รายงานพิเศษ: การกู้ชาติกับสิ่งที่ต้องจ่าย

รวมลักษณะความผิดที่เกิดขึ้นในระหว่าง "สงครามครั้งสุดท้าย" ซึ่งเริ่มตั้งแต่เวลา 6.30 น. ของวันที่ 24 พ.ย. 2551 ถึงวันที่ 3 ธ.ค. 2551 ในส่วนที่ละเมิดทรัพย์สินของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ซึ่งอาจฟ้องร้องได้ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพฤติการณ์ที่ได้ละเมิดกฎหมายอาญา ต่างกรรมและกฎหมายแพ่งลักษณะละเมิดต่างกรรมต่างวาระ

 

 

ทีมข่าวการเมือง

 

ภายหลังจากที่ กลุ่มบุคคลที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ดำเนินการกู้ชาติโดยประกาศ สู้ครั้งสุดท้าย เพื่อต่อต้านรัฐบาลที่ระบุว่าเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยวิธีการหลายรูปแบบ อันได้ก่อความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งต่อบุคคลและต่อนิติบุคคล สัญชาติไทยและต่างชาติต่างกรรมต่างวาระ เมื่อพฤติการณ์ดังกล่าวได้ยุติลงในวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลายหน่วยงานเริ่มออกมาประมวลความเสียหาย รวมไปถึงการเตรียมการฟ้องร้องจากกรณีได้รับความเสียหาย

 

ประชาไทได้รวบรวมลักษณะความผิดที่เกิดขึ้นในระหว่าง "สงครามครั้งสุดท้าย" ซึ่งเริ่มตั้งแต่เวลา 6.30 น. ของวันที่ 24 พ.ย. 2551 ถึงวันที่ 2 ธ.ค. 2551 ในส่วนที่ละเมิดทรัพย์สินของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ซึ่งอาจฟ้องร้องได้ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพฤติการณ์ที่ได้ละเมิดกฎหมายอาญา ต่างกรรมต่างวาระ ไว้เป็นข้อมูลในเบื้องต้น

 

 

24 พ.ย. 2551

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ใช้ยุทธศาสตร์ "สงคราม 9 ทัพ" เคลื่อนชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาตั้งแต่เวลา 06.30 น. ถึงเวลา 15.00 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน รวมเวลา 9 ชั่วโมง โดยการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบไม่มีเหตุรุนแรง

 

แม้กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากจะฝ่าแนวป้องกันของตำรวจเข้าไปปักหลักยังที่ต่างๆ ได้แก่ กระทรวงการคลัง กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ทำการพรรคชาติไทย ก่อนจะเดินทางกลับไปปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมประกาศชัยชนะหลังจากสามารถปิดกั้นไม่ให้มีการประชุมรัฐสภาได้

 

โดยเวลา 9.40 น. หลังจากนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาโทรศัพท์แจ้งยังผู้สื่อข่าวรัฐสภายกเลิกการประชุม ทำให้พันธมิตรมุ่งไปยึดทำเนียบชั่วคราวที่ดอนเมืองแทนเพื่อขัดขวางการประชุมคณะรัฐมนตรี และปักหลักอย่างถาวรจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. จึงถอนการชุมนุม

 

000

 

ล้อมสภา - ชาติไทย ตัดไฟ - ชัยเลิกประชุม

 

ประกาศเคลื่อนพลบุกสภา

06.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรขึ้นเวทีปราศรัยระบุว่า แกนนำทั้งหมดจะอยู่ด้านหน้าของขบวนและการเคลื่อนขบวนวันนี้จะต้องนำชัยชนะมาสู่กลุ่มพันธมิตรอย่างแน่นอน พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนออกมาร่วมให้มากที่สุด ขณะที่ น.ส. อัญชลี ไพรีรักษ์ ประกาศให้กลุ่มชุมนุมภายในทำเนียบช่วยกันรักษาที่มั่นไว้ เพราะอาจมีมือที่สามสร้างสถานการณ์ด้วยการเผาทำลายอาคารภายในทำเนียบได้

 

06.45 น. นายสนธิ นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตร นำหน้าผู้ชุมนุมนับหมื่นคนเคลื่อนจากแยกมิสกวันไปยังรัฐสภา

 

07.00 น. พันธมิตรมาถึงจุดสกัดของตำรวจ บริเวณโค้งปั๊มน้ำมันบริเวณสนามเสือป่า นายสนธิและนายสมเกียรติเจรจากับ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) โดยทาง พล.ต.ต.อนันต์เปิดทางให้กลุ่มพันธมิตรผ่านได้แต่มีเงื่อนไขคือต้องไม่ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ร้องขอไม่ให้ตำรวจใช้กำลังและความรุนแรงกับประชาชน แต่หากมีเหตุการณ์รุนแรง หรือทางกลุ่มผู้ชุมนุมทำผิดกฎหมาย ตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนที่ได้วางไว้

 

ภายในรัฐสภามีเพียงข้าราชการจำนวนหนึ่งและสื่อมวลชน รวมถึงตำรวจพลร่มจากค่ายนเรศวร และตำรวจ ตชด.ที่ 11 จันทบุรี รวม 2 กองร้อย 300 นาย ในขณะที่สมาชิกรัฐสภาเข้าไปภายในมีเพียง 5 คน คือ นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา นายปวีณ แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคพลังประชาชน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา

 

 

ลักษณะความผิด

1. มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

2. มาตรา 385 ผู้ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีด ขวางทางสาธารณ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความ สะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วย ประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท                  

                 

 

ตัดไฟสภา - เอาถุงดำคลุมกล้องวงจรปิด

07.30 น. การ์ดพันธมิตรนำแผงเหล็กปิดกั้นจราจรตั้งแต่แยกการเรือนยาวไปจนถึงหน้าสวนสัตว์เขาดิน พร้อมนั่งปักหลักบนท้องถนน ปิดประตูเข้าออกสภาทุกประตู รวมถึงทางเข้าพระที่ นั่งวิมานเมฆซึ่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และ ส.ส.เคยใช้เป็นทางออกฉุกเฉิน จากเมื่อครั้งเหตุการณ์ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้การจราจรติดยาวไปจนถึงสะพานกรุงธนบุรี และยังมีการปิดถนนพิชัยทั้งสาย

 

นอกจากนี้พันธมิตรฯ ยังจัดส่งทีมงานจำนวนหนึ่งตระเวนใช้ท่อพลาสติกยาวสิบเมตรขึ้นกระชากสายไฟบนเสาไฟฟ้าแรงสูง จนเกิดไฟฟ้าลัดวงจรที่ประตูปราสาทเทวฤทธิ์ และเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เพื่อเป็นการตัดไฟฟ้าภายในรัฐสภา สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งตระเวนนำถุงดำไปปิดกล้องวงจรปิดในบริเวณ

 

 

พฤติกรรมที่เข้าข่ายว่ามีความผิด

1. ตัดไฟจนทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร

2. กระชากสายไฟบนเสาไฟฟ้าแรงสูง จนทำให้เกิดเสียงดัง

 

 

 

ลักษณะความผิด                       

มาตรา 234 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ แก่สิ่งที่ใช้ในการผลิต ในการส่งพลังงานไฟฟ้าหรือในการส่งน้ำ จนเป็นเหตุให้ประชาชนขาด ความสะดวก หรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน ต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

 

มาตรา 360 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

มาตรา 370 ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อนต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท

 

 

ป้ายพรรคชาติไทยเจอพ่นสเปรย์ ตัดไฟ-ปิดกล้องวงจรปิด

 

ที่มา: มติชนออนไลน์

 

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พาผู้ชุมุมเคลื่อนไปปิดการจราจรบริเวณถนนพิชัย  และถนนสุโขทัย  ตั้งแต่แยกขัตติยานีถึงแยกสวนรื่นฤดี ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของพรรคชาติไทย โดยผู้ชุมนุมปักหลักบริเวณหน้าที่ทำการพรรค  ไม่ให้บุคคลใดเดินทางเข้าออก พร้อมตะโกนโห่ร้องประณามนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และสมาชิกพรรค ขณะที่บางรายแสดงความโกรธแค้นด้วยการกระโดดถีบป้ายชื่อพรรคชาติไทย และใช้สเปรย์สีขาวมาพ่นละเลง ลงบนป้ายพรรคก่อนกระโดดถีบป้ายซ้ำ

 

มีรถตู้แวนโตโยต้า สีดำ มีเจ้าหน้าที่ของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ (สรส.) ออกมา เกี่ยวสายไฟฟ้า เพื่อตัดสายไฟที่ส่งเข้าพรรคชาติไทย ทำให้ทนายความและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคที่จะมีประชุมหารือเพื่อเตรียมพยานหลักฐานต่อสู้ในคดียุบพรรคชาติไทยรีบหนีออกทางประตูหลังของพรรค เหลือเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรรคแค่ 2 นาย และเจ้าหน้าที่ชายของพรรคอีก 3 คน ดูแลรักษาพรรคอยู่ ภายใน ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่ของกองทัพธรรมได้ปีน เสากล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ติดตั้งบริเวณสี่แยกดังกล่าวทั้ง 8 ตัว ด้วยผ้าเช็ดหน้า และถุงดำ

 

08.00 น. นายอมร อมรรัตนานนท์ โฆษกประจำเวทีพันธมิตรพาผู้ชุมนุมแยกไปชุมนุมปิดล้อมหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พร้อมเปิดเวทีย่อยปราศรัย ขณะที่สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แยกนำกลุ่มชุมนุมออกจากแยกมิสกวัน พร้อมรถขยายเสียงไปปิดล้อมกระทรวงการคลัง

 

พฤติกรรมที่เข้าข่ายว่ามีความผิด

1. เคลื่อนไปปิดการจราจรบริเวณถนนพิชัย  และถนนสุโขทัย  ตั้งแต่แยกขัตติยานีถึงแยกสวนรื่นฤดี ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของพรรคชาติไทย โดยผู้ชุมนุมปักหลักบริเวณหน้าที่ทำการพรรค  ไม่ให้บุคคลใดเดินทางเข้าออก

2. ตะโกนโห่ร้องประณามนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และสมาชิกพรรค

3. ใช้สเปรย์สีขาวมาพ่นละเลง ลงบนป้ายพรรค

 

ฐานความผิด

1. มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

2. มาตรา 385 ผู้ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีด ขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วย ประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

 

3. มาตรา 360 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

4. มาตรา 370 ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อนต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท

 

5. มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

6. มาตรา 234 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ แก่สิ่งที่ใช้ในการผลิต ในการส่งพลังงานไฟฟ้าหรือในการส่งน้ำ จนเป็นเหตุให้ประชาชนขาด ความสะดวก หรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน ต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

 

 

ชัย ชิดชอบ โฟนอินงดประชุมสภา

09.40 น. นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา โทรศัพท์แถลงข่าวผ่านโทรศัพท์มือถือของนายพิทูร ที่ห้องผู้สื่อข่าวรัฐสภาว่า ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยว่าของดการประชุมรัฐสภาจนกว่าเหตุปกติและจะนัดประชุมครั้งต่อไปใหม่ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันเหตุความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นจึงอยากขอร้องเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและประชาชนประคองสถานการณ์ไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงจน กว่าจะพ้นวันที่ 5 ธันวาคม ที่เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงอยากขอร้องให้สื่อทุกแขนงช่วยประชาสัมพันธ์ว่าเหตุการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในภาวะปกติไม่มีอะไรร้ายแรง

 

 

"มาร์ค" ร่วมประชุมสภา เรียกเสียงกรี๊ด

09.45 น. นายอภิสิทธิ์และ ส.ส.ประมาณ 20 คน ตัดสินใจขึ้นรถตู้ไปร่วมประชุมรัฐสภา เพราะยังไม่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภาจะยกเลิกประชุมหรือไม่ แต่เนื่องจากมีการปิดกั้นถนน ทำให้นายอภิสิทธิ์และคณะ ส.ส.เดิน เท้าเข้าสภา เรียกสียงกรี๊ดจากกลุ่มผู้ชุมนุมและชื่นชมยินดีกับนายอภิสิทธิ์และ ส.ส.

 

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อยากเห็นความชัดเจนการเจรจากันระหว่างรัฐบาลและพันธมิตรสักครั้ง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เรียนประธานรัฐสภาไปแล้วว่าถ้าจะให้มีการพูดคุยกันก็ยินดี แต่ประธานรัฐสภาไม่ได้ติดต่อกลับมา และต้องนำรัฐบาลมาเจรจากับผู้ชุมนุมด้วย

 

 

ประกาศปิดล้อมสภาสำเร็จ

10.00 น. ที่หน้ารัฐสภา นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า พันธมิตรประสบความสำเร็จที่มาชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาเพื่อไม่ให้มีการเปิดประชุมร่วม 2 สภาเพื่อพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ (คปพร.)

 

การ์ดอาสาพันธมิตรได้นำโซ่มาคล้องประตูหน้ารัฐสภาและนำแผงเหล็กกั้นไม่ให้สื่อมวลชน และ ส.ส.เข้าไปในสภา กระทั่งผู้สื่อข่าวได้เจรจาต่อรองจนเกิดกระทบกระทั่งกันก่อนจะให้เข้าไปได้ แต่มีการตรวจบัตรสื่อมวลชนอย่างเข้มงวด

 

 

ฐานความผิด

มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

3 ส.ส. ปืนเข้าพระที่นั่งวิมานเมฆ

12.15 น. ภายหลังจากที่ประธานสภาสั่งเลื่อนการประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด ปรากฏว่า ส.ส และ ส.ว.ที่มาประชุม    ทยอยออกจากอาคารรัฐสภา โดยนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ออกไปพร้อมกับข้าราชการ ทางประตูรัฐสภาฝั่งถนนอู่ทองใน ในช่วงเวลาประมาณ ซึ่งได้รับเสียงปรบมือจากพันธมิตรจำนวนมาก

 

ขณะที่ ส.ส.รัฐบาล ที่อยู่ในสภา 2-3 คน ถอดสูท เก็บบัตรประจำตัว ส.ส. มีสีหน้าเคร่งเครียดและโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา โดยนายปวิณ แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พปช. นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย หารือร่วมกันนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะปีนข้ามรั้วรัฐสภา ไปยังพระที่นั่งวิมานเมฆ เหมือนวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถออกได้ทันที ต้องไปนั่งรออยู่ภายในพระที่นั่งฯ และรอการประสานติดต่อกับทางพระราชวัง เพื่อขอออกจากเขตพระราชฐาน ส่วน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พปช. ถอดสูทออกทางประตูถนนอู่ทองใน โดยไม่มีใครสังเกตและไปร่วมประชุมที่พรรคพลังประชาชน

 

 

บุก บช.น. - กระทรวงการคลัง

 

พังลวดหนามบุก บช.น.  ขู่ตำรวจตายแน่หากทำพันธมิตรเจ็บ ยันไม่ตัดน้ำตัดไฟ

ขณะเดียวกันที่หน้า บช.น. นายอมรได้ประกาศให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งแนวป้องกันถอย และนำรั้วลวดหนามออกไป เพื่อเปิดทางให้กลุ่มผู้ชุมนุมนำรถบัสเก่า 2 คัน ใช้คนเข็นเดินเป็นทัพหน้าสลายแนวตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยินยอมถอยออกไป จากนั้นผู้ชุมนุมได้ช่วยกันรื้อลวดหนามออกไปไว้บนฟุตปาท ทั้งนี้ นายอมรได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมเข้ามาอยู่แนวหลังรถ และห้ามขึ้นไปบนฟุตบาท ที่ติดกับ บช.น.โดยเด็ดขาด

 

เมื่อพันธมิตรฯระดมมวลชนเข้ามาจำนวนมากตำรวจที่ตรึงแนวรักษาการณ์อยู่ก็ทำได้เพียงแต่ถอยหลังและสุดท้ายก็ยอมเปิดทางให้พันธมิตรฯผ่าน และไปยึดถนนหน้า บช.น.ชุมนุมได้ในที่สุด จากนั้นแกนนำรุ่น 2 บนรถกระจายเสียงยังขู่กร้าวว่า หากตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุมแล้วมีมวลชนพันธมิตรฯบาดเจ็บ จะต้องชดใช้ ด้วยชีวิตเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ได้มีการประกาศยืนยันกับทางตำรวจใน บช.น.ด้วยเช่นกันว่า พันธมิตรฯต้องการขอใช้พื้นที่หน้า บช.น.ในการชุมนุมเพื่อทวงถามฆาตกรที่ฆ่าพันธมิตรฯ เท่านั้น แต่จะไม่มีการตัดน้ำตัดไฟ และหากตำรวจอยากกินอะไรขอให้สั่งมาจะจัดหาไปส่งให้

 

 

ไม่ทันขาดคำ ตัดน้ำตัดไฟ บช.น.

กระทั่งเวลา 10.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดเส้นทางถนนศรีอยุธยา หน้า บช.น. ยาวไปถึงแยกถนนนครราชสีมา หน้ากองที่ 1 รักษาพระองค์ พร้อมนำรถบัสเก่าขนาดเล็กไปขวางถนนนครราชสีมาตัดถนนศรีอยุธยา และนำรั้วลวดหนามไปกั้นไว้ที่บริเวณสี่แยกวังแดงตัดถนนพิษณุโลก โดยถนนพิษณุโลกมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ตั้งแนวป้องกันไว้ได้ และอีก 15 นาทีต่อมา ผู้ชุมนุมได้ตัดไฟฟ้าภายใน บช.น. ก่อนที่นายอมรจะประกาศว่าโรงกลั่น ปตท. และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ได้ถูกปิดล้อมแล้ว นอกจากนี้ นายอมรและผู้ปราศรัยคนอื่น ได้ผลัดกันปราศรัยโจมเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลอย่างเผ็ดร้อน โดยมีตำรวจกองร้อยป้องกันและปราบปรามจลาจลรักษาการณ์อยู่ด้านใน บช.น. 

 

พฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิด

1. ปิดเส้นทางถนนศรีอยุธยา หน้า บช.น. ยาวไปถึงแยกถนนนครราชสีมา หน้ากองที่ 1 รักษาพระองค์ พร้อมนำรถบัสเก่าขนาดเล็กไปขวางถนนนครราชสีมาตัดถนนศรีอยุธยา และนำรั้วลวดหนามไปกั้นไว้ที่บริเวณสี่แยกวังแดงตัดถนนพิษณุโลก โดยถนนพิษณุโลกมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ตั้งแนวป้องกันไว้ได้

 

2. ตัดไฟฟ้าภายใน บช.น.

 

3. ปิดล้อม โรงกลั่น ปตท. และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่

 

ฐานความผิด

1. มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

2. มาตรา 385 ผู้ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีด ขวางทางสาธารณ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความ สะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วย ประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

 

3. มาตรา 360 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

4. มาตรา 234 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ แก่สิ่งที่ใช้ในการผลิต ในการส่งพลังงานไฟฟ้าหรือในการส่งน้ำ จนเป็นเหตุให้ประชาชนขาดความสะดวก หรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

 

 

ดาวกระจายบุกกระทรวงการคลัง-แถมตัดไฟ

ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานจากด้านหน้ากระทรวงการคลัง ว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมจากสหภาพแรงงานการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย มาปักหลักรอหน้ากระทรวง โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ จากทำเนียบฯ ตามมาสมทบ และนำเครื่องขยายเสียงมาเปิดปราศรัยโจมตีการทำงานของกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ การ์ดพันธมิตรฯ นำโดยนักรบศรีวิชัย 20 กว่าคน นำรถไปปิดกั้นจราจรบริเวณซอยอารีย์สัมพันธ์ทั้งหน้าซอย และท้ายซอย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจาก สน.บางซื่อ และ กก.สส.บก.น.2 รักษาการณ์ อยู่บริเวณประตูด้านในกระทรวงการคลัง เจ้าหน้าที่ได้ ปิดประตูทางเข้าทุกด้าน  พร้อมนำโซ่เหล็กคล้องประตูทุกบาน อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ลดละ พยายามตัดไฟภายในกระทรวงการคลังจนสำเร็จ

 

พฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิด

1. กลุ่มผู้ชุมนุมจากสหภาพแรงงานการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย มาปักหลักรอหน้ากระทรวง โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ จากทำเนียบฯ ตามมาสมทบ

 

2. นำเครื่องขยายเสียงมาเปิดปราศรัยโจมตีการทำงานของกระทรวงการคลัง

 

3. การ์ดพันธมิตรฯ นำโดยนักรบศรีวิชัย 20 กว่าคน นำรถไปปิดกั้นจราจรบริเวณซอยอารีย์สัมพันธ์ทั้งหน้าซอย และท้ายซอย

 

4. พยายามตัดไฟภายในกระทรวงการคลังจนสำเร็จ

 

ฐานความผิด

1. มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

2. มาตรา 385 ผู้ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีด ขวางทางสาธารณ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความ สะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วย ประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

 

3. มาตรา 360 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

ลั่น 24 ชั่วโมงจะกลับมาล้อม บช.น. ใหม่

13.50 น. กลุ่มพันธมิตรกว่าพันคนที่ปักหลักชุมนุมหน้า บช.น.กลับไปรวมตัวกันที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า (ลานพระราชวังดุสิต) ทั้งนี้ แกนนำได้ปราศรัยสรุปว่า ภายใน 24 ชั่วโมงจะกลับมาชุมนุมที่หน้า บช.น.อีกครั้ง เพื่อหาคนมารับผิดชอบเหตุการณ์ตำรวจฆ่าประชาชน และเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมยื่นคำขาดให้ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 7 ตุลาคม จนมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ต้องลาออกภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่เป็นไปตามนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมจะกลับมาชุมนุมกันอีกครั้งก่อนสลายตัวไป

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการชุมนุมของพันธมิตรหน้า บช.น.อีกเลย

 

เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าหน้าที่ กทม. ได้เข้าทำความสะอาดพื้นผิวจราจร และเก็บขยะที่ส่วนใหญ่เป็นขวดน้ำ ถุงพลาสติก กล่องโฟมใส่อาหาร จากนั้นได้เปิดการจราจรตลอดเส้นทางถนนศรีอยุธยา ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนผ่านไปมาได้ตามปกติ  ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้เข้าดำเนินการต่อน้ำ-ต่อไฟ ภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

ผลของการดาวกระจาย ทำรถติดวินาศ 

ผลจากการที่กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนปิดล้อมรัฐสภา พรรคชาติไทย กองบัญชาการตำรวจนครบาล กระทรวงการคลัง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการปิดการจราจรถนนหลายสายโดยรอบ ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก รถประจำทางหลายสายตัดเส้นทางวิ่ง โดยเมื่อถึงบริเวณที่มีการชุมนุมหรือปิดถนนก็จะอ้อมรถกลับ ทำให้ประชาชนที่จะเดินทางด้วยรถประจำทางจำนวนมาก ต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง โดยหันมาโดยสารทางเรือด่วนแทน ซึ่งส่งผลให้ท่าเรือด่วนเจ้าพระยาแต่ละท่า มีผู้โดยสารรอลงเรือจำนวนมาก ในขณะที่ภายในเรือเองก็มีผู้โดยสารจำนวนมากอยู่แล้ว ทำให้มีผู้โดยสารตกค้างอยู่ตามท่าเรือต่างๆจำนวนมาก เนื่องจากเกรงว่าหากลงเรือไปอีกจะทำให้น้ำหนักเรือเกิน ซึ่งจะเป็นอันตราย

 

 

ศึกยึดรถเมล์วิสุทธิ์กษัตริย์

 

ภาพข่าวตำรวจจับกุมผู้ปล้นรถเมล์สาย 53 ในช่วงข่าวภาคเที่ยงของช่อง 5 และภาพการชุมนุมของพันธมิตรที่พบว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเป็นคนเดียวกับที่เคยปฏิบัติหน้าที่เป็นการ์ดให้พันธมิตร

ที่มาของภาพ: สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และ ผู้จัดการ

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7240420/P7240420.html

 

ของกลางที่ยึดได้จากผู้ปล้นรถเมล์

ที่มาของภาพ: ช่อง 3

 

 

 

ข่าวปล้นรถเมล์สาย 53 บันทึกจากช่อง TPBS และช่อง 3

ที่มาของคลิป: คุณ palrakonline

http://www.youtube.com/watch?v=AEQk1XWRtLI

 

 

 

 

ยึดรถเมล์ขวางถนน 

ขณะที่หัวขบวนกลุ่มพันธมิตรฯ เข้าบุกยึดพื้นที่ล้อมจุดต่างๆได้ตามแผน ก็มีรายงานว่า แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯได้เอารถเมล์สาย 56 ทะเบียน 10-9004 กทม.ไปขวางถนนบริเวณแยกการเรือน ด้านถนนนครราชสีมา และการ์ดพันธมิตรฯได้บังคับคนขับรถประจำทางปรับอากาศสาย 515 หมายเลขข้างรถ 6-56044 ให้ขับมาปิดถนนพิชัย ตรงแยกขัติยานี ก่อนถึงแยกสุโขทัย ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้นำถุงกระสอบทรายหลายใบ เพื่อนำมาใช้ป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจหากมีการใช้แก๊สน้ำตา โดยพื้นที่ดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ ขณะที่บริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ซึ่งปิดประตูใหญ่เอาไว้ ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปขอใช้ ห้องน้ำของทางมหาวิทยาลัย  จนต้องเปิดประตูเล็กให้ เข้าไป หลังจากนั้นไม่นานได้นำป้ายข้อความมาติดไว้ว่าหยุดทำการเรียนการสอน 3 วัน ทำให้นักศึกษานับร้อยที่เดินทางมาเรียนหนังสือ โดยไม่ทราบว่ามีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องมาเก้อ ก่อนทยอยเดินทางกลับบ้าน  

 

พฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิด

1. แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯได้เอารถเมล์สาย 56 ทะเบียน 10-9004 กทม.ไปขวางถนนบริเวณแยกการเรือน ด้านถนนนครราชสีมา

 

2. การ์ดพันธมิตรฯได้บังคับคนขับรถประจำทางปรับอากาศสาย 515 หมายเลขข้างรถ 6-56044 ให้ขับมาปิดถนนพิชัย ตรงแยกขัติยานี ก่อนถึงแยกสุโขทัย

 

3. กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้นำถุงกระสอบทรายหลายใบ เพื่อนำมาใช้ป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจหากมีการใช้แก๊สน้ำตา โดยพื้นที่ดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์

                                               

ฐานความผิด

มาตรา 385 ผู้ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีด ขวางทางสาธารณ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความ สะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วย ประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

                                               

 

 

นปช.โผล่ไล่พันธมิตรแยกการเรือน

เวลา 11.30 น. ที่บริเวณแยกการเรือน ได้มีกลุ่ม นปช.สวมเสื้อแดงประมาณ 7-8 คน นั่งรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน ขับมาวนเวียนดูลาดเลา 2-3 รอบ ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯได้ชูมือตบขึ้นมาขับไล่ จนล่าถอยไป ขณะที่บริเวณประตูมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต กลุ่ม นปช.ขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน เร่งเครื่องยกล้อเพื่อป่วนกลุ่มพันธมิตรฯ ก่อนจะรีบซิ่งรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

 

สกัดจับการ์ดพันธมิตรยึดรถเมล์

ขณะเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่แยก จ.ป.ร. ขณะที่ ส.ต.ท.บุญทวี พวงจันทร์ ผบ.หมู่งานจราจร สน.นางเลิ้ง ปฏิบัติหน้าที่อยู่แยกผ่านฟ้าฯ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ได้รับแจ้งมีกลุ่มชายฉกรรจ์ยึดรถประจำทาง ขสมก. ครีมแดง สาย 53 เทเวศร์-รอบเมือง ทะเบียน 11-9242 กทม. จึงแจ้งวิทยุให้สกัดรถไว้ แล้วไปตรวจสอบพบรถประจำทางสายดังกล่าววิ่งไปตามถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ จึงเรียกให้หยุดรถอยู่หลายครั้งแต่คนขับไม่ยอมหยุด ส.ต.ท.บุญทวีจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงยางล้อรถด้านหลังขวา 3 นัด แต่คนขับยังไม่หยุดรถ กระทั่งรถติดไฟแดงอยู่แยก จ.ป.ร. ส.ต.ท.บุญทวีจึงยิงล้อรถขวาด้านหน้าอีกครั้งจนล้อแบนหยุดในที่สุด ก่อนที่ จ.ส.ต.ศิริศักดิ์ ดีนาง ผบ.หมู่งานจราจร และเจ้าหน้าที่สายสืบ สน. นางเลิ้ง ร่วมตรวจสอบ

นอกจากนี้ ยังคุมตัวชายทั้ง 6 คนในรถไว้ได้ มี นายธานี อาจสว่าง อายุ 36 ปี ชาวพังงา นายสมชาย ทองเกียรติ อายุ 31 ปี ชาวสงขลา นายพงษ์พันธ์ กาจันทร์ อายุ 28 ปี ชาวเพชรบูรณ์ นายธีรเดช วรรณา อายุ 48 ปี ชาวภูเก็ต นายชัยวัฒน์ ทับทอง อายุ 44 ปี ชาวประจวบคีรีขันธ์ และนายสมชัย หงสา อายุ 25 ปี ชาวตรัง ค้นภายในรถประจำทางพบกระเป๋าเป้ 4 ใบ ภายในพบอาวุธต่างๆ ซุกซ่อนอยู่ประกอบด้วยอาวุธปืนลูกซองสั้นพร้อมกระสุนปืน 10 นัด ระเบิดปิงปอง 1 ลูก มีดดาบ ท่อเหล็กปลายแหลม สนับมือ หนังสติ๊ก 6 อันพร้อมลูกแก้ว หัวน็อต จำนวนหนึ่ง โดยทั้งหมดต่างปฏิเสธว่าไม่ใช่ของตัวเอง

 

พฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิด 

1. กลุ่มชายฉกรรจ์ยึดรถประจำทาง ขสมก. ครีมแดง สาย 53 เทเวศร์-รอบเมือง ทะเบียน 11-9242 กทม.

 

2. นายธานี อาจสว่าง อายุ 36 ปี ชาวพังงา นายสมชาย ทองเกียรติ อายุ 31 ปี ชาวสงขลา นายพงษ์พันธ์ กาจันทร์ อายุ 28 ปี ชาวเพชรบูรณ์ นายธีรเดช วรรณา อายุ 48 ปี ชาวภูเก็ต นายชัยวัฒน์ ทับทอง อายุ 44 ปี ชาวประจวบคีรีขันธ์ และนายสมชัย หงสา อายุ 25 ปี ชาวตรัง ค้นภายในรถประจำทางพบกระเป๋าเป้ 4 ใบ ภายในพบอาวุธต่างๆ ซุกซ่อนอยู่ประกอบด้วยอาวุธปืนลูกซองสั้นพร้อมกระสุนปืน 10 นัด ระเบิดปิงปอง 1 ลูก มีดดาบ ท่อเหล็กปลายแหลม สนับมือ หนังสติ๊ก 6 อันพร้อมลูกแก้ว หัวน็อต จำนวนหนึ่ง โดยทั้งหมดต่างปฏิเสธว่าไม่ใช่ของตัวเอง

 

ฐานความผิด

1. มาตรา 337 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่น ได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือ โดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือ ทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอม เช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

 

ถ้าความผิดฐานกรรโชกได้กระทำโดย

 

(1) ขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น ให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือขู่ว่าจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ของ ผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือ (2) มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ

 

ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับ ตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พั

 

2. มาตรา 371 ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณโดย เปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มี ขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริงหรือการอื่นใด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน หนึ่งร้อยบาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น

 

 

คนขับเผยการ์ดไหว้ขอรถเมล์ไปทำเนียบ

นายปราโมช วงศ์แก้วทวีศักดิ์ อายุ 48 ปี คนขับรถประจำทางสาย 53 กล่าวว่าก่อนเกิดเหตุมีผู้โดยสารอยู่เต็มคันรถ เมื่อขับรถมาจากเทเวศร์เลี้ยวซ้ายมาตามถนนประชาธิปไตย พบกลุ่มการ์ดพันธมิตรฯ กรูกันขึ้นมาโดยไหว้และบอกกับตนว่าขอความร่วมมือหน่อยให้ขับรถไปที่ทำเนียบ แต่ตนปฏิเสธและบอกพวกเขาว่าให้ขับไปเอง ซึ่งตนก็ขอลงจากรถ แต่พวกเขาไม่ให้ลงตนจึงนั่งลงข้าง ๆ

 

"ตอนนั้นตกใจกลัวด้วยว่าเขาจะมาทำร้าย เลยไม่ได้พูดจาโต้ตอบอะไร ทำตามต้องการของเขา อยากยึดรถก็ให้ยึดไป ส่วนผู้โดยสารเห็นการ์ดพันธมิตรฯ กรูกันเข้ามาก็ลงจากรถไปทันที"

 

นายปราโมช กล่าวต่อว่าตนก็นั่งอยู่ในรถโดยไม่ได้พูดจาอะไรกัน แต่รู้สึกกลัว จนกระทั่งตำรวจมาช่วยเหลือโดยช่วงที่ตำรวจยิงยางรถชุดแรก ตนอาศัยช่วงชุลมุนยกคันเปิดประตูรถออกและเรียกกระเป๋ารถประจำทางหนีลงจากรถ ไปทันที

 

ฐานความผิด

มาตรา 337 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่น ได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือ โดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือ ทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอม เช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

 

ถ้าความผิดฐานกรรโชกได้กระทำโดย

 

(1) ขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น ให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือขู่ว่าจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ของ ผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือ (2) มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ

 

ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับ ตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

 

มาตรา 309 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือ จำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้ กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำ ความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ ถอน ทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารสิทธิอย่างใดผู้กระทำต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

การ์ดพร้อมแฉ หากแกนนำลอยแพ

พ.ต.ท.ภูเบศ เส้นขาว รองผกก.สส.สน.นางเลิ้ง กล่าวว่า เบื้องต้นให้ พ.ต.ท.สมชัย หัสกุล สอบปากคำคนขับรถและกระเป๋ารถประจำทางดังกล่าวไว้เพื่อประกอบสำนวนพร้อมแจ้ง ข้อกล่าวว่า กลุ่มการ์ดพันธมิตรฯ 2 ข้อหา ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ผู้อื่นไม่ได้รับอิสรภาพ และร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำนำตัวไปควบคุมไว้ที่ บช.ตชด. ภาค 1 ต่อไป

 

ขณะที่ นายสมชาย ทองเกียรติ หนึ่งในผู้ต้องหากล่าวยอมรับว่าต้องการยึดรถไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อใช้ป้องกันกระสุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนตนนั้นอาสาเป็นการ์ดพันธมิตรฯ ตั้งแต่แรกเริ่มที่มีการชุมนุม และชวนเพื่อนๆ ที่ถูกจับมาร่วมกันเป็นการ์ด หากทางแกนนำพันธมิตรฯ ปฏิเสธว่าไม่ใช่การ์ดพันธมิตรฯ ก็พร้อมจะให้การเพิ่มเติม และร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการให้ข้อมูลต่าง ๆ

 

 

ผอ.ขสมก.เผยถูกยึดรถเมล์ 4 สาย

นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีรถโดยสารประจำทางของ ขสมก.ใน 4 เส้นทางถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยึดรถและนำไปใช้ประโยชน์ในการชุมนุม ประกอบด้วย สาย 3, 53, 56, และ ปอ.515 ซึ่งเจ้าหน้าที่สายตรวจที่อยู่ในพื้นที่ได้เข้าไปเจรจา และล่าสุดได้ขอคืนรถเมล์สาย 53 กลับมาจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้แล้ว

 

สำหรับการชุมนุมต่อผลกระทบการเดินรถนั้น ขสมก.ได้สั่งการให้เขตพื้นที่เดินรถบางพื้นที่ปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถในบางเส้นทางโดยเฉพาะเส้นทางที่ผ่านการชุมนุม นอกจากนี้ ฝ่ายบริหาร ขสมก.ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเดินรถติดตามสถานการณ์ชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถหรือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที

 

 

ยึดทำเนียบรัฐบาล ดอนเมือง

 

ครม.ประชุมนัดพิเศษ

เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมือง ภายหลังสมาชิกรัฐสภาไม่สามารถประชุมได้ เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรปิดล้อม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เรียกประชุม ครม.นัดพิเศษ ผู้แทนจากหน่วยงานด้านความมั่นคง และผู้เกี่ยวข้องกับร่างสนธิสัญญาทั้ง 24 ฉบับที่ต้องเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเป็นการด่วน เมื่อ

 

ต่อมานายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายชวรัตน์ให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เจรจากับแกนนำ พธม. เพื่อให้ยุติการปิดล้อมรัฐสภา ภายใน 4-5 วันนี้ก่อนการปิดสมัยการประชุม

 

 

พันธมิตรย้ายจากสภาไปปิดดอนเมือง

เวลา 12.30 น. ที่หน้ารัฐสภา นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร ขึ้นประกาศชัยชนะบนเวทีปราศรัยชั่วคราวว่าขณะนี้สภาไม่มีคนอยู่ชุมนุมต่อไปก็จะไม่มีประโยชน์ แต่ทราบว่า ครม.กำลังประชุมนัดพิเศษ ดังนั้นจึงต้องไปไล่ต่อที่ดอนเมือง โดยจะให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรที่อยู่หน้ากระทรวงการคลังเดินทางไปก่อน จากนั้นให้กลุ่มพันธมิตรที่อยู่บริเวณหน้ารัฐสภาทยอยตามไป

 

ขณะที่นายพิชิต ไชยมงคล พิธีกรบนเวที กล่าวเสริมว่า "จะต้องไปยึดดอนเมือง เพื่อไม่ให้มีการประชุม ครม.ได้อย่างเด็ดขาด" ซึ่งหลังนายสมศักดิ์และนายพิชิตพูดจบ ผู้ชุมนุมต่างก็โห่ร้องตอบรับพร้อมรัวมือตบจากนั้นเก็บข้าวของย้ายการชุมนุมหน้ารัฐสภากลับทำเนียบรัฐบาลทันที เพื่อโดยสารรถไปที่ดอนเมือง

บริเวณประตูทางออกจากรัฐสภาด้านถนนราชวิถี มีรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ศส 5656 กทม. จอดปิดประตูทางเข้า พร้อมกับมีสีสเปรย์พ่นรอบรถข้อความว่า "พันธมิตรอินเดีย ทหารอยู่ไหน กูจะไม่ยอมอีกแล้ว" สร้างความชอบใจให้กับผู้ชุมนุมมาก

 

 

คนขับแท็กซี่ปาหินใส่รถพันธมิตร

13.30 น. ขณะที่กลุ่มพันธมิตรบางส่วนนั่งรถบรรทุกถึงปากซอยวิภาวดีรังสิต 3 ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กทม. มีกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ประมาณ 100 คน ที่อยู่หน้าปากซอยดังกล่าว บางส่วนใช้หินขว้างปาใส่รถบรรทุกดังกล่าว ซึ่งกลุ่มพันธมิตรขับผ่าน และบางส่วนซึ่งซุ่มอยู่ที่ตอม่อใต้สะพานหน้าปากซอย ใช้น้ำฉีดใส่ ทำให้กระจกรถยนต์ฟอร์ด ทะเบียน ณค 2562 ชลบุรี แตกได้รับความเสียหาย ต่อมาตำรวจ สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุ จึงเข้ามาระงับเหตุโดยไม่มีเหตุรุนแรงใดเพิ่มเติม

 

ฐานความผิด

มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ลั่นใช้มาตรการสูงสุด 25 พ.ย.

14.20 น. เวทีชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกเวทีพันธมิตร ขึ้นปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่งว่า ขณะนี้พันธมิตรประสบความสำเร็จไปแล้วกับการปิดรัฐสภาไม่ให้มีการประชุม แล้วเราก็ไม่พลาดเข้าไปในรัฐสภา เพราะในนั้นไม่มีคนอยู่ หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วอย่างนี้จะสามารถจบแบบม้วนเดียวอย่างที่บอกได้หรือไม่ ตรงนี้ขอบอกว่าประสบความสำเร็จแล้วกับการไม่มีการประชุมรัฐสภา ส่วนวันที่ 25 พฤศจิกายน จะมีมาตรการสูงสุดเท่าที่มีมา แต่ยังไม่เปิดเผย แต่จะเป็นแบบสูงสุดม้วนเดียวจบ

 

 

เริ่มไปล้อมดอนเมือง สหภาพบินไทยให้น้ำให้อาหาร

จากนั้นพันธมิตรเริ่มไปรวมกันบริเวณหน้าทางเข้าสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และนำรถขยายเสียงมาเปิดปราศรัยชั่วคราว นายศิริชัยประกาศบนเวทีว่าอาจปักหลักชุมนุมอย่างน้อย 3 วัน ซึ่งมีผู้ชุมนุมทยอยสมทบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สหภาพการบิน ไทยได้สนับสนุนอาหารและเครื่องดื่มให้ผู้มาร่วมชุมนุมด้วย

 

ทางด้านตำรวจระดมกำลังจาก สน.ใกล้เคียงมารักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมหลายร้อยนาย กระจายกำลังกันตรึงพื้นที่บริเวณห้องรับรองพิเศษ ที่เป็นห้องทำงานของนายกฯ และรองนายกฯ อีกทั้งยังนำรถควบคุมตัวผู้ต้องหามาเตรียมพร้อมอย่างน้อย 10 คันด้วย และมีการปิดทางยกระดับเข้าอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเพื่อป้องกันพันธมิตรเข้ามาสมทบเพิ่มเติม

 

 

ขู่ปิดสุวรรณภูมิต้อนรับสมชาย

เวลา 14.00 น. แกนนำกลุ่มพันธมิตร ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย มาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองด้วยรถบรรทุกดัดแปลงเป็นเวทีปราศรัย โดยนายสมศักดิ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า จะปักหลักชุมนุมอยู่ที่ดอนเมืองจนกว่าจะไม่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น เดินทางมาสมทบกว่า 5,000 คน และขนเสบียงอาหารกล่อง น้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง และขนมมาสนับสนุนเป็นจำนวนมาก โดยใช้พื้นที่บริเวณลานจอดรถชั้น 2 หน้าสำนักงานการท่าอากาศยานเป็นที่ชุมนุม และการ์ดพันธมิตรเตรียมตั้งจุดตรวจบริเวณทางขึ้นสะพานลอยทางฝั่งวัดดอนเมือง ส่งผลให้การจราจรบนถนนวิภาวดีฯฝั่งขาออกติดขัดอย่างหนัก ทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาบางส่วนเกิดความไม่พอใจและได้บีบแตรเสียงดังสนั่น

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โฆษกบนเวทีกลุ่มพันธมิตรประกาศอีกด้วยว่าจะมีการชุมนุมยืดเยื้อที่ทำเนียบดอนเมืองต่อไปอีก 3 วัน และหากผู้ชุมนุมมามาก ก็จะไปรับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะเดินทางกลับจากประเทศเปรู ที่สนามบินสุวรรณ ภูมิ หรืออาจจะมีการปิดสนามบินเพื่อไม่ให้เครื่องบินของนายสมชายลงจอดได้ โดยจะได้รับความร่วมมือจากสหภาพแรงงานการท่าอากาศยาน และสหภาพแรงงานการบินไทยเป็นผู้ร่วมดำเนินการ

 

ปล่อยลมยางรถบริเวณดอนเมือง

การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมืองและอาคารวีไอพี ซึ่งเป็นที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ในช่วงเย็นวันนี้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ทำการปล่อยลมยางรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้าโรงอาหารหลายคัน ซึ่งรถเหล่านั้นไม่ใช่รถของตำรวจหรือรถของรัฐมนตรีที่กลุ่มพันธมิตรมาขับไล่แต่อย่างใด นอกจากนั้นก็มีผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามงัดลิฟท์ซึ่งเป็นทางขึ้นไปยังอาคารห้องรับรองพิเศษซึ่งเป็นสถานที่ทำงานและประชุมของครม.และเจ้าหน้าที่ และก็ยังมีความพยายามที่จะงัดประตูทางเข้าของอาคาร 1 ทุกประตูเพื่อที่จะเข้าไปด้านใน ทั้งนี้มีผู้ชุมนุมบางส่วนสามารถขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารสำนักงานการท่าอากาศยานฯ เพราะมีข่าวปล่อยว่ายังมีรัฐมนตรีและคนของรัฐบาลยังอยู่ในอาคาร

 

ฐานความผิด

มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

สาดน้ำใสๆ เหนียวๆ ใส่รถนักข่าวสาวไอเอ็นเอ็น

นอกจากนี้ผู้ชุมนุมบางคนได้สาดน้ำจากชั้น 2 ลงมาใส่หลังคารถส่วนตัวของผู้สื่อข่าวผู้หญิงจากสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ที่ติดสติ๊กเกอร์หน้ารถ ซึ่งผู้สื่อข่าวเจ้าของรถได้ทำการตรวจสอบน้ำดังกล่าวพบว่ามีลักษณะใส เหนียวๆ

 

ส่วนการดูแลสุขลักษณะการขับถ่ายของผู้ชุมนุม ขณะนี้กทม.ได้จัดส่งรถสุขาจำนวน 4 คันมาคอยบริการผู้ชุมนุม

 

พ.ต.อ.พัชระ บุญสิทธิ์ ถูกทำร้ายที่ทำเนียบชั่วคราวดอนเมือง

ที่มาของภาพ: คุณหมูเหมียว http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7244787/P7244787.html

 

 

 

คลิป พ.ต.อ.พัชระ บุญสิทธิ์ ถูกทำร้ายที่ทำเนียบชั่วคราวดอนเมือง

ที่มา: ช่อง 9 อสมท. บันทึกโดยคุณ demagugoing

http://www.youtube.com/watch?v=R3YVxbMko1U

 

 

 

 

รุมทำร้าย ถ่มน้ำลายรด พ.ต.อ.พัชระ ก่อนซัดน่วม

เวลา 17.00 น. ที่บริเวณหน้าลิฟต์ ชั้น 1 ที่อาคารห้องรับรองพิเศษซึ่งเป็นที่ทำงานของนายกฯ ขณะ พ.ต.อ.พัชระ บุญสิทธิ์ รอง ผบก.บก.น.4 ออกจากโรงอาหาร ผ่านจุดที่กลุ่มผู้ชุมนุมงัดลิฟต์อยู่ ปรากฏว่ามีผู้ชุมนุมบางส่วนไปกระพือมือตบ และโห่ไล่ พร้อมทั้งตะโกนด่าว่าไอ้ฆาตกร

 

พ.ต.อ.พัชระได้ยกมือขอร้อง และ พยายามเดินหนี แต่ผู้ชุมนุมบางส่วนวิ่งมาบ้วนน้ำลายใส่ศีรษะของ พ.ต.อ.พัชระ จนชุ่มไปทั้งศีรษะ พร้อมกับปาขวดน้ำ ไข่ไก่ต้มสุข และผลส้มใส่ จน พ.ต.อ.พัชระต้องรีบวิ่งหนี  โดยมีการ์ดพันธมิตรบางส่วนเข้ามาห้ามปราม แต่ไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ได้

 

เมื่อ พ.ต.อ.พัชระวิ่งมาถึงบริเวณทางเข้าตึกอาคารรับรองพิเศษต่างประเทศ มีผู้ชุมนุมคนหนึ่งวิ่งมากระโดดถีบ พ.ต.อ.พัชระจนล้มลง จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมก็รุมกันเข้าทำร้าย ตำรวจที่ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวต้องเข้ามาช่วยกันดึง พ.ต.อ.พัชระออกมาจากที่เกิดเหตุแล้วรีบพาเข้าไปในตัวอาคารทันที ซึ่งปรากฏว่าบริเวณศีรษะและคิ้วมีรอยบวมปูดอย่างเห็นได้ชัด โดยในระหว่างนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในอารมณ์เดือดได้พากันขว้างปาขวดน้ำ ขวดแก้วเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนรักษาความปลอดภัย และสื่อมวลชนที่อยู่หน้าตึก  จนต้องกระโดดหลบกันจ้าละหวั่น

 

นายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรกล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรทราบข่าวว่ามีนักการเมืองติดอยู่ในลิฟต์ เมื่อเปิดลิฟต์ออกมา พบว่านายตำรวจคนดังกล่าวเดินออกจากลิฟต์และพูดจาไม่เหมาะสม ท้าทายกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด จนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมได้

 

ฐานความผิด

มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

 

 

ตำรวจถอนกำลัง ม็อบนั่งประชุม ครม. สนุกสนาน

เวลา 18.30 น. ตำรวจที่คอยอารักขาความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานดอนเมืองหลายร้อยนายได้ถอนกำลังออกจากท่าอากาศยานดอนเมืองทั้งหมด โดยทำทีเหมือนเป็นการเปลี่ยน กำลังพล แต่กลับไม่มีตำรวจเข้ามาทดแทนแต่อย่างใด ทำให้ภายในท่าอากาศยานดอนเมืองมีแต่กลุ่มพันธมิตร

 

ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน บุกเข้าไปยังห้องประชุมคณะรัฐมนตรี โดยเข้าไปนั่งเล่นในที่นั่งของนายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรีคนอื่นๆ พร้อมงัดมือตบขึ้นมาโชว์ให้ช่างภาพถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน

 

000

 

 

25 พ.ย. 2551

พันธมิตรเคลื่อนพลทางไกลแต่รุ่งสางแบ่งกำลังจากทำเนียบสมทบดอนเมือง ดาวกระจายบุกกองทัพไทย ก่อนเคลื่อนสนามบินสุวรรณภูมิปิดประเทศ ลูกเรือ-ผู้โดยสารตกเครื่องระนาว เกิดเหตุปะทะกลุ่มคนเสื้อแดงกลางถนน มีเสียงปืนลั่น เจ็บ 11 ราย ตำรวจรวบการ์ดพันธมิตร ค้นรถเจออูซี่-กระสุนอื้อ ระบุเป็นปืนที่หายไปจากทำเนียบ

 

 

ยึดดอนเมือง ดาวกระจายกองทัพไทย

 

พันธมิตรฯ เบ่งขึ้นทางด่วนฟรี เคลื่อนจากทำเนียบสมทบดอนเมือง

เวลา 03.40 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล เวทีปราศรัยเปิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากปิดเมื่อเวลา 24.00 น. โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ขึ้นประกาศให้เตรียมตัวออกเดินทางไปสนามบินดอนเมือง เพื่อยึดทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ไม่ให้ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยผู้ร่วมชุมนุมทยอยออกจากทำเนียบไปยังสนามม้านางเลิ้งเพื่อขึ้นรถ โดยมีนายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตร นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตร และนายศิริชัย ใสสะอาด หัวหน้าการ์ดพันธมิตร รออยู่ โดยมีรถโดยสารขนาดใหญ่ รถบรรทุก 10 ล้อ รถเก๋ง รถกระบะ และรถตู้จำนวนมากมารอรับ

 

จากนั้นขบวนรถทั้งรถบรรทุก รถเก๋ง รถตู้ รวมทั้งรถกระบะเคลื่อนไปขึ้นทางด่วนที่ด่านยมราช โดยเจ้าหน้าที่ด่านจะเก็บค่าผ่านทาง แต่กลุ่มพันธมิตรไปกดดันให้เปิดทางจนต้องยอมให้ขึ้นทางด่วนฟรี โดยรถกระบะที่มีผู้โดยสารท้ายกระบะ ซึ่งไม่สามารถขึ้นทางด่วนได้ ก็ได้ขึ้นไปด้วย

 

ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนขึ้นรถไฟดีเซลราง ซึ่งเป็นรถไฟฟรีตามโครงการรัฐบาล ที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย จัดไว้ให้ 3 ตู้ ให้ผู้ชุมนุมไปลงที่สถานีดอนเมือง แต่ระหว่างที่รถไฟจอดรอที่สถานียมราชประมาณ 5 นาที มีชาวบ้านบริเวณดังกล่าวจุดประทัดใส่กลุ่มพันธมิตรเป็นระยะ

 

ต่อมาเวลา 11.30 น. โฆษกบนเวทีที่ทำเนียบประกาศระดมพลกันอีกครั้งเพื่อเดินทางไปสมทบที่สนามบินดอนเมือง โดยมีรถบัสมารอรับหน้าสนามม้านางเลิ้ง และลานพระบรมรูปทรงม้า ขณะที่ผู้ชุมนุมในทำเนียบยังมีอยู่ประมาณ 1 พันคน โดย พล.ต.จำลองยังปักหลักอยู่ที่ทำเนียบ

 

ฐานความผิด

มาตรา 215 ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิด การวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ถ้าผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ บรรดาผู้ที่กระทำความ ผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

 

ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการ กระทำความผิดนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

 

 

ความรับผิดทางแพ่ง

มาตรา 420 ประกอบ มาตรา 432                 

 

มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่น โดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่า ผู้นั้นทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

 

มาตรา 421 การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย

 

มาตรา 432 ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดย ร่วมกันทำละเมิด ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสิน ไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณี ที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำพวกที่ทำละเมิดร่วมกันนั้น คนไหน เป็นผู้ก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วย

 อนึ่ง บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำละเมิด ท่านก็ ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำละเมิดร่วมกันด้วย

 ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน นั้น ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาลจะวินิจฉัยเป็นประการอื่น

 

มาตรา 448 สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการ ละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับ แต่วันทำละเมิด

 

ผู้มีสิทธิฟ้องแพ่ง

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย บริษัทท่าอากาศยานดอนเมือง ผู้โดยสารและกิจการที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินดอนเมือง

 

 

รวมพลดอนเมืองก่อนดาวกระจาย

ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว สนามบินดอนเมือง ในช่วงเช้า แกนนำพันธมิตรประกาศยุติการปราศรัยชั่วคราว เพื่อให้ผู้ชุมนุมที่เหน็ด เหนื่อยมาตลอดทั้งคืนได้พักผ่อน ขณะที่กองทัพธรรมตั้งโรงทานขึ้นที่บริเวณชั้น 2 อาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อประกอบอาหารแจกจ่ายผู้ชุมนุม ส่วนรถของผู้ชุมนุมจากทำเนียบมาถึงตั้งแต่เช้ามืดกระจายจอดตามจุดต่างๆ ขณะที่การ์ดอาสาคอยเฝ้าทางเข้าออกทำเนียบชั่วคราวอย่างเข้มงวด และส่งชุดตรวจการณ์ไปประจำบนยอดตึกสำนักงานการท่าอากาศยานฯ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวบนทางด่วนโทลล์เวย์

 

ส่วนทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดส่งรถสุขา 6 คัน มาให้บริการ แต่เพียงไม่นานรถสุขาทุกคันก็เต็มหมด เช่นเดียวกับห้องสุขาภายในห้องวีไอพี เนื่องจากมีผู้ชุมนุมเข้าใช้จำนวนมาก จนมีกลิ่นเหม็นคลุ้งกระจายไปทั่ว นอกจากนี้น้ำประปาในอาคารดังกล่าวก็หยุดไหล

 

09.30 น. โฆษกบนเวทีขึ้นประกาศให้ผู้ชุมนุมเตรียมตัวเคลื่อนขบวนดาวกระจายอีกครั้ง แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะไปที่แห่งไหน ทำให้ผู้ชุมนุมที่พักผ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ เก็บข้าวเก็บของสัมภาระเตรียมพร้อม

 

 

เคลื่อนม็อบหลักร้อยบุก "กองทัพไทย"

 10.45 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรขึ้นปราศรัยบนเวทีชั่วคราวว่า พันธมิตรจะต้องยกระดับการเคลื่อนไหวให้เข้มข้นมากขึ้น ขณะนี้พันธมิตรบรรลุความสำเร็จแล้ว 2 ใน 3 ข้อ คือ คัดค้านไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากการปิดรัฐสภาเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และขัดขวางไม่ให้มีการประชุม ครม. เหลืออยู่เพียงข้อเดียวคือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีต้องออกไปเท่านั้น

 

ขณะที่นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรขึ้นกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลจะย้ายไปประชุม ครม.ที่ไหน เราก็จะตามไปไล่ที่นั่น ได้ยินมาว่าเวลา 14.00 น. จะมีการประชุม ครม.ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ ดังนั้น ขอให้พี่น้องตามไปไล่ที่กองทัพไทยด้วย

 

 

ทหารห้ามเข้ายันไม่มีประชุมครม.

 12.00 น. พันธมิตรกว่า 10 คน นั่งรถยนต์ 3 คัน เป็นหน่วยล่วงหน้าเดินทางไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อไปถึงประตูทางเข้า ปรากฏว่านายทหารไม่อนุญาตให้รถยนต์ของพันธมิตรเข้าโดยเด็ดขาด และว่า ภายในกองบัญชาการกองทัพไทย ไม่มีการประชุม ครม.นัดพิเศษ แต่กลุ่มพันธมิตรก็ยังปักหลักรออยู่ที่ด้านหน้า

 

ส่วนบรรยากาศภายในกองบัญชาการกองทัพไทย เจ้าหน้าที่ทยอยให้รถยนต์ของบุคคลภายนอกออกจากกองทัพไทย และเตรียมรถดับเพลิงและรถบรรทุกน้ำ เตรียมป้องกันเหตุ พร้อมเตรียมกำลังทหารพร้อมโล่ประมาณ 20 นาย เสริมกำลัง

 

 13.45 น. ที่บริเวณสี่แยกมิสกวัน และบริเวณแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ กลุ่มผู้ชุมนุมทยอยขึ้นรถกระบะเพื่อไปสมทบที่กองบัญชาการกองทัพไทย

 

14.30 น. กลุ่มพันธมิตรประมาณ  500 คน เคลื่อนขบวนจากสนามบินดอนเมือง โดยรถตู้และรถบัส เคลื่อนขบวนไปสมทบที่กองบัญชาการกองทัพไทย

 

16.00 น. นายประพันธ์ คูณมี อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แนวร่วมพันธมิตร เดินทางไปกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้กองทัพจัดการรัฐบาลที่หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว โดยมี พล.ท.สุรัตน์ วรรักษ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือน กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นตัวแทนรับหนังสือและกล่าวยืนยันว่าไม่มีการประชุม ครม.นัดพิเศษ ดังนั้น ขอร้องให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับบ้าน จากนั้นผู้ชุมนุมพันธมิตรยอมสลายตัว โดยแกนนำบนเวทีปราศรัยชั่วคราวว่า ขณะนี้มีพี่น้องไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ดังนั้นขอให้พี่น้องไปสมทบกันที่นั่น

 

 

ปิดประเทศ ยึดสุวรรณภูมิ

 

พันธมิตรเคลื่อนบุก "สุวรรณภูมิ"

นอกจากนี้ในเวลา 14.30 น. ผู้ชุมนุมที่ดอนเมือง ทยอยขึ้นรถบรรทุก รถตู้ และรถยนต์ส่วนตัวหลายสิบคันไปปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับจากประเทศเปรู วันที่ 26 พฤศจิกายน

 

 15.00 น. กลุ่มพันธมิตรเข้าไปในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเดินจากทางเชื่อมมอเตอร์เวย์ พร้อมรถบัส 3 คัน จอดขวางอยู่บริเวณทางเข้าหลัก 4 ช่องทาง และมีรถสองแถวขับนำหน้ากลุ่มพันธมิตรกว่า 1 พันคนที่เดินเท้าเข้ามาบริเวณชั้น 4 ของสนามบินสุวรรณภูมิ  โดยเส้นทางหลักทั้ง 4 เส้นทางผู้โดยสารไม่สามารถเดินทางเข้าไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้ เพราะการจราจรติดขัดอย่างหนัก นอกจากนี้ยัง มีรถ 6 ล้อที่ติดตั้งเครื่องเสียง พยายามขับรถเข้ามาบริเวณชั้น 4 อีกด้วย

 

ต่อมาเวลา 16.00 น. กลุ่มพันธมิตรหลายพันคน นำโดยนายศรัณยู วงษ์กระจ่าง ใช้ รถยนต์ส่วนตัวและรถบรรทุก 6 ล้อไปปิด เส้นทางมอเตอร์เวย์ ทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ      ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จากนั้นใช้รถบรรทุกพร้อมเครื่องขยายเสียง 2 คัน จอดขวางปิดทางแยกยกระดับ อยู่ห่างจากอาคารที่พักผู้โดยสารประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นทางตัดกับถนนบางนา-ตราด ที่จะมุ่ง  เข้าสู่ลาดกระบัง ทำให้การจราจรเป็นอัมพาต รถยนต์ติดยาวหลายกิโลเมตร

 

จากนั้นนายศรัณยูกล่าวปราศรัยให้แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรอยู่ในความสงบ รวมทั้งให้หาที่พักผ่อน เพื่อรอกลุ่มพันธมิตรจากส่วนกลางที่กำลังเดินทางมาร่วมสมทบ จนเมื่อเวลา 19.30 น. กลุ่มพันธมิตรทยอยเดินทางมาสมทบเพิ่มขึ้น ร่วมหมื่นคนแล้ว

 

ฐานความผิด

1. มาตรา 215 ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิด การวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ถ้าผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ บรรดาผู้ที่กระทำความ ผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

 

ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการ กระทำความผิดนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

2. มาตรา 362 ประกอบ มาตรา 365 และมาตรา 366

 

มาตรา 362 ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการ ครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไป กระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ ไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

มาตรา 365 ถ้าการกระทำความผิดตาม มาตรา 362 มาตรา 363 หรือ มาตรา 364 ได้กระทำ

 (1) โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย

 (2) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคน ขึ้นไป หรือ

 (3) ในเวลากลางคืน

 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

 

มาตรา 366 ความผิดในหมวดนี้ นอกจากความผิดตาม มาตรา 365 เป็นความผิดอันยอมความได้

 

3. มาตรา 229 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ทางสาธารณ ประตูน้ำทำนบ เขื่อน อันเป็นส่วนของทางสาธารณ หรือที่ขึ้นลงของ อากาศยาน อยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การ จราจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

                       

                       

 

คนขับรถแท็กซี่ดักทำร้ายพันธมิตรที่เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ

ที่มาของคลิป: ช่อง 7 บันทึกโดยคุณ DecoderX

http://www.youtube.com/watch?v=X8W_Bx8YDiI&NR=1

 

 

 

เหตุการณ์ที่ถนนวิภาวดี ซอย 3 เมื่อ 25 พ.ย. 2551

ที่มา: คุณ jubchay

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7246836/P7246836.html

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7247610/P7247610.html

 

 

เหตุการณ์ที่ถนนวิภาวดี ซอย 3 เมื่อ 25 พ.ย. 2551

ที่มา: ภาพจาก TPBS

 

 

 

เหตุการณ์ที่ถนนวิภาวดี ซอย 3 เมื่อ 25 พ.ย. 2551

ที่มาของคลิป: TPBS บันทึกโดยคุณ rajdamnuen

http://www.youtube.com/watch?v=saaYx6yun2g

 

 

 

 

 

 

การ์ดพันธมิตรโชว์ยิงฝ่ายหนุนรัฐบาลกลางถนน

บริเวณปากซอยวิภาวดีฯ 3 (ขาออก) ถนนวิภาวดีรังสิต ว่า มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 50 คนถืออาวุธมีด ไม้ ท่อนเหล็ก ยืนโบกธงชาติอยู่ปากซอยพร้อมส่งเสียงร้องไล่กลุ่มพันธมิตร

 

ต่อมาเวลา 17.10 น. ขณะกลุ่มพันธมิตรประมาณ 30 คน นั่งรถบรรทุก 6 ล้อ มาตามถนนวิภาวดีรังสิต (ขาเข้า) ถึงบริเวณปากซอยวิภาวดี 20 ตรงข้ามซอย  วิภาวดีฯ 3  (ขาออก) ถูกคนกลุ่มบุคคลไม่ทราบว่าเป็นฝ่ายใดขว้างก้อนหินใส่รถกลุ่มพันธมิตร ทำให้คนขับรถบรรทุกจอดรถกลางถนน เยื้องซอยวิภาวดีฯ 3 จากนั้นกลุ่มพันธมิตรถืออาวุธมีด ไม้ วิ่งลงจากรถกรูกันข้ามเกาะกลางถนนตัดหน้ารถที่วิ่งสัญจรผ่านไป-มา ทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์แตกตื่น

จากนั้นกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มคนเสื้อแดงต่างใช้อาวุธขว้างใส่กันไป-มา และมีเสียงคล้ายอาวุธปืนดังติดต่อกันหลายนัด ซึ่งพบว่ามีชายสวมเสื้อลายพรางทหารยืนอยู่ตอนหัวของรถบรรทุกเป็นคนยิง ทั้งสองฝ่ายใช้เวลาขว้างปาสิ่งของและทำร้ายกันนานกว่า 20 นาที ทำให้การจราจรบนถนนวิภาวดีฯ ทั้งสองฝั่งติดยาว ประชาชนที่อยู่บนรถประจำทาง ต้องลงมาเดินเท้าแทน

 

 

สื่อนอกชี้พันธมิตรยิง-แดงเจ็บ 11

ต่อมาทางกลุ่มพันธมิตรประกาศผ่านเครื่องเสียงให้กลุ่มคนเสื้อเหลืองถอยกลับมาขึ้นรถ แต่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงขว้างสิ่งของใส่อีก ทำให้กลุ่มคนเสื้อเหลืองไม่พอใจ ย้อนกลับมาใช้ไม้ขว้างปาใส่กลุ่มคนเสื้อแดงและวิ่งไล่ทำร้ายกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปในซอยวิภาวดีฯ 3 โดยกลุ่มพันธมิตรบางส่วนทำลายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บริเวณปากซอยวิภาวดี 3 จากนั้นนำรถจักรยานยนต์และยางรถยนต์มาเผาจนเกิดเพลิงลุกไหม้ เวลาผ่านไปอีก 10 นาที กลุ่มพันธมิตรจึงล่าถอยกลับขึ้นรถพร้อมส่งเสียงร้องแสดงความชัยชนะ หลังสถานการณ์คลี่คลายปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงได้รับบาดเจ็บ 11 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลเปาโล

 

สำนักข่าวต่างประเทศทั้งเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์รายงานโดยอ้างภาพที่เห็นจากสถานีโทรทัศน์ของไทยว่า กลุ่มต่อต้านรัฐบาลได้ยิงปืนไม่น้อยว่า 6 นัดเข้าใส่กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลกลางถนน เหตุปะทะกันดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ     กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลขว้างหินใส่รถบรรทุกกลุ่มพันธมิตร ที่เดินทางมาจากสนามบินดอนเมือง ทำให้กลุ่มพันธมิตรใช้ปืนสั้นอย่างน้อย 2 กระบอกยิงโต้ จากนั้นจึงวิ่งไล่ตามกลุ่มผู้ซุ่มโจมตีหลายสิบคน ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศระบุว่า   ผู้ที่อยู่บนรถบรรทุกที่ใส่ชุดพรางพร้อมผูกผ้าเหลืองคือกลุ่มที่ถูกเรียกว่าการ์ดของพันธมิตร

 

ฐานความผิด

มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

มาตรา 299 ผู้ใดเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

โชเฟอร์แท็กซี่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ หลังรวมตัวสกัดพันธมิตรยึดสุวรรณภูมิ

ขณะเดียวกัน บริเวณจุดบริการรถยนต์แท็กซี่สาธารณะ ที่ตั้งอยู่ด้านล่างทางยกระดับ มีกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่หลายร้อยคนรวมตัวกันถือท่อนไม้และเหล็กปิดเส้นทางขวางไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้พันธมิตรอีกกลุ่มหนึ่งผ่านขึ้นไปสมทบกับกลุ่มพันธมิตรที่ปิดเส้นทางอยู่ด้านบน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลประมาณ 300 นาย พร้อม โล่และกระบองเข้าเคลียร์พื้นที่ ไล่กลุ่มผู้ขับ  รถแท็กซี่ให้ออกนอกพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกัน

 

18.30 น. กลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ประมาณ 200 คน จับกลุ่มและย้อนกลับมาอีกครั้ง พร้อมส่งเสียงตะโกนขับไล่พันธมิตร เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลต้องรีบเข้าสกัด แยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ท่ามกลางเสียงตะโกนโห่ร้องและก่นด่าใส่กัน โดยฝ่ายพันธมิตรใช้ลูกเหล็กยิงด้วยหนังสติ๊ก ส่วนฝ่ายตรงข้ามใช้ท่อนไม้และเหล็กขว้างปาตอบโต้กันอย่างชุลมุน ทำให้ตำรวจปราบจลาจลที่อยู่ตรงกลางต้องวิ่งหลบและใช้โล่กำบัง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถผลักดันกลุ่มรถแท็กซี่ออกไปจนได้

 

นายธนพล สมสุข อายุ 38 ปี คนขับรถแท็กซี่ เผยว่า ที่พวกตนรวมตัวขัดขวาง เพราะไม่พอใจที่พันธมิตรปิดล้อมสนามบิน ทำให้พวกตนขาดรายได้ อีกทั้งก่อนหน้าที่พันธมิตรจะปิดสนามบินนั้น มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งใช้รถกระบะ 3-4 คัน ขับมาสังเกตการณ์เส้นทาง เมื่อผ่านบริเวณจุดจอดรถแท็กซี่ของพวกตน ชายฉกรรจ์ในรถกระบะคันหนึ่งที่มีสัญลักษณ์กาชาดสีแดงติดข้างรถ ใช้ปืนยิงใส่กลุ่มพวกตน ถูกคนขับรถแท็กซี่รายหนึ่งที่ขาซ้ายได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ฯ

 

 

 

"ผู้โดยสาร-ลูกเรือ" ตกเครื่อง

นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า มอบนโยบายให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.จัดที่ให้พันธมิตรที่ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรักษาภาพพจน์ของสนามบินนานาชาติ ไม่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตกใจ และไม่ให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามทราบว่ามีผู้โดยสารและลูกเรือบางส่วนตกเครื่องและมีผู้โดยสารบางส่วนเลื่อนการเดินทางออกไป

 

นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ทอท. กล่าวว่า ประสานงานไปยังทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมรับสถานการณ์แล้ว โดยตำรวจได้ตั้งด่านตรวจค้นตามเส้นทางเข้าออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้การจราจรติดขัด โดยส่งเจ้าหน้าที่เจรจาขอให้กลุ่มพันธมิตรชุมนุมกันอย่างสงบ และขอให้เปิดเส้นทางจราจรเพื่อให้รถที่จะเข้าไปรับส่งผู้โดยสารเข้าออกได้ โดย ทอท.จัดสถานที่บริเวณลานจอดรถ 4 ด้านข้างอาคารเทียบเครื่องบินจี ไว้รองรับ เพื่อไม่ให้การชุมนุมกระทบต่อการเดินทางของผู้โดยสาร พร้อมกันนี้ยังเตรียมน้ำดื่ม และรถสุขาไว้คอยอำนวยความสะดวกด้วย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้โดยสารทั้งคนไทยและต่างชาติต้องลากกระเป๋าเดินทางจากถนนยกระดับด้านหน้าอาคารผู้โดยสารเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสาร ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร เพราะการจราจรติดขัด ทำให้ ทอท.สั่งปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 21.00 น. ห้ามเครื่องบินขึ้นลงเพื่อความปลอดภัย

 

ฐานความผิด 

1. มาตรา 358 ประกอบ 359 ประกอบ 361

มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

มาตรา 359 ถ้าการกระทำความผิดตาม มาตรา 358 ได้กระทำต่อ

 (1) เครื่องกลหรือเครื่องจักรที่ใช้ในการประกอบกสิกรรม หรือ อุตสาหกรรม

 (2) ปศุสัตว์

 (3) ยวดยานหรือสัตว์พาหนะที่ใช้ในการขนส่งสาธารณ หรือในการ ประกอบกสิกรรมหรืออุตสาหกรรม หรือ

 (4) พืชหรือพืชผลของกสิกร

 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

มาตรา 361 ความผิดตาม มาตรา 358 และ มาตรา 359 เป็นความผิดอันยอมความได้

 

 2. มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการ ใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

3. มาตรา 385 ผู้ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีด ขวางทางสาธารณ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความ สะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วย ประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

                                               

 

ความรับผิดทางแพ่ง มาตรา 420 ประกอบ มาตรา 432                 

 

มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่น โดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่า ผู้นั้นทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา 421 การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย

 

มาตรา 432 ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดย ร่วมกันทำละเมิด ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสิน ไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณี ที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำพวกที่ทำละเมิดร่วมกันนั้น คนไหน เป็นผู้ก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วย อนึ่ง บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำละเมิด ท่านก็ ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำละเมิดร่วมกันด้วย ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาลจะวินิจฉัยเป็นประการอื่น

 

มาตรา 448 สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการ ละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับ แต่วันทำละเมิด

 

ผู้มีสิทธิฟ้องแพ่ง

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิด อาทิเช่น สายการบิน บริษัทเจ้าของสินค้าที่ได้รับความเสียหายจากการขนส่งไม่เป็นไปตามกำหนด ผู้โดยสารชาวต่างชาติจำนวนประมาณ 350,000 คน (นับถึงวันที่ 3 ธ.ค. ซึ่งอาจมีเพิ่มเติม หากผู้โดยสารที่ตกค้างอื่นๆ ถึงกำหนดเดินทางแล้วไม่สามารถเดินทางได้) ร้านค้าที่ได้รับความเสียหายอันเกิดจากการไม่สามารถประกอบกิจการได้เนื่องจากการกระทำละเมิด ฯลฯ

 

ขอบเขตความรับผิด

รับผิดตั้งแต่มีความเสียหายอันเกิดจากการละเมิด และดอกเบี้ยนับจากวันที่เกิดความเสียหายจากการละเมิด

 

 

ผู้ชุมนุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ที่มาของคลิป: ช่อง 9 อสมท. บันทึกโดยคุณ Demagugoing

http://www.youtube.com/watch?v=nLp78-lRkWI&feature=related

 

 

 

 

ทอท.สั่งปิดสนามบินทั้งขาเข้า-ออก

 21.00 น. นายเสรีรัตน์กล่าวว่า หลังจากกลุ่มพันธมิตรกว่า 1,000 คน บุกรุกเข้าไปยังอาคารผู้โดยสารชั้น 4 และชั้น 2 ของสนามบินสุวรรณภูมินั้น ทำให้หลายฝ่าย  ที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ ประกอบกับได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทร ปราการ หน่วยงานความมั่นคงให้ส่งกำลังมา   ช่วยเหลือ แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับ ดังนั้นจึงหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องและมีความเห็นว่าให้ปิดการใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิทั้งขาเข้า-และขาออกไปก่อนโดยไม่มีกำหนด โดยเฉพาะขาออก ไม่ให้เครื่องบินทั้งหมดบินขึ้น ส่วนผู้โดยสารที่เดินทางแล้วและอยู่บนเครื่องบิน บนน่านฟ้าประเทศไทย ทางหอบังคับการบินแจ้งไปยังกัปตันทุกสายการบินแล้ว โดยจะระบายเครื่องบินสายการบินต่างๆ ภายใน 02.00 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน

 

ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ภายหลังจากที่หารือร่วมกันพบว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เมื่อขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานความมั่นคงกลับไม่ได้รับการตอบรับ โดยให้ช่วยเหลือตัวเองไปก่อน ดังนั้นจึงต้องปิดการให้บริการสนามบินสุวรรณภูมิทั้งขาเข้า-ขาออก อย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้เตรียมสนามบินดอนเมือง และสนามบินต่างจังหวัดไว้รองรับสายการบินแล้ว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าร้านค้าที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงในสุวรรณภูมิ ได้ปิดร้านทันที

 

 

ทอท.วอนผบ.ทบ.ส่งกำลังช่วย

 21.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กลุ่มพันธมิตรต่างเดินกรูเข้ามาที่อาคารผู้โดยสารขาออกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ ทอท. ได้ขอร้องให้เดินทยอยเข้ามา เพราะไม่ต้องการให้ผู้โดยสารรู้สึกหวาดกลัวหรือเกิดความโกลาหล อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบอยู่ด้านนอก ได้มีชายคนหนึ่งเข้ามาตบศีรษะเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ทำให้กลุ่มพันธมิตรที่เห็นเหตุการณ์เข้าไปล้อมชายดังกล่าวกระทั่งเกิดการชุลมุน จนชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บถูกตีศีรษะแตก

 

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า ก่อนจะบุกยึดอาคารผู้โดยสาร นายขวัญชัย วงศ์นิติกรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ประสานไปยังแม่ทัพภาค 1 ให้ส่งกำลังทหารมาช่วยสกัดกั้นกลุ่มพันธมิตรไม่ให้เข้าไปในตัวอาคาร เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่อยู่ภายในอาคารหลายพันคน แต่กลับได้รับคำตอบจากทางทหารว่า ให้ใช้กำลังตำรวจรักษาการณ์ไปก่อน ทางจังหวัดจึงพยายามรวบรวมกำลังตำรวจทั้งจังหวัด ร่วมทั้งพื้นที่ข้างเคียง แต่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียง 800 นาย ทำให้ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรจึงสามารถบุกเข้ายึดอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิได้ในที่สุด

 

นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ รักษาการการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.เปิดเผยว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการมีหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารบกว่า สถานการณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิมีกลุ่มพันธมิตรมาชุมนุมจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่า จะมีการต่อต้านและก่อเหตุรุนแรง จนตำรวจภูธร จ.สมุทรปราการ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการตอบสนอง จึงขอวิงวอนให้ทหารเข้าช่วยสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความสงบโดยเร่งด่วน ด้วยมิฉะนั้นจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ

21.30 น. พล.ต.จำลองได้ประกาศว่า พันธมิตรได้ยึดสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว แต่ยังไม่มั่นคงเพียงพอ ขอให้ระดมกำลังเข้าไปเพิ่มอีก พร้อมระบุว่า ยังมีสถานที่ที่น่าจะไปอีก และในวันที่ 26 พฤศจิกายน จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ควรจะเคลื่อนไปปิดล้อมด้วย ส่วนการประชุม ครม.รัฐบาลอย่ามาปิดเลย เพราะพันธมิตรมีหูตามากมาย

 

บช.น.ชี้ชุมนุมเกินขอบเขต ยึดอาวุธสงครามอื้อ

 

 

 

ปืนกลอูซี่ที่ตำรวจยึดได้จากการ์ดพันธมิตร เมื่อ 25 พ.ย. 2551

ที่มาของคลิป: NBT บันทึกโดยคุณ Demagugoing

http://www.youtube.com/watch?v=JHjlDJlgQJU&feature=related

 

 

 

 

อำนวย บช.น. ขู่ดำเนินคดีพันธมิตร

ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ในฐานะรองโฆษก บช.น. แถลงว่า พล.ต.ท.สุชาติมอบหมายให้มาเปิดเผย 2-3 เรื่อง เรื่องแรกคือ การที่กลุ่มพันธมิตรไปตามสถานที่ต่างๆ ผิดกฎหมายหลายบท ต่างกรรมต่างวาระ ขณะที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 63 จะต้องชุมนุมอย่างสงบและปราศจากอาวุธ ตำรวจสามารถสลายการชุมนุมได้ หากมีการกระทำเกินกรอบของกฎหมาย การปิดล้อม ตัดน้ำ ตัดไฟ การยึดรถประจำทาง หรือการปิดกั้นถนน การบุกยึดสถานที่ราชการ การทำร้ายเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะ พ.ต.อ.พชร บุญญสิทธิ์ รอง ผบก.น.4 ลงไปนอนกับพื้นและถูกกระทืบซ้ำ ถือว่าทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน เหตุการณ์เหล่านี้ผิดกฎหมายทั้งสิ้น ทุกเหตุการณ์ในทุกสถานที่ต่างกรรมต่างวาระจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด

 

"เหตุการณ์บุกยึดทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวที่ดอนเมือง ในพื้นที่ บก.น.2 เหตุการณ์ยึดรถประจำทางที่ สน.นางเลิ้ง ซึ่งได้ปืน ระเบิด มีด สนับมือ และอาวุธต่างๆ ฉะนั้น ถือว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่สงบ ไม่ปราศจากอาวุธ โดยจะมีการถอดเทป และสอบสวน หากโยงไปถึงแกนนำพันธมิตร เช่น แกนนำเป็นคนสั่ง ก็จะดำเนินคดีด้วย" พล.ต.ต.อำนวยกล่าว

 

ตำรวจจับการ์ดพธม.เจอ "อูซี่" ของทำเนียบ

เมื่อเวลา 18.30 น. วันเดียวกัน ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ดินแดง นำกำลังตรวจค้นรถยนต์แค็บมิตซูบิชิ ทะเบียน ปพ-3952 กรุงเทพ มหานคร ขณะขับผ่านหน้าตลาดดินแดง พบนายกนกพล จันทร์ประดิษฐ์ อายุ 42 ปี อยู่ที่ 1422/68 ถนนประชาสงเคราะห์ แขวง-เขตดินแดง กทม.เป็นผู้ขับขี่ จึงตรวจค้นพบอาวุธปืนกลสงครามอูซี่ 1 กระบอก ปืนขนาด .32 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน ขนาด.32 จำนวน 48 นัด ขนาด .38 จำนวน 10 นัด ขนาด 9 มม. จำนวน 25 นัด วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว ซองใส่อาวุธปืน 1 อัน ประทัด 3 ดอก บัตรผ่านเข้า-ออก ทำเนียบรัฐบาล 1 ใบ และบัตรการ์ดพันธมิตร 1 ใบ ผ้าพันคอสีเหลืองกู้ชาติ และนักรบศรีวิชัย อย่างละ 1 ผืน เครื่องนับตัวเลขจำนวน 1 เครื่อง หมวกไหมพรม 1 ใบ สอบสวนนายกนกพลให้การว่ากำลังจะขับรถไปที่ทำเนียบรัฐบาล ของกลางที่พบไม่ใช่ของตน โดยรถคันดังกล่าวใช้สำหรับขนอาหารในทำเนียบรัฐบาล

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่คลังทำเนียบรัฐบาล เข้ามาตรวจสอบร่วมกับตำรวจ พบว่าอาวุธปืนอินแกรม เอ็ม 10 เป็นปืน 1 ใน 2 กระบอก ที่หายไปจากทำเนียบจริง ภายหลังพันธมิตรบุกยึดทำเนียบ และพบอาวุธปืนหายไปจำนวนหนึ่ง  อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงสอบสวนอย่างเคร่งเครียด และแจ้ง 5 ข้อหา คือ 1.มีอาวุธสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.มีอาวุธปืนไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.มีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.พกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ 5.พกพาอาวุธสงครามเข้าไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท