สมาคมสิทธิและเสรีภาพของประชาชนออกแถลงการณ์ขอให้ยุติการสร้างสถานการณ์ที่นำไปสู่การใช้ความความรุนแรงระหว่างประชาชน โดยมีเนื้อหาว่าตามที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ปิดล้อม ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง จนเกิดความรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งกรณีที่มีกลุ่มคนใช้ความรุนแรงเข้าขัดขวางการเดินทางเข้าร่วมชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ถนนวิภาวดีรังสิต และฝ่ายรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯใช้อาวุธปืนยิงใส่ฝ่ายกลุ่มคนดังกล่าว จนเกิดการปะทะกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยกว่า 10 คน การที่ฝ่ายพันธมิตรฯ ยึดรถโดยสารประจำทาง การเผารถจักรยานยนต์ การทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สนามบินดอนเมือง การยิงระเบิดเข้าใส่ผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตรฯที่ทำเนียบรัฐบาล และการระเบิดที่สนามบินดอนเมือง ฯลฯ จนนำไปสู่การปะทะกันระหว่างประชาชน นั้น สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอประณามการกระทำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและฝ่ายอื่นๆ ที่ใช้ความรุนแรง พร้อมขอแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอต่อรัฐบาล กลุ่มพันธมิตรฯและประชาชน ดังต่อไปนี้
1. การชุมนุมสาธารณะโดยสงบและปราศจากอาวุธนั้น ผู้จัดการชุมนุมต้องแสดงให้เห็นว่า มีความมุ่งมั่นที่จะยึดหลักการชุมนุมด้วยความสงบ สามารถควบคุมการชุมนุมที่มีผู้คนหลากหลายเข้าร่วมชุมนุม โดยไม่มีการใช้กำลัง หรือสะสมหรือใช้อาวุธ ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม ก็ไม่มีความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯมีฝ่ายรักษาความปลอดภัยใช้อาวุธ และถูกจับกุมดำเนินคดีหลายครั้ง และมีฝ่ายอื่นๆ ยิงระเบิดเข้าใส่กลุ่มพันธมิตรฯ หลายครั้ง จนน่าสังเกตว่า ฝ่ายพันธมิตรฯและรัฐบาลมิได้ใส่ใจในการควบคุมการชุมนุมให้อยู่ในความสงบตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศได้ ซึ่งแกนนำพันธมิตรฯและรัฐบาล ต้องรับผิดชอบ
2. ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองข้อ 21 ระบุว่า "เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ ย่อมได้รับการคุ้มครอง การจำกัดการใช้เสรีภาพนี้จะกระทำมิได้ นอกจากโดยกฎหมายและเพียงเท่าที่จำเป็นสำหรับสังคมประชาธิปไตย เพื่อประโยชน์แห่งความมั่นคงของชาติ หรือความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย การสาธารณสุข หรือศีลธรรมของประชาชน หรือการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น" ซึ่งสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ที่ให้ประชาชนสามารถชุมนุมได้ แต่สามารถถูกจำกัดได้เพื่อการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
การที่กลุ่มพันธมิตรฯอ้างว่าการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แม้สามารถกระทำได้ แต่เมื่อการชุมนุมไปกระทบสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น เช่น เสรีภาพในการเดินทางและเคลื่อนย้าย สิทธิในชีวิตและทรัพย์สิน และศาลปกครองได้มีคำสั่งให้ฝ่ายพันธมิตรฯออกจากทำเนียบรัฐบาลแล้ว การชุมนุมครั้งนี้ย่อมขัดต่อหลักการดังกล่าว
จากเหตุผลดังกล่าว สสส. จึงมีข้อเรียกร้อง ดังนี้
ต่อกลุ่มพันธมิตรฯ
1. ให้ยุติการใช้ความรุนแรงและวิธีการที่สุ่มเสี่ยงต่อการนำประชาชนเข้าสู่การเผชิญหน้ากันโดยต้องรับผิดชอบ ควบคุมให้การชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธ มุ่งคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของชาติและประชาชน ตลอดจนมุ่งใช้วิถีทางตามระบบรัฐสภา ในการแก้ไขปัญหา เพื่อการพัฒนาของระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืน
2. เคารพและยอมรับที่จะให้มีการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ในกรณีที่ฝ่ายอื่นใช้ความรุนแรงต่อตนและการที่ฝ่ายตนกระทำผิดกฎหมาย
ต่อรัฐบาล
1. ให้รัฐบาลดำเนินการสอบสวนการกระทำผิดกฎหมายที่เกิดจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เจ้าหน้าที่ของรัฐและการกระทำของฝ่ายอื่นๆทุกฝ่าย หากพบว่ามีการกระทำผิด ให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเคร่งครัด ทันทีและรายงานผลการดำเนินการให้สาธารณชนทราบ
2. ให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อให้มีการเจรจากับฝ่ายพันธมิตรฯ เพื่อยุติความขัดแย้งโดยเร็ว
3. หากรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ ภายในเวลาอันควร ให้ดำเนินการยุบสภา เพื่อคืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ประชาชน ตามวิถีทางและครรรองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
ต่อประชาชน
ขอให้ประชาชนทุกฝ่ายอดทนและอดกลั้น โดยแสดงจุดยืน สันติวิธีผ่านสื่อมวลชน โดย ไม่ออกไปสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดความรุนแรงไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือขัดแย้งกับฝ่ายใด เพราะหากฝ่ายใดมีการใช้ความรุนแรง จะเป็นเงื่อนไขให้มีการรัฐประหาร ประชาชนทุกฝ่ายต้องสนับสนุนทางออกที่สมานฉันท์ด้วยการเจรจาหรือสานเสวนา สนับสนุนกระบวนการเจรจาปรองดองภายในชาติ ที่ดำเนินการโดยฝ่ายที่เป็นกลาง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติ