ศาลปกครองสั่งกฟผ.จ่ายค่าเสียหายชาวบ้านแม่เมาะ หลังพบปล่อย"ซัลเฟอร์ฯ"เกินมาตรฐาน

เว็บไซต์ไทยโพสต์ รายงานว่าที่ศาลปกครองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ชาวบ้านเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ ประมาณ 300 คน จากอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฐานกระทำละเมิดอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมเรียกค่าเสียหายตั้งแต่ปี 2546 และปี 2547 โดยแบ่งเป็น 2 คดี คือ คดีฟ้องเรียกค่าชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบ และคดีขอให้ กฟผ.ปฏิบัติตามเงื่อนไขประทานบัตรการขุดเหมืองลิกไนต์ และกฎหมายสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางมารับฟังการอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าวของศาลปกครองเชียงใหม่

 

ทั้งนี้ ในคดีฟ้องเรียกค่าชดเชยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษ ศาลวินิจฉัยว่า ตามรายงานการตรวจวัดอากาศของกรมควบคุมมลพิษระหว่างเดือน พ.ย. 2535 ถึง ส.ค. 2541 วัดค่าก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในพื้นที่แม่เมาะเกินกว่า 1,300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นเวลา 50 เดือน จากระยะเวลา 70 เดือน (ซึ่งค่าที่กฎหมายกำหนด ตั้งแต่ ก.ค. 2538 คือไม่เกิน 1,300 ลูกบาศก์ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เฉพาะในพื้นที่แม่เมาะ ส่วนพื้นที่อื่นไม่เกิน 780 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และต่อมายกเลิกการกำหนดเป็นค่าเดียวกันหมดทุกพื้นที่ คือไม่เกิน 780 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ส่วนที่เหลืออีก 20 เดือน พบค่าซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เกินกว่า 780 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นเวลา 17 เดือน

 

เมื่อ กฟผ.เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษในพื้นที่ และถูกกำหนดให้ถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสีย โดยไม่ปรากฏว่าก๊าซดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอื่น อีกทั้ง กฟผ.เคยรับว่าเมื่อวันที่ 17-18 ส.ค. 2541 เครื่องดักก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ใช้การได้เพียง 2 เครื่อง ในจำนวน 10 เครื่อง ทำให้ราษฎรเจ็บป่วย 868 คน ดังนั้นการที่ กฟผ.ปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกินกว่า 1,300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2538 เป็นการผิดกฎหมายจึงเป็นละเมิด

 

ส่วนการปล่อยก๊าซเกิน 1,300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในเวลาก่อนเดือน ก.ค. 2538 หรือปล่อยก๊าซเกินกว่า 780 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แม้ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไม่ได้ห้าม แต่ศาลเห็นว่าคนแม่เมาะก็ไม่ต่างกับคนในพื้นที่อื่น จึงต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน เมื่อ กฟผ.ปล่อยก๊าซเกินจึงต้องรับผิดตามมาตรา 96 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535

 

สำหรับโรคจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จะมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและทำให้เยื่อบุจมูก เยื่อบุคอ เยื่อบุตาอักเสบ ประกอบกับราษฎรดังกล่าวได้รับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นเวลา 67 เดือน ใน 70 เดือน แม้โรคจะไม่ปรากฏว่าสะสมในร่างกาย แต่ร่องรอยของโรคคือ เยื่อบุจมูก เยื่อบุคอ เยื่อบุตา ซึ่งอักเสบเป็นเวลานานอาจปรากฏอยู่ เมื่อแพทย์ระบุว่าเป็นโรคพิษซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ประกอบกับค่าซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในอากาศเกิน 248 ครั้ง เป็นเวลา 67 เดือน ใน 70 เดือน

 

"จึงเชื่อว่าผู้ฟ้องคดีเฉพาะที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวป่วยเป็นโรคดังกล่าวจริง แต่จากอาการโรคดังกล่าว ราษฎรที่ทนไม่ได้จะไปหาแพทย์ บางรายที่ทนได้ก็จำต้องทำมาหาเลี้ยงชีพต่อไป หรือบางรายก็ต้องอยู่แต่ในบ้านเรือนไม่ออกไปข้างนอก ศาลจึงกำหนดค่าเสียหายเป็นค่าเสื่อมสุขภาพอนามัยและจิตใจแก่ราษฎรที่อยู่ในพื้นที่จริงตามพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำ ตามปริมาณและจำนวนครั้งที่ กฟผ.ปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ โดยส่วนใหญ่จะได้รายละ 246,900 บาท พร้อมดอกเบี้ย" ศาลระบุ

 

ส่วนคดีที่สอง เรื่องการทำเหมืองถ่านหินของ กฟผ. ที่ราษฎรฟ้องว่าไม่ทำตามเงื่อนไขประทานบัตร และมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้น ศาลวินิจฉัยในประเด็นเนื้อหาของคดี ข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีการตรวจสอบจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจากรายงานการตรวจร่วมและรายงานของ กฟผ.เองว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมหลายประการ และพิพากษาให้ กฟผ.ดำเนินการ ดังนี้

 

1.อพยพหมู่บ้านออกนอกรัศมีผลกระทบ 5 กิโลเมตร 2.กรณีนำที่ดินปลูกป่าไปสร้างสนามกอล์ฟนั้น ตามมาตรการระบุชัดเจนว่าให้ปลูกป่าทดแทน จึงให้ กฟผ.ปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ที่ทำสนามกอล์ฟ 3.กรณีจุดปล่อยดิน ให้กำหนดพื้นที่ปล่อยดินกับชุมชนและทำ Bunker โดยในจุดปล่อยดินต่ำกว่า Bunker เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง และ 4.กรณีทำรายงานการตรวจสภาพสิ่งแวดล้อมทุก 2 ปี กฟผ.ยอมรับว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ ศาลจึงให้ กฟผ.จัดทำและนำเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณา หาก กฟผ.มีมาตรการที่ดีกว่าให้ยื่นแก้ไข

 

ภายหลังฟังคำพิพากษา นางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ เลขาธิการเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาดังกล่าว หลังจากที่ชาวบ้านต้องต่อสู้เรียกร้องมายาวนานนับสิบปีเพื่อรักษาสิทธิของตัวเอง แม้ชาวบ้านจะได้รับค่าเสียหายเพียง 131 ราย จากที่ยื่นฟ้องทั้งหมด 477 ราย ทั้งนี้ อยากวิงวอนไปยัง กฟผ.ให้เห็นใจชาวบ้านที่ต้องทนทุกข์และต่อสู้มานาน ไม่ควรจะมีการยื่นอุทธรณ์ในคดีนี้อีกต่อไป และปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองเชียงใหม่

 

นายพรชัย มนัสเพ็ญศิริ รองอธิบดีศาลปกครองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตุลาการเจ้าของสำนวนคดีนี้ กล่าวว่า คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ส่วนการจ่ายค่าเสียหายให้กับผู้ฟ้องนั้น จะต้องจ่ายเงินภายใน 30 วันนับตั้งแต่คดีสิ้นสุด ส่วนที่ศาลสั่งให้ กฟผ.ดำเนินการต่างๆ นั้น ไม่ได้กำหนดเวลาไว้ เพราะการดำเนินการปรับปรุงใดๆ จำเป็นต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม หากการดำเนินการล่าช้า คู่กรณีก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลให้เร่งรัดการดำเนินการได้

 

ด้านนายวิรัช กาญจนพิบูลย์ รองผู้ว่าการกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อม ในฐานะโฆษก กฟผ. กล่าวว่า ทาง กฟผ.ขอศึกษารายละเอียดต่างๆ ตามคำพิพากษา และต้องหารือกับพนักงานอัยการซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจแก้ต่างคดีให้ กฟผ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กฟผ.ได้ทำการติดตั้งเครื่องกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ฯ สำหรับโรงไฟฟ้าทุกเครื่องเรียบร้อยแล้ว และดูแลให้ความช่วยเหลือด้านความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของราษฎร อ.แม่เมาะ มาอย่างต่อเนื่อง

 

 

ที่รัฐสภา กลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.ระยอง 3 คน นำโดยนายสาธิต ปิตุเตชะ ร่วมกันแถลงเรียกร้องนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ว่าไม่ควรอุทธรณ์คดีที่ศาลปกครองระยองมีคำสั่งประกาศให้เทศบาลเมืองมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อให้มีผลเป็นไปตามตามคำสั่งของศาล และต่อจากนี้ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้ามาเป็นแม่งานในการทำแผนควบคุมมลพิษในพื้นที่ทั้งหมด ให้อยู่ตามหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม

 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครอง และตนได้คุยกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว พร้อมกับนำคำพิพากษามาพิจารณา และจะมีการเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมต่อไป โดยจะต้องดูประเด็นผลกระทบที่เกิดขึ้นด้วย

 

 

 

........................................
ที่มา:
http://www.thaipost.net

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท