Skip to main content
sharethis

"มาร์ค" อยากเป็นนายกฯ เดินสายทาบบรรหาร-สมศักดิ์-เจ๊เป้า "อนงค์วรรณ" เผย "ผู้ใหญ่หลายคน" บอกให้เปลี่ยนขั้วร่วม ปชป. "เติ้ง" บอก "มาร์ก" แค่ขอคำแนะนำ แต่ตกเย็นดอดไปสุพรรณปราศรัยเดือดวิจารณ์ ม.237 รธน.รัฐประหารเป็น "มาตราห่า" ใครคิดขอให้ตายโหงอย่าได้ผุดได้เกิด บอกถ้า ปชป.รวมเสียงครบค่อยมาเชิญร่วมรัฐบาล ด้าน "เพื่อไทย" ยังสู้รวมเสียงแข่งตั้งรัฐบาล "เหลิม" บอกหัวเราะทีหลังดังกว่า



 


ท่ามกลางการเดินเกมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ต่างฝ่ายต่างช่วงชิงจังหวะดูด ส.ส.มาสนับสนุน ล่าสุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำคณะแกนนำพรรคเดินสายทยอยพบหัวหน้าพรรคและหัวหน้ากลุ่มการเมืองต่างๆ ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ขอให้ช่วยเป็นแกนนำในการประสานงานจัดตั้งรัฐบาล


 



"อภิสิทธิ์" เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล


ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลว่า ได้รับการยืนยันจากทุกพรรคและทุกกลุ่มที่มีการแถลงข่าวไปแล้ว ฉะนั้นเราจะเดินหน้าดำเนินการตามขั้นตอน และวันเดียวกันจะเดินทางไปพบกับนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้า พรรคชาติไทย ผู้สื่อข่าวถามถึงโควตารัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ตอบว่า โดยหลักเมื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรคที่เข้ามาทำงานร่วมกัน คงไม่มีปัญหา สำหรับพรรคประชาธิปัตย์คงไม่มีเรื่องของโควตาว่าใครมี ส.ส.เท่าไร หรือมีตำแหน่งอะไร เพราะพรรคไม่มีระบบนี้ แนวทางของพรรคคือพิจารณาจากบุคคลที่มีความเหมาะสมกับงานต่างๆที่พรรคจะรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าขณะนี้จะมีความพยายามกดดันและสกัดกั้นหลายรูปแบบ จึงต้องดูสถานการณ์ต่อไป ยืนยันได้แค่ว่าเท่าที่พูดคุยกันคือทุกฝ่ายต้องการนำบ้านเมืองออกจากวิกฤติให้ได้


 


ไม่หวั่นเสื้อแดงก่อกลุ่มต้าน


ต่อข้อถามว่าได้พูดคุยกับนายเนวิน ชิดชอบ เป็นการส่วนตัวหรือยัง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า คงได้พูดคุยกันในเร็วๆนี้ โดยขณะนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ประสานงานหลัก จำนวน ส.ส.ที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ยังคงอยู่ที่ 260 เสียงตามที่นายสุเทพเคยยืนยัน เมื่อถามว่า เป็น ห่วงหรือไม่ว่าในวันเปิดประชุมสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีการเคลื่อนไหวกดดันของกลุ่มเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า คิดว่าเร็วเกินไปที่จะไปคาดการณ์ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ ใครจะใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย


 


แจงอีกรอบเรื่องไม่เกณฑ์ทหาร


นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่ถูกโจมตีว่าไม่ผ่านการเกณฑ์ทหารว่า เคยชี้แจงหลายครั้งแล้วว่าช่วงนั้นไปศึกษาต่อต่างประเทศ จากนั้นได้สอนหนังสือที่โรงเรียนนายร้อย จปร. และติดยศร้อยตรี จึงไม่กังวลว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคจนทำให้ไม่สามารถเป็นนายกฯได้


 


"เทพเทือก" ย้ำเสียงหนุน 260 เสียง


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกเห็นใจที่มีข่าวสับสนเกี่ยวกับจำนวนเสียงสนับสนุนของแต่ละฝ่าย เพราะกลุ่มอำนาจเก่าพยายามสู้อย่างเต็มที่ แต่ขอยืนยันให้ประชาชนสบายใจได้ว่ากลุ่มที่ได้พูดคุยกับตนเพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลมีจำนวน 260 เสียง โดยเสียงสนับสนุนของกลุ่มเพื่อนเนวินอยู่ที่ 30 เสียง เชื่อว่าจำนวนเสียงที่จะลงมติให้นายอภิสิทธิ์ ยังคงมีเท่าเดิมคือ 260 เสียง จึงมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์


 


ปัดข่าวกลุ่มเนวินตั้งแง่ "อภิสิทธิ์"


เมื่อถามถึงกระแสข่าวกลุ่มเพื่อนเนวินไม่พอใจที่พรรคประชาธิปัตย์ชูอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ นายสุเทพตอบว่า เรื่องนี้แปลก เท่าที่ตนประชุมไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องนี้เลย เพราะเข้าใจกันดี ไม่มีปัญหา ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมีข่าวเช่นนี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงการร่วมมือกับพรรคประชาราชนายสุเทพตอบว่า เดี๋ยวคงได้เห็นตัวแทนของแต่ละพรรคที่จะนำรายชื่อมาร่วมกับตนเพื่อยื่นหนังสือต่อประธานสภาฯเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ สำหรับพรรคประชาราชนั้น ได้โทรศัพท์ติดต่อนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชแล้ว นายเสนาะพูดว่าขอเวลาตัดสินใจ ก็คงต้องให้เวลาพิจารณา 2-3 วัน


 



ยื่นชื่อ 240 ส.ส.ขอเปิดวิสามัญ


ต่อมาเวลา 10.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแกนนำพรรคและตัวแทนของพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองต่างๆอาทิ นายอัศวิน วิภูศิริ ส.ส.สัดส่วน ตัวแทนจากพรรคชาติไทยเดิม นายไชยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อแผ่นดิน นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ กลุ่มเพื่อนเนวิน นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ตัวแทนพรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม และนายประเชิญ ตัยปัญจนิตย์ ผอ.พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่มาแทน พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยฯได้รวมตัวกันตามที่นัดหมายเพื่อยื่นเรื่องตามรัฐธรรมนูญ 129 ขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ จากนั้นนายสุเทพนำคณะทั้งหมดไปที่ห้องรับรองพิเศษ ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 1 เข้ายื่นรายชื่อต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูล เพื่อมีพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อดำเนินการให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ โดยนายสุเทพกล่าวว่า รวบรวมรายชื่อสมาชิกได้ ประมาณ 240 คน ยังมีคนต้องการลงชื่ออีก แต่มาไม่ทัน



 


"ชัย" ขอเวลาตรวจสอบความถูกต้อง


ด้านนายชัยได้เรียกนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าไปรับเรื่องและกำชับให้เร่งตรวจสอบความถูกต้องโดยเร็วที่สุด ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสามารถเปิดประชุมได้เมื่อไหร่ นายชัยตอบว่า หากเป็นการตรวจสอบโดยอัตโนมัติ แค่ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว แต่หากเป็นตามขั้นตอนปกติก็ 3 วัน ต้องถามเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะเอาเมื่อไหร่ ทั้งนี้เมื่อเลือกนายกฯแล้ว ตนคงหมดหน้าที่ ตามมารยาทคงลาออกจากตำแหน่งประธานสภาฯ เพื่อให้สภาฯเลือกผู้ที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ต่อไป



 


"เชษฐา-ประชา" ร่วมลงชื่อด้วย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อ ส.ส.ทั้ง 240 คนที่ลงชื่อไว้กับพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้แบ่งเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 163 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 15 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 25 คน ในจำนวนนี้แบ่งเป็น ส.ส.ดั้งเดิมของพรรคเพื่อแผ่นดิน 21 คน และ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน 4 คน ส.ส.พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 8 คน ส.ส.จากอดีตพรรคมัชฌิมาธิปไตย 8 คน และ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินที่ไม่มีสังกัดอีก 21 คน ทั้งนี้มีรายชื่อของ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยฯ และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน ด้วย



 


เล็งเลือกนายกฯวันที่ 12 หรือ 15 ธ.ค.


นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คาดว่าจะสามารถเลือกนายกฯได้เร็วที่สุดในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ หรือไม่ก็เป็นวันที่ 15 ธ.ค. เพราะต้องการให้ได้ รัฐบาลและนายกฯคนใหม่ก่อนปีใหม่ ช่วงระยะเวลาเปิดสมัยวิสามัญมี 15 วัน ทั้งนี้ไม่ได้เป็นห่วงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินเข้ามาในวันที่ 13 ธ.ค. เพราะเชื่อว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เนื่องจากขณะนี้บ้านเมืองกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีแล้ว


 


"เพื่อนเนวิน" ลั่นถอยเป็นหมา เดินหน้าเพื่อชาติ


นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินจะไม่กลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน เพราะได้ยืนยันชัดเจนแล้วว่าถอยเป็นหมา เดินหน้าเพื่อชาติ แม้จะต้องเผชิญกับแรงกดดันและแรงเสียดทานจากชาวบ้าน พร้อมทั้งวิธีการดูดสารพัด ขณะนี้กลุ่มเพื่อนเนวินมีทั้งหมด 37 คน แต่มาลงชื่อเพียง 21 คน ที่เหลือยังไม่กล้าเปิดเผยชื่อ เพราะกลัวถูกโจมตีทางการเมือง แต่ในวันโหวตเลือกนายกฯเชื่อว่าจะมีเสียงเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมีผู้แสดงเจตจำนง แต่ไม่ได้ร่วมลงชื่อด้วย


 


เตรียมอพยพไปพรรครวมใจไทยฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังยื่นรายชื่อเสร็จ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายชัย ชิดชอบ ที่ห้องทำงานประธานสภาฯ โดยมีการหารือถึงการมาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ และการเตรียมรับมือกับกรณีที่ ส.ส.ในกลุ่มบางคนถูก ส.ส.พรรคเพื่อไทยเกณฑ์ชาวบ้านในพื้นที่ไปปิดบ้าน เช่น ที่ จ.นครพนม และกำลังเตรียมทำอย่างนี้ในพื้นที่จังหวัดอื่นด้วย รวมถึงได้หารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับการไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ที่ไม่ได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 50 ว่าจะส่งผู้สมัครในการเลือกตั้งซ่อมที่จะถึงนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากประเมินว่าจะมีผู้ไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นนี้แน่ เพื่อสกัดพรรคเพื่อไทยที่ไม่ได้ส่ง ส.ส. ลงสมัครรับเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค. 50 ดังนั้น หากกลุ่มเพื่อนเนวินไปตั้งพรรคใหม่อาจจะเจอปัญหาเช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนี้พรรคที่กลุ่มเพื่อนเนวินเล็งไว้ว่าจะไปอยู่ด้วยคือพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา


 


4 ส.ส.ก๊วนเนวินแห่ซบ "เพื่อแผ่นดิน"


นายไชยยศ จิรเมธากร รักษาการโฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินทั้ง 25 เสียงประกอบด้วย ส.ส.ของพรรคเดิมที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 21 คน รวมกับ ส.ส.สุรินทร์ 4 คนจากกลุ่มเพื่อนเนวินที่ย้ายมาจากพรรคพลังประชาชน ได้แก่ นายกิตติศักดิ์ รุ่งธนเกียรติ นายธีระทัศน์ เตียวเจริญโสภา นางมลิวัลย์ ธัญญสกุลกิจ และนายเลิศศักดิ์ ทัศนเศรษฐ ได้เข้าชื่อสนับสนุนให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญไปแล้ว ทุกคนพร้อมจะตัดสินใจทางการเมืองไปในทิศทางเดียวกันไม่ว่าพรรคจะมีมติอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่แกนนำพรรคเพื่อไทยยื่นข้อเสนอให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานคณะที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นนายกรัฐมนตรี นายไชยยศตอบว่า ขึ้นอยู่กับมติพรรคที่ขณะนี้มีการพูดคุยกับ ส.ส.ของพรรคอยู่ตลอดเวลา


 


แทงกั๊กส่งชื่อหนุนทั้งสองซีก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะหันมาลงชื่อเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่จากการตรวจสอบพบว่า มีการลงชื่อสนับสนุนขอเปิดประชุมรัฐสภาร่วมกับพรรคเพื่อไทยเช่นกัน โดยต่างยังคงให้ความเห็นว่าการเมืองขณะนี้ยังไม่นิ่ง และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาจนกว่าจะมีการลงมติเลือกนายกฯเสร็จสิ้น ขณะที่การจัดสรรโควตารัฐมนตรีที่มีการพูดคุยกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ในเบื้องต้น จะให้คงโควตารัฐมนตรีเดิมของพรรคร่วมรัฐบาลไว้ แล้วมาปรับเกลี่ยกันเองภายหลัง


 


"มั่น" ให้รอดูวันโหวต


นายมั่น พัธโนทัย รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า พรรคยังไม่มีมติว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทย เพราะการตัด สินใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ส.ส.ของพรรคที่มีเอกสิทธิ์ในการตัดสินใจ ต้องยอมรับกันว่าใจคนอ่านลำบาก ไม่ใช่การอ่านหนังสือ ตอนนี้จึงไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม ขอให้รอดูวันโหวตเลือกนายกฯถึงจะมีความชัดเจน ส่วนการประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 9 ธ.ค. เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งคงหนีไม่พ้น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานคณะที่ปรึกษาพรรค จะได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค คงต้องนำเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลเข้าหารือในที่ประชุมเพื่อหามติต่อไป ส่วนกรณีที่ ส.ส.ของพรรคบางส่วนโดยเฉพาะกลุ่มบ้านริมน้ำและกลุ่มโคราชไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์นั้น อาจเป็นการรับปากด้วยความเกรงใจ ต้องยอมรับว่าขณะนี้พรรคเพื่อแผ่นดินเนื้อหอมพอสมควร มี ส.ส.กว่า 20 คน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างจะรู้จริงๆได้ต่อเมื่อโหวตนายกฯเท่านั้น


 


อ้างใจคนยากเกินคาดเดา


ต่อข้อข่าวถามว่า ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินมีการลงชื่อสนับสนุนทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ เปรียบเสมือนกับการแทงกั๊ก นายมั่นตอบว่า ไม่น่าจะใช่อาจเป็นรายชื่อโผเก่าที่มีการสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาลก่อนหน้านี้ แต่ยอมรับว่าอาจเป็นไปเช่นนั้น เพราะจิตใจและความคิดของ ส.ส.ของแต่ละกลุ่มยากที่จะคาดเดา โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อแผ่นดินได้รับการประสานจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะมาเชิญให้เข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ณ ที่ทำการพรรค ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ภายหลังจากที่ประชุมพรรคเพื่อแผ่นดินมีมติเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว


 


"เสธ.หนั่น" ยัน 15 ส.ส.หนุน ปชป.


อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 09.30 น. ที่พรรคชาติไทยเดิม นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เรียกประชุมอดีตกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ที่ไม่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เพื่อชี้แจงถึงการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. หลังพ้นสภาพการเป็น ส.ส.ที่จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินภายใน 30 วัน ภายหลังการประชุม พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้แจ้งให้อดีตสมาชิกพรรคชาติไทยทราบถึงสาเหตุการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ โดย ส.ส.ทั้ง 15 คนของพรรคชาติไทยพัฒนาจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนที่ ส.ส.บางคนแสดงความไม่พอใจต่อการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ต้องบอกว่าสถานการณ์ในขณะนั้นไม่สามารถปรึกษาได้จริงๆ เพราะถามไม่ทัน สถานการณ์อย่างนั้นถ้ามัวถามก็ไม่ได้ สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์จะได้กี่เสียงนั้น ไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้รับแจ้ง


 


ชี้ ปชป.มีโอกาสชนะสูง


เมื่อถามว่า พร้อมสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯหรือไม่ พล.ต.สนั่นตอบพร้อมหัวเราะว่า "ก็ให้คุณอภิสิทธิ์นั่นแหละ เพราะเขาเป็นหัวหน้าพรรคแกนนำ ก็ต้องแล้วแต่พรรคเขาจะจัดใคร ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็บอกว่าเป็นคุณอภิสิทธิ์ และทุกพรรคก็ยังยืนยันว่าจะร่วมโหวตเลือกนายกฯ ส่วนสถานการณ์การเมืองที่ขณะนี้พลิกไปพลิกมาจนอาจเปลี่ยนแปลงนั้น ก็คงต้องขึ้นอยู่กับสองพรรคหลักเขาจะมีวิธีการอย่างไรที่จะรั้ง ส.ส.จนถึงวันโหวตเลือกนายกฯให้ได้มากที่สุด เพราะการจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องแข่งกันอย่างนี้ ขึ้นอยู่กับวิธีการบริหารจัดการพรรคร่วม ซึ่งต้องทำให้ดี แต่เชื่อว่าสุดท้ายพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้มากกว่า"


 


แฉเพื่อไทยเสนอเก้าอี้นายกฯให้


เมื่อถามว่า ประเมินการเดินเกมของพรรคเพื่อไทยอย่างไร เพราะยังมีความพยายามจะตั้งรัฐบาลแข่งถึงขั้นเสนอตำแหน่งนายกฯให้ พล.ต.สนั่นตอบว่า "เขาเสนอมาแล้ว แต่ผมไม่รับ เพราะต้องการเป็นรองนายกฯอย่างเดียว อีกทั้งต้องดูสถานการณ์ของบ้านเมือง ผมก็เป็นผู้อาวุโสทางการเมืองแล้ว อยู่มานานแล้ว เพราะฉะนั้นต้องวิเคราะห์สถานการณ์ว่าอยู่ทางไหนบ้านเมืองจะไปรอด จึงได้นำเรื่องนี้เสนอต่ออดีตหัวหน้าพรรค คิดว่าแนวทางนี้จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสมานฉันท์ และมีทิศทางที่ดีขึ้น"


 


"เติ้ง" อารมณ์ดีเล่นมุขอยากบวช


ด้านนายบรรหารให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมวันนี้เป็นเพียงการชี้แจงเรื่องบัญชีทรัพย์สิน ไม่มีเรื่องอื่น ตอนนี้ตนไม่เกี่ยวข้องอะไรแล้ว เพราะถูกเว้นวรรค ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้คิดว่าทำให้รู้สึกเบื่อหรือไม่ นายบรรหารกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า "ผมอยากไปบวช" เมื่อถามว่าทราบว่าวันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมาคารวะเพื่อขอให้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายบรรหารตอบว่า เขาจะมาเยี่ยม เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯหรือไม่ ปรากฏว่านายบรรหารไม่ตอบคำถาม พร้อมเดินเลี่ยงไปขึ้นรถทันที


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้มี ส.ส. 3 คนไม่ได้เข้าร่วมประชุมคือ นายตุ่น จินตะเวช ส.ส.อุบลราชธานี นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ส.ส.พระ นครศรีอยุธยา และนายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล ส.ส.ปทุมธานี ซึ่งมีข่าวว่าทั้ง 3 คนจะย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย


 


"อภิสิทธิ์" นำทีมเข้าพบ "บรรหาร"


ต่อมาเวลา 13.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแกนนำพรรคกว่า 30 คน เดินทางเข้าพบนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่บ้านซอยจรัญสนิทวงศ์ 55 โดยนาย อภิสิทธิ์มอบแจกันดอกกุหลาบแดงที่สั่งตรงจากประเทศเนเธอร์แลนด์ให้นายบรรหาร พร้อมกล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาขอบคุณนายบรรหาร หลังจากที่นายสุเทพประสานก่อนหน้านี้ ทราบว่านายบรรหารให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาล ในฐานะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ทางการเมืองมายาวนาน น่าจะให้คำแนะนำปรึกษาที่มีคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ขณะที่นายบรรหารกล่าวตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีว่า ยินดีที่ทุกพรรคจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของชาติ ตนไม่ขัดข้องอะไร เราค่อยมานั่งคุยกัน จากนั้นทั้งสองฝ่ายแยกนั่งเป็นสองปีก โดยมีโต๊ะคั่นกลาง และให้สื่อมวลชนถ่ายภาพทำข่าว


 


"เติ้ง" ระบุแค่มาขอคำแนะนำ


หลังการหารือนาน 30 นาที นายบรรหารให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้ไม่มีอะไรพิเศษ นายอภิสิทธิ์และคณะมาเยี่ยมในฐานะที่รู้จักชอบพอกันมาก่อน เพื่อมาคุยเรื่องการเมือง แต่หน้าที่สนับสนุนเป็นของรุ่นน้อง นายอภิสิทธิ์ก็มา คาราวะว่ามีช่องทางให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจหรือไม่ และจะแก้ปัญหาชาติต่อไปอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะอดีตนายกฯ จะให้คำแนะนำอย่างไร นายบรรหารตอบว่า เป็นเพียงการหารือเฉยๆว่าประเทศชาติมีปัญหา เราจะมีทางออกอย่างไร ไม่ได้มีการเทียบเชิญแต่อย่างใด ตนในฐานะที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี จึงไม่ขอออกความเห็น


 


ยันไม่ได้เชิญเข้าร่วมรัฐบาล ถ่อมตัวไม่ใช่ "มังกร" แค่ "มังกือ"


เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นมังกรทางการเมือง มองแววความเป็นนายกฯของนายอภิสิทธิ์อย่างไร นายบรรหารตอบว่า ไม่ได้เป็นมังกรการเมือง ตนเป็นแค่มังกือการเมือง เพราะมังกรถูกเด็ดหัวไปเรียบร้อยแล้ว และหากจะมองในแง่ส่วนตัวนักการเมืองรุ่นตนหมดสมัยไปแล้ว โอกาสคงจะเป็นแค่ที่ปรึกษา การเมืองสมัยใหม่ต้องการคนหนุ่มไฟแรง มีความรู้ความสามารถ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีความอดทน ขยัน ใครอยู่ในแนวทางนี้ก็สามารถเป็นนายกฯได้ ยืนยันว่าการหารือครั้งนี้ไม่ได้มาเชิญ แต่มาคุยกัน คิดถึงกัน ไม่ได้คุยกันนาน ขณะที่นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายบรรหารให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจตรงกันและมีจุดมุ่งหมายเดียวกันว่าการประชุมสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นทางออกแก้วิกฤติของประเทศได้


 


เดินสายต่อพบ"สมศักดิ์-เจ๊เป้า"


ต่อมาเวลา 14.45 น. นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ นำคณะแกนนำพรรคประชาธิปัตย์เดินทางเข้าพบและมอบดอกกุหลาบสีแดงให้แก่นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สามี ที่บ้านย่านสนามบินน้ำ โดยมีนางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท แกนนำพรรคภูมิใจไทย ร่วมหารือด้วย โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มาขอบคุณที่ให้การสนับสนุนและจะพูดถึงแนวทางการทำงานที่จะต้องทำงานหนัก ทุกฝ่ายต้องการความสามัคคีทำงานการเมืองให้พ้นจากวิกฤติ ขณะที่นายสมศักดิ์กล่าวตอบคำถามของผู้สื่อข่าวถึงความเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯของนายอภิสิทธิ์ว่า ส่วนตัวมองว่าเหมาะสม ในใจสนับสนุน แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะติดอยู่บ้านเลขที่ 111 ด้านนางพรทิวากล่าวว่า นายอภิสิทธิ์เป็นคนที่น่าเชื่อถือได้ เราตั้งใจจะฝ่าวิกฤติให้ลุล่วงผ่านพ้นไปด้วยดี แม้วิกฤติขณะนี้จะใหญ่มาก แต่เมื่อร่วมกันทำงานแล้วเชื่อว่าจะผ่านพ้นไปได้


 


โวไม่กลัวเกมพลิกนาทีสุดท้าย


ภายหลังการหารือ นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า เท่าที่พูดคุยกันมีความตั้งใจที่จะร่วมกันแก้ปัญหาบ้านเมือง ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะดูด ส.ส.กลับนั้น ทุกคนรับทราบ และอาจจะมีแรงกดดันสมาชิกเป็นรายบุคคลอยู่ บ้าง แต่จากการเข้าพบแกนนำต่างยืนยันว่าไม่มีปัญหา ตนไม่พะวงอะไร ทุกอย่างดำเนินการไปตามกระบวนการ และคิดว่าการเดินเกมดังกล่าวจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในนาทีสุดท้ายได้ เพราะการตอบรับครั้งสุดท้ายจากทุกคนมีความหนักแน่น เมื่อถามถึงกลุ่มเสื้อแดงที่อาจไปชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาในวันที่มีการโหวตนายกฯ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ทราบ ถ้าใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญก็อาจทำได้


 


"อนงค์วรรณ" บอกทำตาม "ผู้ใหญ่" แนะ


ด้านนางอนงค์วรรณให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ ส.ส. จากพรรคมัฌชิมาฯเดิมทยอยเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยแล้ว เรามีอยู่ 10 คน ทั้งหมดเป็นปึกแผ่นกัน ส.ส.ทุกคนจะไปด้วยกันหมด และคงไม่มีการกลับไปกลับมาอีก เส้นทางที่เราเดินมาถือว่าไกลแล้ว มีผู้ใหญ่หลายคนอยากให้เปลี่ยนขั้วมาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อย้อนกลับไปดูการร่วมจัดตั้งรัฐบาล 2 หนก่อนหน้านี้ เกิดปัญหามาก เราจึงมาทบทวนว่าหากมาตามทางที่ผู้ใหญ่สนับสนุนจะดีกว่าหรือไม่


 


"สมศักดิ์" ฟันธง ปชป.เป็นรัฐบาล


ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า ส.ส.พรรคมัชฌิมาฯเดิมจะไปรวมกับพรรคเล็กพรรคน้อยจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน ก่อนหน้านี้เราเคยให้โอกาสพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่สิ่งที่ได้มาคือความเสียหาย หากมีครั้งที่ 3 อีก คงไม่มีบ้านจะอยู่ พรรคเล็กพรรคน้อยต้องพังกันหมด ดังนั้น ต้องหารูปแบบอื่นที่จะไม่ทำให้ใครเสียหาย แต่ถ้ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาแล้วบริหารงานไม่ดี ไม่ประสบความสำเร็จ ก็คงมีเสื้อแดงออกมาชุมนุมขับไล่เอง ดังนั้น อยากให้ลองรัฐบาลชุดใหม่ดู ขอเอาใจช่วยให้ตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แม้ทางตันจะมีอยู่ แต่คงจะลดอุณหภูมิความรุนแรงลงจากเดิม


 


คุยฟุ้งไม่เคยเลือกผิดข้าง


เมื่อถามว่า หากมีการพลิกขั้วกลับมาอีกพร้อมจะเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน ที่ผ่านมาเป็นรัฐบาลไม่รู้กี่สิบปี และเชื่อว่าจะไม่มีการพลิกขั้วอีก เพราะมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลได้ 100%


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหารือครั้งนี้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้รับปากเงื่อนไขของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ขอโควตาตำแหน่งเดิมคือ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯและ รมช.พาณิชย์ ซึ่งนางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ภรรยานายอนุชา นาคาศัย อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จะไปนั่งเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ และให้นายมานิต นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เป็น รมช.พาณิชย์


 


วางคิวส่งเทียบเชิญกลุ่มที่เหลือ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำหนดการเดินสายส่งเทียบเชิญเข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการของพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆในวันที่ 9 ธ.ค.นั้น นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพและแกนนำพรรคจะเดินสายไปพบแกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่บ้านย่านราชวิถีของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ในเวลา 12.00 น. จากนั้นเวลา 14.00 น. จะไปพบแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ส่วนสถานที่ยังต้องประสานงานอีกครั้ง และเวลา 16.00 น. จะไปพบแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ณ ที่ทำการพรรค แต่ยังไม่มีกำหนดการเข้าพบนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช


 


"เพื่อไทย" ยังยื้อบอกให้ดูยาวๆ


ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 10.00 น. นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา อดีตประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญว่า ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร ส่วนพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยนั้น ขึ้นอยู่กับ ส.ส.ว่าจะไปอยู่กับใคร เราเคารพในเสียงข้างมาก พรรคเพื่อไทยยืนยันมาตลอดว่าจะรักษากฎกติกา ไม่ปล้น ส.ส.ของพรรคอื่น สำหรับการเลือกตัวนายกรัฐมนตรีต้องยอมรับว่า ส.ส.มีอิสระที่จะเลือกใคร ก็ได้ กลุ่มเพื่อนเนวินที่บางคนยังไม่มาสังกัดพรรคเพื่อไทยก็มีอิสระ เพราะรัฐธรรมนูญให้เอกสิทธิ์ในการตัดสินใจไว้ แต่สุดท้ายนายกฯจะมาจากพรรคไหน หรือเป็นใคร อยากให้ดูยาวๆไปจนถึงนาทีสุดท้าย จนกว่า ส.ส.จะลุกขึ้นโหวตในสภาฯ


 


อ้างคนย้ายกลับไม่เอา "อภิสิทธิ์"


ต่อข้อถามว่า ดูเหมือนพรรคร่วมรัฐบาลจะแบ่งรับ แบ่งสู้ระหว่างอยู่กับพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาธิปัตย์ นายวิทยาตอบว่า สมาชิกพรรคร่วมเคยร่วมงานกันมาก่อน และที่ ส.ส.บางคนของพรรคร่วมไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะคิดว่าจะชูนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ แต่เมื่อทราบว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเสนอนายอภิสิทธิ์ ทำให้บางคนกลับมาอยู่กับเราเหมือนเดิม จึงบอกว่าขอให้ดูไปจนถึงนาทีสุดท้าย ในฐานะอดีตประธานวิปรัฐบาลยังพูดคุยกับสมาชิกพรรคร่วมเพื่อให้กลับมาอยู่ด้วยอยู่ตลอดเวลา เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยยอมทิ้งไพ่ถึงขนาดให้นายกฯมาจากคนนอก เพื่อดึง ส.ส.พรรคร่วมกลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย นายวิทยาตอบว่า ไม่ใช่แบไพ่เพื่อดึงเสียง ส.ส. แต่เราให้เกียรติพรรคร่วมในการเสนอชื่อบุคคลด้วย ส่วนที่มีข่าวว่าเราสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานคณะที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นนายกฯนั้น คงมีผู้ใหญ่พูดคุยประสานงานกันอยู่


 


กางหลักฐาน "อภิสิทธิ์" หนีทหาร


นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์นำรูปนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใส่ชุดทหารมายืนยันไม่ได้ หนีทหารว่า ขั้นตอนที่นายอภิสิทธิ์ใส่ชุดทหารนั้นผิดกฎหมาย กรณีที่นายอภิสิทธิ์ไปสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร.ถือว่าผิดกฎหมาย ทั้งตัวนายอภิสิทธิ์และผู้ที่รับเข้าเป็นทหาร ปัจจุบันจะเห็นว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีใบ สด.43 เหมือนชายไทยทั่วไปที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว ตนได้นำเอกสารรายงานผลการสอบสวนกรณีนายอภิสิทธิ์เข้า รับราชการโรงเรียนนายร้อย จปร.มาเพื่อเตรียมยื่นให้ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ประธานคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร สอบสวน และคาดว่ายื่นต่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ด้วย


 



