หลังกรมปศุสัตว์ ออกมายืนยันผลตรวจสอบ พบเชื้อไข้หวัดนกในไก่ในรอบปี 2551 ที่ สุโขทัย อุทัยธานี ทำให้ปัญหาการระบาดของเชื้อไข้หวัดนก กลับมาเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ พร้อมกับหวาดหวั่นว่า การระบาดของเชื้อไข้หวัดนกในครั้งนี้จะรุนแรงเท่ากับปี 2547 หรือไม่
พ.อ.ผศ.นพ. ราม รังสินธุ์ นักวิจัยโครงการระบบเฝ้าระวังโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า สนับสนุนโดย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ
ความเสี่ยงการเกิดโรคโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ในประเทศไทย พบว่า โรคติด เชื้ออุบัติใหม่มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นปัญหาสำคัญในอนาคตเนื่องจากโรคหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัดนก ซึ่งเคยระบาดในประเทศไทย หรือแม้ว่าบางโรคไม่เคยมีผู้ป่วยแต่ก็จำเป็นจะต้องติดตามสถานการณ์การเกิดโรคอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดที่จะอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
พ.อ.ผศ.นพ.ราม กล่าวว่า หากประเมินความเสี่ยงการเกิด โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ ตามความหมายขององค์การอนามัยโลก พบว่า ประเทศไทยมีโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่พบการระบาดที่รุนแรง เช่น เชื้อไข้หวัดนก โรคมือเท้าปาก นอกจากนี้ยังมีโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาสำคัญของประเทศในอนาคต ที่จำเป็นจะต้องเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิด 10 โรค ซึ่งถือว่าไทยมีความเสี่ยงต่อการระบาดคือ โรคทางเดินหายใจอักเสบอย่างเฉียบพลันและรุนแรงหรือโรคซาร์ส , โรคไข้หวัดนก/โรคไข้หวัดใหญ่ , โรค Japanese B encephalitis, โรค Nipah Virus ,โรคHanta Virus ,โรค West Nile Virus ,โรคไข้กาฬหลังแอ่น ,โรคมือเท้า ปาก,โรค Brucellosis,โรค Leishmania และโรคอุจาระร่วงจากเชื้อ E. coli O157
ทั้งนี้หากประเมินว่า "ระบบเฝ้าระวังโรคมีความพร้อมที่จะรับมือการระบาดซ้ำของโรคระบาดครั้งใหญ่หรือไม่" เพราะหากประเมินสถานการณ์ของการระบาดของโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ไม่เพียงแค่การระบาดของโรคไข้หวัดนก/ไข้หวัดใหญ่เท่านั้นที่ทั่วโลกจับตาเฝ้าระวังเป็นพิเศษ แต่หากหมายความรวมไปถึงการระบาดของโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ที่อาจจะเกิดการระบาดอย่างรุนแรงที่ไม่เคยพบมาก่อน เช่น กรณีการระบาดของโรคซาร์หรือโรคทางเดินหายใจอักเสบอย่างเฉียบพลันและรุนแรง
"นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า อนาคตอาจจะเกิดโรคอุบัติใหม่ระบาดขึ้นมาได้อีก โดยส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน ซึ่งโรคติดเชื้ออุบัติใหม่มีธรรมชาติที่ซับซ้อนยากต่อการจัดการ เป็นภัยที่บั่นทอนทั้งชีวิตและสุขภาพของประชาชน ทำให้มี ความจำเป็นจะต้องพัฒนาระบบเฝ้าระวังโรคและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมโรค" พ.อ.ผศ.นพ.ราม กล่าว
พ.อ.ผศ.นพ.ราม กล่าวอีกว่า ไม่เพียงแค่ 10 โรคเท่านั้นที่ประเทศไทยจำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมด้านการเฝ้าระวังโรค เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดใหญ่ของโรคแต่ยังรวมไปถึงการก่อโรคของโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ที่เรายังไม่เคยรู้จักมาก่อนหรือ Unknown agents โอกาสที่จะเกิดโรคอุบัติใหม่ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนนั้นมีอยู่อีกเป็นจำนวนมากในสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และภูมิอากาศของโลกดังเช่นปัจจุบัน ดังนั้นระบบเฝ้าระวังโรคของไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความพร้อมในการควบคุมโรคให้ได้อย่างรวดเร็วและมีการประสานงานที่ดีเพียงพอ
"ระบบควบคุมโรคในปัจจุบันต้องบอกว่าเป็นระบบที่ดีมาก เพราะสามารถควบคุมโรคไม่ให้มีการระบาดของโรคเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว แต่อาจจะยังมีบางจุดที่จะต้องเสริมให้เข้มแข็งมากขึ้น เพราะหากเกิดการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ ระบบที่มีอยู่แล้วนั้นอาจมีข้อจำกัดไม่สามารถประสานการดำเนินงานเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานภาครัฐให้เป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างรวดเร็วเพียงพอหรืออาจจะไม่สามารถรองรับการระบาดใหญ่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ที่มีการระบาดอย่างรุนแรง"
จากการเฝ้าระวังสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ ของสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กระทรวงสาธารณสุขในปี 2550 มีรายงานผู้ป่วย 18,368 ราย เสียชีวิต 15 ราย ในปี 2551 นี้ ตั้งแต่มกราคม - สิงหาคม ได้รับรายงานผู้ป่วยทั่วประเทศ 9,557 ราย เสียชีวิต 2 ราย ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบในภาคกลางมากที่สุด รองลงมาคือภาคอีสาน ภาคใต้และภาคเหนือ โดยมีรายงานมากที่สุดในเดือนมิถุนายน จำนวน 2,081ราย แต่คาดว่าจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับโรคไข้หวัดใหญ่ในสถานการณ์ที่แท้จริง มีมากกว่าจำนวนที่รายงานหลายเท่าตัว
พ.อ.ผศ.นพ.ราม กล่าวว่า การดำเนินการเฝ้าระวังโรคที่ผ่านมา ควรมีการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ทุกโรคทั้งที่เกิดในคน และโรคที่เกิดในสัตว์ และโรคติดต่อจากสัตว์มาสู่คน ให้มีการดำเนินการที่ประสานสอดคล้องเป็นเนื้อเดียวกันอย่างมีเอกภาพ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถของระบบเฝ้าระวังโรคให้มีศักยภาพในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป