ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552

อาเซียน

กรอบประชุมอาเซียน

ไอเอ็นเอ็น - การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จะมีการลงนามและรับรองเอกสารด้านเศรษฐกิจ 15 ฉบับ ลงนาม โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน 8 ฉบับและรัฐมนตรีพาณิชย์อาเซียนกับคู่เจรจาอีก 7 ฉบับ

 

 ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 14 นี้ จะมีการลงนามและรับรองเอกสารด้านเศรษฐกิจทั้งหมด 15 ฉบับ โดยเป็นเอกสารที่ลงนามโดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน 8 ฉบับได้แก่ ร่างความตกลงการค้าสินค้าและการลงทุน ร่างความตกลงทางการค้าบริการ ร่างการยอมรับร่วมรายสาขา สำหรับการตรวจผู้ผลิตภัณฑ์ยาตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ดีในการผลิตข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิชาที่แพทย์ ทันตแพทย์ บัญชี ของอาเซียนอีกทั้งร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและอินโดนีเซีย ในเรื่องน้ำตาลในส่วนเอกสารที่มีการลงนาม โดยรัฐมนตรีพาณิชย์อาเซียนกับคู่เจรจามี 7 ฉบับ อาทิ ร่างความตกลงจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ พิธีสร่างว่าด้วยการเข้าเป็นภาคีของไทยว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี

 

 

อาเซียนหนุนความมั่นคงอาหารในภูมิภาค

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายธรรมรัต หวั่งหลี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการนำร่องเพื่อระบบการสำรองข้าวในเอเชียตะวันออก ซึ่งจัดการประชุมขึ้นที่ประเทศกัมพูชา ได้มีการหารือถึงความคืบหน้า ในการเตรียมการต่างๆ ในการปรับเปลี่ยนโครงการนำร่องระบบสำรองข้าวในภูมิภาคอาเซียนให้เป็นองค์กรถาวร ในอนาคต ตามมติที่ประชุมรัฐมนตรีด้านการเกษตรป่าไม้และประมงของประเทศอาเซียนบวก 3 ที่จะช่วยสนับสนุนความมั่นคงด้านอาหารของภูมิภาค และเพื่อเตรียมความพร้อม สำหรับการรับมือกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น   

 

ทั้งนี้ในช่วงที่มีการขยายระยะเวลาโครงการนำร่องระบบสำรองข้าว ออกไปอีก 1 ปี จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2553 จะให้ประเทศสมาชิกมีเวลาพิจารณาในเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินการจัดตั้ง โดยประเทศญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุนงบประมาณในช่วงนี้ต่อไป   

 

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นที่ประชุมได้เสนอให้เพิ่มคณะกรรมการภายใต้ข้อตกลงซึ่งเดิมมี 13 คน เป็น 16 คน เพื่อให้ผู้แทนที่เพิ่มขึ้น มาทำหน้าที่แทนคณะกรรมการในการประสานงานกับฝ่ายเลขานุการขององค์กรอย่างใกล้ชิด และสามารถผลักดันให้การจัดตั้งองค์กรถาวรระบบสำรองข้าวเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด   

 

สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของโครงการระบบสำรองข้าวในปี 2551 ประเทศสมาชิกได้บริจาคข้าว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้แก่สมาชิก ซึ่งแม้ว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกไม่ให้เกิดความอดอยาก และขาดแคลนอาหารได้ แต่ยังเกิดปัญหาความล่าช้าอยู่บ้าง ดังนั้นที่ประชุมจึงได้เสนอให้มีการทบทวนและพิจารณาบทบาทของผู้มีอำนาจในการตัดสินใจระบายข้าวในโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันที

 

 

พรทิวาหารือทวิภาคี 5 ประเทศ

ไอเอ็นเอ็น - นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผย ก่อนการเข้าหารือทวิภาคีกับประเทศลาว กัมพูชา พม่า มาเลเซีย บรูไน ว่า วันนี้เป็นเพียงการพบปะพูดคุยตามข้อตกลงความร่วมมือ ซึ่งในส่วนของประเทศลาวจะมีการพูดคุยถึงเรื่องประเด็นข้าวโพดสวมสิทธิ์ โดยจะแจ้งว่า ลาวสามารถส่งออกข้าวโพดมายังประเทศไทยได้ เพียงแต่ต้องเสียค่าธรรมเนียม หรือ เสียภาษีนำเข้า 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วนประเทศมาเลเซียจะขอให้ลดภาษีนำเข้าสุรา ด้านประเทศเวียดนามที่จะมีการหารือในวันพรุ่งนี้ถึงเรื่องการรวมกลุ่มผู้ค้า ข้าว เพื่อให้เกิดการนวัตกรรมและการพัฒนาตลาด

 

 นอกจากนี้ รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า อาเซียนจะมีการลงนาม FTA กับ นิวซีแลนด์ และ ออสเตรเลีย ซึ่งการที่อาเซียนลงนาม FTA กับภูมิภาคอื่นจะทำให้ถิ่นกำเนิดสินค้าใช้ร่วมกันได้ ต้นทุนต่ำลงส่งออกได้มากขึ้น และจะบรรลุวัตถุประสงค์ในกรอบการค้าเสรีประชาคมอาเซียนที่ตั้งเป้าไว้ในปี ค.ศ. 2015

 

 

การเมือง

พท.สรุปยื่นซักฟอกนายกใน14ประเด็น

ไอเอ็นเอ็น - น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะทำงานเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีรายบุคคลแถลงถึงผลมติที่ประชุมคณะทำงานว่า ในวันที่ 4 มี.ค. จะยื่นเสนอบุคคลที่จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ

 

ส่วนในวันที่ 8 มี.ค. จะยื่นถอดถอนนายกฯ ขณะที่ในวันที่ 11 มี.ค. จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ทั้งนี้เบื้องต้นคณะทำงานได้สรุปว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใน 14 ประเด็น นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง 3 ประเด็น นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ 5 ประเด็น และ นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 7 ประเด็น อย่างไรก็ตามยังมีรัฐมนตรีอีก 3 คน ที่อาจจะยื่นนโยบายไม่ไว้วางใจเพิ่มเติม

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นเนื้อหาที่จะใช้อภิปรายยืนยันที่ประชุมไม่มีการหยิบยกข้อมูล เกี่ยวกับมารดาและภรรยาของนายกฯ ขึ้นมาหารือ รวมถึงเรื่องส่วนตัวของรัฐมนตรีแต่ละคน อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถเปิดเผยประเด็นต่าง ๆ ในการอภิปรายได้

 

 

วิปรบ.แย้ม 6 มาตรการรับมือฝ่ายค้านซักฟอก

ประชาทรรศน์ - ที่รัฐสภาวันนี้ ( 26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการเตรียมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านว่า ทางวิปรัฐบาลได้กำหนดกรอบในการอภิปรายไว้ 6 ประการ คือ วิปฯเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการใช้สิทธิในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายค้าน จึงยินดีที่จะให้ใช้สิทธิในการทำหน้าที่อย่างเต็มที่โดยจะรับฟังอย่างให้เกียรติขณะเดียวกันจะต้องตอบโต้ด้วยข้อมูลที่มีเหตุและผล ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลติดตามข้อมูลข่าวสารของฝ่ายค้านว่าจะยื่นญัตติดในประเด็นใด ทั้งนี้ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลอย่าไปหลงเกมของฝ่ายค้านที่ต้องการให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกแยกกัน ขอให้ฝ่ายค้านมีมาตรฐานในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในระดับที่สูงขึ้น

 

ทั้งนี้ฝ่ายรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้เวลาในการอภิปรายโดยไม่ประท้วงหยุมหยิม ขอความร่วมมือไปยังรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มาชี้แจงประเด็นที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกขึ้นมาอภิปราย โดยขอให้ชี้แจงกับวิปฯทั้งก่อนและหลังการอภิปราย โดยระหว่างการอภิปรายวิปยินดีทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลให้รัฐมนตรีสามารถชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากชี้แจงในห้องประชุมสภา อย่างไรก็ดีหลังการอภิปรายเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจะต้องชี้แจงเพิ่มเติมให้ประชาชนเข้าใจ

 

นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังเห็นว่าช่วงที่ผ่านมามีการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ชัดเจนไม่เป็นความจริง บางเรื่องเป็นการมั่วนิ่ม จึงจะตั้งคณะทำงานรวบรวมประเด็นที่ฝ่ายค้านเคยหยิบยกขึ้นมากล่าวถึง แต่เมื่อตรวจสอบแล้วกลายเป็นข้อมูลที่ไม่ชัดเจน

 

"ตัวอย่างเช่น การหยิบยกเรื่องรถยนต์ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีซึ่งได้ขายไปแล้วและไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงทรัพย์สิน กรณีพูดถึงครอบครัวของนายกรัฐมนตรีทำธุรกิจ ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะครอบครัวนายกรัฐมนตรีไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือแม้แต่เรื่องในพรรคก็ไม่เคยยุ่ง หรือแม้แต่กรณีการอ้างว่ามีโกดังปลากระป๋องเน่าที่โรงพยายบาลราชวิถี หรือเรื่องกิ๊กของรัฐมนตรี เรื่องเหล่านี้ถ้ามีการติดตามและมีคณะทำงานเข้ามาดู จะทำให้ฝ่ายค้ายยกระดับการนำข้อมูลมาอภิปรายได้ เพราะ หากไม่เป็นความจริงท้ายที่สุดจะทำให้มาตรฐานของฝ่ายค้นตกต่ำลงไปเอง" นายชินวรณ์ กล่าว

 

 

อัยการประสานตำรวจขอข้อมูลตามตัว"ทักษิณ"แล้ว

เว็บไซต์คมชัดลึก - นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานติดตามตัวนักการเมืองที่หลบหนีหมายจับไปอยู่ต่างประเทศเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษตามคำพิพากษาของศาลในประเทศไทย กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งล่าสุดมีข่าวพำนักอยู่ที่ฮ่องกง ว่า อัยการได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ซึ่งภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้จำคุก 2 ปี คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกแล้ว ศาลฎีกา ฯ ได้ส่งหมายจับไปให้ สตช. โดยอัยการได้ดำเนินการขอเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อีกทั้งขอให้ตรวจสอบที่อยู่ของพ.ต.ท.ทักษิณ ให้แน่นอน เพื่อนำมาประกอบขั้นตอนการดำเนินการขอส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับมารับโทษในประเทศไทย ตามสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

   

นายกษิต ภิรมย์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ได้ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศจะประสานให้ทางการจีนส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่ว่า การดำเนินการอะไรขึ้นกับกระบวนการยุติธรรม ขณะนี้รอการตัดสินใจของอัยการสูงสุดอยู่ เราเป็นฝ่ายบริหารขึ้นกับกระบวนการยุติธรรมจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศทำอะไร

 

 

ศาลอาญายกฟ้อง5บิ๊กสรรพากรไม่เก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป

เว็บไซต์สยามรัฐ - ศาลอาญามีคำพิพากษา ยกฟ้องในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิช อดีตรองอธิบดีกรมสรรพากรกับพวก รวม 5 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรฝ่ายสำนักกฎหมายเป็นจำเลยในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีไม่จัดเก็บภาษีการโอนหุ้นบริษัท ชิน คอร์เปอร์เรชั่น ที่คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีต ภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชาย

 

เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว ปรากฎว่า ทางองค์คณะได้แจ้งให้จำเลยทั้ง 5 ทราบด้วยว่า อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาได้ตรวจสำนวนคดีแล้ว ได้มีความเห็นแย้งกับความเห็นขององค์คณะตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วนายศิโรตม์ ได้มีท่าทีและสีหน้าสดชื่นทันที โดยหันมายิ้มให้กับบุตรชายที่มาร่วมฟังคำพิพากษาในวันนี้ด้วย

 

ขณะทื่นายนันทชัย อุกฤษณ์ ทนายความนายศิโรตม์ กล่าวว่าจะนำคำพิพากษาของศาลอาญาไปยื่นแสดงต่อศาลปกครองกลางในคดีที่นายศิโรตม์ซึ่งยื่นฟ้องกระทรวงการคลังกรณีที่มีมติให้ออกจากราชการ ตั้งแต่เมื่อปี 2549 โดยคดีดังกล่าวนายศิโรตม์ได้ขอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้นายศิโรตม์กลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม และได้รับสิทธิประโยชน์ ซึ่งขาดหายไปตั้งแต่เมื่อปี 2549 โดยขณะนี้นายศิโรตม์ มีอายุ 59 ปี ส่วนที่จะมีการฟ้องกลับต่อ ป.ป.ช. ในการชี้มูลความผิดและลงโทษทางวินัยนั้น จะต้องปรึกษาหารือกันอีกครั้ง

 

 

คุณภาพชีวิต

ลูกจ้างค้านสปส. ให้กู้เงินชราภาพ

เดลินิวส์ - เมื่อวันที่ 25 ก.พ. นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงานและประธานบอร์ดประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงกรณีการนิคมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เสนอให้ สปส. พิจารณาจัดสรรเงินเพื่อเกษียณอายุหรือเงินกองทุนชราภาพบางส่วนมาใช้เพื่อให้มีสภาพคล่อง ใช้จ่ายและชำระหนี้สินบางส่วน ว่า ในวันที่ 3 มี.ค. จะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในบอร์ด สปส. ถึงสิ่งที่อาจส่งผลกระทบต่อกองทุนในอนาคต แต่ยอมรับว่าแนวทางนี้ เป็นทางออกอีกทางในการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ปัจจุบันเงินกองทุนชราภาพมีจำนวนทั้งสิ้น 448,403 ล้านบาท

   

นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การ ลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไม่ว่าองค์กรภาครัฐหรือเอกชนก็ไม่สามารถนำเงินกองทุนประกันสังคมไปใช้ได้ เพราะขัดกับหลักกฎหมายประกันสังคม โดยเฉพาะกองทุนชราภาพซึ่งลูกจ้างส่งเงินสมทบกันคนละ 3% ด้วยแล้ว เขาต้องการออมไว้เพื่อใช้จ่ายในยามที่ตัวเองเกษียณอายุการทำงาน ถ้าจะนำเงินไปใช้ในลักษณะดังกล่าวเป็นการเสี่ยงที่กองทุนจะเสียหาย สปส.จะบริหารงานลำบากและจะไม่มีเงินจ่ายให้กับลูกจ้างได้ ดังนั้นขอคัดค้านแนวทางนี้อย่างที่สุด

 

 

