Skip to main content
sharethis

(30 ธ.ค.) หลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาล (อ่านเพิ่มเติม: "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" แถลงนโยบายต่อ "รัฐสภา") นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาแจ้งว่ามีผู้ขออภิปรายนโยบายรัฐบาล 3 คนคือนายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา และนางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.


 


จี้ปราบเว็บหมิ่นเบื้องสูง


นายตวงอภิปรายว่า นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้แตกต่างกับรัฐบาลที่ผ่านมา แต่รัฐบาลนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาในปัจจุบันมากกว่า แต่สิ่งที่รัฐบาลนี้จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ คือในเรื่องของความเชื่อมั่นและต้องอดทนเพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปได้ นอกจากนี้รัฐบาลชุดนี้จะละเลยในเรื่องของการปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงวาทกรรมแต่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ เรามี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แต่กลับละเลยและไม่สามารถทำได้จริง


 


นายตวงกล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้ต้องสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในประเทศให้ได้ และร่วมกันกอบกู้ความเสียหายที่เกิดขึ้นลดความขัดแย้ง อย่างเช่นสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีไม่ให้เป็นเครื่องมือในการตอบโต้ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและรัฐบาลต้องไม่สร้างความขัดแย้ง หรือตอบโต้ทางการเมืองแต่ต้องมุ่งทำงานให้รัฐบาล


 


ถามทำไมไม่มีนโยบายแก้รัฐธรรมนูญ


พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ตั้งคำถามว่า เหตุใดในนโยบายที่แถลงต่อสภา จึงไม่พูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย ทั้งนี้ เขากล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญจะช่วยให้การบริหารราชการก้าวหน้าขึ้น แต่รัฐบาลไม่พูดถึงเลย ทั้งนี้ หากจะมีการแก้ไขรรัฐธรรมนูญก็ยินดีให้การสนับสนุน นอกจากนี้แล้ว ยังห่วงเรื่องการปรับโครงสร้างเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ด้วย โดยระบุว่า รัฐมนตรีกลาโหมคนปัจจุบันก็มีประสบการณ์ในด้านนี้เป็นอย่างดี


 


พล.อ.เลิศรัตน์ ได้ฝากถึงนายกฯ ด้วยว่า ควรปฎิรูปกฎหมายซึ่งล้าสมัยที่ยังไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน รวมถึงการออกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 5 ฉบับที่ยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้การตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและการใช้อำนาจรัฐยังทำไม่ได้


 


แนะการเมืองต้องใสสะอาด-บรรจุ "คนจน" เป็นวาระแห่งชาติ


ส่วนนางสาวรสนา อภิปรายว่า การเมืองที่ล้มเหลวมาจากการขาดธรรมาภิบาลและการคอรัปชั่นของนักการเมือง ทั้งนี้ แม้ประชาชนมองว่าคณะรัฐมนตรีเป็นเกรดซี แต่เราสามารถปรับปรุงพันธุ์ให้มีคุณภาพได้ เช่นเดียวกับพันธุ์ของทุเรียนได้ โดยหากรัฐบาลยึดมั่นในหลักนิติรัฐก็สามารถปรับปรุงสายพันธุ์จากเกรดซีเป็นเกรดบีและเอได้


 


น.ส.รสนา กล่าวว่า การแถลงนโยบายยังไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีโอกาสในการตรวจสอบรัฐบาลได้มากขึ้น การเมืองที่ล้มเหลวมาจากภายในระบบตรวจสอบไม่ได้ จึงทำให้เกิดรัฐประหาร ดังนั้นต้องสร้างการเมืองที่สะอาด และการเมืองล้มเหลวเพราะไม่มีประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ดังนั้น ต้องทำให้หน่วยงานของรัฐดูแลประชาชนไม่ปล่อยให้ธุรกิจขนาดใหญ่ข่มเหงธุรกิจเล็กๆ ไม่แย่งทรัพยากรของเขา และประกาศคนจนเป็นวาระแห่งชาติให้เขาลืมตาอ้าปากได้


 


แจงนโยบายไม่ต่างรัฐบาลก่อน เพราะรธน.กำหนดไว้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนั้นเมื่อเวลา 12.55 น.นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวขอบคุณสมาชิกที่มาร่วมฟังนโยบายรัฐบาลพร้อมทั้งชี้แจงว่า ที่มีการอภิปรายว่า การจัดทำนโยบายของรัฐบาลนี้ ไม่ต่างรัฐบาลชุดก่อนๆ นั้น ปกติการทำนโยบายของรัฐบาลมีโจทย์ 2 เรื่องที่ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็เลี่ยงไม่ได้ คือ 1.การจัดทำนโยบายตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ทุกรัฐบาลทำ แต่หากดูถึงรายละเอียด เช่น ด้านการศึกษา การสาธารณสุข จะเห็นจุดเน้นต่างกันไป


 


นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า โครงการประชานิยม ทั่วโลกทุกรัฐบาลต้องทำเหมือนกัน เพราะหลังวิกฤตเศรษฐกิจ ทั่วโลกต้องมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ต่างกัน และแผนกระตุ้นที่ดีคือ เอาเงินใส่กระเป๋าประชาชนเพื่อรักษากำลังซื้อ ไม่ให้เกิดการเลิกจ้าง ฉะนั้นจึงไม่ใช่ประเด็นที่ต้องถกเถียงว่าเป็นประชานิยมหรือไม่


 


ทั้งนี้ สำหรับรัฐบาลนี้ เพิ่ม 2 หลักเข้ามาคือ อะไรที่รัฐบาลเก่าทำแล้วเป็นประโยชน์ ก็ทำต่อ แต่ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น และเรื่อง 6 มาตรการ 6 เดือน ประชาชนยังต้องการอยู่จึงทำตามความต้องการของประชาชน ส่วนบางมาตรการ เช่น น้ำมัน เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนก็ต้องปรับเพื่อไม่ให้โครงสร้างภาษีเสียหาย


 


เล็ง "ปฎิรูปการเมือง" ดึงประชาชนมีส่วนร่วมแก้รัฐธรรมนูญ-กม.


นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับความเชื่อมั่นในสายตาชาวโลก ก็จะจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่ง ครม.ก็จะอนุมัติสัญญาต่างๆ เพื่อส่งสภาในวันนี้ ส่วนเรื่องความปรองดอง ยึดหลักความยุติธรรม มี 3 ส่วนคือ


 


1.คดีความที่ค้างคา รัฐบาลไม่ถือว่าเป็นนโยบาย แต่ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ และมีแนวคิดให้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอย่างคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลปกครอง มีบทบาทในชั้นตรวจสอบเพื่อความเป็นธรรมในภาพกว้าง และอาจตั้งกลไกพิเศษขึ้นมาอีกอันเพื่อมาดูความยุติธรรมด้วย


 


2.เรื่องรัฐธรรมนูญ การที่รัฐบาลนี้ไม่ได้พูดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะกลัวว่าจะเกิดการเข้าใจผิด ทั้งนี้ทุกฝ่ายต้องการการปฏิรูปการเมือง หากเขียนว่าแก้รัฐธรรมนูญจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งครั้งใหม่ การปฏิรูปการเมืองจึงต้องมีองค์กรเฉพาะ ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการที่น่าเชื่อถือ จากนั้น จะเชิญชวนประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม แก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่มีความขัดแย้งน้อยที่สุด


 


3.ที่มาของรัฐบาลนี้ ผู้แทนต่างประเทศที่เข้าใจระบบรัฐสภา ก็เห็นว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ผ่านมา หากพรรคเสียงข้างมากเด็ดขาด ก็จะบริหารพรรคเดียว แต่ปี 2550 ไม่มี ฉะนั้น ถ้านับรวมพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคร่วม ไม่นับพรรคพลังประชาชนเลย ก็ถือว่าเป็นเสียงข้างมาก และเมื่อรัฐบาลที่ผ่านมา 2 ชุด แก้ไขปัญหาไม่ได้ ระบบรัฐสภาทั่วโลกก็มักเปิดให้ผู้นำฝ่ายค้านลองตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เข้าใจคนที่ไม่เห็นด้วย รวมทั้งประชาชนที่มาชุมนุม โดยขอยืนยันว่า จะให้ความสำคัญกับทุกฝ่าย และไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นกลุ่มใด รวมถึงจะยุติการเมืองที่รัฐบาลเลือกข้าง นายกฯ ต้องเป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ ไม่เป็นตัวแทนภาคใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่รับใช้คนทั้งประเทศ


 


ยันถ้ารัฐบาลมีรายการพบประชาชน จะให้เวลาฝ่ายค้านด้วย


นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นและปัญหาทางการเมือง มีนโยบายชัดเจนว่าคณะรัฐมนตรีต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองเหนือความรับผิดชอบทางกฎหมาย ส่วนเรื่องการใช้สื่อของรัฐ หากรัฐบาลมีรายการพบประชาชนก็จะต้องมีการให้เวลากับฝ่ายค้านด้วย และหากสื่อให้ความสำคัญโดยการถ่ายทอดการตอบกระทู้ถามสดในสภาก็จะดึงการเมืองออกมาจากท้องถนนและใต้ดินได้


 


นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะทำหน้าที่ด้วยความสุจริต ทุ่มเทและรับผิดชอบต่อรัฐสภา แม้การประชุมครั้งนี้จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ แต่พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติได้ และนำพาประเทศชาติไปสู่ชัยชนะให้กับคนไทยทุกคนให้ได้


 


จากนั้น นายชัยได้รายงานว่าการประชุมครั้งมีส.ว.เข้าร่วมการประชุม 103 คน ส.ส. 227 คนรวมทั้งหมด 330 คน ซึ่งเกินกว่ากึ่งหนึ่ง 42 เสียง ถือว่าเป็นการประชุมที่สมบูรณ์แบบ โดยปิดประชุมเมื่อเวลา 13.20 น.


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net