ชาวบ้าน "คำสร้างไชย" อุบลฯ ครึ่งร้อยร้องอุตสาหกรรมจังหวัดปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ใช้มติปลอมในการขออนุญาตสร้างโรงไฟฟ้า เตรียมส่งเรื่องขอฟ้องต่อศาลปกครอง หัวหน้า ส.งานอุตสาหกรรมจังหวัดแจงการทำประชามติเป็นอำนาจของ อบต. ส่วนอุตฯจังหวัดทำได้เพียงจัดเวทีไกล่เกลี่ยไปเรื่อยๆ
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2552 ชาวบ้านคำสร้างไชย ต.ท่าช้าง อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี เดินทางมายังห้องประชุมบัวทิพย์ 4 อาคารศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนการปฏิบัติงานโดยบิดเบือนและฉ้อฉลของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุบลราชธานี เนื่องจากทราบมาว่าทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดได้จัดงานสัมมนาเรื่องเรื่องแนวทางการเฝ้าระวังการเกิดปัญหามลพิษจากสถานประกอบการ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเดินทางมาเป็นประธานกล่าวเปิดงาน
นายบุญชู สายธนู ชาวบ้านคำสร้างไชยได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ชาวบ้านมาร้องเรียนเพราะสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดได้เชิญตัวแทนชาวบ้านคำสร้างไชยเข้าร่วมการสัมมนา เรื่องแนวทางการเฝ้าระวังการเกิดปัญหามลพิษจากสถานประกอบการซึ่งเป็นการให้ข้อมูลและความรู้แก่ผู้ได้รับผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม หรือมีสถานประกอบการที่เป็นแหล่งมลพิษอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงที่บ้านคำสร้างไชยยังไม่มีการสร้างโรงไฟฟ้าแต่อย่างใด ชาวบ้านจึงคิดว่าการเชิญชาวบ้านเข้าร่วมสัมมนามีเจตนาทำให้ดูเหมือนว่าเกิดโรงไฟฟ้าแล้วที่บ้านคำสร้างไชย และการที่ชาวบ้านเข้าร่วมสัมมนาจะเป็นสิ่งที่ทำให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอ้างได้ว่าชาวบ้านยอมรับการสร้างโรงไฟฟ้า
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางอุตสาหกรรมจังหวัดไม่ยอมรับรู้การขอถอนมติที่ชาวบ้านเรียกว่ามติอัปยศเพราะเป็นการทำอย่างรวบรัด ให้ข้อมูลด้านเดียวและมีการหลอกให้ลงชื่อ รวมทั้งอุตสาหกรรมจังหวัดมุ่งรวบรัดการดำเนินการเพื่อให้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าให้ได้และสมประโยชน์ของบริษัท
นายบุญชู กล่าวเพิ่มเติมว่า จากพฤติกรรมและการปฏิบัติงานอย่างมีวาระซ่อนเร้นดังกล่าวข้างต้น ชาวบ้านคำสร้างไชยจึงขอร้องเรียนการปฏิบัติงานโดยบิดเบือนและฉ้อฉลของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมทั้งขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าวด้วย
ด้านนายสมชาย เสงี่ยมศักดิ์ อุตสาหกรรมจังหวัด เมื่อทราบเรื่องที่ชาวบ้านมาร้องเรียนจึงได้ออกมาพบกับชาวบ้านพร้อมทั้งชี้แจงว่า การประชุมครั้งนี้มีการวางแผนจัดไว้นานแล้ว ไม่ได้มีเจตนาอย่างที่ชาวบ้านกล่าวหา ส่วนเรื่องมติที่ชาวบ้านขอถอนและร้องเรียนว่าไม่โปร่งใสนั้นทางอุตสาหกรรมจังหวัดได้แจ้งไปยัง อบต.ท่าช้างแล้วว่าขอให้ทำเวทีประชาคมใหม่ แต่ทาง อบต.ท่าช้างยังคงยืนยันมติเดิม ทางอุตสาหกรรมจังหวัดก็ต้องใช้มติเดิมที่ อบต.รับรอง เพราะกฎหมายกำหนดให้การทำประชามติเป็นอำนาจของ อบต. และทางอุตสาหกรรมจังหวัดก็ไม่มีอำนาจตัดสินให้สร้างโรงไฟฟ้า แต่อำนาจอยู่ที่กรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งไม่ได้อนุญาตทันที แต่จะดูข้อมูลด้วยว่ามีผู้คัดค้านเพราะทางอุตสาหกรรมจังหวัดได้แนบหนังสือคัดค้านของชาวบ้านไปให้กรมโรงงานพร้อมเอกสารขออนุญาตของบริษัท เมื่อทางกรมโรงงานทราบว่ามีผู้คัดค้านก็จะมีคำสั่งให้อุตสาหกรรมจังหวัดจัดเวทีไกล่เกลี่ยระหว่างบริษัทกับชาวบ้านจนกว่าจะตกลงกันได้จึงจะอนุญาต
ในประเด็นนี้ทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า หากไกล่เกลี่ยหลายรอบแล้วชาวบ้านไม่ยอม ทางกรมโรงงานจะลงนามไม่อนุญาตให้สร้างโรงไฟฟ้าได้หรือไม่ ซึ่งนายสมชายตอบผู้สื่อข่าวว่าไม่ได้ ก็ต้องมีการไกล่เกลี่ยกันไปเรื่อยๆ
ด้านนายชาตรี ดิเรกศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเดินทางมาเปิดงานแทนผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับจดหมายร้องเรียนจากชาวบ้าน และรับปากว่า ทางจังหวัดจะออกคำสั่งไปยังอำเภอโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ลงนามคำสั่งเพื่อให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าช้างจัดให้มีการทำประชามติใหม่ในส่วนความคิดเห็นของคนในชุมชน แต่ไม่ใช่มติใหม่ของสภาซึ่งเป็นตัวตัดสินการให้อนุญาตใช้พื้นที่
สำหรับแนวทางการคัดค้านของชาวบ้านหลังจากนี้นั้น นายบุญชู สายธนูได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทางชาวบ้านมีความเห็นร่วมกันว่า อาจจะยื่นฟ้อง อบต.ท่าช้าง และผู้ใหญ่บ้านต่อศาลปกครองเพื่อให้ชี้ขาดว่ามติดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง