Skip to main content
sharethis
 

สืบเนื่องจากกรณี รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะเข้าพบ พ.ต.ท.อุดม เปี่ยมศักดิ์ รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่สถานีตำรวจปทุมวันในเวลา 10.00น. ในวันนี้ (20 ม.ค.) เวลาประมาณ 9.30น. กลุ่มนักศึกษาและแรงงานประมาณ 15 คน ได้รวมตัวกันหน้าอาคารคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินขบวนรณรงค์ให้มีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือประมวลกฎหมายอาญา ม.112 มีการแจกเอกสารและชี้แจงเหตุผลในการรณรงค์ให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ แก่นักศึกษาและประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเดินทางผ่านคณะและสถานที่ต่างๆ ในจุฬาฯ อาทิ ศาลาพระเกี้ยว โรงอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ รวมถึงโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ เพื่อเดินทางไปให้กำลังใจนายใจ อึ๊งภากรณ์ ซึ่งจะเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีปทุมวัน

ต่อมา เวลาประมาณ 10.10น. กลุ่มนักศึกษาได้เดินทางถึง สน.ปทุมวัน ซึ่งก่อนหน้านี้มีกลุ่มประชาชนจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งสวมเสื้อสีแดงเป็นสัญลักษณ์ประมาณ 20 คนชุมนุมอยู่ก่อนแล้ว โดยนอกจากการถือป้ายและตะโกนรณรงค์แล้ว ยังมีการล่ารายชื่อเพื่อยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ ด้วย

จากนั้น เวลา 11.00น. รศ.ใจให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบ พ.ต.ท.อุดม เปี่ยมศักดิ์ รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยระบุว่า เขาได้ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยข้อกล่าวหาดังกล่าวมาจากงานเขียนหนังสือ A Coup for the Rich หรือ "รัฐประหารเพื่อคนรวย" ที่เสนอว่า การคัดค้านรัฐบาลทักษิณนั้นทำได้ในระบอบประชาธิปไตย และปฎิเสธการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

ทั้งนี้ รศ.ใจตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนหน้านี้มีการกระทำที่ผิดกฎหมายมีการใช้อาวุธปืนในกรุงเทพฯ แต่ไม่มีใครโดนข้อกล่าวหา ไม่มีใครติดคุก ฉะนั้น จึงต้องถามถึงมาตรฐานความยุติธรรมในประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ ยังได้กล่าวขอบคุณผู้ที่มาให้กำลังใจเขาว่า ส่วนใหญ่ผู้ที่มาในวันนี้มีจุดร่วมกันคือคัดค้านการที่ทหารแทรกแซงการเมือง และไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

รศ.ใจเปิดเผยว่า มีการรณรงค์ที่ริเริ่มจากนักวิชาการในประเทศอังกฤษ เรียกร้องให้ถอนฟ้องในคดีนี้โดยระบุว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพพื้นฐานในการแสดงออก ซึ่งมีนักวิชาการและ ส.ส.จากต่างประเทศ ร่วมลงชื่อแล้วจำนวน 128 คน นอกจากนี้แล้ว เขาเองยังรณรงค์ยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ ในประเทศไทยด้วย โดยมีทั้งชาวไทยร่วมลงชื่อแล้วประมาณ 600 คน

รศ.ใจยังกล่าวว่า ได้ขอเวลาตำรวจ 20 วันเพื่อตัดสินใจว่าจะมีคำแถลงต่อตำรวจหรือไม่ โดยหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของตำรวจว่าจะส่งฟ้องต่ออัยการหรือไม่

นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี นักศึกษาปริญญาเอกคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ หนึ่งในนักศึกษาที่มาให้กำลังใจนายใจและร่วมรณรงค์ให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ กล่าวว่า เขาออกมารณรงค์เพราะกฎหมายหมิ่นฯ คือกฎหมายที่จำกัดและละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งมีสองมาตรฐาน ข้อหาที่นายใจโดนเกิดจากการตีพิมพ์บทความทางวิชาการซึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปของสังคมว่าการรัฐประหารมีที่มาที่ไปอย่างไร แต่การตั้งคำถามนี้กลับทำให้มีการใช้กฎหมายเข้ามาจับกุม เหมือนว่าการคิดต่าง คิดไม่ตรงกับผู้มีอำนาจในสังคมเป็นอาชญากรรม ทำให้ประเทศเราด้อยพัฒนาไม่สามารถพัฒนาทางปัญญาได้ 

ทั้งนี้ เขาเสนอให้ยุติการใช้กฎหมายหมิ่นฯ เพราะกฎหมายนี้ต่างจากกฎหมายหมิ่นประมาท เป็นการปฎิบัติในอีกมาตรฐานหนึ่งทำให้ไม่สามารถตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจในสังคมได้ นอกจากนี้ทุกวันนี้ยังมีการใช้กฎหมายหมิ่นฯ เป็นข้ออ้าง เพื่อปลดผู้นำสหภาพแรงงานที่คิดต่างจากผู้ประกอบการ รวมทั้งนักวิชาการหรือสื่อมวลชนที่มีการตั้งคำถามกับสถาบันกษัตริย์ด้วย 

นายษัษฐรัมย์ กล่าวเสริมว่า แม้แต่เสรีภาพทางวิชาการยังถูกคุกคามแล้วเสรีภาพด้านอื่นจะเป็นอย่างไร แม้แต่อาจารย์มหาวิทยาลัยที่สังคมยอมรับระดับหนึ่งยังถูกคุกคามในการแสดงความคิดเห็นแล้วชาวบ้านที่คิดเห็นไม่ตรงกับผู้ปกครอง ผู้นำประเทศ หรือระบอบการปกครองที่ไม่เคยเห็นหัวพวกเขาจะมีที่ยืนได้อย่างไร

เมื่อถามว่า กังวลว่าการที่ประชาชนเสื้อแดงมาชุมนุมด้วยจะถูกเชื่อมโยงเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ เขาตอบว่า ต้องการให้เป็นประเด็นทางการเมืองอยู่แล้ว รวมทั้งต้องการให้เป็นประเด็นสาธารณะด้วย เราไม่ปฎิเสธจิตสำนึกของมวลชนเสื้อแดงและจิตสำนึกของประชาธิปไตยแน่นอน ถ้าเป้าหมายของเราคือการยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ และกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็ไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็นทางการเมือง

นางกัญณภา บุญหลง ผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช. กล่าวว่า เหตุผลที่มาร่วมชุมนุมในครั้งนี้เพราะเห็นว่านายใจไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาช่วยกัน เราจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประเทศชาติบ้านเมือง เพราะทำอะไรก็ผิดไปหมด ปาไข่ก็ผิดกฎหมาย ปาระเบิดไม่ผิดกฎหมาย จะสู้ต่อไปไม่ว่าจะมีอิทธิพลมืดอย่างไร สำหรับกรณีของนายใจต้องช่วยเขา เพราะเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนคดีหมิ่นฯ อื่นๆ ต้องดูก่อนว่าเป็นไปในลักษณะไหน แต่ที่แน่ๆ ประชาชนเสื้อแดงจะสู้เพื่อประชาธิปไตย นอกจากนี้การที่ต้องรณรงค์ให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ ก็เพราะกฎหมายนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เอาไว้กำจัดเสื้อแดงโดยเฉพาะ

ผู้ชุมนุมจากกลุ่ม นปช. อีกราย (ขอสงวนนาม) กล่าวว่า ประชาธิปไตยคืออิสรภาพ การแสดงความเห็นไม่ได้กระทำให้เกิดความเสียหาย ขณะที่คนที่ทำให้เกิดความเสียหาย (โชว์ภาพพันธมิตรฯ ถือปืนที่หน้าปากซอยสถานีวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่) ทุกวันนี้ยังไม่เอาเรื่องกับพวกเขา

เธอกล่าวว่า กฎหมายนี้ถูกใช้เป็นข้ออ้างและรังแต่จะเป็นผลเสีย มากกว่าที่จะปกป้องสถาบันฯ ภาพที่ผ่านมาเมื่อมีการปฎิวัติทุกครั้งก็อ้างว่า เพื่อปกป้องสถาบัน จริงๆ แล้วเป็นการยึดอำนาจแบบอยากจะยึดก็ยึด อย่างไรก็ตาม เธอไม่เห็นด้วยที่ใครจะมาต่อสู้หรือล้มล้างสถาบัน เพราะคิดว่าสถาบันนี้อยู่คู่กับประชาธิปไตยตามกฎหมายมาโดยตลอด นอกจากนี้ ไม่ควรเอามาแอบอ้างหรือกล่าวหาด้วย เพราะขณะที่กษัตริย์ประเทศอื่นไม่ได้ทำประโยชน์ให้ประชาชน แต่ทั้งสองพระองค์ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติเยอะมาก

ส่วนความเห็นต่อกฎหมายหมิ่นฯ นั้น เธอกล่าวว่า ควรเป็นไปตามประชามติ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net