ศึกขายหนังสือเรียนหลักสูตรเก่า-ใหม่ระอุ

เดลินิวส์ - นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงการจัดซื้อตำราเรียนตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ว่า ขณะนี้มีปัญหาถกเถียงกันว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ควรให้โรงเรียนจัดซื้อตำราเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หรือให้ซื้อตำราเรียนตามหลักสูตรใหม่ พ.ศ. 2551 ซึ่งปัญหานี้เกิดจากสำนักพิมพ์ที่ผลิตตำราแข่งขันกัน โดยมีบางสำนักพิมพ์คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีการใช้แบบเรียนตามหลักสูตรใหม่จึงพิมพ์ตำราเรียนไว้รอเป็นจำนวนมากและเกรงว่าจะขาดทุน อย่างไรก็ตามตนมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นเรื่องของคนพิมพ์ตำราทะเลาะกันมากกว่า ทั้งนี้สำนักพิมพ์ใหญ่ ๆ บางแห่งก็พยายามสอดแทรกคนของตัวเข้ามาเป็น กมธ.การศึกษา เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก และเป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ

   

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ก.พ. โรงแรมเดอะแกรนด์อยุธยา กทม. นายพีระ พนาสุภน กรรมการผู้จัดการบริษัทสำนักพิมพ์แม็ค จำกัด เปิดแถลงข่าว โดย นายพีระ กล่าวว่า หนังสือเรียนตามหลักสูตรเก่า ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นหนังสือยืมเรียนตามโครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางสำนักพิมพ์กำลังปรึกษาฝ่ายกฎหมายเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในกรณีที่บริษัทเสียสิทธิในการจำหน่ายหนังสือเรียนตามหลักสูตร 2551 ในปีการศึกษา 2552 โดยจะขอให้ศาลปกครองออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้จำหน่ายหนังสือเรียนได้

   

ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับสำนักพิมพ์เอกชน 18 แห่ง ตนได้ทำความเข้าใจกับสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ว่า ในปีการศึกษา 2552 จะมีการนำร่องใช้หลักสูตรใหม่ประมาณ 1,500 โรงเรียนเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกกว่า 20,000 โรงทั่วประเทศ ยังคงใช้หลักสูตรเก่า โดยจากการสอบถามที่ประชุมว่า ควรเปิดโอกาสให้โรงเรียนที่นำร่องหลักสูตรใหม่ ได้ใช้หนังสือเรียนตามหลักสูตรฯ 2551 หรือไม่นั้น สำนักพิมพ์ร้อยละ 99 ยกเว้นสำนักพิมพ์แม็ค เห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้หนังสือเรียนตามหลักสูตรฯ 2544 เพราะมีพันธะสัญญาร่วมกันว่า หนังสือเรียนตามหลักสูตรใหม่ จะไปใช้ในปีการศึกษา 2553 ส่วนเนื้อหาที่ล้าสมัย สำนักพิมพ์เอกชนจะทำใบแทรกและเปิดเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์ เพื่อให้ครูติดตามเนื้อหาความรู้ที่ปรับเปลี่ยนไป และขอยืนยันว่าที่ให้ใช้หนังสือหลักสูตรเก่าไม่ใช่เป็นเพราะสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อ่านต้นฉบับไม่ทัน และไม่ใช่การช่วยสำนักพิมพ์โละสต๊อกหนังสือเก่าด้วย

 

 

สังคม

ศาลปกครองจำหน่ายคดีหวยตู้

เดลินิวส์ - เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้น กรณีที่นายมนัส เปรื่องชีว ยื่นฟ้องกระทรวงการคลัง รมว.คลัง รมช.คลัง และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กรณี หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ออกคำสั่งให้ดำเนินการออกจำหน่ายสลากแบบเลขท้าย 2 ตัวบน-ล่าง โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ออนไลน์ โดยศาลให้ความเห็นว่า นายมนัสไม่ได้เป็นผู้ที่จะได้รับความเดือดร้อนเสียหาย แม้จะคาดหมายว่า สลากดังกล่าว ล่อแหลมต่อการทำให้หวยใต้ดินกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลเสียหายต่อสังคมเศรษฐกิจและศีลธรรม อาจเป็นไปได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ความเดือดร้อนเสียหายที่นายมนัสอาจจะได้รับโดยมิ อาจจะหลีกเลี่ยงได้ จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นฟ้องศาลปกครองได้ตามมาตรา 42 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี

 

 

วธ.คลอด5กฎเหล็กจัดระเบียบแผงหนังสือหวิวโชว์เต้า!

