Skip to main content
sharethis

27ธ.ค. 51 - ที่อาคารธันเดอร์โดม เมืองทองธานี บรรยากาศการจัดงาน "ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ฉลองชัยประชาชน" ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยผู้เข้าร่วมงานจะต้องซื้อบัตรในราคา 300 บาท พร้อมทั้งมีคูปองแลกอาหารและเครื่องดื่มจำนวน 4 ใบและได้รับหมวกแฟนตาซีสีต่างๆ อีกด้วย


 


สำหรับบรรยากาศบริเวณลานหน้าอาคารมีการจัดซุ้มอาหาร อาทิ ก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย ส้มตำ ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ ข้าวหมกไก่ ฯลฯ ไว้สำหรับผู้เข้าร่วมงานนำคูปองมาแลก นอกจากนี้ยังมีการออกร้านสอยดาวโดยจำหน่ายบัตรใบละ 100 บาท ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก


 


นอกจากนี้ยังมีการนำเบียร์กระป๋องเข้ามาจำหน่ายภายในบริเวณงานโดยรายได้จากการจำหน่ายจะนำเข้าสมทบทุนสนับสนุนเอเอสทีวี


 


ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้น บริเวณโดยรอบของอาคาร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ปากเกร็ด ร่วมกับเจ้าหน้าที่ รปภ.ของเมืองทองธานีคอยดูแล และมีการตรวจเข้มทั้งบริเวณทางเข้างาน โดยมีกลุ่มการ์ดพันธมิตรฯ นับร้อยวางกำลังตามจุดต่างๆ รอบอาคาร และได้มีการนำเครื่องตรวจวัตถุระเบิดมาคอยตรวจตราเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น


 


นอกจากนี้ยังมีการกรอกชื่อลงทะเบียนโดยแยกเป็นตามภาคต่างๆ เช่น ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง เป็นต้น


 


หลังจากนั้นในเวลา 15.00 น.ได้เริ่มเปิดให้ประชาชนเข้าบริเวณภายในอาคาร โดยมีกลุ่มพันธมิตรฯ หลายพันคนเดินทางมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยบรรยากาศภายในอาคาร หลังจากที่การ์ดพันธมิตรฯได้เปิดประตูปล่อยให้ผู้มาร่วมงานเข้าไปภายในได้ ปรากฏว่า ภายในไม่ถึง 10 นาทีมีผู้เข้าร่วมจับจองพื้นที่บริเวณอาคารจนเต็มพื้นที่


 


ส่วนบนเวทีได้ทำฉากหลังเป็นรูปกลุ่มพันธมิตรฯ เสื้อเหลือง โดยเขียนข้อความว่า "ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ฉลองชัยชนะประชาชน" และมีการแสดงดนตรีขับกล่อมผู้เข้าร่วมงานก่อนที่แกนนำจะขึ้นปราศรัยบนเวที


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ผู้จัดงานได้เตรียมการจัดสถานที่ไว้ที่อาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริจักรพันธ์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีการพิมพ์บัตรเข้างานไว้จำนวน 5 พันใบ แต่ยอดจองมีจำนวนมากกว่าที่จัดเตรียมไว้ จึงได้ย้ายมาจัดงานที่เมืองทองธานีแทน โดยได้พิมพ์บัตรเพิ่มจาก 5 พันใบเป็น 8 พันใบ แต่ในขณะนี้บัตรได้ขายหมดไปแล้วและขณะนี้มีจำนวนผู้ชุมนุมประมาณ 10,000 กว่าคนเข้ามาในบริเวณพื้นที่อาคารกันอย่างคับคั่ง


 


 


"สุริยะใส" ระบุ 5 แกนนำ มีอิสระจากพรรคประชาธิปัตย์ เตือนให้ระวังฮาร์ดคอร์เสื้อแดง


เวลา 17.30 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ไม่มีเป้าหมายทางการเมืองเป็นเพียงการจัดงานพบปะสังสรรค์ในเทศกาลปีใหม่ หลังจากพันธมิตรฯ เหน็ดเหนื่อยจากการชุมนุมมาหลายเดือน ทั้งนี้พันธมิตรมีโครงการจัดเวทีคอนเสิร์ตการเมืองสัญจรไปยังจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมเป็นต้นไป โดยตั้งเป้าจะจัดกิจกรรมเดือนละ 2-3 ครั้งเพื่อรณรงค์การเมืองใหม่โดยการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุปะทะกับมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงโดยพันธมิตรฯประเมินว่าจะขยายตัวมากขึ้นและอาจจะใช้วิธีการเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯ คือ เข้าไปขัดขวางการจัดกิจกรรมของฝ่ายตรงข้าม จึงขอฝากไปยังกลุ่มเสื้อแดงว่า การขัดขารัฐบาลตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำงานเป็นการกระทำที่ขาดเหตุผลเพราะพันธมิตรได้ปล่อยให้รัฐบาลสมัครทำงานถึง 4 เดือนจึงออกมาเดินขบวนประท้วง ดังนั้นขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงใช้เหตุผลและความชอบธรรมให้มากที่สุด มิฉะนั้นความขัดแย้งทางการเมืองจะลากยาวไปอีก 1 ปี ทั้งนี้ตนขอให้โอกาสรัฐบาลทำงานอย่างน้อย 3 เดือน


 


"พันธมิตรออกมาเคลื่อนไหวในช่วงรัฐบาลขาลง แต่คนเสื้อแดงประกาศเคลื่อนไหวตั้งแต่รัฐบาลยังไม่เริ่มทำงาน แรงต้านจากสังคมจะสูงกว่าพันธมิตร นอกจากนี้ภาพการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงก็แยกไม่ออกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอาจจะทำให้แกนนำ นปช.หลายคนเริ่มหายหน้าไป ปล่อยให้พิธีกรรายการความจริงวันนี้ผูกขาด" สุริยะใส กล่าว


 


นายสุริยะใส กล่าวว่า สำหรับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทางพันธมิตรยังคงมีทีท่าให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงาน โดยการตรวจสอบจะเริ่มต้นทันทีหลังรัฐบาลแถลงนโยบายหากพบว่ามีการดำเนินงานไม่ตรงกับนโยบายที่แถลง ทั้งในเรื่องปราสาทพระวิหาร การแก้รัฐธรรมนูญ ก็จะออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านทันที และขอยืนยันว่า พันธมิตรไม่ได้ร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ แม้คนที่เคยขึ้นเวทีพันธมิตรอย่างนายกษิต ภิรมย์ ที่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ไม่ใช่โควต้าของพันธมิตรและหากนายกษิตบริหารงานผิดไปจากนโยบายก็อาจจะเป็นรัฐมนตรีคนแรกที่กลุ่มพันธมิตรถือมือตบเข้าไปขับไล่


 


นายสุริยะใส กล่าวว่า 5 แกนนำ มีอิสระจากพรรคประชาธิปัตย์โดยจะไม่เข้าไปร่วมงานหรือมีโควต้าใดๆ ในรัฐบาล แต่พันธมิตรมีความหลากหลาย คนที่ขึ้นเวทีมาจากร้อยพ่อพันแม่ จึงอาจมีผู้ที่เคยขึ้นเวทีพันธมิตรไปรับตำแหน่งในรัฐบาล ซึ่งไม่มีความเกี่ยวพันกับพันธมิตร อย่างไรก็ตามยอมรับว่า มีบางคนเสนอให้กลุ่มพันธมิตรตั้งพรรคการเมืองเพราะพันธมิตรมีการบริจาคสนับสนุนมากกว่าพรรคการเมืองใด รวมทั้งยังมีกลุ่มมวลชนที่กล้าจะเข้าไปสู้กับระเบิดและแก๊สน้ำตา แต่ 5 แกนนำยังยืนยันจะไม่แปรสภาพจากพันธมิตรไปเป็นพรรคการเมือง ในระหว่างนี้จะขอทำหน้าที่ปรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองภาคประชาชนต่างๆให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


 


นายสุริยะใส กล่าวว่า ขอให้กลุ่มเสื้อแดงระมัดระวังในการชุมนุมปิดล้อมอาคารรัฐสภาในวันที่ 29-30 ธันวาคม เพราะในกลุ่มเสื้อแดงมีกลุ่มคนฮาร์ดคอร์ประมาณ 300-500 คน คนกลุ่มนี้คือคนที่ปฏิบัติการรุนแรงหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์จึงขอให้ระมัดระวังเพื่อไม่ให้กลุ่มที่มาเข้าร่วมชุมนุมอย่างสุจริตใจตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง


 


"ประสงค์" จวกยับ ปชป. ยอมผสมพันธุ์แค่อยากเป็นรัฐบาล


เวลาประมาณ 19.00 น. น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ"การเมืองใหม่กับพรรคการเมืองของประชาชน" มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า หลังจากหายไป 6-7 เดือนมีข่าวออกมาว่าตนป่วยหนักเป็นอัมพฤกษ์ เป็นอัมพาต ขอยืนยันว่าตนยังเป็นอยู่ดีทุกประการ พาสปอร์ตสีแดงและสีน้ำตาลของตนยังอยู่ ตนไม่ได้หายไปไหน การที่พี่น้องไม่เห็นตน เป็นเหมือนธรรมชาติที่มีกลางวันก็ต้องมีกลางคืนมีกลางคืนต้องมีกลางวัน พี่น้องไม่เห็นตน แต่ตนเห็นพี่น้องทุกครั้งที่มีการชุมนุม ตนอยู่ใกล้ๆ ตนทำงานบางสิ่งบางอย่างด้วยเป้าหมายวัตถุประสงค์เดียวกับทุกท่าน โดยเฉพาะเป้าหมายสำคัญคือการทำลายล้างนักการเมืองเลวๆในระบอบทักษิณ


 


"นักการเมืองต้องตระหนักว่าถ้าไม่มีพันธมิตรก็ไม่มีรัฐบาลชุดนี้ พวกคุณต้องเข้าใจว่าพันธมิตรนั้นมีส่วนสำคัญที่ทำให้คุณยืนอยู่บนตำแหน่งเก้าอี้ ไม่ใช่เที่ยวเอาดอกกุหลาบแดงไปให้คนนั้นคนนี้ พวกคุณเหยียบศพ เหยียบกองเลือดผ่านความบาดเจ็บของพันธมิตรไป คุณจะลืมเรื่องนี้ไม่ได้ ผมเชื่อว่าพันธมิตรทุกคนไม่ต้องการ ไม่เคยเรียกร้องบุญคุณใดๆจากรัฐบาลเพราะทุกคนทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองดีของประเทศขับไล่รัฐบาลทรราชฆาตกร" น.ต.ประสงค์ กล่าว


 


น.ต.ประสงค์ กล่าวด้วยว่า หลังการตั้งรัฐบาลเชื่อว่าพันธมิตรรู้สึกตรงกันคือพะอืดพะอม แต่ก็ต้องกล้ำกลืนให้โอกาสในการเป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ดี มีนักการเมืองน้ำดีอยู่จำนวนมาก แต่การไปร่วมอยู่กับคนที่เคยชี้หน้าด่าว่าเป็นนักการเมืองที่สร้างความเสียหายให้แผ่นดินที่ฉ้อโกงทุจริตคดโกง ตนไม่ได้กล่าวร้ายพรรคประชาธิปัตย์ แต่พูดด้วยความหวังดีว่าความดีงามทั้งหลายที่มีมาตลอดต้องรักษาไว้


 


ทั้งนี้ ตนเห็นความผิดปกติในการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ 3 เรื่องคือ 1.พรรคประชาธิปัตย์ไม่หลงเหลืออำนาจในการต่อรอง โดยปล่อยให้กลุ่มเนวินทีมีเพียง 15 คนได้ถึง 4 เก้าอี้สำคัญ เขาไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น คิดเพียงแต่ว่าถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีรัฐบาล ควรจะพูดว่าถ้าไม่มีพันธมิตรก็ไม่มีรัฐบาลต่างหาก รัฐบาลบอกว่าให้ไปแล้วจะควบคุมได้ แต่ตนไม่เชื่อว่าจะคุมกลุ่มเนวินได้ ถ้าคุมไม่ได้ประชาธิปัตย์ก็จะเสียตรงนี้ไปเลย 2.กระทรวงสำคัญๆไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้ ทั้งกระทรวงมหาดไทย ที่ควบคุมทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ตำบล และดูแลกรมที่ดิน ที่พ่อเนวินกำลังมีคดีความ รวมทั้งนักการเมืองอีกหลายคน ขณะที่กระทรวงเศรษฐกิจก็ให้เขาไปหมด และ 3.คุณภาพของรัฐมนตรีที่เข้ามาดูแลกระทรวงไม่ดีพอโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ที่มีบทบาทในการส่งออกสินค้า เอาเจ้าแม่ 3 วัด มาดูแลคือโพ วัดไซ วัดดอน รวมทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม เกษตร ก็เช่นเดียวกัน


 


"พรรคประชาธิปัตย์สร้างบรรทัดฐานใหม่ในทางการเมืองคือต้องการเป็นรัฐบาลเพียงอย่างเดียวแล้วบอกว่าถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีเรา ผมขอให้พันธมิตรตรวจสอบติดตามกระทรวงสำคัญเหล่านี้ให้ดี การอ้างว่าในภาวะวิกฤตของประเทศ ต้องเอาพวกเขามากู้ชาติคิดว่าเป็นคำอธิบายที่ใช้ไม่ได้ ประเทศไม่ใช่ของทดลอง สะท้อนให้ว่าเราอยู่วงจรการเมืองเก่าๆที่เรียกว่าวงจรอุบาทว์ ตั้งแต่การซื้อเสียงเลือกตั้งการทุจริตคอร์รัปชั่น เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นการเมืองเก่าที่เชื้อแห่งความชั่วยังคงอยู่บริบูรณ์" น.ต.ประสงค์ กล่าว


 


ทั้งนี้น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวว่าการสร้างการเมืองใหม่ต้องทำภารกิจ 3 ประการ 1.แก้ปัญหาความยากจนของประเทศด้วยการส่งเสริมให้ทำการเกษตรแล้วแปรรูปเป็นสินค้าอุตสาหกรรมได้ 2.การเมืองใหม่ต้องสร้างสมดุลระหว่างการปฎิรูปการเมืองกับปฏิรูปการปกครอง ที่ผ่านมานักการเมืองบอกจะเข้ามาปฏิรูป ตนในฐานะที่ร่างรัฐธรรมนูญ ขอแค่ทำตามรัฐธรรมนูญก็ปฏิรูปได้แล้ว แต่นักการเมืองคิดอย่างเดียวว่ารัฐธรรมนูญทำให้ถูกยุบพรรค ถูกตัดสิทธิการเมือง


 


ทั้งนี้ การปฏิรูปการปกครองทำมานานตั้งแต่สมัย ร.5 ที่ปัจจุบันอำนาจไปอยู่กับข้าราชการท้องถิ่นและอบต.ไม่ได้อยู่ในกำมือประชาชนเลย การเมืองใหม่ควรจะรื้อระบบเก่าให้หมด เหลือเพียงเทศบาลตำบล เทศบาลอำเภอและเทศบาลจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อที่จะทำให้ท้องถิ่นหลุดพ้นอำนาจของส่วนกลางให้มากที่สุด และ 3.การเมืองใหม่ต้องปฏิรูปที่ดิน เพราะประเทศไทยทั้งหมดมีที่ดิน 320 ล้านไร่ ออกเอกสารสิทธิทุกประเทศ 120 ล้านไร่ เป็นที่ดิน สปก. 60 ล้านไร่ โดยต้องจัดที่ดินที่เหลือเป็นของชุมชุนแล้วสร้างวิสาหกิจชุมชนคนในชุมชนสามารถมีอำนาจต่อรอง นอกจากนี้การเมืองใหม่ต้องปฏิรูประบบกฎหมาย และปฏิรูประบบการจัดทำงบประมาณแผ่นดิน โดยต้องมีการจัดทำจากข้างล่างเสนอไปยังข้างบนไม่ใช่แบบเก่าที่การจัดงบประมาณเป็นไปตามใจชอบของนักการเมืองเพียงอย่างเดียว


 


น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า การเมืองใหม่นั้นไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง ซึ่งการเมืองในระบบประชาธิปไตยนั้นตราบใดที่ไม่มีอำนาจรัฐไม่สามารถแก้ไขหรือเข้าไปปฏิรูปได้ ดังนั้นเราจะได้อำนาจมาเพื่อปฏิรูป โดยต้องเข้าสู่อำนาจรัฐด้วยการแข่งขันเลือกตั้ง และมีพรรคการเมืองของพวกเราพันธมิตร แต่ความเห็นตนไม่เกี่ยวกับแกนนำ วันนี้พรรคการเมืองที่ดีเหลือพรรคเดียวคือพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้าพรรคนี้เสียก็เสียไปหมด ใช้ไม่ได้ และตนเห็นว่าการเมืองการจะอยู่ถึง 3 ปีนั้นถามว่าเป็นไปได้แค่ไหน ตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทำงานของตัวเองและจากเสียงข้างนอก


 


"ขณะนี้กฎหมายรอฆ่าคุณอยู่หลายเรื่องแม้กระทั่งเรื่องกรณีที่ส.ส.สัดส่วนถูกยุบพรรคเรียกประชุมสภา ผมเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ รู้ดีว่ามันเรียกไม่ได้ รวมทั้งส.ส.ที่ถูกยุบพรรคไปโหวตก็ทำไม่ได้ คนเหล่านี้ไม่เคยเคารพกฎหมายเลย ดังนั้นฝากไว้ว่าอย่าได้ต้องทำเอง และการตั้งพรรคนั้นไม่ยากขอให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 15 ก่อนเพราะเครือข่ายนั้นมีอยู่แล้ว ส่วนโครงสร้างให้เร่งทำ ขอให้รีบทำ ผมเชื่อว่ารัฐบาลอยู่ไม่นาน ถ้ามีการเลือกตั้งเราก็เลือกพรรคของเรา ส่วนถ้าชอบพรรคอื่นค่อยไปรวมกันทีหลัง ส่วนพรรคเส็งเคร็งอย่าไปเอามันมา" น.ต.ประสงค์ กล่าว


 


 


ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์คมชัดลึก, ผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net