วานนี้ (6 ม.ค.52) เวลาประมาณ 9.00 น. ตัวแทนชาวบ้านจากกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก และเครือข่ายพันธมิตรสิ่งแวดล้อมอีก 4 พื้นที่ ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวนกว่า 300 คน เดินทางมายื่นหนังสือแก่อธิบดีอัยการคดีพิเศษ ที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ ถนนรัชดาภิเษก เพื่อขอทราบแนวทางการทำงานของอัยการ ในคดีสังหารนายเจริญ วัดอักษร ประธานกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก และยื่นหนังสือเพื่อคัดค้านการประกันตัวนายธนู หินแก้ว ผู้ต้องหาในการใช้จ้างวานฆ่านายเจริญ ซึ่งศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต พร้อมของคัดสำเนาเอกสาร และหลักฐานที่ประกอบในสำนวนคดีเพื่อนำไปศึกษาในรายละเอียดของคดี
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญารัชดา กรุงเทพฯ มีการพิพากษาคดีสังหาร นายเจริญ วัดอักษร ประธานกลุ่มรักษ์ถิ่นบ่อนอก ที่ต่อต้านโครงการโรงไฟฟ้าบ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ของ บริษัท กัลฟ์ อิเล็คทรอนิค ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2547 ขณะลงจากรถทัวร์สายกรุงเทพ-บางสะพาน หลังกลับจากเดินทางไปให้ปากคำกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องของการบุกรุกที่ดินสาธารณะคลองชายธงในเขต อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
ในคดีนี้มีพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทย์ฟ้อง จำเลย 5 คน โดย นายเสน่ห์ เหล็กล้วน อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง และนายประจวบ หินแก้ว อายุ 43 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในความผิดร่วมกันฆ่านายเจริญตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนนายธนู หินแก้วอายุ 46 ปี อาชีพทนายความ นายมาโนช หินแก้ว อายุ 42 ปี สมาชิกสภาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายเจือ หินแก้ว อายุ 71 ปี อดีตกำนัน ต.บ่อนอก เป็นจำเลยที่ 3, 4 และ 5 ตามลำดับ ในความผิดร่วมกันใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยที่ 3 คือ นายธนู ต้องโทษประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 4 และ 5 ศาลได้ยกฟ้อง และให้ขังเฉพาะจำเลยที่ 5 ไว้ระหว่างอุทธรณ์ ในขณะที่จำเลยที่ 1 และ 2 ซึ่งให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและถูกจำคุก ได้เสียชีวิตในเรือนจำระหว่างการพิจารณาคดี โดยมีรายงานระบุว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อมาลาเรีย โทษอาญาจึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 39 (1)
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากมีการพิพากษาคดี จำเลยที่ 5 นายเจือ หินแก้วได้ทำการยื่นประกันตัว และได้รับการประกันในวันเดียวกันนั้น
นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ หลังจากมีการรับมอบหนังสือได้กล่าวว่า อัยการอยู่ระหว่างขอคัดคำพิพากษาของศาลมาพิจารณาการอุทธรณ์ เพื่อความรอบคอบและถูกต้องครบถ้วน และคงต้องขอศาลขยายระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในส่วนที่ยกฟ้องจำเลยที่ 4 และ 5 เพราะเวลา 1 เดือนตามที่ระเบียบกำหนดไว้คงยื่นอุทธรณ์ไม่ทัน และจะรับเรื่องที่ให้คัดค้านการประกันตัวไว้พิจารณา
ส่วนนายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่าย กล่าวในส่วนของการให้ประกันตัวจำเลยในคดีนี้ว่า การพิจารณาอยู่ในดุลยพินิจของศาล โดยดูจากความหนักเบาของข้อหา พฤติการณ์ในคดี และเมื่อออกไปแล้วจะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานหรือไม่ ทังนี้ในส่วนของคดีนี้ผู้ต้องหามีโทษหนักถึงขึ้นประหารชีวิต ซึ่งถือเป็นโทษหนัก คาดว่าไม่น่ามีการให้ประกัน แต่อย่างไรก็ตามการตัดสินต่างๆ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ส่วนในกรณีที่มีการประกันตัวนายเจือซึ่งเป็นจำเลยที่ 5 ไปแล้วนั้น ตนพึ่งทราบเรื่องดังกล่าวจากกลุ่มผู้ชุมนุม
ด้านกรณ์อุมา พงษ์น้อย ประธานกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก-กุยบุรี ภรรยานายเจริญ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการมาวันนี้ว่า การประชุมร่วมปรึกษาหารือกันในชุมชน และพบว่าจากกระบวนการยุติธรรมที่ยังไม่สิ้นสุด วันนี้จึงอยากมาขอความชัดเจนในการทำคดีต่อของอัยการว่าถึงที่สุดแล้วในศาลชั้นต้นในส่วนของจำเลยยังมีโอกาสและสิทธิในการอุทธรณ์ ในส่วนของทางกลุ่มชาวบ้านซึ่งเป็นผู้เสียหายและมีอัยการทำหน้าที่เป็นโจทย์ก็ยังมีสิทธิในการที่จะเอาคนที่ร่วมกระทำความผิดที่หลุดออกไปกลับเข้าสู่กระบวนการพิจารณาสู่กระบวนการพจารณาใหม่อีกครั้งโดยการอุทธรณ์ หรือจะมีวีการแก้คำอุทธรณ์ของนายธนูซึ่งเป็นจำเลยได้อย่างไร
ในเรื่องการคัดค้านการประกันตัวนั้นต้องพูดในฐานะชุมชน นับตั้งแต่มีการฆ่าเจริญแล้วสามารถจับผู้ต้องหาได้แม้ว่าจะไม่ครบถ้วนเพราะยังสาวไปไม่ถึงกลุ่มผู้บงการ และเชื่อว่าก็จะไปไม่ถึง ได้มีการคัดค้านการประกันตัวมาตั้งแต่ในศาลชั้นต้น แต่ว่าสิทธิในการได้รับการประกันตัวออกมาในตอนนั้นได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจและความหวาดกลัวต่อกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่มาโดยตลอด เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ไปลอยนวลในพื้นที่แล้วเดินสายพูดกรอกหูชาวบ้านอยู่ตลอดโดยใช้ถ้อยคำ เช่น "อยากเป็นใหญ่ต้องฆ่าคน" "คดีอย่างนี้เป็นคดีขี้ๆ เขาไม่สนใจหรอก ถึงที่สุดแล้วเขาต้องไม่ได้รับโทษ"
"วันนี้เราเห็นว่าในส่วนของผู้ต้องหาที่อย่างน้อยศาลท่านได้พิพากษาแล้วว่ามีความผิดจริงและต้องโทษประหาร พวกเราคิดว่าอย่างน้อยควรต้องได้รับการคุมขังอยู่ที่นี่ ถ้ายิ่งโทษถึงขั้นประหารแล้วปล่อย หมายถึงว่าเขาสามารถกลับเข้าไปในพื้นที่เราได้อีก มันจะยิ่งสร้างความหวั่นวิตกและกังวลกับชาวบ้านในชุมชนเรา ตัวเขาเองเขาจะยิ่งอหังการมากขึ้นในชุมชน" ประธานกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก-กุยบุรี กล่าว
ส่วนการขอคัดถ่ายเอกสาร และหลักฐานที่ประกอบในสำนวนคดีเพื่อนำไปศึกษาในรายละเอียดของคดีนั้น กรณ์อุมากล่าวว่า ชุมชนที่มาร่วมกันในวันนี้อยู่ในฐานะของผู้เสียหายและอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงในเหตุการณ์การฆ่าเจริญ จึงอยากรู้ว่าเกือบ 5 ปีที่ผ่านมาถึงขั้นการยื่นอุทธรณ์ ตำรวจและดีเอสไอได้นำเสนออะไร และอยากรู้ว่ามีช่องโหว่อะไรตรงไหนอย่างไรแล้วจะได้ช่วยกันเติมเต็ม
"เราคิดว่าเรามีส่วนที่น่าจะช่วยเติมเต็มตรงนี้ได้ เพราะจริงๆ ที่ผ่านมาเราเห็นว่าคดีความโดยทั่วไป โดยระบบ ในส่วนของคนทำคดีโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้เสียหายไม่เคยมีโอกาสเข้าไปติดตามและตรวจสอบ ทั้งๆ ที่จริงๆ เขาอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นคนที่รู้ดีต้องเป็นเขา และควรน่าจะมีโอกาสได้เข้าไปร่วมตรงนี้" กรณ์อุมากล่าว
กรณ์อุมากล่าวต่อมาถึงการตั้งคำถามในการติดตามตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมของทางกลุ่มชาวบ้านที่ยังคงมีอยู่อย่างเข้มข้น แม้ว่าจะมีการพิจารณาโทษประหารชีวิตไปแล้วว่า คิดว่ากระบวนการดังกล่าวต้องเดินหน้าอย่างตรงไปตรงมา เป็นไปตามกติกาที่วางไว้ และเรื่องของเจริญเป็นเรื่องที่สะท้อนถึงโครงสร้างความรุนแรงของสังคมไทย เพราะฉะนั้นหากในวันนี้ไม่มีการติดตามในขณะที่กระบวนการยังเดินหน้าต่อไป เกรงว่าถึงที่สุดแล้วจะไม่สามารถคลี่คลาย แก้ไขปัญหาความรุนแรงได้อย่างแท้จริง
"ถ้าว่าเป็นคำถามเรื่องความพอใจหรือไม่พอใจ เราคิดว่ามันพุ่งเป้าต่อความสะใจมากกว่า ในวันนี้เราไม่ได้เป็นเรื่องการติดตามตรวจสอบเพื่อความสะใจ อันนั้นไม่ใช่ แต่เราต้องการจัดระเบียบความเป็นอยู่ของพวกเราให้มีความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น"
"แล้วก็อยากให้เป็นเคสตัวอย่างให้กลุ่มชาวบ้านอื่นๆ ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ว่า ในการความคิดเห็นที่แตกต่าง พวกคุณไม่มีสิทธิจะมาละเมิดสิทธิของพวกเราอย่างนี้" ประธานกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก-กุยบุรี กล่าว
ในช่วงระยะเวลาที่รอกระบวบการจัดทำคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์และการส่งเรื่องจากศาลชั้นต้นสู่ศาลอุทธรณ์ ซึ่งอาจกินเวลากว่า 2 เดือน กรณ์อุมากล่าวว่าจะมีการประสานงานกับอัยการเป็นระยะเพื่อติดตามการจัดทำคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ และจะขอเข้าร่วมในการติดตามตรวจสอบ ขอร่วมพิจารณารายละเอียดทั้งหมดในฐานะผู้ได้รับความเสียหาย
เมื่อมีการสอบถามถึงการจัดการศพนายเจริญ กรณ์อุมากล่าวว่ายังไม่ได้มีการตัดสินใจ เพราะการประชุมที่ผ่านมาขอติดตามคดีที่ยังไม่สิ้นสุดตามกระบวนการยุติธรรมก่อน ในเรื่องการจัดการศพยังไม่มีโอกาสได้คุยกัน ในวันนี้ศพยังถูกเก็บไว้ในโรงเย็นที่วัด อย่างไรก็ตามคงต้องมีการขอมติเสียงข้างมากจากชาวบ้านว่าจะกัดการเรื่องนี้อย่างไร
