Skip to main content
sharethis

โดย มุทิตา เชื้อชั่ง


 


นานมาแล้วที่ทะเลบ่อนอกดูสงบราบเรียบไร้พายุ เรือประมงลำเล็กๆ ออกหาปลาไม่ไกลจากฝั่ง หญิงชายวัยกลางคนพากันเดินรุน "เคย" เพื่อเอาไปทำกะปิอยู่ใกล้ๆ ชายหาด ทุกอย่างดูปกติ เงียบเชียบ คงเหมือนกับเรื่องราวซึ่งเงียบหายไปนานหลายปีหลังสูญเสีย "เจริญ วัดอักษร" ... ก่อนที่จะมีการตัดสินคดีสังหารเขาในวันที่ 30 ..นี้








1


ความเดิมตอนที่แล้ว ... ประวัติศาสตร์ 'สีเขียว'






เขาเป็นแกนนำคนหนึ่งของกลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก ซึ่งเป็นขบวนการชาวบ้านที่ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูด คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินบ่อนอก-บ้านกรูด (1) เป็นขบวนการชาวบ้านที่ต่อสู้อย่างดุเดือดในพื้นที่ "โหด" เมืองอิทธิพลอันดับต้นๆ ของประเทศ เป็นขบวนการชาวบ้านที่เคยปิดถนนเพชรเกษม ตรงสี่แยกบ่อนอก จ.ประจวบฯ นานหลายชั่วโมง เป็นขบวนการชาวบ้านที่สวมเสื้อเขียว และเป็นเจ้าของสโลแกน "มึงสร้าง กูเผา" อันโด่งดัง (2) เป็นขบวนการชาวบ้านซึ่งเกาะเกี่ยว ก่อตัว และต่อสู้ยาวนานตั้งแต่ปี 2538 เปลี่ยนแกนนำไปแล้ว 3 รุ่นเพื่อค้นหาตัวจริงที่จะยืนหยัดคัดค้าน เป็นขบวนการชาวบ้านที่ทำการบ้านเชิงประเด็นอย่างหนักหน่วง ประสานความร่วมมือจากเอ็นจีโอ นักวิชาการ สื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งประสบความสำเร็จในปี 2547 เมื่อรัฐบาล พ...ทักษิณ ชินวัตร ประกาศยุติการสร้างโรงไฟฟ้าที่นี่ และย้ายไปยังพื้นที่สระบุรี และราชบุรี




หลังจากนั้น คนกลุ่มนี้ยังเดินหน้าต่อสู้เรื่องที่ดินสาธารณะ 900 กว่าไร่ที่มีนักการเมือง ข้าราชการท้องถิ่นพยายามจะออกโฉนดถือครอง ทั้งสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงกันในทัศนของชาวบ้าน เพราะที่ดินสาธารณะนั้นทอดตัวยาวตลอดแนวชายฝั่ง โดยมีที่ดินของบริษัทโรงไฟฟ้าอยู่เบื้องหลัง หากจะมีโรงงานใดที่จะต้องลำเลียงถ่านหินจากทะเล สายพานลำเลียงก็ต้องพาดผ่านที่สาธารณะนั้นอย่างไม่อาจเลี่ยง




ระหว่างนั้นเอง จู่ๆ เวลาสามทุ่มเศษของคืนวันหนึ่ง "เจริญ วัดอักษร" ก็เสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ริมถนนเพชรเกษม กระสุน 10 นัด ฝังอยู่ทั่วร่าง เขาถูกคนร้ายยิงอย่างอุกอาจหลังจากเดินทางกลับจากการให้การกับ คณะกรรมาธิการชุดหนึ่งของวุฒิสภา เรื่องที่ดินสาธารณะที่ว่า เสียงปืนดังขึ้นเป็นระลอกหลังจากเขาก้าวเท้าลงรถจากทัวร์ที่ศาลาข้างทางตรงสี่แยกบ่อนอกไม่กี่ก้าว เพื่อเตรียมจะข้ามถนนไปยังอีกฝั่งหนึ่งเพื่อไปที่วัดบ่อนอก ที่ซุกหัวนอนของเขาและภรรยา




"มีคนไปบอกว่าเจริญถูกยิง เราก็รีบออกมาดู ไม่มีน้ำตาเลยตอนนั้น คำถามแรกที่ถามคนแถวนั้นคือเจริญถูกยิงยังไง เอาไปส่งโรงพยาบาลไหน เขาบอกว่า...ตายคาที่" คำบอกเล่าของกระรอก กรณ์อุมา พงษ์น้อย ภรรยาของเจริญ




นานแล้วเช่นกัน ที่สามีภรรยาคู่นี้ต้องอพยพจากบ้านเล็กๆ ในไร่ลึก สันโดษ มานอนที่วัดบ่อนอก ซึ่งมีพี่ชายของเจริญเป็นเจ้าอาวาสเพื่อความปลอดภัย หลังจากที่ออกมาคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าเต็มตัว และถูกผลักดันให้เป็นแกนนำคนสำคัญ




ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้มีการติดต่อให้เงิน 20 ล้าน เพื่อให้เจริญยุติการคัดค้าน มีการใช้กฎหมายเล่นงาน แจ้งข้อกล่าวหามากมายกับเขาและพวก กระทั่งมีการขู่เอาชีวิตกัน คนที่นั่นจึงผลัดเวรกันมานอนเฝ้า และติดตามแกนนำของเขาไปแถบจะทุกที่ "เราพยายามเต็มที่ พยายามเฝ้ามานาน แต่ก็ยังพลาด" ป้าคนหนึ่งระลึกความหลังด้วยแววตาเศร้าสร้อย (3)




จากที่เคยอยู่แต่ในครัว และเป็นฝ่ายสนับสนุนสามีในทุกด้าน "กระรอก" ตัดสินใจทิ้งความโศกเศร้าเสียใจไว้เบื้องลึก และเปลี่ยนแปลงตัวเอง ออกมาเป็นแกนหลักให้กับขบวนชาวบ้านที่กำลังปั่นป่วนหลังการสูญเสียอย่างสะเทือนขวัญ ส่วนหนึ่งถอดใจอาจด้วยความย่อท้อ เกรงกลัว ขณะที่ส่วนใหญ่ยิ่งคับแค้น เจ็บปวด และเกาะเกี่ยวกันแน่นหนายิ่งขึ้น




ข่าวคราวการสูญเสียเจริญได้รับความสนใจในวงกว้าง ในฐานะประชาชนอีกคนหนึ่งที่ถูกจัดการอย่างโหดเหี้ยม อยุติธรรม เจริญนับเป็นรายที่ 19 ในลิสต์รายชื่อยาวเหยียดของแกนนำของกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศที่เสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำหลังออกมาต่อสู้คัดค้านโครงการพัฒนารูปแบบต่างๆ ในพื้นที่ (ดูรายละเอียดได้ในไฟล์ประกอบ) กระรอกและขบวนชาวบ้านเดินหน้าผลักดันเรื่องคดีเจริญอย่างเข้มข้นในทุกกระบวนการ จนกระทั่งเธอเองก็ถูกขู่เอาชีวิตไม่ต่างจากสามีของเธอ




ปัจจุบัน "ครัวชมวาฬ" ธุรกิจบ้านพักเล็กๆ ของกระรอกในที่ดินริมทะเลของปู่ของเธอ กลายเป็นแหล่งประชุมชาวบ้านในการหามติต่างๆ อย่างน้อยตั้งแต่ 20 คน ไปจนกระทั่ง 40-50 คน จากการบอกเล่าของหลายคนๆ พบว่า ขบวนการชาวบ้านที่นี่ใช้มติที่ประชุมในการเคลื่อนไหว และแม้ระหว่างการเคลื่อนไหวก็จะสอบถามผู้ที่เข้าร่วมโดยตลอดว่า จะเอาอย่างไรต่อไป




"เวลาเจรจากับราชการ เราไม่เคยที่จะส่งตัวแทนงุบงิบๆ ขึ้นไปคุยกัน เพราะชาวบ้านที่มาชุมนุมนี่คือตัวแทนของชุมชนอยู่แล้ว ไม่มีตัวแทนของตัวแทนอีกที ฉะนั้น จะเจรจากันยังไงก็ต้องลงมาคุยให้ทุกคนได้ยินด้วย ได้ตัดสินใจร่วมกันด้วย เพราะพวกเขาไม่ใช่ไม้ประดับ" กระรอกว่า




ปัจจุบัน ชาวบ้านที่นี่ซึ่งส่วนใหญ่พอมีอันจะกิน ประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง ทำสวนมะพร้าว ปาล์ม ทำไร่สับปะรด ตลอดจนประกอบธุรกิจเล็กๆ ยังคงติดนิสัยความเป็น "active citizen" คอยติดตามนโยบายการพัฒนาต่างๆ ที่จะเข้ามาในพื้นที่โดยตลอด รวมถึงการทำหน้าที่เป็น "แบบเรียน" ให้กับพื้นที่ข้างเคียง และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศได้เข้ามาศึกษาแลกเปลี่ยนไม่เคยหยุดหย่อน




แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น กรณีของเจริญ กลายเป็นจุดหักเหให้ขบวนการชาวบ้านกลุ่มนี้ยังมุ่งหน้าไปสู่การเรียนรู้และเรียกร้องต่อเรื่องอื่น ที่ถือเป็นงานโหดหินอีกอย่างหนึ่งด้วย นั่นคือ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม




"เราสู้คดีเจริญ เพื่อเป็นบรรทัดฐานสำหรับกรณีอื่นๆ ถ้ากระบวนการยุติธรรมไทยมีปัญหาแบบนี้ ชาวบ้านอย่างเราๆ ก็จะถูกฆ่าเป็นวัฏจักร ความรุนแรงในสังคมไทยก็จะยิ่งหนักหนาขึ้น เพราะรัฐและทุนก็ยังมีนโยบายเหมือนเดิม" กรณ์อุมา กล่าว








2


ติดตามตอนต่อไป … 'บทเรียนจากกระบวนการยุติธรรมไทย'


 




คำให้สัมภาษณ์ของ กรณ์อุมา พงษ์น้อย


วันที่ 26 ธันวาคม 2551


ณ ครัวชมวาฬ








'ทุ ก ค รั้ งที่ ไ ป ติ ด ต า ม ค ดี รู้ สึ ก เ ห มื อ น เ ร า ถู ก ก ร ะ ทำ ซ้ำ


ค รั้ ง แ ล้ ว ค รั้ ง เ ล่ า


ก ร ะ บ ว น ก า ร ยุ ติ ธ ร ร ม ไ ม่ ไ ด้ เ ยี ย ว ย า


ไ ม่ ไ ด้ ใ ห้ ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม


บ า ง นั ด เ ร า ถึ ง กั บ นิ่ ง อึ้ ง


ขึ้ น ลิ ฟ ท์ ศ า ล จ ะ ก ลั บ บ้ า น ยั ง ท น ไ ม่ ไ ห ว


ต้ อ ง อ า เ จี ย น อ อ ก ม า . . . . '








"กระบวนการยุติธรรมไทยมี 3 ส่วน ตำรวจ อัยการ และศาล สองส่วนแรกเราได้เรียนรู้มาแล้ว และถือได้ว่าพบความผิดปกติอยู่มาก เริ่มตั้งแต่เจ้าหน้าที่ เวลาเขาทำงานบางทีเขาก็มีทัศนะไม่ดีกับชาวบ้านที่คัดค้านโครงการพัฒนา ถามว่าคุณถูกออกแบบทางอำนาจให้มาผดุงความยุติธรรมในสังคม ถ้าธงในใจคุณเป็นแบบนี้แล้ว มันจะนำสู่การทำงานแบบไหน นี่ยังไม่ได้บวกรวมเรื่องระบบอุปถัมภ์ในกระบวนการยุติธรรมที่ยังดำรงอยู่ ทำให้มีความไม่ชอบมาพากลในการทำงาน




สิ่งที่เราได้เรียนรู้อีกเรื่องและรับไม่ได้ ต้องตีแผ่ ก็คือ ตอนนี้ทุกอย่างจากเรื่องใหญ่ เรื่องซับซ้อน มันหดเล็กลงเรื่อยๆ ไปสู่เรื่องคนฆ่ากันตายธรรมดา ตอนที่เจริญตายใหม่ๆ สื่อตีข่าว ทุกคนรีบออกมาพูด มาแย่งพื้นที่ แม้กระทั่งกลไกของรัฐเองก็ดู "เสมือน" ลงมาทำงานอย่างคึกคัก เจริญไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ไม่มีเรื่องทะเลาะส่วนตัว แล้วถูกฆ่าตาย ใครๆ ก็รู้ว่าสาเหตุการตายของเจริญมันก็เหมือนแกนนำคนอื่นที่ถูกฆ่าตายในอดีตที่ผ่านมา




คดีนี้พิเศษมากจริงๆ เพราะไม่ว่าใครตาย ก็ไม่น่าจะมีกลไกรัฐเข้ามาร่วมส่วนทำงานมากเท่ากับในคดีเจริญ กลไกรัฐที่มา มีทั้งตำรวจพื้นที่ ตำรวจกองปราบ ตำรวจสืบสวนกลาง ตำรวจภาค7 ตำรวจป่าไม้ ลงมาหมดเลย กลายเป็นว่าเรามีบัตรนายพลเป็นสิบ เพราะใครลงมาก็เอานามบัตรให้ บอกว่ามีอะไรโทรหาพี่




ยังไม่บวกรวมกับคณะทีมงานต่างๆ อีกนับไม่ถ้วน บันทึกการจับกุมทีแรกนั้น เฉพาะรายชื่อของตำรวจยาวเกือบเต็มกระดาษA4 คดีเจริญผ่านพนักงานสอบสวน 1 ชุด ผ่านดีเอสไอ ที่ดูเหมือนยกกรมกันลงมาทำงานในประจวบฯ เลยเพราะมาตั้งเซฟเฮ้าส์กันที่ประจวบฯเลยทีเดียว ผ่านอัยการอีก 4 ชุด ช่วยกลั่นกรองสำนวนนำสืบ ผ่านผู้พิพากษาอีกไม่ต่ำกว่า 7 คณะ แต่ถึงวันนี้คดีถูกสโคปลงมาเหมือนหนึ่งว่า มือปืนมานั่งกินเหล้าที่ศาลา เห็นเจริญลงรถมาแล้วก็ยิง โดยไม่ได้ตั้งใจมารอฆ่า




แบบนี้เป็นเหตุสุดวิสัย เป็นเรื่องไร้ความสามารถของเจ้าหน้าที่หรือ จริงๆ แล้วไม่ใช่ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ถูกออกแบบอย่างจงใจ บิดเบือด ตัดตอนคดี จนสโคปแคบเหลือเท่านี้




เริ่มตั้งแต่เจริญที่ต่อสู้กันมา แกนนำที่ถูกฆ่าตายก่อนหน้าเจริญมีเยอะแยะ แล้วมันไม่เคยได้รับความเป็นธรรม เจริญก็บอกเลยตอนที่เขาถูกขู่ฆ่า เขาบอกว่า "ถ้าข้าถูกฆ่าตาย เอาศพข้าไปเผาหน้าทำเนียบฯ ได้เลย ความเป็นธรรมก็คงไม่เกิดเหมือนกับคนอื่นๆ" นี่เขาพูดตั้งแต่ยังไม่มีดีเอสไอ จนวันที่เจริญถูกยิงตาย เรามาคุยกันแล้วก็เชื่อว่าคงไม่ได้อะไรเหมือนกัน จนมีดีเอสไอในยุคทักษิณอ้างว่าเพื่อผดุงความเป็นธรรม เราก็คงต้องทดสอบ จะเอาไปเผาหน้าทำเนียบฯ เลยสังคมคงรับเราไม่ได้ เราทดสอบแล้วจนมาถึงวันนี้




ถามว่าทำไมเราตั้งธงไม่ไว้วางใจตำรวจในพื้นที่ เพราะเรามีประสบการณ์มาตั้งแต่สมัยสู้เรื่องโรงไฟฟ้า ตอนที่นายทุนกับเราปะทะกัน แล้วเขาใช้อำนาจเถื่อนมาจัดการกับเรา ก่อนหน้าเจริญถูกยิงตาย มีคนที่ถูกยิงบาดเจ็บปางตายก็มี มีการข่มขู่ ยิงปืนตามหน้าบ้าน มันมีมาเป็นสเต็ป ตอนเราเป็นผู้ถูกกระทำ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่สามารถให้ความเป็นธรรมกับเราได้เลย คือ รับแจ้ง แต่บางทีก็ไม่สั่งฟ้อง ไม่ถึงอัยการ แต่ขณะเดียวกัน ถ้าเหตุการณ์ไหนเราถูกกล่าวหา ทุกเรื่องจะถูกส่งขึ้นศาล เคยมีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกัน โรงไฟฟ้าบอกว่าเราเป็นผู้มีอิทธิพล ตำรวจท้องที่ไม่สามารถทำคดีได้ คดีได้รับการโอนไปส่วนกลางอย่างรวดเร็วมาก ถามว่าหน้าอย่างเราเป็นผู้มีอิทธิพลหรือ นั่นทำให้เราต้องไปขึ้นศาลอาญาอยู่นานมากว่า 4 ปีถึงจะประกาศคำพิพากษา กระทั่งการผ่าพิสูจน์ศพเจริญ ตำรวจยังไม่เคยแนะนำว่าต้องทำอย่างไร แต่เรารู้ เราส่งให้หมอพรทิพย์ผ่าหาวิถีกระสุน เพื่อเอามาประกอบเป็นหลักฐานมัดผู้ต้องหาในชั้นศาล




เราประมวลแล้วว่าคงไม่ได้อะไรจากตำรวจพื้นที่ จึงส่งไปดีเอสไอ พอไปถึงชั้นดีเอสไอ เรายังเรียกร้องต่อดีเอสไอโดยต้องใช้พลังมหาศาล ใช้คนเยอะมาก สิบกว่าคันรถ เพื่อบอกให้รับคดีเจริญ ถึงวันนี้ผ่านดีเอสไอ ผ่านอัยการ และกำลังจะผ่านศาล จ




จากการเรียนรู้ที่ผ่านมาถึงวันนี้ ถือว่า 1. เป็นการจงใจในการออกแบบที่จะหวังผลแค่เอามือปืนมาลงโทษแต่เพียงอย่างเดียว 2. ด้วยสำนวนและหลักฐานที่อ่อนมาก เพราะเราติดตามมาอย่างใกล้ชิดและแย้งมาตลอด คิดว่าอาจไม่สามารถเอาผิดกับคนจ้างวานได้ 3. แน่นอนว่าไม่สามารถไปถึงคนอยู่เบื้องหลังจริงๆ ได้ เรื่องเรามันถูกสโคปเล็กลงๆๆๆๆ




ทุกครั้งที่ไปติดตามคดีรู้สึกเหมือนเราถูกกระทำซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า กระบวนการยุติธรรมไม่ได้เยียวยา ไม่ได้ให้ความเป็นธรรม บางนัดเราถึงกับนิ่งอึ้ง ขึ้นลิฟท์ศาลจะกลับบ้านยังทนไม่ไหวต้องอาเจียนออกมา เจริญถูกยิงตายเรายังไม่เคยเข้าโรงพยาบาล ไม่เคยแน่นิ่ง โอเค เสียใจเรามี แต่ไม่ถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล แต่สิ่งที่ทำกับเราตอนนี้ ระหว่างติดตามกระบวนการยุติธรรมนี้ มันรู้สึกแย่มากๆ บางครั้งกลับไม่ถึงบ้านต้องแวะโรงพยาบาล เรียนรู้ไปท่ามกลางความรู้สึกว่าถูกกระทำซ้ำตลอดจากกระบวนการยุติธรรม ขนาดว่าไม่ได้หวังพึ่งอะไรมากมาย แต่การได้เรียนรู้เราแทบจะกระอัก ทั้งปฏิบัติการจิตวิทยาชั้นตำรวจ ดีเอสไอ อัยการ จริงๆ ดีเอสไอเป็นองค์กรที่ขึ้นมาคานกับตำรวจและให้อัยการร่วมสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาได้เลย ดูเหมือนจะให้คานอำนาจกัน แต่บอกเลยว่าล้มเหลว เอาเข้าจริงๆ ถามว่าในเคสเจริญ คุณก็ทำไม่ต่างจากตำรวจ หนำซ้ำยังปฏิบัติการจิตวิทยา ไม่จริงใจกับเราอย่างมาก




ปมเงื่อนที่ตำรวจไม่ทำ เรามาบอกดีเอสไอ แต่ดีเอสไอก็ไม่รับ ทุกสิ่งทุกอย่างทีเป็นประเด็นอยู่ไม่เคยถูกคลี่คลายเช่น






  • เส้นทางมือปืนที่หลบหนีไปแล้วเอาปืนไปให้คนอีกคนที่เกี่ยวข้องในคดี แล้วเขาเอาปืนไปโยนทิ้งน้ำ วันนี้ก็ไม่ถูกนำเข้ามาในคดีเลย เขายังลอยนวลในชุมชน






  • การทำแผนประทุษกรรมที่เราบอกไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เช่น มีประจักษ์พยานเห็นว่ามีมือปืนอีกชุดที่ไปซ้ำเจริญ หลังจากที่มีชุดแรกยิงให้เจริญล้มไปก่อน พยานบอกเราแต่ไม่กล้าเป็นพยานให้ เขากลัว ถามว่าทำไมถึงเน้นตรงนี้ เพื่อเรียกร้องให้จับมือปืนเพิ่มหรือไม่ ไม่ใช่ แต่กำลังชี้ให้เห็นว่าคุณกำลังสโคปแคบเป็นเรื่องที่ไม่มีการตระเตรียมทั้งที่มันบ่งบอกว่ามีการตระเตรียมและวางแผนมาเป็นอย่างดี เพราะมือปืนถึงสามชุด






  • จุดตกปลอกกระสุน ก็ไม่คลี่คลายว่าทำไมแยกเป็นสองด้าน ไม่ตรงกับคำรับสารภาพของมือปืน วิถีกระสุนของหมอพรทิพย์ที่ผ่ามาก็สวนทางกัน






  • ใครเห็นการตายเจริญทุกคนก็ตั้งคำถามว่า ใครเป็นคนชี้เป้า ใครส่งข่าว เห็นเจริญลงรถทัวร์ปั๊บก็ยิงเลยหรือ ในฐานะที่ใกล้ชิดเจริญ ประมวลเรื่องแล้วบอกได้เลยว่ามันคือเหตุการณ์ของการลวงเจริญออกไปนอกพื้นที่ แล้วยังออกแบบให้เจริญต้องกลับมาในวันนั้น ซึ่งเป็นวันตายของเจริญ ฝั่งตรงกันข้าม ก็มีพยานที่อยู่ในตู้โทรศัพท์ เขาบอกว่าเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์กับรถยนต์ที่จอดอยู่รีบขึ้นรถแล้วออกรถไปอย่างรวดเร็วทันที หลังเจริญถูกยิง เป็นไปได้ไหมว่ามีมือปืนอีกกลุ่มอยู่อีกฝั่งถนน เพื่อที่ว่าถ้าเพื่อนทำพลาดแล้วเจริญวิ่งข้ามถนน ก็จะเจอกลุ่มนี้ ยังไงก็ต้องตาย






ตำรวจไทยเชื่อได้ว่ามีศักยภาพ การทำงานสืบค้นสอบสวนเขามีเทคโนโลยีมาช่วยมาก ทั้งการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ ถ้ามีคนส่งข่าว ชี้เป้า สิ่งแรกที่ควรทำคือเช็คสัญญาณโทรศัพท์ มือปืนก็ซัดทอดว่ายิงเสร็จโทรหาลูกพี่ แต่ในทางสอบสวนก็บอกว่าทำได้แค่จดจากหน้าจอคอมแล้วพบว่ามีการโทรหากันจริง แต่ไม่สามารถมีเป็นเอกสารมายืนยันได้ เพราะบริษัทไม่ให้ นี่เป็นการกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยมาก โดยกฎหมายคุณมีอำนาจอยู่แล้ว นี่มันคือคดีฆ่ากันตาย ไม่ได้ไปล้วงความลับอะไรของลูกค้าเขาอย่างไร้เหตุผล อย่างนี้คุณหลอกเด็กหรือคุณเล่นอะไรกับเรา




วันนี้พอถึงศาล ศาลก็ต้องพิจารณาจากหลักฐาน สำนวน มันจะออกมาในรูปแบบใดก็แล้วแต่ เราก็ไม่แปลกใจ กระบวนการยุติธรรมไทยมี 3 ศาล ก็ต้องติดตามกันต่อ




แล้วมือปืนสองคนเป็นไปได้อย่างไร ตายในคุกทั้งสองคน ห่างกันห้าเดือน ตายก่อนที่จะมีการนำสืบครั้งแรกไม่กี่เดือน เรื่องทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องสุดวิสัยเลย แต่ไม่ได้ใช้ความสามารถ อำนาจที่มีอยู่อย่างแท้จริง ถ้าคุณค้นหาจริงๆ มันน่าจะเจออะไรอย่างแน่นอน สาเหตุการตายมีแค่สองเรื่องคือเรื่องที่ดินสาธารณะกับเรื่องโรงไฟฟ้า




จำได้ว่าหลังตัวเองแห่ศพเจริญกลับมา เดินไปคุยกับหลวงพี่ (เจ้าอาวาสวัดบ่อนอก พี่ชายของเจริญ - ประชาไท) บอกว่า ถึงที่สุดแล้วอย่าคิดว่าจะได้รับความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือดีเอสไอ ขอให้อาจารย์คิดแค่ว่า การตายของเจริญจะให้การเรียนรู้ หรือคุณูปการให้กับสังคมได้มากที่สุดยังไงบ้าง คิดแค่นี้แล้วกัน




ฉะนั้น เกิดกิจกรรมจัดทัวร์สื่อมวลชนลงพื้นที่เมื่อวันที่ 25 .. เพราะถือว่าเราจบกระบวนการการเรียนรู้แล้ว และควรสะท้อนออกสู่สังคม เพราะถ้าเราเรียนรู้แล้วไม่นำเสนอต่อสังคมมันก็สูญเปล่า เจริญก็ตายฟรี แต่ในรายละเอียดอาจคุยกันยาก เพราะประเทศไทยออกแบบอำนาจมาแบบที่ว่าพูดอะไรก็ก้าวล่วง พูดอะไรก็ละเมิด จริงๆ ศาลออกแบบไว้น่ากลัว ใครแตะอะไรไม่ได้เลย นี่เป็นเรื่องอันตราย ดังนั้น เอาไว้หลังคำพิพากษาคดีแล้ว เราจะจัดเวทีที่กรุงเทพฯ ในการนำเสนอเรื่องนี้




เราต้องร่วมกันตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมไทยแล้วนำเสนอสู่สังคม เพราะมันคือการที่ช่วยกันนำไปสู่การแก้ไขและดัดแปลงกระบวนการยุติธรรมให้ดีขึ้น เราไม่ได้ปฏิเสธกระบวนการยุติธรรม มันเป็นกรอบกติกาที่จำเป็นสำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคม แต่มันปัญหาจริงๆ และต้องช่วยกันแก้ไข ไม่อย่างนั้นมันก็เน่าฟอนเฟะกันแบบนี้ และเป็นส่วนสำคัญของการเกิดความรุนแรงต่างๆ ด้วย เดี๋ยวนี้เข้าใจดีขึ้นแล้วว่าทำไม 3 จังหวัดจึงเกิดความรุนแรง ตากใบ กรือเซะ สะบ้าย้อย ที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำกับเขา วันนี้กระบวนการยุติธรรมได้นำคนผิดมาลงโทษซักคนไหม




คดีเจริญถือว่ามันผ่านทุกกลไกของรัฐมาโดยละเอียดทุกซอกทุกมุม ทุกหน่วยงานที่อ้างว่าคานอำนาจกันผ่านมาหมดแล้ว ผ่านมาเยอะมากขนาดแล้ว มันก็ยังได้เท่านี้ จับได้เท่านี้ กรณีเจริญนี่ดูเหมือนดีที่สุดแล้ว กรณีแกนนำชาวบ้านคนอื่นๆ ยกฟ้องบ้าง อะไรบ้าง หรืออาจจำคุกในชั้นต้น แต่อุทธรณ์ ฎีกาหลุด และมันทำให้ผู้บงการมีความมั่นใจมากขึ้นๆ เพราะอย่างไรก็สาวไม่ถึง การเข่นห่าพวกเราก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ เป็นวัฏจักร




วันนี้ ประชาชนต้องเรียนรู้ว่า ถ้ากระบวนการยุติธรรมพึ่งพาไม่ได้ ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ประชาชนจะอยู่กันยังไง ต้องคิด จะอยู่กันอย่างสามจังหวัดไหม ต้องคิด ถ้ากระบวนการยุติธรรมไทยยังเป็นแบบนี้ ความรุนแรงในสังคมไทยจะหนักหนามากขึ้น




สิ่งที่เราได้เรียนรู้มา ตัวหนึ่งที่มันเป็นปัญหาก็คือ การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชนผู้เสียหาย วันนี้ความรู้สึกของอำนาจที่ถูกออกแบบมา ประชาชนเข้าไม่ถึง ถูกปิดกั้นโดยความรู้สึก บางคนที่กล้าเข้าไป ก็ปะทะกับการพูดของเจ้าหน้าที่รัฐ กลับกลายเป็นว่าเราเป็นคนทำให้เสียรูปคดีเสียเอง หรือไปละเมิดอำนาจหน้าที่เขา แต่จากประสบการณ์ที่เจอมากับตัวพบว่าไม่ตรวจสอบต่างหากที่ทำให้เสียรูปคดี เพราะนี่ขนาดตรวจสอบมากแบบนี้ยังออกมาแบบนี้




กรณีของเรายังถือว่าได้รับสิทธิพิเศษจากกระบวนการยุติธรรมมากทีเดียว เราได้เข้าไปได้อ่านสำนวน ตรวจสอบและค้านแย้งมาตลอด เรามีโอกาสมากกว่ากรณีอื่นๆ ในการติดตามอะไรต่างๆ ถ้าเสียเจริญในฐานะสามีก็คงไม่สามารถไปติดตามอะไรได้ขนาดนี้ แต่เรื่องนี้เรามีแบคอัพคือชาวบ้านจำนวนมากที่ยืดหยัดด้วยกันอย่างเข้มแข็ง ทำให้เราตรวจสอบได้เต็มที่ เรียกว่าเป็นสิทธิพิเศษที่ควรเป็นสิทธิพื้นฐานของทุกคน เรื่องแบบนี้ควรเป็นบรรทัดฐานที่เท่าเทียมกันด้วยซ้ำ




เราตรวจสอบอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งก่อนที่ดีเอสไอจะส่งสำนวนไปให้อัยการเรายังแย้งอยู่เลยว่าหลักฐานมันอ่อนมาก แต่เขาก็ยังยืนยัน เราก็เลยไม่แต่งทนายเข้าเป็นโจทย์ร่วม เพราะไม่เช่นนั้นก็เท่ากับยอมรับข้อบกพร่องที่เราท้วงติง ฉะนั้นตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ เราไม่อยากไปเป็นตราประทับให้กับกระบวนการยุติธรรมไทย ทั้งที่มันมีข้อบกพร่อง




อยากจะบอกพี่น้องที่อื่นๆ ว่า เราเป็นประชาชน เรามีสิทธิ เราต้องเข้าให้ถึง เข้าไปตรวจสอบขบวนการยุติธรรม ถ้ากระบวนการประชาชนลุกขึ้นมาแบบนี้หมด เชื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้า กระบวนการยุติธรรมไทยต้องได้รับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น




ถ้ากรณีเจริญยังเป็นอย่างนี้ ทำเรื่องความขัดแย้งชุมชนกับการแย่งชิงทรัพยากรรัฐให้เป็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว ถึงที่สุดก็ไม่ถึงคนบงการ เขาก็ได้ใจ มั่นใจ การเข่นฆ่าก็ไม่มีวันจบ เพราะนโยบายรัฐก็ไม่ปรับเปลี่ยน ทุนกับรัฐก็ต้องมาปะทะกับชาวบ้านอยู่ร่ำไป"






-----------


เชิงอรรถ




(1) โครงการโรงไฟฟ้าบ่อนอก เป็นของบริษัทกัลฟ์ เพาว์เวอร์ เจเนอเรชั่น จำกัด เตรียมก่อสร้างในพื้นที่ตำบลบ่อนอก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบฯ มีกำลังผลิตรวม 734 เมกกะวัตต์ ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าบ้านกรูด เป็นของบริษัท ยูเนี่ยน พาวเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เตรียมก่อสร้างในพื้นที่ตำบลบ้านกรูด อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบฯ มีกำลังผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง

(2) การต่อสู้ที่ดูกราดเกรี้ยวของพวกเขา ส่วนหนึ่งอาจสะท้อนมาจากนิสัยใจคอพื้นฐานของคนแถบนี้ซึ่งจริงจัง จริงใจ และไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบรังแก สำเนียงเน่อๆ และการพูดจาตรงไปตรงมา มีอารมณ์ขัน ดูเป็นเอกลักษณ์ของคนที่นี่ มันทำให้คำแรงๆ อย่าง "มึงสร้าง กูเผา" ที่อ่านจากข่าวในหนังสือพิมพ์หรือฟังจากรายงานข่าวของผู้ประกาศ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเมื่อมาฟังจากน้ำเสียงของพวกเขาเอง

(3) ความตึงเครียด ดุดันในพื้นที่นี้มีมากขนาดไหน อาจสังเกตุได้จากวัฒนธรรมการมีการ์ดประจำกายแกนนำกลุ่มต่างๆ ในหลายอำเภอของจังหวัดประจวบฯ ที่คัดค้านโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ พวกเขาต่างก็ต้องมีเพื่อนนอน เพื่อนเดินทางอยู่ตลอดเวลา หลังจากมีการขู่เอาชีวิต ยิงหลังคาบ้าน (กรณีจินตนา แก้วขาว แกนนำกลุ่มอนุรักษณ์บ้านกรูด) ยิงทะลุกระจกเข้าไปในบ้าน (กรณีสุพจน์ ส่งเสียง แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง) รวมทั้ง กรณ์อุมา พงษ์น้อยด้วย














 


อ่านประกอบ


รายงาน : 4 ปีคดีสังหาร 'เจริญ วัดอักษร'


กรณ์อุมา พงษ์น้อย : คำตอบแห่งยุคสมัย และทำไมต้อง "รักท้องถิ่น" ?


บทความ : จากชุมชนสู่นโยบาย: ถ้ารัฐทำไม่ได้ เราจะทำเอง





เอกสารประกอบ

รายชื่อแกนนำชาวบ้านที่ถูกสังหาร รายที่ 1-18

รายชื่อแกนนำชาวบ้านที่ถูกสังหาร รายที่ 19-27

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net