Skip to main content
sharethis


29 พ.ย.51 ที่งานจุฬาฯวิชาการ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดเสวนา ในหัวข้อ "ความแตกต่างทางความคิด : ทิศทางประเทศไทยในวันหน้า โดยมีวิทยากร ประกอบด้วย นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีต ส.ว. นายปริญญา เทวานฤมิตร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายประภาส ปิ่นตบแต่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย พรรคประชาธิปัตย์


นายปริญญา กล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้วิธีการเจรจาให้พันธมิตรฯ เปิดสนามบิน เพราะความเสียหายมีมากเสียจนพันธมิตรฯ เองก็ถูกกดดันเยอะ อย่างไรก็ตามหากพันธมิตรฯ ไม่ยอมเจรจาแล้วรัฐบาลต้องเลือกระหว่างความรุนแรงกับทางออกอื่น ตนอยากให้รัฐบาลใช้ทางออกอื่น เช่น การยุบสภา ซึ่งเป็นทางออกในระบบรัฐสภาเท่านั้น ในระบบอื่นไม่มีทางออกนี้ และแม้บางคนบอกว่าหากเลือกตั้งใหม่นักการเมืองของกลุ่มเก่าก็กลับมา แต่ตนเห็นว่าอย่างน้อยสังคมไทยยังมีเวลาคิดว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่จะปล่อยให้การเมืองเป็นเหมือนเดิมหรือไม่


นายปริญญา กล่าวด้วยว่า เหตุที่สภาจะอยู่ไม่ได้มีด้วยหลายเหตุผล ทั้งการถูกยุบพรรคการเมือง และหากมีการปราบปรามการชุมนุมจนมีเหตุการณ์นองเลือด ก็ไม่เคยมีรัฐบาลหรือรัฐสภาชุดไหนอยู่ได้ในประวัติศาสตร์ไทย ดังนั้น รัฐบาลควรยุบสภาเพื่อตัดวงจรการสูญเสียซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำได้  


นายปริญญา กล่าวว่า หากมีการสลายการชุมนุม จะนำไปสู่การนองเลือดแน่ และลุกลามเป็นสงครามกลางเมือง แต่หากตำรวจรู้วิธีการแก้ปัญหาก็จะมีทางออก ซึ่งตนเห็นว่า ตำรวจไทยทำไม่เป็น เพราะตำรวจทำเป็นแต่ยิงเลย หรือปล่อยไปเลย แต่แบบกลางๆ นั้นทำไม่เป็น


ด้านนายประภาส กล่าวว่า ตนเชื่อว่าพันธมิตรฯ ต่อสู้เพราะอยากเห็นสังคมที่ดีงาม แต่การต่อสู้ที่สุดโต่ง จะนำไปสู่สงครามกลางเมืองทั้งที่พันธมิตรฯ พูดเองในเรื่องอารยะขัดขืน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทางออกที่พอจะช่วยร่วมกันได้คือการบริจาคเลือดไว้สำรองหากเกิดความรุนแรง ซึ่งเราควรต้องสรุปบทเรียนที่ผ่านมา เพราะแม้พันธมิตรฯ สู้ด้วยความเสียสละ แต่ก็ต้องให้สติกันด้วยว่าการต่อสู้เป็นทางออกหรือสร้างปัญหาข้างหน้า เพราะขณะนี้เห็นทิศทางข้างหน้าที่มีแต่ซากปรักหักพังทางสังคม


นายประภาส กล่าวว่า เราไม่ควรทำลายหลักการประชาธิปไตยเพียงเพื่อต้องการทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เหมือนผีซึ่งมีแต่ซากศพถูกปลุกขึ้นมาให้มีลมหายใจ เช่น กรณีนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยบางกลุ่มที่ออกมาเสนอแบบมักง่าย เช่น เรียกร้องให้มีการรัฐประหาร ให้เปลี่ยนแปลงอำนาจด้วยอำนาจนอกระบบ


นายสาทิตย์ กล่าวว่า รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ควรยุบสภา หรือลาออก เพราะตนได้ทราบจากรัฐมนตรีคนหนึ่งว่าที่ประชุม ครม. ที่ผ่านมา มีการพูดคุยกันว่า หากรัฐบาลจะประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ก็ต้องทำให้บังคับใช้ได้จริง ซึ่งตนเชื่อว่า หากใช้การปราบปรามผู้ชุมนุมก็ย่

อมหมายความว่า จะต้องมีการนองเลือด และไม่รู้ว่าสนามบินจะเสียหายหรือไม่ เพราะอาจมีการใช้ระเบิด และหากมีการบาดเจ็บล้มตาย เสียหาย ทหารก็จะเคลื่อนออกมารัฐประหาร แล้วเราจะเอาหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม หากเราเลือกการยุบสภาหรือลาออก ก็ยังมีทางที่จะจัดการเลือกตั้งใหม่ อย่างน้อยก็ไม่สูญเสียชีวิต หากรัฐบาลมั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งใหม่ยังไงก็ได้กลับมาแน่ๆ แม้จะเสียเงินในการจัดการเลือกตั้ง แต่ก็ยังดีกว่าสูญเสียชีวิตคน ซึ่งไม่สามารถซื้อกลับมาได้  


นายจอน กล่าวว่า ตนไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่เห็นว่าสังคมไทยรับไม่ได้กับเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นการสร้างบรรทัดฐานวัฒนธรรมของการไม่ยอมรับความรุนแรงในการสลายม็อบ ไม่ว่าจะเป็นม็อบไหน ก็ต้องไม่ถูกสลายด้วยความรุนแรง แต่ก็เป็นเรื่องที่ตอบคำถามยากว่า แล้วรัฐบาลควรจะจัดการอย่างไรกับม็อบที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตนเห็นว่า ควรมีธรรมเนียมใหม่ ต่อไปเมื่อมีความขัดแย้ง เราก็ต้องใช้วิธีพูดคุยกัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net