Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข


 


 


ตลอดช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมได้พยายามที่จะไปให้พ้นเรื่องอื่นๆ ปรับหัวจิตหัวใจให้โอกาสรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพราะตระหนักถึงความเป็นจริงของสภาพการเมืองที่เกิดขึ้น และยอมรับสิ่งที่มันเป็น มากกว่าจะมาหมกมุ่นกับความไม่เป็นธรรมที่มันเกิดขึ้น กระทั่งตระหนักรู้ด้วยว่า ไม่ว่ารัฐบาลพรรคไหน นักการเมืองจากการเลือกตั้ง หรือฝ่ายปกครองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็ล้วนแล้วแต่ดีร้ายเลวทรามและเป็นมนุษย์เหมือนกันหมด


 


แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งฟังข่าวสารทุกวัน พิจารณานโยบายของรัฐบาล  ติดตามการบังคับใช้กฎหมาย ติดตามการทำงานของสื่อ ก็มีแต่จะทำให้เครียดขึ้น และเห็นชัดขึ้นไปอีกในความไม่เป็นธรรมทุกขั้นทุกกระบวนการ เอาแค่เรื่องง่ายๆ ที่ปรากฏ เราก็จะเห็นนักวิชาการหน้าเดิมๆ ที่เคยเรียกร้องอย่าใช้ความรุนแรงในวันที่มีม็อบพันธมิตรฯ และตีกันการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลพรรคพลังประชาชนโดยกล่าวหาว่า "มันรุนแรง" วันนี้ก็ได้ออกมาพูดหนุนให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายเสียแล้ว


 


กลุ่มองค์กรนักสิทธิฯ ทั้งหลายที่รณรงค์ไม่เอาสงครามกลางเมือง มาวันนี้ก็เงียบเป็นเป่าสาก ทั้งๆ ที่กลุ่มคนเสื้อแดงผุดขึ้นปฏิบัติการต่อต้านนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ในหลายท้องที่อย่างกว้างขวางยิ่งกว่าสมัยพันธมิตรฯชุมนุม เครือข่ายพันธมิตรฯ ที่เคยออกมากดดันรัฐบาลก่อนว่า ไม่สามารถควบคุมความสงบได้ ควรลาออกไปหรือยุบสภา ก็หายวับไป พร้อมกับเอออวยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์


 


ไม่มีสื่อตั้งคำถามว่า ทำไม? เสียงระเบิดที่เกิดขึ้นทุกวี่วันในที่ต่างๆ สมัยพันธมิตรฯชุมนุมจึงหายไปแล้ว ทั้งๆ ที่ฝ่ายที่โดนกล่าวหาหรือถูกทำให้เชื่อว่า เป็นฝ่ายกระทำอย่างเสื้อแดงทั้งหลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทางการเมือง แล้ว แต่ไฉนวันนี้จึงมีแต่ "ไข่" ที่เอาไว้ขว้าง และปากร้ายๆ ที่เอาไว้ด่าแบบที่คนชั้นกลางไม่ชอบ


 


ที่สำคัญทำไมปล่อยให้การกระทำของพันธมิตรฯ อันร้ายแรงที่ผ่านมาเงียบหายไป ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


สังคมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเพียงพอไหม หรือ "ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด" กันอยู่ตลอดเวลา แล้ววันสงบสุขจะเกิดขึ้นได้อย่างไร


 


วิจารณ์กันตามตรงเลย การปฏิบัติของพรรคประชาธิปัตย์ด้วยการ "พูด" ที่ผ่านมาหนึ่งเดือน ไม่เพียงแต่ไม่สามารถเรียกความสงบสุขกลับมาได้ มีแต่ถมทับความเคียดแค้นชิงชังให้ทบทวีขึ้น เพราะไม่ว่าอย่างไร ฝ่ายสีเสื้อแดงก็คือ "คนอื่น" ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อยู่ดี เป็นคนอื่นที่มีทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังอยู่ดี โดยไร้ซึ่งปัญญาและญาณวิเคราะห์เพื่อจะเข้าใจได้ว่า ทำไมทักษิณ ซึ่งไม่ได้มีนโยบายอำนาจวาสนาอะไรมาช่วยเหลือชาวบ้านเกือบ 3 ปี ทำไมจึงยังนั่งอยู่กลางใจชาวบ้านอยู่ได้


 


พูดตามตรงเลยนะครับ ทักษิณก็ทักษิณ สำหรับชาวบ้านแล้ว ด้วยเวลาขนาดนี้ เพียงพอที่จะทำให้ทักษิณ ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากหยิบใช้เป็นแค่เครื่องมือการต่อสู้ เขาไม่ได้ออกมาเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางปาไข่ป่วนเมืองเพื่อทักษิณอีกแล้ว หลายคนที่ต้องติดคุกถูกดำเนินคดีไม่ว่าจะเรื่องใดๆ เขาไม่ได้สู้เพื่อทักษิณแน่ๆ เขาสู้เพื่อตัวเขาเอง เพื่อความเป็นธรรม เพื่อสิทธิเสรีภาพ เพื่ออำนาจอธิปไตยที่เป็นของเขา หรืออย่างน้อยก็เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจในปลายปีที่ผ่านมา คนเหล่านี้ตระหนักดีว่า หากเขาต้องติดคุกก็ไม่มีหรอกที่จะมีนักการเมืองคนไหนไปช่วยหรือเห็นใจเขา หรือช่วยดูแลครอบครัวของเขาได้จริงๆ


 


วิเคราะห์กลุ่มปัญหาไม่ออกก็แก้ผิด เหมือนที่รัฐบาลทักษิณแก้ปัญหาผิดในกรณี 3 จังหวัดภาคใต้


 


ผมอยากจะเตือนความจำนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ถึงหลักนโยบายที่ท่านแถลงในการประชุมรัฐสภาที่กระทรวงต่างประเทศเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551  ซึ่งแม้ผ่านมาไม่กี่วัน แต่ไม่รู้ทำไม กลัวท่านจะลืม หรือแม้ท่านท่องได้ไม่ลืม ก็อาจจะยังไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง และอาจจะแก้ปัญหาผิดพลาดจนจะกลายซ้ำรอยแบบตอนที่ทักษิณแก้ปัญหาใต้อีกครั้ง


 


ผมจึงเขียนจดหมายถึงนายกฯ ครับ และจะขออนุญาตเสนอผ่านทางนี้ล่ะครับ


 


0 0 0


 


ท่านนายกฯ ผมมีความประสงค์จะเตือนความจำท่านเกี่ยวกับนโยบายของท่านครับ (1)


 


ผมขออนุญาตเริ่มต้นตรงเข้าสู่เนื้อหาแถลงนโยบายของท่านเลยนะครับ


 


ท่านบอกว่า "รัฐบาลถือเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่จะต้องนำประเทศไทยให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่กำลังเกิดขึ้นและพัฒนาไปสู่การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน แก้ไขวิกฤตทางสังคมที่มีความแตกแยกและพัฒนาให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ยุติวิกฤตทางการเมืองและปฏิรูปการเมืองให้มีความมั่นคงตามแนวทางระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในการนี้รัฐบาลจะดำเนินการให้บรรลุภารกิจดังกล่าวภายใต้แนวทางพื้นฐานหลัก 4 ประการ คือ


 


"หนึ่ง ปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีความมั่นคงในการเป็นศูนย์รวมจิตใจและความรักสามัคคีของคนในชาติ และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้เหนือความขัดแย้งทุกรูปแบบ พร้อมทั้งดำเนินการทุกวิถีทางอย่างจริงจังเพื่อป้องกันมิให้มีการล่วงละเมิดพระบรมเดชานุภาพ


 


"สอง สร้างความปรองดองสมานฉันท์ บนพื้นฐานของความถูกต้อง ยุติธรรมและการยอมรับของทุกภาคส่วน


 


"สาม ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน และบรรเทาผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนจะประสบ


 


"สี่ พัฒนาประชาธิปไตยและระบบการเมือง ให้มีความมั่นคง มีการปฏิบัติตามกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค เป็นธรรม และเป็นที่ยอมรับของสากล"


 


ผมอยากจะเรียนท่านด้วยความเคารพว่า หลัก 4 ข้ออันใหญ่ยิ่งนี้ ท่านทำได้สำเร็จด้วยการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังเพียงเรื่องเดียว อันจะขออนุญาตนำเสนอท่านด้วยความจริงใจต่อจากนี้


 


ท่านครับ ในข้อหนึ่ง ท่านมุ่งมาดปรารถนาเช่นนั้นจริงหรือไม่? ท่านพูดเรื่องความจงรักภักดีปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยหัวใจจริงแท้หรือไม่ ถ้าใช่ ท่านต้องวิเคราะห์ให้ออกถึงสภาพข้อเท็จจริงที่ผ่านมา กระแส ข่าวลือ และประมวลเรื่องราวต่างๆ ว่าเกิดขึ้นจากอะไร ปรากฏการณ์ดึงเบื้องสูงลงมาอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้งเกิดจากอะไร เกิดจากการนำความเท็จมาใส่ร้ายป้ายสีทางการเมืองเพื่อไล่รัฐบาลในอดีตใช่หรือไม่ และใช่หรือไม่ว่าเกิดขึ้นจากการเสนอให้ใช้ มาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญ 2540 เพื่อเอาชนะทางการเมืองโดยอาศัยวิถีทางนอกรัฐธรรมนูญ และนับจากนั้นพระมหากษัตริย์ก็ถูกดึงอยู่ในความขัดแย้งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน


 


ท่านมีส่วนหรือไม่ ถ้ามี ท่านคิดอ่านอย่างไรกับหลักนโยบายข้อแรก ยังคงยืนยันว่าจริงใจในหลักนโยบายนี้หรือไม่ (2)


 


เอาล่ะท่านอาจจะพลาดไป ด้วยยังคงเรียน ม.7 ทางการเมืองภาคประชาชน ยังไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย วันนี้ท่านได้เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ผมคิดเอาว่า ท่านคงจะเสียใจที่มีการรัฐประหารจนได้เห็นความขัดแย้งบานปลายเพิ่มขึ้น แต่เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ท่านก็น่าจะพอเข้าใจวิชาการต่างประเทศดีพอสมควร


 


ท่านพอจะจำได้ไหมที่ทูตหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรปเดินทางมายังกระทรวงต่างประเทศ แสดงความไม่สบายใจ กังวลใจ และอีกมากมายที่คล้ายกับการตำหนิรัฐไทย กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ทำเอาชาวต่างชาติทั่วโลกกว่า 3 แสนคนเดินทางกลับประเทศไม่ได้


 


ท่านต้องรู้แน่ว่า ข้อเรียกร้องของท่านทูตเหล่านั้นมีความหมายว่าอย่างไร เว้นแต่ท่านจะรับรู้ข่าวสารจากทางสื่อสารมวลชนเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านก็อาจจะพลาดข่าวนี้ไปได้ เพราะมีสื่อบางฉบับเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับข้อเรียกร้องของท่านทูตเหล่านั้น แต่ระดับท่านที่เตรียมตัวเป็นนายกฯ มาแต่เด็ก ไม่น่าจะรอฟังแต่ทางสื่อเหมือนนักวิเคราะห์ข่าวทั่วไปแน่ ผมจึงเชื่อมั่นว่าท่านต้องรู้


 


ผมสรุปเอาแบบกระชับๆ ว่า ท่านทูตเหล่านั้นเรียกร้องหา "หลักประกันความปลอดภัยในสนามบิน" ผมเรียนปรึกษาผู้รู้หลายๆ คน นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางการทูตที่เหมือนเป็นการพูดจาธรรมดาเท่านั้น บางท่านวิเคราะห์ให้ผมฟังว่า ตอนรัฐบาลอเมริกันสร้างหลักประกันความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนของเขาหลังเกิดกรณีจี้เครื่องบินพุ่งโจมตีตึกเวิร์ดเทรดในเหตุการณ์ 9/11 มาตรการนั้นก็คือ "การพยายามหาคนผิดมาลงโทษ" และรัฐบาลอเมริกันยอมกระทั่งทุ่มเททรัพยากรมหาศาลโดยไม่สนนานาชาติบุกเข้ายึดอัฟกานิสถานเลยทีเดียว (3)


 


ท่าน "อภิสิทธิ์" ต้องรู้แน่ๆ เลยว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษายุบพรรคพลังประชาชน ชาติไทย และมัชฌิมาฯ พร้อมๆ กับการประกาศชัยชนะของพันธมิตรฯ (อันนี้ไม่รู้ประกาศชัยชนะทำไม) ยอมสลายการชุมนุมคืนสนามบินนานาชาติให้กับไทยและโลกแล้ว สื่อต่างประเทศเขียนวิเคราะห์ว่าอย่างไร


 


วิจารณ์ตั้งแต่กองทัพและตำรวจไม่จัดการกีดขวางหรือป้องกันการยึดสนามบินเท่าที่ควร วิจารณ์กระทั่งว่ากองทัพและนายตำรวจรู้เห็นเป็นใจ กระทั่งเลยเถิดว่า ม็อบปิดสนามบินนี้มี "เส้นใหญ่" หนุนหลัง วิจารณ์พาดพิงศาลและแม้กระทั่งก้าวล่วงไปถึงสถาบันเบื้องสูงที่ท่านนายกฯประกาศปกป้องทุกวิถีทาง


 


ท่านนายกฯ ต้องรู้ว่า ไม่ใช่แค่สื่อต่างประเทศฉบับเดียว ท่านต้องรู้ความร้ายแรงและกว้างขวางของกระแสข่าวของสื่อต่างประเทศแน่นอน กระทั่งนิตยสารวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศบางฉบับถูกห้ามวางขายในประเทศไทย


 


ท่านนายกฯ อาจจะไม่สนใจหน้าตาของตนเองที่อยากจะอยู่อย่างมีเกียรติเฉพาะในกรุงเทพ ภาคกลางและทางใต้ อาจจะไม่สนใจว่า โลกจะมองกระบวนการยุติธรรมของไทยว่าอย่างไรก็คงจะได้ แต่อย่างน้อยท่านก็ควรจะต้องทราบถึงความอึดอัดในราชสำนักจากแรงกดดันของนานาประเทศมาก่อนหน้าการปิดสนามบินสุวรรณภูมิแล้วด้วยซ้ำ ดังที่ท่านนายกฯควรจะรู้สึกหรือวิเคราะห์ได้เองจากกรณีที่สมเด็จพระเทพฯต้องทรงตอบคำถามของผู้สื่อข่าวต่างประเทศครั้งหนึ่ง ซึ่งตีพิมพ์ลงหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ข่าวสด (4)


 


ท่านนายกฯ ครับ ท่านแถลงหลักนโยบายข้อ 1 ด้วยใจจริงใช่ไหมครับ ท่านต้องพิสูจน์ให้คนทั่วโลกเห็นและเชื่อให้ได้ว่า สถาบันเบื้องสูงไม่ได้อยู่เบื้องหลังใดๆ กับการชุมนุมปิดสนามบินของพันธมิตรฯ ที่ละเมิดข้อตกลงนานาชาติหลายประการ และทำความเสียหายให้กับประเทศ ทำคนตกงานเพิ่มมหาศาล มีกี่คนที่ต้องตกอยู่ในสภาพเหยื่อจากความสูญเสียที่ตามมาจากการตกงานและเศรษฐกิจแบบนี้


 


ท่านต้องพิสูจน์ความจงรักภักดีในแบบของท่านให้ได้ โดยเฉพาะในเชิงเปรียบเทียบที่คนทั่วไปรู้สึกและสัมผัสได้ เพราะขณะที่เมื่อสามปีที่แล้วในสมัยของรัฐบาลทักษิณ กษัตริย์ทั่วโลกเดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมฉลองวาระมหามงคล พระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ไทยเรียกได้ว่าแผ่ไพศาลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในทางส่วนร่วมประเทศไทยได้กลายเป็นตัวแบบของการปกครองในระบอบ "ประชาธิปไตย" ที่มี "พระมหากษัตริย์เป็นประมุข" ซึ่งเกื้อหนุนลงตัว


 


แต่หลังจากการขับไล่รัฐบาลทักษิณด้วยการรัฐประหารของคณะก่อการที่ตั้งชื่อว่า คปค. ก็ทำเอาโลกต้องตะลึง สถาบันฯได้กลายมาเป็นเครื่องมือที่แต่ละฝ่ายใช้เพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้าม สมาชิกพรรคของท่านก็โดดร่วมวงนี้ ทั้งในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ แกนนำในรัฐสภาเพื่อเล่นงานเอาผิดฝ่ายตรงข้ามโดยการอาศัยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชนานุภาพ พยายามเพิ่มบทลงโทษอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำราวกับสถาบันเบื้องสูงของไทยอ่อนแอกระทั่งต้องปิดปากผู้คนไม่ให้พูดอะไรที่เป็นจริงหรือไม่จริง ซึ่งรังแต่จะทำให้ความเสื่อมเสียขจรขจายไปไกลเข้าไปอีก และคนเหล่านี้บัดนี้ก็ได้มานั่งเสวยสุขเป็นรัฐบาล


 


ไม่ว่าเรื่องระดับบุคคลจะจริงไม่จริงอย่างไร ดีไม่ดี หรือจริงใจไม่จริงใจอย่างไร แต่ท่านก็ต้องตอบคำถามเรื่องความจงรักภักดีให้กับประชาชนไทยให้ได้ เพราะในขณะที่คนที่มีส่วนเชิดชูสถาบันฯ ไม่มีแผ่นดินอยู่ แต่คนที่เล่นเกมและฉวยใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง (อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของคนทั่วไป) กระทั่งเป็นแต่ประจบสอพลอ กลับไปนั่งชูคออยู่ในทำเนียบ นี่เป็นปัญหาสำคัญที่มีผลต่อ "ความจงรักภักดี" และความมั่นคงเรื่องความจงรักภักดีในระยะยาว


