Skip to main content
sharethis

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงาน กทช. ส่งหนังสือเตือนวิทยุชุมชนทุกสถานี ให้ระงับเผยแพร่เนื้อหาทางการเมืองในลักษณะให้ร้ายหรือเข้าข่ายผิดกฎหมาย ระบุหากตรวจสอบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม จะแจ้งอนุกรรมการกิจการวิทยุโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง แจ้งความอาญา ด้านเนคเทคชี้ ข้อความ "เว็บประชาไท" ส่วนใหญ่ส่อ "ชี้นำ-หมิ่นสถาบัน" ห่วงยิ่งบี้หนักจะยิ่งเจอต้าน "คำนูณ" จี้แก้กฎหมายเอาผิดถึงตัวคนโพสต์ข้อความ


นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดเผยว่า กทช. ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังสถานีวิทยุชุมชนทุกสถานี ให้ระงับการเผยแพร่เนื้อหาทางการเมืองในลักษณะให้ร้าย หรือเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดย กทช.มีการตรวจสอบตลอดการเผยแพร่เนื้อหาตลอดเวลา หากพบว่ามีการออกอากาศเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม จะแจ้งไปยังคณะอนุกรรมการกิจการวิทยุโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง ให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการทางอาญาต่อไป


นายสุรนันท์ กล่าวต่อว่า การจัดการปัญหาดังกล่าวอาจยังทำได้ไม่เต็มที่ เพราะปัจจุบันสถานีวิทยุชุมชนยังไม่มีระเบียบบังคับที่ชัดเจน และกำลังเร่งจัดทำหลักเกณฑ์เพื่อจัดให้เข้าสู่ระบบใบอนุญาตโดยเร็วที่สุด ต่อไปจะได้มีการบังคับให้เป็นไปตามระเบียบมากขึ้น


"ยอมรับว่าสภาพตอนนี้ยังเป็นสีเทาอยู่ กทช.จะเน้นแจ้งเตือนไปยังสถานีวิทยุชุมชนทุกแห่งเป็นหลักไว้ก่อน ถ้ายังพบอีกต้องให้คณะอนุกรรมการ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมอยู่ด้วยแล้ว เป็นผู้ดูแลไปก่อน เพราะตาม พ.ร.บ. ประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง พ.ศ. 2551 มีกำหนดความผิดทางอาญาไว้ด้วยอยู่แล้ว"


นายสุรนันท์ กล่าวอีกว่า ต่อไปหากมีการจัดเข้าสู่ระบบใบอนุญาตแล้ว กทช. ก็จะสามารถกำกับดูแลได้อย่างเต็มที่มากขึ้น มีระเบียบหลักเกณฑ์ที่ผู้ประกอบการวิทยุชุมชนต้องปฏิบัติตามอย่างชัดเจน และจะต้องมีการกำหนดโทษทั้งทางปกครองและทางอาญาที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เป็นการจัดระเบียบให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง


 


เนคเทคชี้เว็บประชาไทส่อหมิ่นสถาบัน


วันเดียวกันนี้ (10 มี.ค.) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ที่มี พล.อ.อ.ณพฤษภ์ มัณฑะจิตร ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้ประชุมพิจารณามาตรการป้องกันเว็บไซต์หมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายศึกษาวิจัยประเด็นด้านจริยธรรม กฎหมายและผลกระทบทางสังคมของเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ เนคเทค มาให้ข้อมูลกฎหมายว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์


นางสุรางคณา ชี้แจงว่า ข้อความที่แสดงความเห็นในเว็บไซต์ประชาไท ส่วนใหญ่มีการชี้นำและหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดสถาบัน ซึ่งผู้ดูแลเว็บไซต์ ต้องใช้วิจารณญาณว่า การแสดงความเห็นของบุคคลที่ 3 ซึ่งใช้นามแฝงในกระทู้ถามบนเว็บไซต์ ส่งผลกระทบต่อสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างหนึ่ง และหากไม่มีการลบข้อความที่หมิ่น เจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ แต่วิธีการปฏิบัติควรมีการตักเตือนล่วงหน้าก่อนการจับกุม หากเร่งดำเนินการทางกฎหมายด้วยการบุกจับจะส่งผลให้เกิดการต่อต้าน และข้อโต้แย้งที่อาจนำไปสู่ความแตกแยกในสังคม


 


"โคทม"ชี้เว็บคุณภาพเตือนตร.ดูเจตนา


ด้านนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เว็บไซต์ประชาไท ถือเป็นเว็บไซต์คุณภาพที่สะท้อนความเห็นทางการเมืองที่หลากหลาย แต่หากมีการแสดงความเห็นที่ไม่บังควรผู้ดูแลเว็บไซต์ควรลบข้อความนั้นทิ้ง ซึ่งในหลายประเทศมีการบังคับใช้กฎหมายที่ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่ดูหมิ่นต่อสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดำเนินการตามกฎหมายต้องใช้ความรอบคอบ โดยคำนึงถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายว่า ผู้ดูแลเว็บไซต์มีเจตนาละเมิดต่อสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ เพื่อไม่ให้ละเมิดต่อสิทธิการแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ แต่หากมีการใช้สถาบันเบื้องสูงเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมืองก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย


 



"คำนูณ"ชี้ปิดประชาไทไม่ขัดกฎหมาย


ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา หนึ่งในกรรมาธิการฯ กล่าวว่า เบื้องต้นที่ประชุมเห็นว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ถือว่ามีความครอบคลุมแล้ว แต่ที่มีปัญหาคือผู้ใช้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎหมายฉบับนี้ยังมีข้อบกพร่องบางประการ เช่น ไม่สามารถระบุตัวผู้โพสต์ข้อความหมิ่น ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการตามจับ รวมถึงเรื่องคดีความมั่นคงและคดีหมิ่นต่างๆ ดังนั้นที่ประชุม จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และอาจมีการแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 26 ให้ผู้ดูแล สามารถรู้ได้ว่ามีใครเป็นผู้โพสต์ข้อความบ้าง นอกจากนี้เห็นว่าควรมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับเว็บไซต์หมิ่น เพราะปัจจุบันทั้งประเทศมีเจ้าหน้าที่ดูแลเพียง 35 คน


นายคำนูณ ยังกล่าวถึงเว็บไซต์ประชาไท ซึ่งมีผู้เรียกร้องให้ทบทวนการปิดเว็บดังกล่าวเนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมายว่า ตนเห็นว่าการปิดเว็บประชาไทไม่ขัดต่อกฎหมาย เป็นไปตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้ มีการคานอำนาจไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเจ้าหน้าที่ไม่มีทางที่จะเข้าไปกลั่นแกล้งได้ เพราะต้องมีการขออำนาจศาลในการจับกุมก่อน รวมทั้งผู้ถูกดำเนินคดี สามารถสู้คดีในชั้นศาลได้ อย่างไรก็ตาม กมธ. ยังไม่ได้พิจารณาเว็บไซต์อื่นๆ


 


ที่มา: เรียบเรียงจาก http://www.bangkokbiznews.com

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net