ประชาทรรศน์ - วันนี้ (26 ก.พ.) นายธีระ สลักเพชร รัฐมรตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังการประชุมหามาตรการป้องกัน และแก้ไขการเผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่เหมาะสม ว่า จากการที่เครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย เครือข่ายผู้ปกครองออนไลน์ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อตนเพื่อขอให้มีการควบคุมการเผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่เหมาะสม และการจัดระดับสื่อสิ่งพิมพ์ หรือ เรตติ้ง เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น วธ. จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศิลปากร กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กระทรวงมหาดไทย(มท.) ในการพิจารณาการเผยแพร่สื่อที่ไม่เหมาะสม

 

โดยที่ประชุมเห็นว่า เนื่องจากวธ. ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมา1ชุดเพื่อทำหน้าที่จัดระดับความเหมาะสมของสื่อสิ่งพิมพ์ มาตั้งแต่ ปี 2551 แต่พบว่ามีอุปสรรค์ของการทำงานในด้านคำจำกัดความของ คำว่า ลามกอนาจาร ซึ่งได้ให้คำนิยามยาก ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เข้ามาร่วมทำการวิจัยเนื้อหาของการจัดเรตติ้งของสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งคาดว่าสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในกลางปี 2552 นี้

 

นอกจากนี้ นายธีระ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ที่ประชุมยังได้มีมติถึงแนวทางการแก้ไขการเผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่เหมาะสม อย่างเร่งด่วน 5 มาตรการ ดังนี้ 1. ขอความร่วมมือไปยังร้านจำหน่ายหนังสือ และแผงหนังสือเพื่อจัดระเบียบพื้นที่วางจำหน่ายให้เหมาะสม ให้กับหนังสือแต่ละประเภท จำแนกตามกลุ่มอายุและเพศผู้อ่าน 2. วธ.จะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้บัญชาการ สตช. เพื่อให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น 3.มอบหมายให้คณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ระดับจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน ร่วมขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าว 4.มอบหมายให้กรมศิลปากร ในฐานะดูแล พ.ร.บ. จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 เปิดประชาพิจารณ์ โดยให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กับ พ.ร.บ. ดังกล่าว ได้ใช้ประโยชน์จากกฎหมายได้อย่างกว้างขึ้น และอาจจะมีการออกกฎหมายลูกเพื่อรองรับการจัดเรตติ้งของสื่อสิ่งพิมพ์ และ5.การผลักดันการจัดเรตติ้งสื่อสิ่งพิมพ์ให้ออกมาบังคับใช้ได้โดยเร็วที่สุด

 

 

'ใหม่' แจง 'ก๋วยเตี๋ยวเนื้อคน' แรง! เซ็นเซอร์สั่งเปลี่ยน 'เชือดก่อนชิม'

เดลินิวส์ - ชื่อเดิมว่า "ก๋วย เตี๋ยวเนื้อคน" ดูจะโหดและแรง ทางกองเซ็นเซอร์เลยยื่นคำขาดให้ผู้กำกับ พจน์ อานนท์ เปลี่ยนชื่อหนังโดยด่วน สุดท้ายก็มาลงตัวที่ "เชือดก่อนชิม" (อร่อยลืมตาย) แถมยังต้องหั่นบางฉากที่สยองเกินเหตุออกไปด้วย เกี่ยวกับเรื่องนี้ ใหม่ เจริญ ปุระ ในฐานะนักแสดงนำ เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า

   

"หนังเปลี่ยนชื่อแล้ว เพราะทางกองเซ็นเซอร์บอกว่าชื่อ "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อคน" ค่อนข้างที่จะแรงไปนิด อาจจะไปมีผลกระทบกระทั่งกับแม่ค้าได้ จริง ๆ แล้วเราก็เป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่อยากให้คิดมาก ก็เลยเปลี่ยนเป็น "เชือดก่อนชิม" ดีกว่า กระแสตอนนี้ก็ต้องขอบคุณทุกคนด้วย เพราะในเว็บไซต์ส่วนใหญ่คนก็จะพูดถึงกัน เข้าไปเช็ก เข้าไปดู ให้ความสนใจกันเยอะมาก สำหรับส่วนตัวใหม่ว่า ชื่อ "เชือดก่อนชิม" แรงกว่าชื่อเดิมด้วย ตอนนี้ก็เกร็ง เพราะเราลงเรือมาลำเดียวกัน ใหม่และทีมงานทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ เราก็อยากเห็นทุกคนไปถึงเส้นชัย ในส่วนของเนื้อหาที่แรงสุดขีด ช่วงที่เละตุ้มเป๊ะ ก็คงมีบ้างที่ต้องตัดไป ตอนนี้กรรมการบอกโดนไป 3 รอบ ก็ฉลุยแล้ว ทุกอย่างลงตัวฉายได้ 19 มี.ค. นี้

 

"เราเป็นแค่ส่วนหนึ่งของนักแสดงตัวเล็ก ๆ จริง ๆ แล้วเราก็เข้าใจในกองเซ็นเซอร์และสังคมด้วย ก็จะเกร็งแทนผู้กำกับ จะมีบ้างนิดหน่อยก็คือเราเป็นนักแสดง เราก็ตั้งใจเต็มที่กับฉากนั้น และถ้าเกิดบังเอิญมันไปสะดุดกับเส้นใยบาง ๆ อะไรบาง อย่าง เราก็ต้องเข้าใจ ทุกอย่างต้องมาพบกันตรงกลาง แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างผ่านหมดแล้ว ใหม่ก็แฮปปี้แทนทุกคนด้วย หนังเรื่องนี้ก็เป็นภาพยนตร์ที่แรงที่สุดในชีวิต ไม่เคยเล่นอะไรโหดเดือดเลือดพล่านอย่างนี้ ซีเรียส เครียดมาก แต่มันก็เป็นความท้าทายในฐานะที่เราเป็นนักแสดงคนหนึ่ง เราก็รู้สึกว่าบทเบา ๆ ไม่ค่อยเข้ามาหาใหม่สักเท่าไหร่ เราก็เลยต้องรับบทเครียดไป ไม่รู้เขาเห็นหน้าเราเครียดหรือเปล่า ทุกคนก็จะมาบอกว่า ดูแล้วโหดมาก สยองมาก เราคนเล่นเองเรายังรู้สึกว่ามันสยองเลย"

 

 

ความมั่นคง

บึ้มร้านเสริมสวยที่กลางเมืองนราฯ

เดลินิวส์ - เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 25 ก.พ. พ.ต.ท.สมเกียรติ อินทรสุทธิ์ สารวัตรเวร สภ. เมืองนราธิวาส ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดที่ร้านเสริมสวยพรทิพย์ เลขที่ 96/2 หมู่ 2 บ้านลำภู ต.ลำภู จึงประสานกำลังเดินทางไปตรวจสอบพร้อมชุดเก็บกู้ระเบิด ที่เกิดเหตุอยู่หลังสถานีอนามัยลำภู พบบริเวณโคนต้นไม้ข้างร้านดังกล่าวมีหลุมลึก 5 นิ้ว กว้าง 12 นิ้ว มีเศษสะเก็ดระเบิด ชนิด เอ็ม 67 กระจายอยู่ทั่วบริเวณ รวมทั้งผนังร้าน และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า สีเปลือกมังคุด ทะเบียน กกร 503 นราธิวาส ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังพบระเบิดชนิดเดียวกันที่ยังไม่ระเบิดตกอยู่ 1 ลูก จึงทำการเก็บกู้ไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนนายเสรี ไข่มุกข์ อายุ 49 ปี เจ้าของร้าน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ในบ้านพักพร้อมครอบครัว ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์เข้ามาจอดที่หน้าร้าน ตนจึงรีบปลุกภรรยาไปแอบดูเห็นชายฉกรรจ์ 4 คน ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ 2 คัน จากนั้นคนร้ายได้ขว้างระเบิดใส่ร้านแต่โชคดีที่ระเบิดถูกกิ่งไม้ข้างร้านเสียก่อนทำให้ไม่ถึงตัวบ้าน ส่วนอีกลูกระเบิดไม่ทำงาน

   

ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาย ในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร (ผบ.พตท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในความคาดการณ์เอาไว้แล้วว่า จะมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้เปิดการปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งเป็นแหล่งพักพิงและช่วยเหลือกลุ่มก่อความไม่สงบ ทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบไม่สามารถใช้หมู่บ้านเหล่านี้เป็นแหล่งพักพิงได้ต่อไป จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก เพื่อตอบโต้และรักษาฐานมวลชนต่าง ๆ โดยเฉพาะการก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม เช่น การฆ่าตัดคอ การซุ่มโจมตี และการลอบวางระเบิด เชื่อว่าสถานการณ์เช่นนี้อีกไม่นานเจ้าหน้าที่จะ สามารถปฏิบัติการเพื่อนำความสันติ สงบสุขกลับคืนมา และเหตุร้ายจะเบาบางลง

 

 

ชาวบ้านบันนังสตาและธารโตชุมนุมคัดค้านไม่ให้ตชด.พลร่มย้ายออก

เว็บไซต์คมชัดลึก - เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่หน้าศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขตเทศบาลนครยะลา มีชาวบ้านประมาณ 400-500 คน จาก อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต จ.ยะลา มาร้องขอความเป็นธรรม หลังจากชาวบ้านทราบข่าวว่าจะมีการย้ายตำรวจตระเวนชายแดน ชุดพลร่ม จาก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ออกจากพื้นที่ และจะมีทหารเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แทน เจ้าหน้าที่จึงขอให้ตัวแทนชาวบ้าน 10 คน เข้าเจรจากับ นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้

   

นายเวศ หนูจีน ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่าทางการจะย้าย ตชด.พลร่ม ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา และ ต.แม่หวาด อ.ธารโต ออกจากพื้นที่ และจะมีชุดทหารเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แทน ชาวบ้านก็เกิดความไม่พอใจ เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ตชด.พลร่มชุดดังกล่าวดูแลชาวบ้านดีอยู่แล้ว จนเกิดความมั่นใจในความปลอดภัย

   

"ทุกวันนี้ชาวบ้านสามารถออกไปกรีดยางได้ เพราะ ตชด.พลร่มให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง หากเจ้าหน้าที่ทหารชุดใหม่เข้าไปปฏิบัติงานเกรงว่าจะต้องเริ่มทำความรู้จักกับพื้นที่ใหม่ ความเป็นอยู่ก็จะไม่ต่อเนื่อง หากไม่ได้รับคำตอบจากทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชาวบ้านก็จะรวมตัวกันปิดถนนสาย 410 ยะลา-เบตง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับชาวบ้านในพื้นที่สูงสุด" นายเวศกล่าว

   

หลังจากใช้เวลาหารือไม่นาน ตัวแทนชาวบ้านที่เข้าร่วมหารือได้ชี้แจงกับชาวบ้านที่ร่วมชุมนุมว่า ทางการยืนยันว่ายังไม่มีนโยบายหรือคำสั่งย้ายกำลังพลหรือกำลังตำรวจตระเวนชายแดนออกจากพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านพอใจและพากันสลายการชุมนุมกลับภูมิลำเนาโดยสงบ

 

 

เศรษฐกิจ

นักเศรษฐศาสตร์โนเบลรับเป็นที่ปรึกษามาร์ค

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นายปณิธาน เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ในระหว่างเตรียมข้อมูล ให้นายกฯการเดินทางไปร่วมประชุม จี 20 ระหว่างวันที่ 2-4 เม.ษ.นี้ โดยนายกฯจะพยายามเดินสายพบกับทุกภาคส่วน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลใช้แลกเปลี่ยนในการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของโลก

 

ทั้งนี้ แนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้รับคำชมจากนายโจเซฟ อี สติกลิตซ์ ศาตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่เคยได้รับรางวัลโนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์เมื่อปี 2001 ซึ่งนายโจเซฟได้กล่าวเตือนรัฐบาลไทย ในเรื่องการปฎิบัติ โดยนายกฯได้ขอความเห็น และเชิญนายโจเซฟมาเป็นที่ปรึกษา

 

ล่าสุดได้รับการตอบรับคำเชิญของนายกฯเรียบร้อยแล้ว เพราะแนวคิดของทั้งสองคนตรงกัน

 

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมการเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีโดยในวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ นายกฯจะเดินทางไปประเทศอังกฤษ เพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนรวมทั้งซักซ้อมก่อนการประชุมร่วมจี 20 ส่วนวันที่ 9-11 มี.ค.นี้ พระราชาธิบดีของประเทศมาเลเซียจะเดินทางเข้าพบ และปลาเดือนมี.ค.จะเดินทางไปเยือนประเทศจีน

 

 

ผอ.ทอท. ชี้วิกฤติเศรษฐกิจผู้โดยสารลด10%

ไอเอ็นเอ็น - นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรักษาการกรรมการผู้อำนวยการ ใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจและผลกระทบต่อเนื่องจากการปิด ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้ขณะนี้ผู้โดยสารลดลงอยู่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผู้โดยสารที่ใช้บริการอยู่ปัจจุบัน มีประมาณ 105,000 คน จากที่เคยให้บริการผู้โดยสาร 110,000 - 120,000 คน /วัน ทั้งนี้ คาดว่า สามารถฟื้นตัวได้ประมาณไตรมาส 3 ส่วนรายได้ในปีนี้คาดว่า จะต่ำกว่าปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท

 

นายเสรีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทอท. ยังมั่นใจว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังคงติด 1 ใน 10 สนามบินที่เป็นเลิศทางด้านการบริการ ในปี 2552 แม้มีเหตุการณ์การปิดสนามบินก็ตาม

 

 

ต่างประเทศ

รีพับลิกันวิจารณ์แผนศก.โอบามา

เดลินิวส์ -  ผู้นำพรรครีพับลิกัน ฝ่ายค้านในสหรัฐยังคงโจมตีแผนกอบกู้เศรษฐกิจของประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยระบุว่า เป็นแผนการที่ไม่มีความรับผิดชอบ ซึ่งจะนำไปสู่การขึ้นภาษีและก่อหนี้ภาครัฐ

   

นายบ๊อบบี้ จินดาล ผู้ว่าการรัฐลุยเซียนาแห่งพรรครีพับลิกัน กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดีโอบามา หลังจากกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาจบลงว่า แผนการของนายโอบามามีแต่การใช้จ่ายเงินอย่างหนัก ไม่มีการลดภาษีอย่างเพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น นายจินดาล กล่าวต่อไปว่า แนวทางการแก้ปัญหาไม่ใช่ขึ้นภาษีหรือให้อำนาจและเงินอยู่ในมือนักการเมืองในรัฐสภา

   

นายจินดาล เชื่อว่า ร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ที่นายโอบามาและนักการเมืองจากพรรคเดโมแครตบัญญัติออกมานั้น จะทำให้รัฐบาลกลางขยายใหญ่โตขึ้น อีกทั้งจะขึ้นภาษีและทำให้คนรุ่นหลังต้องแบกรับภาระหนี้ ดังนั้นแผนการดังกล่าวจึงไร้ความรับผิดชอบ ทั้ง  นี้ นายจินดาล กำลังพิจารณาจะลงสมัครแข่งขัน รับเลือกตั้งเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี พ.ศ. 2555

   

ด้านประธานาธิบดีโอบามา กล่าวว่า แผนการโอบอุ้มธนาคารที่ประสบปัญหาอาจจะต้องใช้งบประมาณมากกว่าที่คาดไว้ พร้อมกับให้สัญญาว่า จะไม่ปล่อยให้บริษัทยานยนต์ที่กำลังจะ ล้มละลายต้องล่มสลาย เพราะว่าจะมีคนว่างงาน เป็นจำนวนนับล้าน

   

ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 3 เดือน เมื่อเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่น ในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียเมื่อวันพุธ ภาย  หลังประธานาธิบดีโอบามา ยืนยันจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจและส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐที่กำลังประสบปัญหา

   

โดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นที่ 97.02 เยนต่อดอลลาร์ ระหว่างการซื้อขายที่ตลาดโตเกียวในญี่ปุ่นเมื่อ 25 ก.พ. หลังจากประธานาธิบดีโอบามา กล่าวต่อสภาคองเกรส ย้ำว่า สหรัฐจะฟื้นตัวจากการล่มสลายทางเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 80 ปี และการฟื้นตัวครั้งนี้ จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม

 

 

สหรัฐออกรง.สิทธิมนุษยชนสับแหลกจีน-พม่า
เว็บไซต์คมชัดลึก -

วอชิงตัน-สหรัฐประกาศจะปรับปรุงสิทธิมนุษยชนที่บ้าน ขณะออกรายงานตำหนิจีน พม่า รวมถึงไทย

         

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกรายงานสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนประจำปีเมื่อวันพุธ (25 ก.พ.) โดยเน้นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายลงในเกาหลีเหนือ จีน พม่า ซิมบับเว รัสเซีย และประเทศอดีตสหภาพโซเวียต และได้พูดถึงไทยว่ายังคงมีรายงานการฆ่าตัดตอนและทรมานนักโทษของตำรวจอยู่ ขณะที่สถานการณ์ทางภาคใต้ก็ส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนขึ้นเป็นจำนวนมาก

         

สหรัฐกล่าวว่า ถึงแม้สถานการณ์ทางการเมืองจะวุ่นวาย แต่ไทยกลับหลีกเลี่ยงการปกครองที่ไม่เป็นไปตามระบอบรัฐธรรมนูญได้ แต่ถึงกระนั้นยังคงมีรายงานว่าตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัดตอน และการหายตัวไป รวมถึงเรื่องการซ้อมนักโทษหรือผู้ถูกคุมขัง และการคอรัปชั่นภายในวงการตำรวจ ขณะที่สถานการณ์ความรุนแรงทางภาคใต้ก็ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ รัฐบาลยังจำกัดเสรีภาพในการพูด และเสรีภาพของสื่อ ขณะที่ชาวเขาซึ่งไม่มีเอกสารที่ถูกต้องยังคงถูกจำกัดการเคลื่อนไหวต่อไป แต่กฎหมายสัญชาติปี 2551 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้จะทำให้ชาวเขามีโอกาสได้สัญชาติกันมากขึ้น

         

ในส่วนของพม่านั้น สหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลทหารได้ปราบปรามพลเมืองอย่างทารุณโหดร้าย มีการเผาทิ้งหลายหมู่บ้าน รวมทั้งการสังหารอย่างโหดร้ายผิดกฎหมายจำนวนมากตามแนวชายแดน เช่นเดียวกับการข่มขืนและการทรมาน โดยไม่มีการลงโทษผู้ที่รับผิดชอบ นอกจากนี้ รัฐบาลทหารยังปฏิเสธสิทธิของประชาชนที่คิดจะเปลี่ยนรัฐบาล และได้กระทำสิ่งที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนมาก โดยเมื่อพฤษภาคมปีที่แล้วได้เกิดพายุไซโคลนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหาย 138,000 คนซึ่งรัฐบาลได้แสดงความไม่สนใจต่อสวัสดิภาพของพลเมืองของตน โดยยืนกรานให้จัดลงประชามติที่เต็มไปด้วยการฉ้อฉลหลังเกิดพายุไซโคลน และยังถ่วงเวลาความช่วยเหลือจากนานาชาติ ซึ่งอาจช่วยชีวิตคนไว้ได้เป็นจำนวนมาก

         

สำหรับจีนนั้น สหรัฐกล่าวว่า สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนเลวร้ายลงเพราะรัฐบาลยังคงกวาดล้างผู้ที่ไม่เห็นด้วย และชนกลุ่มน้อยในทิเบต จีนยังคุมเข้มเสรีภาพในการนับถือศาสนาในทิเบต และในพื้นที่ของชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในมณฑลซินเกียง อีกทั้งยังจับกุมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง นักข่าว และทนายความเป็นจำนวนมาก

         

ในส่วนของสหรัฐเองนั้น นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความใส่ใจต่อความวิตกของนานาชาติเรื่องปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐ อีกทั้งสหรัฐจะเพิ่มการให้ความเคารพต่อสิทธิมนุษยชนในประเทศ รวมทั้งในการเกี่ยวข้องกับประเทศและพลเมืองของประเทศต่างๆ ทั่วโลก

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท