มุสลิมกว่า 300 ชุมนุมหน้าสถานทูตอิสราเอล ประณามการโจมตีปาเลสไตน์

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. เวลาประมาณ 10.40น. กลุ่มชาวไทยมุสลิม นิกายชีอะห์ กว่า 300 คน ซึ่งรวมตัวกันภายใต้ชื่อ "กลุ่มมุสลิมผู้รักความเป็นธรรม" ได้เดินเท้าจากมูลนิธิศูนย์กลางอิสลามมาถึงยังหน้าอาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ ซอยสุขุมวิท 19 ถนนอโศก ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เพื่อต่อต้านนโยบายทางการทหารของอิสราเอลต่อปาเลสไตน์

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กั้นรั้วไม่ให้ยานพาหนะผ่านเข้าออกบริเวณหน้าอาคารโอเชี่ยน ทาวเวอร์ 2 ส่วนบริเวณรอบทางเข้าออกอาคารโอเชี่ยน ทาวเวอร์ 2 มีการนำรั้วเหล็กมากั้นไว้ และมีตำรวจในเครื่องแบบประมาณ 80 นายดูแลความเรียบร้อย

 

ระหว่างการชุมนุม มีการปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงประณามการโจมตีปาเลสไตน์ของอิสราเอล และร่วมกันตะโกนข้อความ "อิสราเอลจงพินาศ" เป็นระยะๆ นอกจากนี้ยังมีการไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

 

ผู้ชุมนุมคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า การมาชุมนุมที่หน้าสถานทูตครั้งนี้เพื่อประกาศให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในปาเลสไตน์และความจริงคืออะไร เพราะสื่อไทยมักแปลข่าวจากสำนักข่าวตะวันตกอย่าง AP BBC หรือ Reuters ซึ่งถือเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของคนไทยในการรับข่าวสาร ข่าวในไทยกับในต่างประเทศนั้นไม่ตรงกัน เหตุการณ์อย่างการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ข่าวที่เสนอในไทยกับในสื่อต่างประเทศก็ยังไม่เหมือนกัน

 

เขากล่าวต่อว่า จะเห็นว่าก่อนสงครามโลกครั้งที่สองนั้นยังไม่มีอิสราเอล แต่เมื่ออิสราเอลเข้ามาอาศัยในพื้นที่ของปาเลสไตน์ ปาเลสไตน์ในฐานะเจ้าของพื้นที่เดิมกลับถูกเสนอภาพให้เป็นพวกหัวรุนแรง โดยเขาตั้งคำถามว่า ทำไมจึงไม่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เหตุใดเจ้าของพื้นที่ต้องมาอยู่ในค่ายกักกัน ซึ่งไม่ต่างจากสิ่งที่สหรัฐฯทำกับกลุ่มอินเดียนแดงเจ้าของพื้นที่เดิม

 

ฮูเซ็น นอราฮิม ผู้มาร่วมชุมนุมกล่าวว่า ในฐานะมุสลิมในไทยไม่สามารถทนเห็นการกดขี่ก้าวร้าวของอิสราเอลได้ และเห็นว่าประเด็นนี้เชื่อมโยงกับสิทธิขั้นพื้นฐานในการใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระ อย่างไรก็ตาม กลับมีขบวนการปิดกั้นข่าวสาร โดยสื่อที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐบาลที่รับใช้แต่ชาติตะวันตก พร้อมทั้งตั้งคำถามด้วยว่า ทำไมจึงไม่ค่อยมีการเปิดรับข่าวสารจากสื่อทางตะวันออกกลางบ้าง

 

ตูแวดานียา ตูแวแมแง จากเครือข่ายนักศึกษาเพื่อพิทักษ์ประชาชน กล่าวว่า ต้องการให้สังคมไทยได้รับรู้ความชั่วร้ายของอิสราเอลซึ่งมีจักรวรรดิสหรัฐ และอังกฤษให้ท้ายอยู่ เขาเชื่อว่ากลุ่มฮามาสได้ยิงจริง แต่ต้นเหตุนั้นมาจากการเข้าไปยึดดินแดนปาเลสไตน์ของอิสราเอลโดยการให้ท้ายของสหประชาชาติ

 

เขาแสดงความเห็นว่า การที่อิสราเอลหยิบยกเอาเรื่องการยิงจรวดซึ่งส่งผลให้มีชาวอิสราเอลเสียชีวิต 2 รายมาเป็นข้ออ้างในการโจมตีปาเลสไตน์ซึ่งส่งผลให้มีพลเรือนปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 300 คนนั้น ไม่ชอบธรรมอย่างร้ายแรง

 

ตูแวดานียา กล่าวอีกว่าว่า อิสราเอลมายึดดินแดนของปาเลสไตน์โดยอ้างว่าพระเจ้าให้ใช้ได้ ถือเป็นเหตุผลที่เป็นจิตนิยมอย่างสูง ขณะที่สหประชาชาติเป็นองค์กรหัวก้าวหน้าทั้งยังมีปฏิญญาสากลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนแต่กลับมีมติให้อิสราเอลยึดดินแดนปาเลสไตน์ได้ ถ้าชาวโลกยังนิ่งดูดาย ต่อไปเหตุการณ์เช่นนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก

 

ขณะที่อาเต็ป โซ๊โก เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมา สหประชาชาติบอกให้อิสราเอลเคารพมติสหประชาชาติ โดยออกจากพื้นที่ยึดครองทั้งหมด แต่อเมริกาในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็วีโต้ตลอด

 

ทั้งนี้ อาเต็ปกล่าวว่า ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ เวลา 10.00น. กลุ่มนักศึกษาจะจัดกิจกรรมชุมนุมหน้าสหประชาชาติ เพื่อแสดงท่าทีต่อกรณีดังกล่าวด้วย โดยจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมที่มีความหลากหลาย ถือเป็นการชุมนุมในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

 

ระหว่างการชุมนุม แกนนำของกลุ่มปราศรัยตอนหนึ่งว่า การมาในครั้งนี้เพื่อสะท้อนไปยังสหประชาชาติ อิสราเอล และสหรัฐฯ ว่า ยังมีมุสลิมอีกจำนวนมากที่ไม่หลงไปฟังข่าวสารที่เป็นเท็จ โดยหากเห็นข่าวของสำนักข่าว CNN หรือ BBC จะเห็นสิ่งเดียวเท่านั้นคือ เด็กๆ ชาวปาเลสไตน์พกก้อนหิน 1-2 ก้อน วันนี้จึงเตรียมกระดาษมาเพื่อประกาศว่า ปาเลสไตน์ได้เขวี้ยงก้อนหินเพื่อสู้กับรถถังและขีปนาวุธต่างๆ

 

จากนั้น ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้ขว้างกระดาษที่มีข้อความ อาทิ "against Israel" (ต่อต้านอิสราเอล)

ซึ่งขยำเป็นก้อนกลมๆ ข้ามรั้วเข้ามายังบริเวณลานหน้าอาคารโอเชี่ยน รวมถึงมีการจุดไฟเผาธงชาติอิสราเอล และร่วมกันสวดดูอาร์ขอพรจากพระเจ้า

 

ต่อมา เวลาประมาณ 12.00น. แกนนำได้ขอให้ผู้ชุมนุมปรบมือให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบซึ่งมาอำนวยความสะดวกในการชุมนุมให้ และประกาศยุติการชุมนุม

 

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 5 ม.ค. 52 รายงานว่า ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ว่า กองบัญชาการตำรวจสันติบาล มีหนังสือที่ 0028/4060 ลง 3 ม.ค. แจ้ง ผบ.ตร. พร้อมเตือนหน่วยข้างเคียงทราบ เรื่อง กลุ่มมุสลิมผู้รักความเป็นธรรมอาจจะมาชุมนุมประท้วงที่สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล เนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยได้มีหนังสือแจ้งว่า จากสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นบริเวณชายแดนอิสราเอลและฉนวนกาซ่า ซึ่งเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ได้มีกลุ่ม Peace Muslim ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนปาเลสไตน์ในประเทศไทย ได้มาชุมนุมประท้วงที่สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลที่ผ่านมา และในวันนี้ (5 ม.ค.) กลุ่มมุสลิมผู้รักความเป็นธรรมจำนวนประมาณ 50 คน อาจเดินทางมาชุมนุมประท้วงที่สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล จึงขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการรักษาความปลอดภัย ในห้วงเวลาที่มีการชุมนุม ส่วนของ บช.ส.ได้ดำเนินการตามมาตรการ รปภ.บุคคลและสถานที่สำคัญ มอบหมาย พ.ต.ท.จักรเทพ กุญชร ณ อยุธยา สว.งาน 1 กก. 3 บก.ส. เป็นผู้ประสานการปฏิบัติ

 

ด้าน พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. มีคำสั่งให้ บก.ตปพ. จัดกำลังเจ้าหน้าที่และ รถวิทยุจอดประจำ ณ สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล พร้อมนำรั้วเหล็กมากั้นบริเวณทางเข้าออกอาคารโอเชี่ยน ทาวเวอร์ 2 เพื่อป้องกันผู้มาชุมนุมประท้วงเข้าไปภายในอาคาร พร้อมเพิ่มมาตรการ รปภ. ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตอิสราเอลเป็นกรณีพิเศษ

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท