Skip to main content
sharethis

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรระบุได้รับการต้อนรับอย่างเต็มรูปแบบในการเยือนเขมร พร้อมแจงคำพูดในอดีตเป็นการแสดงความรักชาติ ชี้ รบ. จ่ายค่าเสียหายให้นักท่องเที่ยวจากการปิดสนามบิน เป็นสิ่งพิเศษสุดมีแต่ประเทศไทย ด้านกลุ่มเสื้อแดงไฮด์ปาร์คหน้าสภาหลังตระเวนยื่นหนังสือต่อสถานทูตประเทศสมาชิกอาเซียน

วันที่ 27 ม.ค. 2552 เวลา 10.30 น. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ อภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนขอเป็นศิษย์มีอาจารย์ ขอฝากผีฝากไข้ให้สภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้กรุณาเอ็นดูให้ตนได้เรียนงานด้วยเพื่อปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ประเทศชาติอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ขออภัยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เมื่อวานไม่ได้มาปรากฎตัวร่วมชี้แจงกับคณะรัฐบาลในสภาฯ เพราะตนเพิ่งกลับจากไปปฏิบัติราชการเยือนประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ขอส่งความปรารถนาดีจาก สมเด็จเฮง สัมริน ประธานสภาล่างของรัฐสภากัมพูชา มายังนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ทั้งนี้ตนได้มีโอกาสพบกับทั้งประธานสภาสูงและสภาล่างของกัมพูชา ซึ่งทั้ง 2 ท่านฝากความปรารถนาดีมายังรัฐสภาไทยและสมาชิกของรัฐสภาไทยทั้งหมด และได้บอกตนว่าพร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐสภาไทยในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทั้ง 2 ฝ่าย ในการนำพาความเป็นประชาธิปไตยในประเทศทั้ง 2 และพร้อมที่จะร่วมมือในกรอบภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะอาเซียน ในกรอบลุ่มแม่น้ำโขง ในกรอบแอคเมค ให้เป็นเรื่องผู้แทนประชาชนของทั้ง 2 ประเทศร่วมมือกัน

นายกษิต กล่าวว่า ตนทำงานเพื่อประเทศชาติมาตลอดชีวิต มีความมุ่งมั่นส่งเสริมครรลองระบอบประชาธิปไตย และเป็นการดำเนินงานที่เปิดเผยอยู่ในที่สาธารณะ อยู่ในที่กว้าง ไม่มีประเด็นปัญหาของการซ่อนเร้นหมกเม็ดใดๆ ทั้งสิ้น มีความภาคภูมิใจที่มีส่วนจรรโลงประชาธิปไตยให้มีความคืบหน้าเป็นสำคัญและพร้อมจะใช้เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่ทำให้ความเป็นประชาธิปไตยไทยสมบูรณ์แบบ

นายกษิต กล่าวว่า สำหรับภาระหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ผ่านมาในช่วง 3 สัปดาห์กว่าๆ มานี้นั้น ได้รับการยอมรับจากมิตรจิตมิตรใจจากประชาคมโลกซึ่งมีมาอย่างเต็มที่ มีสารแสดงความยินดีมาถึงตนและนายอภิสิทธิ์มาตลอด ได้พบกับคณะทูตต่างๆ พร้อมกับนายอภิสิทธิ์ ที่ทำเนียบและโดยตนเองที่กระทรวงการต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในปลายเดือนนี้นายอภิสิทธิ์ จะไปร่วมประชุมเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินระหว่างประเทศที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ท่านนายกจะได้พบกับผู้นำประเทศต่างๆ ของโลก ทั้งนี้ ตนได้รับการทาบทามจากประเทศฝรั่งเศส และอินเดีย เพื่อพบกับ รมว.ต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ  

"การมารับตำแหน่งของผมที่นี่ ไม่น่าจะมีประเด็นปัญหาอันใดในการที่จะนำพานโยบายของประเทศไทยรวมทั้งได้ทำงานในกรอบของคณะรัฐมนตรีและถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา รวมทั้งมติของที่ประชุมครม. ครม.เศรษฐกิจ รวมทั้งการพบปะภาคเอกชน และที่น่าชื่นชมยินดีว่าประเด็นปัญหาที่เราคิดว่าจะมีกับกัมพูชานั้น เมื่อวานนี้ทางฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาได้จัดให้ผมมีกำหนดการเยือนอย่างสมบูรณ์แบบ หนึ่งคือได้เข้าเฝ้ากษัตริย์สีหมุนี ได้พบกับประธานสภาสูง พบกับประธานสภาล่าง พบกับท่านสมเด็จฮุนเซน เป็นเวลาร่วมชั่วโมง และท่านเองก็ได้กรุณาพูดถึงรายละเอียดของการดำเนินความสัมพันธ์ นอกเหนือจากที่ผมได้พบปะร่วมชั่วโมง และก็ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา และสิ่งที่ทางรัฐบาลกัมพูชา โดยเฉพาะท่านสมเด็จฮุนเซน ได้กล่าวในหลาย ครั้ง คืออยากจะให้มีความสัมพันธ์ ที่อยู่บนพื้นฐานของประเพณีวัฒนธรรมที่เรามีร่วมกันมาเป็นพันปี ต้องการที่จะดำเนินความสัมพันธ์ในสันติวิธีจะไม่มีการใช้กำลัง ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นได้ด้วยการพูดจา และเครือข่ายองค์กรที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบทวิภาคีที่จะให้มีการเจรจากันก็ดี จะเป็นเรื่องเขตแดนก็ดี ในเรื่องความมั่นคงก็ดี ความร่วมือต่างๆ เหล่านี้ก็ดีนั้น ก็จะให้ดำเนินการไป และภาครัฐทั้ง 2 ก็จะส่งเสริมอย่างเต็มที่" นายกษิตกล่าว

นายกษิต กล่าวถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนว่า ข้อตกลงทั้งหมดรวมถึงเอกสารระหว่างประเทศทั้งหมดในกรอบอาเซียน ได้ผ่านการพิจารณาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วและผ่านสภานิติบัญญัติมาด้วย ด้วยเหตุที่รัฐธรรมนูญมาตรา 190 มีผลบังคับใช้ จึงมีความจำเป็นต้องนำเอาข้อตกลงต่างๆ ผ่านเข้ารัฐสภา เพื่อให้เป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตยที่เมื่อฝ่ายบริหารทำอะไรแล้วควรต้องให้รัฐสภารับทราบ และเรื่องอะไรที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ ก็ควรให้ฝ่ายรัฐสภาให้ความเห็นชอบ และนี่เป็นสิ่งที่เราดำเนินการตามตัวบทกฎหมาย" นายกษิตกล่าวและว่าเอกสารข้อผูกมัดในกรอบอาเซียนนั้น อีก 9 ประเทศได้ใช้ความเห็นชอบแล้ว เขารอประเทศไทยอยู่ และปีนี้เราเป็นประธานอาเซียน ดังนั้น คนไทยทุกคนมีภาระหน้าที่ในการเป็นประธานร่วม การทำให้อาเซียนแข็งแกร่งยืนหยัดอย่างสง่างามในเวทีโลกได้ เป็นเรื่องของทุกคนทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล สภาล่างสภาสูง เพื่อศักดิ์ศรีความสง่างามของประเทศไทยในฐานะเราเป็นผู้ก่อตั้งอาเซียน

กษิต ยืดอกรับคำพูดในอดีตเป็นการแสดงความรักชาติเพื่อความถูกต้อง/ชี้ รบ. จ่ายค่าเสียหายให้นักท่องเที่ยวจากการปิดสนามบิน เป็นสิ่งพิเศษสุดมีแต่ประเทศไทย

เวลา 11.30 น. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีคำพูดของตนเองในอดีตก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งรมว.ต่างประเทศว่า เมื่อวันที่ 15 ต.ค.นั้น นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชาได้ให้ประเทศไทยถอนทหารออกไปจากบริเวณปราสาทพระวิหาร ดังนั้นสิ่งใดที่ตนพูดออกไปในอดีต ซึ่งมี ส.ส.นำคำพูดของตนมาโควทนั้น ยอมรับว่าคำพูดดังกล่าวเป็นการแสดงจุดยืนของความรักชาติ ปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ตนจึงได้แอ่นอกออกไป แล้วพูดอย่างนั้นเพื่อจะบอกกับเขาว่า ไม่สามารถจะมาละเมิดอธิปไตยหรือศักดิ์ศรีของประเทศไทยและกองทัพไทยได้ และที่ตนพูดวันนั้น ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่มีความหวงแหนและรักชาติและเป็นการพูดท่ามกลางกระบวนการทางการเมืองภาคประชาสังคมที่ต้องการความชอบธรรมและถูกต้อง

"ณ วันนี้ตั้งแต่ผมเข้าร่วมคณะรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.ผมเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล ผมเป็นเด็กที่มีวินัยครับและผมจะทำในกรอบ อดีตเมื่อวานก็ว่าไป ส่วนประเด็นที่2 ท่าน(ฝ่ายค้าน) บอกว่าโลกไม่ยอมรับผม เราต้องพูดกันด้วยความจริงนะครับ ผมได้กราบเรียนในที่ประชุมแล้ว เมื่อกี้นี้ ถึงสาสน์ที่ได้รับการแสดงความยินดี จากต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา การพบปะกับต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา การนัดหมายกับต่างประเทศที่มีอยู่ตลอดแทบถึงสิ้นปีนี้ เป็นการสะท้อนให้ทราบว่า ผมทำตามหน้าที่อย่างมีศักดิ์ศรี และไม่ได้มีประเด็นปัญหากับชาวต่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้นโดยเฉพาะกับคณะทูตและรัฐบาลของต่างประเทศและขอยืนว่า การทำงานอยู่ที่เนื้อหาประสบการณ์ และผมสามารถนำพานโยบายของประเทศไทยได้

ส่วนความสัมพันธ์ของผมและสมเด็จฮุน เซน นั้น เมื่อวานนี้ ผมได้เข้าเยี่ยมคารวะและสิ่งแรกที่สมเด็จฮุน เซน ได้พูดกับผมคือ เราไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลา 20 ปี เพราะเราเคยประชุมกันอยู่ที่กรุงปารีสในการประชุมสันติภาพของกัมพูชา และผมกับท่านสมเด็จฮุน เซน ได้ (นั่ง)อยู่กันคนละฟากครับ และเราก็ต่อสู้เพื่ออธิปไตยและความถูกต้องของประเทศไทย และต่อต้านภยันตรายภัยคอมมิวนิสต์ และเราก็ประสบความสำเร็จที่ทำให้เกิดความปรองดองแห่งชาติในกัมพูชา ซึ่งประเทศไทยมีส่วนสำคัญในสิ่งนั้น และ ณ วันนี้ กัมพูชาก็ดี ประเทศไทยก็ดี ท่านสมเด็จฮุน เซนก็ดี ท่านนายกฯอภิสิทธิ์ หรือกระผมก็ดี เรามีหน้าที่ที่จะกระชับความสัมพันธ์และได้ตกลงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า เราจะพูดจากันด้วยสันติวิธี ไม่มีการใช้กำลังและมุ่งหน้าที่จะขับเคลื่อนความสัมพันธ์อันนี้ให้รุดหน้าไปได้ ท่านได้ยืนยันอย่างนี้นะครับ

ผมได้กล่าวแสดงความชื่นชมด้วยว่าท่านเป็นผู้อาวุโสสูงสุดในแวดวงการเมืองของอาเซียน ท่านสามารถที่จะนำพาได้ และท่านไม่ได้พูดถึงอดีตนะครับ เพราะเราต่างคนต่างก็มีอดีตทั้งนั้น เป็นอดีตของการต่อสู้เพื่อความชอบธรรม เพื่อเอกราช เพื่อความเป็นประชาธิปไตย เพื่อสิ่งที่ถูกต้องแต่ ณ วันนี้เราเข้ามาอยู่ในอีกตำแหน่งหนึ่งที่เรามีหน้าที่ที่จะต้องนำพาประเทศของเรา และเราก็ต้องร่วมมือกับต่างประเทศ อย่าได้มีความสงสัย ข้อสงสัยใดๆ เลยครับเกี่ยวกับตัวผมว่าจะทำงานไม่ได้ หรืออดีตของผมนั้นจะมาทำลายล้างศักดิ์ศรีของประเทศไทย ผมคิดว่าอดีตของผมเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ ผมต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เพื่อความชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตยนะครับ

ส่วนประเด็นที่มีการกล่าวไว้เมื่อวานนี้เกี่ยวกับว่าประเทศไทย ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกรณีท่าอากาศยาน ความจริงมันต้องมีคำที่ต่อไปด้วย ผมได้บอกว่าในมิตรประเทศทั่วโลก มีการประท้วง มีการป้องกันไม่ให้เข้าสนามบิน และเราจะได้ยินอยู่เสมอๆ ว่าในช่วงฤดูร้อนก็ดี ฤดูหนาวก็ดีจะมีการประท้วงโดยนักบินบ้าง พนักงานบนเครื่องบินบ้าง หรือพนักงานบนสนามบิน ต่างๆ เหล่านี้มีการปิดสนามบินกันอยู่ตลอดเวลา และผมไม่เคยเห็นประเทศไหนที่เขาจะต้องเอาเงินมาชดเชยกับนักท่องเที่ยว แต่ว่าที่มันพิเศษสุดคือประเทศไทยและโดยรัฐบาลชุดนี้ เราพร้อมที่จะดูแลผู้เสียประโยชน์และติดค้างต่อไปนี้ และจะมีการวางมาตรการทางด้านความมั่นคงอย่างรัดกุม และที่สำคัญที่สุดรัฐบาลชุดนี้จะตอบสนองปากป้องประชาชน โดยไม่มีระเบียบวาระส่วนตัวส่วนบุคคลที่จะมาทำลายล้างประเทศไทยครับ เราจะทำงานเพื่อประเทศชาติและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศทั้งหลาย ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่จะดำเนินความสัมพันธ์ครับ"นายกษิต กล่าว  

"เสื้อแดงสนามหลวง" ไฮด์ปาร์คหน้าสภาหลังตระเวนยื่นหนังสือต่อสถานทูตประเทศสมาชิกอาเซียน

ขณะที่มีการประชุมสภาฯ ในช่วงบ่าย กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 20 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวง นำโดยนายนพพร นามเชียงใต้ สมาชิกกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ผู้ซึ่งเคยเป็นตัวตั้งตัวตีในการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อทูลเกล้าถวายฎีกา เพราะเชื่อว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีแสดงบทบาทไม่เหมาะสมและเชื่อว่า พล.อ.เปรม เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ทั้งนี้ กลุ่มเสื้อแดงได้เดินทางมาชุมนุมบริเวณป้ายเมล์ด้านหน้ารัฐสภาโดยชูตีนตบขึ้นมาเป็นระยะและโห่ไล่รถของนักการเมืองที่ขับผ่านหน้ารัฐสภา พร้อมทั้งปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงโจมตีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงประเด็นการดำเนินนโยบายประชานิยม โดยกลุ่มเสื้อแดงระบุว่าเป็นการเลียนแบบนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากนั้นยังได้โจมตีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯและเคยทวงคืนปราสาทพระวิหาร แต่นายกษิต กลับได้รับตำแหน่งรมว.ต่างประเทศและยังไปปฏิบัติหน้าที่เยือนกัมพูชาด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเสื้อแดง ได้สอบถามผู้สื่อข่าวถึงบรรยากาศการประชุมสภาฯ โดยได้ให้ความสนใจแก่กรณีของนายกษิต เป็นพิเศษ พร้อมทั้งระบุว่ากลุ่มตนไม่ได้รับฟังการถ่ายทอดสดประชุมสภาฯ เนื่องจากเพิ่งไปยื่นหนังสือต่อสถานทูตประเทศสมาชิกอาเซียน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net