ด้านนายสำราญ วัดอักษร พี่ชายนายเจริญผู้เสียชีวิต กล่าวถึงการเรียนรู้ของชาวบ้านตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี ของการต่อสูในคดีนี้ว่า ชาวบ้านได้ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ และเข้าฟังการพิจารณาคดีของศาลทุกครั้ง ได้เรียนรู้ถึงกระบวนการยุติธรรมที่ต้องมีการตรวจสอบโดยภาคประชาชน เพราะที่ผ่านมากระบวนการต่างๆ ได้ถูกแทรกแซงโดยอิทธิพลจากทั้งรัฐและกลุ่มทุน
แม้ว่าวันนี้คดีความเอาคนผิดมาลงโทษได้หนึ่งคน ถือเป็นกำลังใจ แต่ทุกอย่างมันยังไม่จบเพราะกระบวนการยุติธรรมยังมีชั้นอุทธรณ์ ฎีกา คงใช้เวลาอีกกว่า 5 ปี ที่จะได้ข้อสรุป ดังนั้นชาวบ้านจึงต้องคอยติดตามความคืบหน้าของคดีต่อไป ทั้งนี้ที่ผ่านมาหากไม่มีชาวบ้านเขามาช่วยกันติดตาม ตรวจสอบและกดดันการทำงานของส่วนต่างๆ คนผิดอาจหลุดคดีไปหมด เหมือนที่มีตัวอย่างในคดีดังหลายๆ คดีที่เกิดขึ้น
"สังคมไทยมันไว้ใจใครไม่ได้ ในกระบวนการยุติธรรมเราไว้ใจใครไม่ได้เลย" นายสำราญกล่าว พร้อมกล่าวด้วยว่าการเคลื่อนไหวต่างๆ ในวันนี้ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชาวบ้านในระดับหนึ่ง และไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ประจวบฯ แต่จะเป็นการสร้างการเรียนรู้ให้กับพื้นที่อื่นๆ ด้วย
เครือข่ายพันธมิตรเพื่อสิ่งแวดล้อม จ.ประจวบคีรีขันธ์
วัดสี่แยกบ่อนอก หมู่ที่ 10 ต.บ่อนอก
อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
วันที่ 2 มกราคม 2552
เรื่อง ขอทราบแนวทางการดำเนินงานของอัยการคดีพิเศษต่อคดีนาย
และขอให้ทางอัยการคดีพิเศษคัดค้านการประกันตัวนาย
กราบเรียน อธิบดีอัยการคดีพิเศษ
จากวันที่ 21 มิถุนายน 2547 จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 4 ปีกว่าแล้วหลังจากการลอบสังหารนาย
จากการที่ชาวบ้านได้เข้าติดตามคดีในกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา เรารู้ว่าแม้กระบวนการยุติธรรมจะไม่สามารถนำผู้ร่วมกระทำผิดที่มากกว่าจำเลยเลยทั้ง 5 คนมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ แต่ผลที่ออกมาจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็สามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้จำนวน 1 คน
ซึ่งภายหลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เราอยากทราบว่าแนวทางการดำเนินคดีของอัยการฝ่ายคดีพิเศษต่อคดีนาย
1. ขอทราบแนวทางการดำเนินคดีในขั้นตอนของอัยการคดีพิเศษภายหลังมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
2. ขอให้อัยการคัดค้านการประกันตัวนาย
3. ขอคัดถ่ายเอกสาร และหลักฐานที่ประกอบในสำนวนคดีเพื่อนำไปศึกษาในรายละเอียดของคดี
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ด้วยความเคารพอย่างสูง
กรณ์อุมา พงษ์น้อย
ประธานกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก-กุยบุรี
จินตนา แก้วขาว
ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด
สุรีรัตน์ แต้ชูตระกูล
ประธานกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก
นาย
ประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง
นาย
กลุ่มรักษ์บ้านเกิดอ่าวน้อย
นาย
กลุ่มรักษ์ท้องถิ่นกุยบุรี-สามร้อยยอด