รายงานโดย : บุษยรัตน์ กาญจนดิษฐ์
เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2551 เครือข่ายปฏิบัติการเพื่อแรงงานข้ามชาติ (ประเทศไทย) คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย และสภาคริสตจักรในประเทศไทย ร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันแรงงานข้ามชาติสากล (International Migrants Day) ประจำปี 2551 ณ สำนักกลางนักเรียนคริสเตียน กรุงเทพฯ โดยมุ่งเน้นความสำคัญเรื่อง เสรีภาพในการเดินทาง (TRAVEL WITH FREEDOM) ของแรงงานข้ามชาติเป็นพิเศษและจัดการอภิปรายในหัวข้อเรื่อง "เสรีภาพในการเดินทาง" ซึ่งเป็นกิจกรรมเริ่มต้นของงานวันแรงงานข้ามชาติสากลปี 2551 โดยซาชูมิ มาเยอะ วิไลวรรณ แซ่เตีย สุรพงษ์ กองจันทึก และสุนี ไชยรส ดำเนินรายการโดย คุณ
ซาชูมิ มาเยอะ มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ กล่าวถึงประสบการณ์ของตนเองก่อนที่จะได้รับสัญชาติไทยว่า ประสบปัญหาเรื่องการเดินทางที่ยากลำบากตลอดเวลา ต้องขออนุญาตทุกครั้งเวลาต้องเดินทางข้ามจังหวัด บางครั้งถูกรีดไถเงินจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแลกกับการเดินทาง บางครั้งก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกพื้นที่ทำงาน แม้ว่าจะมีความจำเป็นด้วยเรื่องใดๆก็ตาม
หากกล่าวถึงสภาพของแรงงานหญิงข้ามชาติภาคบริการแล้วยิ่งมีความลำบากมากยิ่งขึ้น แค่เริ่มต้นขอใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ฉะนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงสิทธิในการเดินทาง และสิทธิอื่นๆที่ควรจะได้รับ เช่น สิทธิในการทำงานที่ปลอดภัย สิทธิทางร่างกาย สิทธิในการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย หรือสิทธิอื่นๆ การทำงานของแรงงานข้ามชาติภาคบริการมักถูกดูถูก ไม่ได้รับการยอมรับทางสังคม อาจมีเพียงลูกค้าที่มาใช้บริการเท่านั้นที่ต้องการ แม้ว่าแรงงานภาคบริการจะเป็นงานที่สร้างรายได้หล่อเลี้ยงประเทศไทยมหาศาลก็ตาม
เนื่องในวันแรงงานข้ามชาติสากลปีนี้ แรงงานหญิงข้ามชาติภาคบริการจึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาล
1. ต้องการให้มีการขยายการจดทะเบียนคนข้ามชาติในภาคบริการให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้แรงงานกลุ่มนี้ได้รับสวัสดิการต่างๆที่เกี่ยวข้อง
2. ให้ยกเลิกกฎหมายที่เอาผิดแบบไม่ยุติธรรม
3. ให้ถือว่าสิทธิในการเดินทางเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์พึงมี 4. ให้แรงงานข้ามชาติภาคบริการได้เข้าถึงสิทธิ สวัสดิการตามกฎหมายแรงงานที่บังคับใช้กับแรงงานไทยทุกฉบับ
วิไลวรรณ แซ่เตีย คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า แรงงานข้ามชาติเป็นกลุ่มคนที่ต้องอยู่อาศัยแบบหลบๆซ่อนๆ หลายคนไม่มีโอกาสได้จดทะเบียนทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ต้องจ่ายเงินให้กับตำรวจเพื่อแลกกับการโดนจับในเรื่องต่างๆ คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยได้มีโอกาสคลุกคลีพูดคุยกับแรงงานข้ามชาติมาโดยตลอด พบว่าปัญหาสำคัญที่แรงงานข้ามชาติต้องเผชิญ คือ ไม่มีเสรีภาพในการเดินทาง ไม่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ ไม่มีหลักประกันความคุ้มครองความปลอดภัยในการทำงาน มีค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนแรงงานสูง ปัญหาต่างๆ ได้มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาแรงงานข้ามชาติ ทั้งในระดับชาติและองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ILO มีการยื่นหนังสือทวงถามไปที่กระทรวงแรงงานทุกปี
นอกจากนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นยังถูกนำไปพูดคุยในหมู่พี่น้องแรงงานไทย เพื่อให้เกิดการปกป้องแรงงานข้ามชาติในฐานะของการเป็นผู้ใช้แรงงานเหมือนกัน เช่น แรงงานข้ามชาติต้องเดินทางได้ ค่าจ้างควรต้องได้รับเท่ากัน เวลาเกิดอุบัติเหตุต้องได้รับการคุ้มครองจากภาครัฐ หรือเรื่องของการก่อตั้งสหภาพแรงงานข้ามชาติเพื่อต่อรองเรื่องสิทธิต่างๆ จนบัดนี้รัฐบาลไทยก็ไม่อนุญาตให้มีการก่อตั้งได้ ซึ่งยังไม่นับถึงสหภาพแรงงานไทยที่ยังถูกกลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา
ข้อเรียกร้องที่เสนอรัฐบาลทุกปีแต่รัฐบาลไม่เคยปฏิบัติได้จริง คือ กระทรวงแรงงานต้องมีศูนย์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องแรงงานข้ามชาติโดยเฉพาะ มีล่ามที่สามารถสื่อสารภาษาของแรงงานข้ามชาติได้ และประเด็นสำคัญ คือ สิทธิต่างๆขั้นพื้นฐานที่แรงงานข้ามชาติต้องได้รับการปฏิบัติจริงเมื่อทำงานอยู่ในประเทศไทย ไม่ใช่แค่เขียนระบุไว้ในกฎหมายเพียงเท่านั้น
สุรพงษ์ กองจันทึก สภาทนายความ กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้เชื่อมโยงเรื่องสิทธิในการเดินทางเป็นเพียงสิทธิที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเพียงเท่านั้น ทำให้แรงงานข้ามชาติจึงถูกจำกัดสิทธิห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่ทำงาน เมื่อใดที่แรงงานละเมิดเดินทางออกนอกพื้นที่ สิทธิในการอาศัยอยู่ในประเทศไทยจึงหมดลงตามไปด้วย รัฐบาลไทยสนใจแรงงานข้ามชาติในเรื่องการทำงานเพียงอย่างเดียว แต่ไม่สนใจสิทธิการทำงานที่ต้องเกี่ยวโยงกับสิทธิประการอื่นๆ ซึ่งสิทธิประการอื่นๆนั้นสำคัญกว่าสิทธิในการทำงาน
"ผมเห็นว่าเมื่อแรงงานข้ามชาติมีสิทธิทำงาน เขาต้องได้รับสิทธิต่างๆเหล่านี้ตามมาด้วย คือ (1) สิทธิการมีครอบครัวและอยู่อาศัยกับครอบครัว (2) สิทธิการเข้าถึงการรักษาพยาบาล เพื่อมีชีวิตมีสุขภาพที่ดี ถ้าแรงงานจำเป็นต้องออกนอกพื้นที่เพื่อไปรักษาพยาบาล แรงงานต้องได้รับสิทธินั้น (3) สิทธิในการศึกษา ลูกหลานแรงงานข้ามชาติและตัวแรงงานข้ามชาติสามารถเข้าถึงสิทธิการศึกษาในระบบการศึกษาไทยได้ เมื่อแรงงานข้ามชาติหรือลูกแรงงานข้ามชาติต้องเดินทางไปเรียนหนังสือนอกพื้นที่ เขาสามารถเดินทางได้ (4) สิทธิในการรวมกลุ่มเพื่อจัดกิจกรรม (5) สิทธิในการนับถือศาสนา นับถือความเชื่อที่แตกต่างกัน เช่น สิทธิในการจัดงานวันประเพณีของกะเหรี่ยง มอญ ไทยใหญ่ (6) สิทธิที่จะมีชีวิตอยู่รอดจากภัยความตาย"
สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสิทธิในเรื่องการเดินทาง แม้รัฐบาลไทยยังไม่เปิดโอกาส แต่ในประวัติศาสตร์ก็ชี้ให้เห็นว่า เราไม่สามารถห้ามให้มนุษย์ไม่เดินทางได้ การเดินทางเป็นอิสระการเคลื่อนไหวทางร่างกายของมนุษย์ เช่น ศาสนาทุกศาสนาต้องให้คนเดินทางเพื่อไปเผยแพร่ศาสนาตามที่ต่างๆของโลก การห้ามการเดินทางจึงถือว่าเป็นการจำกัดอิสระของมนุษย์ เป็นการลงโทษคนที่ทำความผิดเพื่อให้หลาบจำ จึงสงสัยรัฐบาลไทยว่าแรงงานข้ามชาติทำความผิดอะไรจึงต้องไปจำกัดการเดินทาง ไปกักขังพวกเขาให้อยู่เฉพาะในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพียงเท่านั้น และกลับคิดว่าถ้าเราให้แรงงานข้ามชาติสามารถเดินทางได้ ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีในการจะนำไปสู่การพัฒนาคนที่สมบูรณ์ เพราะคนได้มีโอกาสเรียนรู้ ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ และไม่เห็นว่าการเดินทางจะนำไปสู่ปัญหาความมั่นคงแต่อย่างใด ตรงกันข้ามยิ่งนำไปสู่การพัฒนาคนยิ่งขึ้น และปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันน่าจะได้รับการคลี่คลายตามไปด้วย
ส่วนสุนีย์ ไชยรส คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องเสรีภาพในการเดินทาง ไม่ได้เกิดเฉพาะในกลุ่มพี่น้องแรงงานข้ามชาติเพียงเท่านั้น ยังมีกลุ่มบุคคลอีกหลายกลุ่มที่อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ก็ขาดอิสรภาพในการเดินทาง เช่น กลุ่มคนที่เกิดในประเทศไทยแต่ยังไม่ได้รับสัญชาติ ชนเผ่าต่างๆ กลุ่มไทยพลัดถิ่น เห็นได้ชัดว่าเสรีภาพในการเดินทางไปเชื่อมโยงกับการต้องมีสัญชาติไทยเพียงเท่านั้น หรือต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติมาจากประเทศของตนเอง
แต่สำหรับแรงงานข้ามชาติจากประเทศพม่า เรารู้แล้วว่าพวกเขาเป็นชนกลุ่มน้อยที่รัฐบาลทหารพม่าไม่ยอมรับ ทั้งยังเข่นฆ่าจนต้องหลบหนีมาประเทศไทย ทำให้พวกเขาถูกบีบบังคับในทุกสถานการณ์ นอกจากนั้นแล้วประเทศไทยเองยังไม่ได้รับอนุสัญญาผู้ลี้ภัย 1951 จึงทำให้คนที่หลบหนีสงครามเข้ามาเป็นผู้ลี้ภัยจึงถูกจำกัดให้อยู่แต่ในค่ายผู้ลี้ภัยเพียงเท่านั้น ออกไปไหนไม่ได้ การจำกัดขอบเขตการเดินทางเช่นนี้เองจึงทำให้ผู้ลี้ภัยหลายคนกดดันและหลบหนีออกไปเป็นแรงงานข้ามชาติ เพื่อทำให้มีโอกาสได้เดินทางและรับสิทธิต่างๆเพิ่มขึ้น
มีตัวอย่างรูปธรรมของการห้ามเดินทาง แม้เป็นการเดินทางในเขตจังหวัดที่ตนเองทำงานอยู่ก็ตาม คือ การจัดงานวัฒนธรรมวันชาติมอญที่จังหวัดสมุทรสาครเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา มีการตั้งด่านตรวจอย่างละเอียดตลอดเส้นทางไปสถานที่จัดงาน มีการข่มขู่ไม่ให้คนเดินทางมาร่วมงาน หรือบางคนที่มาร่วมงาน ถ้าข้ามเขตจังหวัดก็ถูกจับและส่งกลับโดยทันที แม้เพียงพวกเขาจะมาร่วมงานวัฒนธรรมของชนชาติตนเองก็ตาม
ฉะนั้นโดยสรุปเสรีภาพการเดินทางเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นปัญหาร่วมของคนทุกคนที่ไม่มีสัญชาติไทย สิ่งสำคัญเราต้องผลักดันร่วมกันเพื่อให้เกิดการยอมรับและรับรองสิทธิพื้นฐานนี้ให้ได้ เพราะเมื่อแรงงานข้ามชาติและคนกลุ่มต่างๆสามารถเดินทางได้ เมื่อนั้นการละเมิดสิทธิต่อพวกเขาก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ ในรอบปี 2551 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากการเดินทางเพื่อย้ายถิ่นของแรงงานข้ามชาติทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายถึง 7 ครั้ง คือ
17 มกราคม 2551 จังหวัดกาญจนบุรี: เรือล่มในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ตาย 7 คน
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2551 พบศพแรงงานข้ามชาติหลบหนีเข้าเมืองไม่ถูกกฎหมายจากพม่าจำนวน 7 คน ลอยอยู่ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ บริเวณบ้านทุ่งม้าเหาะ หมู่ 2 ตำบลนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นชาย 2 คน หญิง 3 คน และเด็กอีก 2 คน ตำรวจสันนิษฐานว่าแรงงานกลุ่มนี้น่าจะใช้เส้นทางหลบหนีเข้าเมืองทางน้ำ เพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารและตม.ที่ตั้งด่านตามเส้นทางสัญจรทางบกทุกสาย ทำให้ขบวนการลักลอบพาแรงงานไม่ถูกกฎหมาย ที่โดยปกติมีการลักลอบเข้ามาทางชายแดนด้านอำเภอสังขละบุรีหรืออำเภอทองผาภูมิ ใช้การเดินเท้าหรือรถยนต์ผ่านเส้นทางเข้าทุ่งใหญ่นเรศวร ต้องหันมาใช้เส้นทางเรือผ่านอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์แทน ประกอบกับการเดินทางในช่วงกลางคืนซึ่งคนขับเรือไม่ชำนาญทางทำให้เรือล่มในที่สุด
26 มกราคม 2551 จังหวัดนครพนม: เรือล่มในแม่น้ำโขง แรงงานชาวเวียดนามตาย 3 คน สูญหาย 15 คน
เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2551 ประมาณตี 2 ที่บริเวณบ้านบัว หมู่ 4 ตำบลดงขวาง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม อยู่เยื้องกับบ.หนองดินจี่ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว ได้เกิดอุบัติเหตุเรือล่มกลางแม่น้ำโขงทำให้แรงงานหญิงชาวเวียดนามจำนวน 3 คนเสียชีวิต แรงงานกลุ่มนี้เป็นแรงงานที่ลักลอบไปทำงานที่กรุงเทพมหานครและนครปฐม ซึ่งกำลังจะเดินทางกลับประเทศเวียดนามที่ จังหวัดวินห์ฮาตินห์ และเงอาน เพื่อไปร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีนกับญาติพี่น้อง พร้อมกับเพื่อนแรงงานชาวเวียดนามที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอีก 23 คน เป็นหญิง 10 คน ชาย 13 คน ได้เดินทางมาลงเรือข้ามแม่น้ำโขงที่ฝั่งนครพนม แต่เรือเกิดล่มเพราะบรรทุกน้ำหนักเกิน จนทำให้แรงงานสูญหายไปถึง 15 คน
19 มีนาคม 2551 จังหวัดอุบลราชธานี: รถพลิกคว่ำ แรงงานลาวตาย 9 คน บาดเจ็บ 13 คน
บนถนนสายเขมราฐ-ตระการพืชผล บ้านทรายพูล ตำบลขามป้อม อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี เกิดอุบัติเหตุรถปิคอัพยี่ห้อมาสด้า สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งกำลังพาแรงงานชาวลาวไม่ถูกกฎหมายจากบ้านนาง
9 เมษายน 2551 จังหวัดระนอง: ขาดอากาศหายใจ แรงงานจากพม่าตาย 54 คน บาดเจ็บ 21 คน
มีการพบศพแรงงานข้ามชาติจากประเทศพม่าที่หลบหนีเข้าเมืองไม่ถูกกฎหมายจำนวน 54 คน เป็นชาย 17 คน และหญิง 37 คน รวมถึงมีผู้บาดเจ็บอีก 21 คน จากจำนวนแรงงานข้ามชาติจากพม่าทั้งหมด 121 คน ในรถบรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน 70-0619 ระนอง ของบริษัทรุ่งเรืองทรัพย์ที่ดัดแปลงเป็นรถตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็น แรงงานข้ามชาติกลุ่มนี้มีนายหน้าพาลักลอบเดินทางมาจากแพปลาแห่งหนึ่งในจังหวัดระนอง เพื่อเดินทางไปทำงานที่จังหวัดพังงาและภูเก็ต ระหว่างที่รถได้แล่นมาถึงบริเวณบ้านบางกล้วยนอก หมู่ที่ 3 ตำบลนาคา อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง พบว่าแรงงานข้ามชาติจำนวนมากที่ต่างเบียดเสียดอย่างแออัดอยู่ในพื้นที่แคบๆ ได้เสียชีวิตลงเนื่องจากขาดอากาศหายใจนานกว่า 1-2 ชั่วโมง ทำให้คนขับรถต้องหยุดรถและหลบหนีความผิดไปในที่สุด
18 กรกฎาคม 2551 จังหวัดกำแพงเพชร : รถขับด้วยความเร็วสูง แรงงานพม่าบาดเจ็บ 12 คน
ที่ถนนสายนาบ่อคำ-บ้านหนองกอง หมู่ที่ 10 ตำบลนาบ่อคำ จังหวัดกำแพงเพชร มีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ทะเบียน บฉ 2505 กรุงเทพมหานคร ชนกับรถกระบะหมายเลขทะเบียน บบ 4043 พิษณุโลก มีผู้บาดเจ็บรวมทั้งหมด 14 คน โดยนาย
ผู้บาดเจ็บที่เดินทางมากับรถกระบะทะเบียน บบ 4043 พิษณุโลก ทั้งหมดเป็นแรงงานจากพม่าจำนวน 12 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 2 คน เดินเท้ามาจากเมืองเมียวดี ประเทศพม่า ข้ามชายแดนที่อำเภอแม่สอดแล้วมีนายหน้าพาเดินเท้าผ่านป่าเข้าไปถึงจังหวัดกำแพงเพชร หลังจากเดินเท้าถึงตำบลนาบ่อคำได้มีคนขับรถมารับและขับรถด้วยความเร็วสูง พร้อมกับปิดไฟหน้า เพราะเกรงว่าจะถูกจับ ทำให้รถกระบะอีกคันซึ่งขับสวนมา มองไม่เห็นและชนประสานงากัน จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
6 ตุลาคม 2551 จังหวัดปราจีนบุรี: รถพลิกคว่ำ แรงงานกัมพูชาตาย 3 คน บาดเจ็บ 4 คน
บนถนนสายบ้านโคกขวาง - บ้านท่าตูมปากทางแยกเข้าหมู่บ้านหนองปรือหมู่ 7 ตำบลศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี มีอุบัติเหตุรถกระบะพลิกคว่ำมีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 4 คน เป็นรถกระบะสีบรอนด์เงิน ยี่ห้อนิสสัน หมายเขทะเบียน ณร 7371 กรุงเทพมหานคร ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นชาวกัมพูชา ยกเว้นคนขับที่เป็นคนไทย ทั้งหมดเดินทางมาจากประเทศกัมพูชาเพื่อมาทำงานในประเทศไทย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถยางระเบิดและเสียหลักพลิกคว่ำจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว
15 ธันวาคม 2551 จังหวัดกาญจนบุรี: รถชนต้นไม้และเสาไฟฟ้า แรงงานจากพม่าตาย 8 คน บาดเจ็บ 8 คน
เมื่อเวลา 06.30 น. ได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะ เลขทะเบียน บน 1174 กาญจนบุรี ชนต้นไม้และเสาไฟฟ้า บริเวณถนนสายลำห้วยรางกระชายวังสิงห์-ไทรโยค หมู่ที่ 2 ตำบลวังสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี สภาพรถพังยับเยิน พบว่ามีผู้เสียชีวิตทันที 8 ราย เป็นชายทั้งหมด 1 ในนั้น คือนาย
ทั้งนี้ 7 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวจึงเป็นภาพสะท้อนที่เห็นได้ชัดของสถานการณ์การย้ายถิ่นข้ามชาติในสังคมไทย และชี้ชัดว่าแรงงานข้ามชาติยังต้องลักลอบเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย พวกเขาจำเป็นต้องสร้างทางเลือกให้กับชีวิตตนเอง เพื่อหลุดพ้นจากชะตากรรมที่เลวร้ายจากประเทศต้นทาง ท่ามกลางความไม่พร้อม และระบบที่ไม่เอื้อให้สามารถเดินทางเข้ามาทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวการณ์ที่ความปลอดภัยในการย้ายถิ่นของแรงงานข้ามชาติ ยังเป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามไม่ได้รับการแก้ไขในปัจจุบัน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)