 


ท่านต้องพิสูจน์ แม้จะเห็นใจท่านเอามากๆ ว่ายาก เพราะบรรดา "เส้น" ที่หนุนหลังการชุมนุมของพันธมิตรฯ มีหลายเส้น และมีพรรคของท่านถูกกล่าวหารวมอยู่ด้วย ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็ต้องพิสูจน์ เอา "เส้น" เบื้องหลังมาลงโทษให้ได้


 


ผมไล่ให้ดูนะครับ


 


ประการแรกเลย ท่านต้องหยุดทุกกรณีในการใช้สถาบันฯ มาเล่นงานฝ่ายหรือคนที่เห็นต่าง ถ้าท่านไม่รู้ลองถาม รมว.ยุติธรรมของท่านดู ว่ากำลังดำเนินการอะไรอยู่บ้าง ท่านต้องหยุดขยายการละเมิดสิทธิเสรีภาพ เพราะทุกข่าวที่ปรากฏนั้นส่งผลเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเสียยิ่งกว่าตัวข่าวตัวเว็บไซต์ที่ท่านเซ็นเซอร์หรือคำพูดของผู้ที่ท่านกลั่นแกล้งเสียอีก


 


ท่านต้องดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมกับแกนนำพันธมิตรฯ ทุกคนโดยไม่ชักช้า โดยเฉพาะกับคนในพรรคของท่าน โดยมาตรฐานเดียวกับที่สภานิติบัญญัติเคยโหวตให้จรัล ดิษฐาอภิชัย ต้องออกจากตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชน โทษฐานไปนำม็อบบุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์


 


ท่านต้องลงโทษผู้นำกองทัพ ผู้นำสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีส่วนรับผิดชอบต่อความมั่นคงของรัฐ ที่หย่อนยาน ปล่อยปละละเลยให้มีการยึดสนามบิน กระทั่งอาจจะเข้าข่ายรู้เห็นเป็นใจ


 


ท่านต้องลงโทษเพื่อย้ำให้บุคลากรในกองทัพทุกคนรู้ถึงความหมายว่า ความมั่นคงของชาติคืออะไร และไม่ควรเข้ามาเป็นปัจจัยหนึ่งกดดันทางการเมือง อันทำให้กองทัพอยู่ในฐานะใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชน และอยู่ในฐานะ "เส้น" ไปโดยไม่รู้ตัว


 


อย่างไรก็ตาม เพียงเท่านี้จะพอสร้างหลักประกันความปลอดภัยว่าจะไม่มี "เส้นไหนๆ" หนุนหลังการชุมนุมใดๆ ในอนาคตได้อีกหรือไม่ ผมว่าไม่ จะอย่างไรเสียเท่านี้ก็ยังคงไม่เพียงพอ


 


ลำพังกองทัพและตำรวจบางคนก็คงไม่มีอำนาจและบารมีพอที่จะดื้อไม่ทำตามคำสั่งของรัฐบาลจนยอมปล่อยให้ปิดสนามบินนานาชาติได้หรอก ท่านต้องเอาเส้นที่ใหญ่กว่านั้นออกมา


 


ผมเสนอวิธีที่นุ่มนวลที่สุดนะครับ ท่านนายกฯ ควรเข้าไปกราบเรียน ฯพณฯ คณะองคมนตรีถึงสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วให้องคมนตรีได้พิจารณาถึงสถานการณ์ แล้วนำความกราบบังคมทูลฯขอพระบรมราชานุญาตลาออกจากการเป็นองคมนตรีเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแล้วประกาศไปทั่วโลก


 


ผมว่า เป็นอย่างนี้เท่านั้น จึงจะพอเชื่อได้ว่า "เส้น" ที่หนุนหลังการปิดสนามบินได้รับผิดชอบแล้ว แม้จะยังมีอีกหลายเส้น ที่ไม่รู้จะรับผิดชอบอย่างไร


 


มีแต่เช่นนี้เท่านั้นที่จะทำให้ความเสียหายไม่กระทบถึงสถาบันเบื้องสูง


 


ผมว่า ท่านนายกฯไปเรียนกับแกนนำพันธมิตรฯ ผู้นำกองทัพ ผบ.ตร. และองคมนตรีตรงๆ เลยก็ได้ว่า "เราต้องแสดงความจงรักภักดี" เหมือนที่ "พันท้ายนรสิงห์" ยอมตายเพื่อรักษาระบบ ผมว่า ท่านแกนนำพันธมิตรฯ ผู้นำกองทัพ ผบ.ตร. และองคมนตรี ซึ่งล้วนแต่จงรักภักดี และแสดงยืนยันให้เห็นตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมา คงจะยินดีและยอมสละเป็นแน่แท้


 


ทำเช่นนี้ได้เท่านั้นจึงจะมีผลเป็นการปฏิบัติ (ไม่ใช่แค่พูด) ว่า "เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้เหนือความขัดแย้งทุกรูปแบบ"


 


ทำเช่นนี้ได้เท่านั้นจึงจะพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า รัฐบาลของท่านนายกฯ "ดำเนินการทุกวิถีทางอย่างจริงจังเพื่อป้องกันมิให้มีการล่วงละเมิดพระบรมเดชานุภาพ"


 


ทำเช่นนี้ได้ก็ย่อมส่งผลต่อหลักนโยบายข้อ 2 3 และ 4 ที่ท่านได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาที่กระทรวงการต่างประเทศ คือ "สร้างความปรองดองสมานฉันท์ บนพื้นฐานของความถูกต้อง ยุติธรรม และการยอมรับของทุกภาคส่วน" สร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาประเทศ อย่างน้อยคือการสัญญาว่า จะไม่มีการปิดสนามบินอีก ก็เท่ากับ "ฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน" ฟื้นด้วยทุนที่เรียกว่า "ความเชื่อมั่น" ซึ่งมีค่ามหาศาล


 


และแน่นอน นี่เท่ากับเป็นการ "พัฒนาประชาธิปไตยและระบบการเมืองให้มีความมั่นคง" ผมเติมให้ด้วยว่า เป็นการพัฒนาประชาธิปไตย "(ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข)" และระบบการเมืองให้มีความมั่นคง"


 


และแน่นอน ท่านทำอย่างนี้ได้ ท่านจึงจะแสดงให้ประชาชนไทยเห็นได้ว่า ท่านได้ "ปฏิบัติตามกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค เป็นธรรม และเป็นที่ยอมรับของสากล"


 


ท่านคงไม่ลืมหลัก 4 ข้อของท่านแล้วนะครับ


 


อ้อ มีอีกข้อที่ท่านอาจจะลืม แต่คนเขาจำกันทั่วบ้านทั่วเมือง คือภาพลักษณ์ที่ว่า "พรรคประชาธิปัตย์ดีแต่พูด" อันนี้ท่านต้องแก้ให้ได้นะครับ ผมให้กำลังใจ


ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข 




 


อ้างอิง


 


(1)   นโยบายรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 ที่กระทรวงการต่างประเทศ http://www.thaigov.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=467&directory=1772&contents=5957


 


(2)   "มาร์ค" แจงขอใช้มาตรา 7 ชี้นายกฯ พระราชทานเป็นทางออกปัญหา http://www.komchadluek.net/news/2006/03-25/pol--17792.html


 


(3)   เว็บไซต์ประชาไท "ทูต 6 ประเทศ-อียูแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น-เรียกร้องยกระดับความปลอดภัยท่าอากาศยานทุกแห่ง" 4 ธันวาคม พ.ศ.2551


http://www.prachatai.com/05web/th/home/14751


 


เว็บไซต์ประชาไท "ทูตต่างประเทศถามจะฟ้องร้องพันธมิตรฯ หรือไม่ พร้อมหนุนให้ยึดหลักนิติธรรมเป็นหลัก" 4 ธันวาคม พ.ศ.2551


http://www.prachatai.com/05web/th/home/14753


 


(4)   ข่าวสดรายวัน "สมเด็จพระเทพฯพระราชทานสัมภาษณ์" วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6527 


http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNakV5TVRBMU1RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHhNQzB4TWc9PQ==


 


เว็บไซต์ประชาไท "สมเด็จพระเทพฯ ทรงตอบคำถามสื่อนอกเรื่องการเมืองไทย" 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551


http://www.prachatai.com/05web/th/home/14026


 


เว็บไซต์ประชาไท "คำแปล "สมเด็จพระเทพฯ ทรงตอบคำถามสื่อนอก" อีกหนึ่งเวอร์ชั่น" 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551


http://www.prachatai.com/05web/th/home/14052

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net