ระงับลงทุนโรงถลุงเหล็กบางสะพาน บทพิสูจน์ การพัฒนาที่ไม่ยั่งยืนแท้จริง

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

บทวิจารณ์จากพื้นที่โดย "สุพจน์ ส่งเสียง" ต่อกรณีกลุ่มธุรกิจสหวิริยารุกพื้นที่แม่รำพึง หลายสิ่งพิสูจน์ชัดในแง่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

นายสุพจน์  ส่งเสียง

รองประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง

 

 

 

 

 

จากกรณีสื่อหลายฉบับลงข่าวการระงับการลงทุนโรงถลุงเหล็กที่บางสะพานของกลุ่มธุรกิจเหล็กในเครือสหวิริยานั้น ได้มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นในหลายๆ ด้าน และอีกด้านหนึ่งของกลุ่มผู้ที่คัดค้านโครงการก็ได้แสดงความคิดเห็นอีกมุมหนึ่งว่า มันคือการพิสูจน์ชัดได้หลายเรื่องในแง่การพัฒนาว่ายั่งยืนจริงเท็จประการใด  


บางสะพานเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของคำว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีที่พิสูจน์การพัฒนาได้อย่างเห็นชัดเจน  คือก่อนหน้านี้โครงการเหล็กที่บางสะพานเคยเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 เป็นต้นมา โดยมีชาวบ้านในพื้นที่ออกมาคัดค้านแต่ไม่มากนักโดยคิดว่าเป็นโครงการโรงถลุงเหล็กมลพิษสูง  แต่ในช่วงนั้นเองทางกลุ่มทุนก็ทำหนังสือชี้แจงว่าไม่ใช่โครงการโรงถลุง  แต่เป็นเพียงโรงรีดเหล็กไม่มีมลพิษ จะไม่สร้างโรงถลุงแน่นอน  และเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนเช่นกัน

 

แต่มาวันนี้สิบกว่าปีกลับบอกว่าหากไม่มีโรงถลุงจะอยู่ไม่ได้  มีการปลดพนักงานช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ และลดเงินพนักงานจนเกิดการประท้วงทั้งสองโรงงานใหญ่ไม่กี่วันที่ผ่านมา  ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความยั่งยืนลวงตาและที่สำคัญการสร้างภาพจูงใจเรื่องมีงานทำที่ดีนำไปสู่การศึกษาไปในเชิงเดียวคืออุตสาหกรรมเหล็ก  โดยไม่คำนึงถึงสัดส่วนเป็นจริงในเรื่องของวิถีเดิมที่เป็นอาชีพหล่อเลี้ยงตัวอยู่ในท้องถิ่นที่ยั่งยืนแท้จริง ในด้านการท่องเที่ยว เกษตร ประมง  ค้าขาย ต่างๆ 

 

ต้องทำความเข้าใจให้ดีคำว่ายังยืนไม่ได้หมายถึงความร่ำรวย มันต่างกันหากคิดที่ปริมาณเม็ดเงินที่รัฐจะนำมาสนับสนุนโครงการดังกล่าวอย่างมหาศาลด้านสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น เขื่อน  โรงไฟฟ้า  ถนน  ท่าเรือ  ฯลฯ แต่สุดท้ายก็มีการจ้างงานเพียง่เป็นอาชีพหล่อเลี้ยงตัวอยู่ในท้องถิ่นที่  3,000 กว่าอัตรา  หากเอาจำนวนเม็ดเงินเดียวกันมาสนับสนุนตามศักยภาพของพื้นที่อย่างแท้จริงก็จะสามารถกระจายรายได้ที่ทั่วถึง เกิดอาชีพที่เป็นไปตามกลไกธรรมชาติที่เป็นอยู่อย่างยั่งยืน

 

นี่ยังไม่พูดถึงที่โครงการเข้ามาทำลายฐานทรัพยากรเดิม  บุกรุกป่าคุ้มครองอีกหลายร้อยไร่  ที่มีการตรวจสอบและฟ้องร้องกันอยู่อีกหลายสิบคดี  เพราะพื้นที่โครงการไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นวนอุทยาน  เป็นป่าชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ เป็นป่าชายเลน และอยู่ในเขตปิดอ่าวถึงสามชั้นจากกระทรวงเกษตร  และกรมประมงอีกด้วย

 

อยากให้ผู้นำท้องถิ่นที่ยังด้อยข้อมูลด้านลบศึกษาอย่างละเอียดด้วย ก่อนออกมาให้การสนับสนุนทั้งที่มีข้อมูลด้านเดียว  เพราะสิ่งที่จิตนาการว่ามันดีมันยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม แต่ด้านการทำลาย ด้านคอร์รัปชั่น มีหลักฐานชัดเจนแล้วจะตอบชุมชนว่าอย่างไร  ที่สำคัญตัวผู้ใหญ่กำนัน  อบต.ต่างๆ ในพื้นที่ก็ยังใช้ทรัพยากรที่ถูกบุกรุกและจะได้รับผลกระทบจากการทำลายของโครงการดังกล่าวอีกด้วย

 

อย่างไรก็ดีโครงการโรงถลุงเหล็กดังกล่าว  ที่ผ่านมาได้มีการคัดค้านและตรวจสอบจากประชาชนในพื้นที่มาหลายปี   หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสนใจในการเข้าตรวจสอบและแก้ปัญหาอย่างจริงจังเพื่อที่จะได้คลี่คลายปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ที่อาจจะทวีความรุนแรงมากขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท