทำร้ายเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000140037
เวลาประมาณ 15.45 น. มีรถตู้โตโยต้าสีบรอนซ์ ป้ายด้านหน้าเขียนชื่อผู้ใช้รถคือ นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ สังกัดสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข้างรถมีโลโก้ศาลรัฐธรรมนูญติดอยู่ปรากฏว่าคนขับรถไม่ยอมให้ตรวจและขับรถหนีไปจอดที่บริเวณคาร์โก้ทำให้กลุ่มรักเชียงใหม่ตามเข้าไปทำร้ายร่างกายมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ นายวินัย ใจดี อายุ 50 ปี และ นายสมพร ทองปานดี อายุ 49 ปี โดยทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บหัวแตก และ นายวินัย แขนหัก เจ้าหน้าที่ได้นำส่งโรงพยาบาลกองบิน 41 แล้ว ส่วนผู้ติดตามในรถตู้อีก 2 คน เป็นผู้หญิงได้หลบหนีเข้าไปในอาคารคาร์โก้ด้วยอาการหวาดกลัวและกล่าวว่ามารอรับผู้เชี่ยวชาญด้านคดีและวิชาการศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ล้อมระมิงค์นิเวศน์ ปะทะเดือด "ทหารเสือพระราชา"
จากนั้นได้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้แบ่งกำลังคน โดยส่วนใหญ่ให้อยู่ที่หน้าท่าอากาศยานเชียงใหม่เพื่อปกป้องสนามบินและรอต้อนรับนายกรัฐมนตรีตามที่มีกระแสข่าว อีกส่วนแบ่งไปที่หมู่บ้านระมิงค์นิเวศซึ่งเป็นที่ตั้งของวิทยุชุมชนวิหคเรดิโอ FM 89.00 MHz และกลุ่มทหารเสือพระราชา ซึ่งสนับสนุนแนวทางพันธมิตร โดยผู้ชุมนุมรักเชียงใหม่ 51 ให้เหตุผลว่าเพื่อสกัดการรวมตัวของกลุ่มพันธมิตร
ที่หน้าหมู่บ้านระมิงค์นิเวศน์เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. มีรายงานการปะทะของทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายรักเชียงใหม่ 51 ยิงหนังสติ๊ก ขว้างปาท่อนไม้และก้อนหินเข้าไป และต่อมาฝ่ายทหารเสือพระราชามีการโต้ตอบมีการใช้หนังสติ๊กยิงตอบโต้กัน
และต่อมาเกิดเหตุชายเสื้อแดงผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามาแล้วใช้ปืนพกยิงเข้าไปในหมู่บ้าน และต่อมามีการขว้างระเบิดปิงปองและยิงพลุออกมาจากหมู่บ้านด้วย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเพิ่งมาถึงภายหลังยังไม่สามารถเข้าไประงับเหตุภายในหมู่บ้านได้ ต้องรอการเสริมกำลัง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้เพียงปิดถนนบริเวณใกล้เคียง และห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในหมู่บ้าน
ต่อมากลุ่มทหารเสือพระราชาโทรศัพท์จากภายในหมู่บ้านเรียกรถพยาบาลรับผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะ โดยในเวลา 17.15 น. รถพยาบาลได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บกลุ่มทหารเสือพระราชาไม่ทราบชื่อออกไป 2 ราย โดยเป็นหญิงไม่ทราบชื่อ คนแรกอายุ 50 ปี ถูกยิงบริเวณหน้าอกด้วยปืน .38 กระสุนฝังใน อาการสาหัส ส่วนอีกรายถูกสะเก็ดประทัดยักษ์เข้าบริเวณศีรษะ บาดเจ็บปานกลางขณะนี้ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
จากนั้นกลุ่มทหารเสือพระราชาได้ล่าถอยเข้าไปภายในหมู่บ้านระมิงค์นิเวศน์ห่างจากจุดเกิดเหตุ 40-50 เมตร และใช้ปูนที่กั้นเกาะกลางถนนสูง 1 เมตร เป็นกำบังจำนวน 2-3 อัน
และเวลา 17.30 น. กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้กลับไปเสริมกำลังที่หน้าท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้มีผู้มาร่วมชุมนุมอยู่เป็นจำนวนมาก และเมื่อเวลา 18.15 น. นายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เดินทางมาโดยเครื่องบินมาถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 500 คนเคลื่อนขบวนจากท่าอากาศยานเชียงใหม่มาชุมนุมด้านหน้าหมู่บ้านระมิงค์นิเวศน์
ปะทะรอบ 2 พ่อแกนนำทหารเสือพระราชาดับ
และในเวลาประมาณ 18.30 น. ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอีกรอบ 2 มีการใช้หนังสติ๊ก ประทัด และปืนยิง ตอบโต้กันในระยะห่างประมาณ 200 เมตร โดยฝ่ายรักเชียงใหม่ 51 ยืนคุมเชิงอยู่ด้านนอก ไม่กล้าเข้าไปด้านใน เนื่องจากมีฝ่ายรักเชียงใหม่ 51 บางรายถูกยิงเข้าที่แขน และในเวลา 18.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มตั้งแถวกันเพื่อสร้างระยะห่างไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกัน และเวลา 19.00 น. กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 สามารถฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวได้ และเคลื่อนขบวนเข้าไปในซอยได้ประมาณ 10 เมตรและเกิดการปะทะอีก
ต่อมารถโตโยต้า ไฮลักซ์ ไทเกอร์ ทะเบียน กน.5112 เชียงใหม่ ที่มีนายเศรษฐา เจียมกิจวัฒนา อายุ 60 ปี บิดาของนายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา แกนนำกลุ่มทหารเสือพระราชาอยู่ภายใน โดยนายเศรษฐาพยายามขับรถฝ่ากลุ่มเสื้อแดงออกมาจากบ้านพัก แต่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ส่วนหนึ่งเข้าไปจอดรถขวางเอาไว้ และทำการทุบรถและรุมทำร้ายนายเศรษฐาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
และเวลา 19.25 น. โฆษกของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ประกาศให้ผู้ชุมนุมถอนตัวกลับไปที่โรงแรมแกรนด์วโรรส ที่ตั้งของกลุ่มและมีการปราศรัยกันต่อมีการโจมตีแกนนำพันธมิตรต่อ และหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