เผย "ทักษิณ" เตรียมแฉหมดเปลือก


ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวกลุ่มเพื่อนเนวินเป็นตัวประสานฝ่ายทหารในการเปลี่ยนขั้วไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ นายจตุพรตอบว่า ไม่ได้ยินจากปาก พล.อ. อนุพงษ์ แต่เมื่อทหารเคยประกาศว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง แล้วทหารมาเกี่ยวอะไรด้วย เห็นได้ชัดว่ากระบวนการยุบ 3 พรรค และการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลเป็นกระบวนการเดียวกันที่เกิดจาก "เผด็จการหัวเถิก" เมื่อถามว่า ท่าทีของกลุ่มเสื้อแดงจะไปขัดขวางการเลือกนายกฯใช่หรือไม่ นายจตุพรตอบว่า เราไม่ขัดข้อง หาก จะมีการเลือกนายกฯตามระบบ แต่เห็นชัดเจนว่ามีกระบวนการนอกระบบยื่นมือเข้ามา คือทหารพยายามเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล มีการแอบอ้างเบื้องสูง ต่อรองคดีที่ยังค้างอยู่กับ ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งข่มขู่นักการเมืองว่าหากไม่ยอมสลับขั้วจะรัฐประหาร ตอนนี้คนเสื้อแดงน้ำตาตกใน จะไม่สร้างความเดือดร้อนในลักษณะเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯ แต่จุดยืนคือจะขัดขวางให้ถึงที่สุด ไม่ให้มี การรัฐประหารเงียบ โดยในการชุมนุมวันที่ 13 ธ.ค. ที่สนามศุภชลาศัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะพูดหมดเปลือกถึงกระบวนการย่ำยีประชาธิปไตย จะแฉหมดทุกคน ทุกเรื่อง เพราะถึงจุดที่เหลืออดแล้ว



"เฉลิม" เย้ยหัวเราะทีหลังดังกว่า


ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.สาธารณ-สุข และ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การรวบรวมรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญนั้น สามารถยื่นเปิดประชุมได้ แต่ไม่ได้ หมายความว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลได้ และควรไปดูว่า 240 คนนั้นมีใครบ้าง ตอนนี้พรรคเพื่อไทยมี ส.ส. 210 คน โดยไม่ซ้ำ เพียงพอต่อการยื่นขอเปิดประชุมและโหวตเลือกนายกฯได้แล้ว "ตอนแรกบอกว่ามี 260 คน ต่อมาบอกมี 240 คน วันนี้หายไปไหน 20 คน คุยไปคุยมาเดี๋ยวเหลือ 165 คนเหมือนเดิม"


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ารวบรวมรายชื่อ ส.ส.เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า มันเป็นสิทธิ เพราะนายสุเทพเป็นเลขาธิการพรรค แต่โบราณว่าไว้ว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า


 


โชว์ตัว ส.ส.แถลงข่าวยืนยัน


ต่อมาเวลา 15.00 น. ร.ต.อ.เฉลิมนำ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนออกมาโชว์ตัวประกอบการแถลงข่าว โดย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า พี่น้องของตนมีความทุกข์ เพราะได้รับ โทรศัพท์จากประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากตอนนี้บางพรรคนำรายชื่อและตำแหน่ง ส.ส.พรรคพลังประชาชนไปอ้างชื่อว่าจะไปอยู่ด้วย แต่ ส.ส.ที่โดนอ้างชื่อยังอยู่ที่นี่ เช่นนางบุญรื่น ศรีธเรศ นายนิพนธ์ ศรีธเรศ นายพีรเพชร ศิริกุล นายประเสริฐ บุญเรือง นายวีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ นายไชยา พรหมมา นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ นายวิชัย สามิตร ส.ส.หนองบัวลำภู นายอนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส.อุดรธานี พล.อ.สมชาย พิษณุวงศ์ ส.ส.กาญจนบุรี และอีก 7 คน ที่ยังไม่ขอเปิดชื่อ ทั้งหมดยอมรับเป็นเพื่อนของกลุ่มเพื่อนเนวินจริง แต่วันนี้มาอยู่พรรคเพื่อไทย


 


เพื่อไทยเปลี่ยนใจไม่ยื่นเปิดวิสามัญ


ถัดไม่นานนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พร้อมด้วยว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย และนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลง โดยว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์กล่าวว่า ได้รวบรวมรายชื่อ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่งแล้วเพื่อจะไปยื่นขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อเลือกนายกฯต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่เนื่องจากทราบว่านายชัย ติดภารกิจเดินทางไปต่างจังหวัด เมื่อประสานไปยังรองประธานสภาผู้แทนฯได้รับแจ้งว่าไม่สามารถรับเรื่องแทนได้ ประกอบกับทราบว่าฝ่ายค้านยื่นขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญไปแล้ว ดังนั้นพรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะเข้าประชุม เพราะเรามีเสียง ส.ส.สนับสนุนเกือบ 230 เสียง ทั้งนี้ ส.ส. กลุ่มเพื่อนเนวินที่เข้ามาอยู่กับพรรคเพื่อไทยแล้ว อาทิ นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู นายจตุพร เจริญเชื้อ ส.ส.ขอนแก่น นายธนเทพ ทิมสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน และนางนันทนา ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย รวมทั้งนายวิเชียร อุดมศักดิ์ ส.ส.อำนาจเจริญ ตอนนี้กลุ่มเพื่อนเนวินเหลือเพียง 15-17 คนที่ยังสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามจะขอดูรายชื่อ ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ แต่ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ปฏิเสธที่จะแจกให้ เพียงเปิดให้ดูคร่าวๆไม่ยอมให้ดูในรายละเอียด เบื้องต้นเท่าที่สังเกตพบว่ามีรายชื่อ ส.ส.ที่เซ็นชื่อไว้ 14 แผ่น จำนวนประมาณ 140 รายชื่อ


 


โวย "ชัย" ลักไก่หอบรายชื่อหนี


นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย หัวหน้ากลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า หากเราไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงคงห่างกันไม่เกิน 30 เสียง แต่หลังการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 26 เขต เราจะกวาดได้มาทั้งหมด เมื่อถึงเวลานั้นเชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ เพราะจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล


 


ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทราบว่าหลังจากพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นรายชื่อขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญแล้ว นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ก็หอบรายชื่อออกไป แสดงให้เห็นว่าลักไก่ จำนวนรายชื่อเพื่อบลัฟพรรคเพื่อไทย เราจึงไม่รู้จะไปยื่นกับใคร


 


วอร์รูมวางเกมดูด ส.ส.


ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยด้วยว่า ตลอดทั้งวันมี ส.ส.ทยอยเดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคอย่างต่อเนื่อง อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข นายวิทยา บุรณศิริ รวมทั้งนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะเดียวกัน มีการประชุมวอร์รูมเพื่อประเมินสถานการณ์การรวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งที่ประชุมได้หารือถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำล่ารายชื่อ ส.ส. 240 เสียง ขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ โดยช่วงแรกเห็นว่าพรรคเพื่อไทยต้องล่ารายชื่อไปยื่นต่อประธานสภาบ้างเพื่อบลั๊ปกลับ แต่สุดท้ายที่ประชุมขอยกเลิก เพราะเห็นว่าตัวเลข ส.ส.ในซีกของพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ 203 เสียง ขณะที่ขั้วพรรคประชาธิปัตย์อยู่ที่ 212 เสียง ส่วนจำนวนเสียงที่ขาดหายไป 18 เสียง อยู่ระหว่างชั่งใจว่าจะไปอยู่ขั้วไหน ทำให้แกนนำของพรรคสั่งเดินหน้ารวบรวบเสียงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อ โดยที่ประชุมยังกำหนดให้ ส.ส. 2 คนตามประกบทาบทาม ส.ส. 1 คน มาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และกำหนดให้ใช้เกมใต้ดินและบนดิน เช่น นำมวลชนเคลื่อน ไหวในพื้นที่ที่ ส.ส.ย้ายไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ด้วย


 


ยกพลไปอ้อน "เสนาะ"


ต่อมาเวลา 14.30 น. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี นายอัศนี เชิดชัย ส.ส.สัดส่วน นางลินดา เชิดชัย ส.ส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นั่งรถตู้ออกจากพรรคเดินทางไปพบนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่บ้านเมืองทองธานี เพื่อฟังคำยืนยันท่าทีของนายเสนาะ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่านายเสนาะอาจจะเปลี่ยนใจไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายยงยุทธและคณะได้ ประสานให้ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ไปร่วมหารือด้วย


 


ชูเป็นแกนหลักประสานตั้งรัฐบาล


นายวิทยา บุรณศิริ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า พานายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มาขอคำปรึกษานายเสนาะในฐานะผู้อาวุโส และมอบให้เป็นแกนนำในการประสานงานกับ 5 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม เพื่อให้ประชาธิปไตยเดินหน้าไปได้ ซึ่งจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะเสนอใครเป็นนายกฯต้องผ่านความเห็นชอบตามเสียงส่วนใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาล ตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี


 


"เสนาะ" ยันต้องตั้ง "รัฐบาลเพื่อชาติ"


ด้านนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ต้องมีการตั้ง "รัฐบาลเพื่อชาติ" วันนี้ถือว่าคืบหน้าไปมาก ได้คุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเกือบทุกพรรคก็เห็นด้วยและยอมรับถึง 100% เวลานี้เสียงเต็มร้อย อย่าไปคิดว่าไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์แล้วจะได้โน่นได้นี่ คิดผิดหลอกตัวเอง เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์คุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นาย สุเทพก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ส่วนนายเนวิน ชิดชอบ ก็โทรศัพท์มาบอกว่าเห็นด้วย และส่งนายสรอรรถ กลิ่นประทุม และนายสุชาติ ตันเจริญ มาที่บ้านบอกว่าเอาแนวคิดนี้ แต่หลังจากนั้นไม่คิดไม่ฝันว่าทำไมจึงเปลี่ยน ซึ่งตนเห็นว่าประเทศชาติไปไม่ได้


 


หยาม ปชป.เสียงไม่พอตั้งรัฐบาล


นายเสนาะกล่าวต่อว่า หลังจากบรรดา ส.ส.มาปรารภว่า พรรคเพื่อไทยจะเอาคนของตัวเองเป็นนายกฯ ทำให้กลุ่มนายเนวินย้ายขั้วเป็นการประชด ดังนั้น ต้องเห็นใจกลุ่มนายเนวินและกลุ่มนายสรอรรถด้วย แต่ถึงวันนี้เราอย่าไปพูดถึง ต้องเดินไปข้างหน้า นายเนวินไม่เอานโยบายจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ ทำให้เกิดปัญหา แล้วไปรวมขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น ขอให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดคิด อย่ามัวงัดข้อกันอยู่ ถ้าเดินต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น อยากเห็นคนไทยแตกแยกเป็นไทยเหนือไทยใต้หรือ เชื่อว่าท้ายสุดพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะเสียงไม่พอ อย่าดื้อรั้นกันเลย อยากถามว่า ถ้านายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ แล้วจะเดินทางไปภาคอีสานภาคเหนือได้หรือ วันนี้ต้องเอาความจริงมาพูด อย่าไปหมกเม็ด ที่ผ่านมาประเทศชาติวุ่นวายก็รู้ๆกันอยู่ว่า ใครยืนอยู่ เบื้องหลังนักการเมือง


 


ดิ้นเต็มที่ดัน "ประชา" นั่งนายกฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประเมินของแกนนำพรรคเพื่อไทย พบว่าตัวเลข ส.ส.ล่าสุดอยู่ที่ 198 คน แม้แกนนำพรรครวมทั้งสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ทั้งรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว จะออกมาช่วยล็อบบี้กันเต็มที่แล้วก็ตาม แต่โอกาสยังค่อนข้างน้อยที่จะชนะ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เดินเกมล่วงหน้าไปหลายก้าว และน่าจะประสบความสำเร็จในการตั้งรัฐบาลกับขั้วพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ทำให้แกนนำ พรรคเพื่อไทยปรับกลยุทธ์ด้วยการขอให้นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เชิญ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยฯ มาพบเพื่อขอให้ทั้งหมดยอมรับข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ที่จะให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเดิมขึ้นเป็นนายกฯ ซึ่งจากการหารือกันเบื้องต้นทุกคนยอมรับให้ พล.ต.อ.ประชาขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่


 


คนรักอุดรกดดัน ส.ส.เพื่อนเนวิน


วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สนามทุ่งศรีเมืองอุดรธานี นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน และอดีตรมช.เกษตรฯ พร้อมสมาชิกชมรมกว่า 200 คน สวมเสื้อ แดงแถลงจุดยืนการทำงานของชมรม โดยนายขวัญชัยกล่าวว่า ขณะนี้มี ส.ส.บางคนโดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนเนวิน จำนวน 37 คน ซึ่ง 1 ใน 37 คน มีนายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี เขต 1 เตรียมย้ายไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ทางชมรมจึงต้องการให้กลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชาชนเดิมคิดถึงบุญคุณของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และประชาชนชาวอุดรธานี ที่เลือกเข้ามาเป็น ส.ส.ด้วย


 


เพื่อไทยยัน ส.ส.สัดส่วนไม่สิ้นสภาพ


ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 11.20 น. ที่พรรคเพื่อไทย บรรดา ส.ส.สัดส่วนที่ย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย อาทิ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ นายสุรชัย เบ้าจรรยา ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่ ส.ว.กลุ่มหนึ่งยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความสมาชิกภาพของ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชนเดิมว่าสามารถย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ โดยนายมานิตย์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 มาตรา 118 (9) ซึ่งถูกยกมาในรัฐธรรมนูญ 2550 ด้วย ในมาตรา 106 (8) ถ้อยคำในมาตรานี้ระบุไว้ชัดเจนว่าขาดจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองที่ ส.ส.ผู้นั้นเป็นสมาชิก และไม่อาจเข้าเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นได้ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งในกรณีเช่นนี้ให้ถือว่าสิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนด 60 วันนั้น ดังนั้น ที่บอกว่าไม่สามารถสังกัดพรรคที่ไม่มี ส.ส.ในสภาได้นั้นเป็นการตีความโดยเติมถ้อยคำลงในกฎหมาย ไม่ได้เป็นการวิเคราะห์ถ้อยคำในกฎหมาย การจะเติมหรือตัดคำใดลงไปนั้นไม่ได้


 


จวก ส.ว.ปฏิบัตินอกเหนือ รธน.


ร.ต.ท.เชาวรินกล่าวเสริมว่า เมื่อครั้งที่มีการยุบพรรคความหวังใหม่ ส.ส.ทั้งหมดย้ายมาอยู่พรรคไทยรักไทยได้ทั้งหมด ดังนั้น การยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความนั้น มีเจตนายืมมือ ส.ว.เพื่อลิดรอนกิ่งก้านใบของพรรคเพื่อไทยให้เล็กลงหรือไม่ก็ ส.ว.ส่วนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ รายการแบบนี้ไม่ใช่สาระแนโชว์ ถือเป็น เรื่องที่น่ารังเกียจ เพราะไปเป็นเครื่องมือของพรรคที่พยายามจะเข้ามามีอำนาจในบ้านเมืองให้ได้ แม้ว่าจะต้องทำลายเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศขนาดไหนก็ตาม


 


"เติ้ง" ปราศรัยที่สุพรรณฯ แช่งต้นคิด "มาตราห่า" ขอให้ตายโหงอย่าได้ผุดได้เกิด


ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่สนามฟุตบอลหน้าโรงเรียนวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อมทีมอดีต ส.ส. สุพรรณบุรีทั้ง 5 คน และนายชุมพล ศิลปอาชา ว่าที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นัดกันแต่งชุดดำขึ้นเวทีปราศรัยชี้แจงถึงการถูกยุบพรรค โดยมีรูปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเอียงประกอบฉากหลังเวที ขณะที่หน้าเวทีผูกผ้าดำตลอดแนว การปราศรัยครั้งมีชาวสุพรรณบุรีกว่า 1 หมื่นคนแต่งชุดดำมาร่วมงาน


 


ทั้งนี้นายบรรหารกล่าวตอนหนึ่งว่า "การตัดสินคดียุบพรรคครั้งนี้ทำกันอย่างรีบร้อน เหมือนตั้งธงไว้ล่วงหน้า อ่านคำพิพากษาผิดๆ ถูกๆ ตลอดเวลา อยากด่าแม่คนตัดสิน แต่ไม่กล้า กลัวถูกฟ้อง มาตรา 237 ที่ขึ้นโดยคณะรัฐประหาร มาตราห่านี่รับไม่ได้ คนไม่รู้เรื่อง ไม่ได้กระทำผิดก็โดนไปด้วย ถ้าจะทำกันอย่างนี้ฆ่าผมคนเดียวซะดีกว่า ขอแช่งชักหักกระดูกคนคิดมาตรานี้ให้ ตายโหงตายห่าอย่าได้ผุดได้เกิด หากพรรคถูกยุบโดยคณะปฏิวัติผมไม่ว่า แต่ถูกยุบแบบนี้คนไม่รู้เรื่องพลอยฟ้าพลอยฝนโดนไปด้วย มาสั่งให้หยุดการเมือง 5 ปีมันบ้า"


 


ร่วมรัฐบาล ปชป.ถ้ารวมเสียงครบ


นายบรรหารกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้เห็นเหตุการณ์ บ้านเมืองเกิดความแตกแยกยึดสนามบินแล้วไม่สบายใจ อยากเห็นบ้านเมืองเกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และเมื่อตอนเช้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาพบ พร้อมเชิญร่วมรัฐบาล ตนบอกไปว่าหากการร่วมแล้วทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤติ สามารถเดินหน้าไปได้ ก็ไม่มีปัญหา แต่ให้ไปรวมเสียงมาให้ครบแล้วมาบอก ตนยินดี จากนั้นนายบรรหารได้บอกกับชาวสุพรรณบุรีว่า ตอนแรกตั้งใจจะบวชที่วัดบรรหารแจ่มใส อ.ด่านช้าง เป็นเวลา 1 เดือน เพราะเบื่อการเมืองที่อยู่มา 34 ปีแล้วมาถูกยุบพรรค ห้ามเล่นการเมือง แต่ครอบครัวขอร้องไว้ และวันที่ 22 ธ.ค.จะเห็นโฉมหน้าของพรรคใหม่



"เนวิน" คุมเข้มล็อกตัว 20 ส.ส.


ที่โรงแรมพูลแมน ถนนรางน้ำ เมื่อเวลา 20.00 น. นายเนวิน ชิดชอบ เรียกประชุม ส.ส.ในกลุ่มจำนวนประมาณ 20 คน เพื่อหารือถึงสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาล โดยบริเวณข้างโรงแรมมีรถตู้สีขาวทะเบียนบุรีรัมย์หลายคันจอดเรียงรายอยู่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่โรงแรมเห็นผู้สื่อข่าวมาสังเกตการณ์ก็กันผู้สื่อข่าวไม่ให้ถ่ายภาพ พร้อมทั้งแจ้งให้ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินทราบ นายเนวินจึงสั่งย้ายสถานที่หารือไปที่โรงแรมแกรนด์ ทาวเวอร์ ย่านสามเสน ชั้น 23 แทน ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่าการรวมตัวครั้งนี้เป็นการเช็กยอด ส.ส.ในกลุ่มเพื่อนเนวิน พร้อมทั้งกำชับไม่ให้รับโทรศัพท์จากคนของพรรคเพื่อไทย ที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้กลับไปสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลขั้วพรรคเพื่อไทย


 


 


ที่มา: เรียบเรียงจาก นสพ.ไทยรัฐ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net