Skip to main content
sharethis

ตามที่ในวันที่ 26 มี.ค. ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะชุมนุมที่ท้องสนามหลวงและเคลื่อนไปที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ทางสื่อที่สนับสนุนแนวทางของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อย่าง ASTV และวิทยุคลื่นยามเฝ้าแผ่นดิน 97.75 MHz ได้ทำการประเมินและวิจารณ์การชุมนุมของ นปช. ดังกล่าวในหลายช่วงเวลาของการจัดรายการ เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.)


 


โดยเมื่อ 25 มี.ค. เวลา 8.30 น. รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV และทางสถานีวิทยุคลื่นยามเฝ้าแผ่นดิน 97.75 MHz ด้วย ดำเนินรายการโดย น.ส.เมธาวดี เบญจราชจารุนันท์ นายสำราญ รอดเพชร โดยมีนายเทิดภูมิ ใจดี แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ร่วมวิเคราะห์


 


 


บัณรสตัดเกรดเสื้อแดงภาคเหนือได้ A- มา 1 หมื่น


โดยเวลาราว 10.00 น. ผู้ดำเนินรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ได้ให้นายบัณรส บัวคลี่ ผู้สื่อข่าวอาวุโสและคอลัมน์นิสต์ ASTVผู้จัดการรายวัน โฟนอินเข้ามาในรายการ โดยนายบัณรสประเมินว่าจำนวนผู้ชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 26 มี.ค. ทางภาคเหนือ 8 จังหวัด มีมากกว่าเดิม มากกว่ารอบที่แล้วอย่างแน่นอน รอบที่แล้วเมื่อ 24 ก.พ. ไปแบบกระปิดกระปรอย ไปกันเองไม่เกิน 1,500 คน


 


ส่วนรอบนี้ผมให้สูงสุดคือ A- เมื่อเทียบกับสมัย นปช. เพราะหน่วยจัดการ หน่วยจัดตั้งของเขาเปลี่ยนทีม เราอยู่เบื้องหลังของม็อบ ไม่ใช่ม็อบสิครับ มวลชนของพันธมิตรมายาวนาน น่าจะรู้ว่าการบริหารจัดการมวลชนขนาดใหญ่ ต้องอาศัยทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง สายสัมพันธ์เครือข่ายที่มีประสิทธิภาพพอสมควร ปรากฏว่าของเขารอบนี้ยังไม่เต็ม A+ ยังไม่ถึงขั้น A สูงสุดคือ A- คือจะกวาดต้อนไปได้ จะจัดตั้งเข้าไปได้ จะมีคนเข้าไป ผมให้สูงสุดประมาณ 10,000 คน ในช่วง 2 วันแรก


 


10,000 นี้ เป็นธงที่จัดตั้งปักมาให้ ว่าพวกคุณจะต้องให้พี่น้องใส่เสื้อสีแดงเข้ากรุงเทพฯ ให้ได้ แต่ว่าจะอยู่นานเท่าไหร่เป็นการวัดฝีมือกันแล้ว หลักๆ คือเชียงราย เชียงใหม่ แพร่ นาน ลำปาง พะเยา ไปแน่นอน


 


นายสำราญ ถามว่าการมากรุงเทพฯ มีการทำความคิดหรือไม่ เช่น บอกว่าไปเที่ยวนี้ไปยาว ไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ ไม่ต่ำกว่า 3 วัน นายบัณรสกล่าวว่าผู้ชุมนุมทราบว่าการเดินทางไปกรุงเทพฯ รอบนี้ยาวกว่าครั้งที่แล้ว มีการเตรียมเสบียงอาหาร ประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าในส่วนที่เชิญชวนให้มาสมัครด้วยตัวเอง รอบก่อนเป็นกลุ่มคนสมัครใจไป อาจมีการสนับสนุนค่าเดินทางให้ แต่รอบนี้มากกว่าครึ่งอาจจะเป็น 70% ที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้า จะเรียกว่า "งานเข้า" ก็ได้ ก็ไปทำงานหน้าแล้ง


 


นายสำราญ รอดเพชร ถามว่า จะมีการจัดแบบพันธมิตรฯ ไหม "เต็มออกๆ ไม่อั้น" และหัวเราะ นายบัณรสตอบว่า คงไม่มีอย่างนั้น แต่ละจุดในแต่ละอำเภอเขารู้แล้วว่าไปสักกี่คน และอธิบายต่อว่า โครงสร้างการจัดการคนในรอบนี้มี 2 ส่วน หนึ่ง คือกลุ่มที่เขาจัดตั้งไว้ก่อน มีมวลชนไม่เท่าไหร่ เช่น รักเชียงใหม่"51 กลุ่ม 24 มิถุนา ที่เชียงราย พะเยา กลุ่มเฮาฮักลำปาง"51 ซึ่งกลุ่มนี้มีอยู่เดิมแล้ว ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมามีคำสั่งว่าพื้นที่ไหนที่ยังว่างมีนโยบายต้องมีมวลชนคนเสื้อแดงประดับจังหวัด ก็เลยมีที่แพร่ น่าน แต่ละจังหวัดที่ยังไม่มีก็ต้องมี เป็นการเร่งปุ๋ยใส่ปุ๋ยสูตรเร่ง


 


ส่วนที่สองมีหัวคะแนนใช้ระบบ ส.ส. ส่งเข้าไปไม่ผ่านกระบวนการมวลชนแบบปลุกระดม ปลุกเร้า เป็นทัพที่อยู่ดีๆ ก็ขึ้นรถและไปโผล่สนามหลวงเลย กลุ่มนี้ผมคิดว่ามีปริมาณก็จริง แต่ว่าในเชิงคุณภาพอยู่เกิน 3 วันก็เก่งแล้ว


 


นายสำราญถามว่า ภารกิจคืออะไร นายบัณรสกล่าวว่า น่าแปลกมากเพราะรอบที่แล้ว ดีเจวิทยุชุมชนประกาศว่าไม่ชนะ ไม่เลิก ปักหลัก ไม่เลิก อยู่ยาว ขอเสบียงอาหาร ฯลฯ แต่รอบนี้ ไม่มีใครกล้าพูดแบบนั้น มีแต่พูดว่าไปทวงประชาธิปไตย ผมฟันธงแล้วในข้อเขียนไปบ้างว่า รอบนี้เขาใช้คำพูดอย่างไรก็ตาม แต่การเคลื่อนไหวรอบนี้จะเพิ่มน้ำหนักการต่อรองให้คุณทักษิณเป็นหลัก ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องที่ดูลำบากครับ เป้าหมายน้ำหนักเพิ่มอำนาจการต่อรองให้คุณทักษิณชัดเจนที่สุด


 


น.ส.เมธาวดี ถามว่าการโฟนอินที่พิษณุโลก ลำปาง มีผลหรือไม่ นายบัณรสประเมินว่า การโฟนอินภาคเหนือมีผลแน่นอน มีคนที่รักศรัทธา พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ การโฟนอินเป็นการตอกย้ำ ปลุกเร้า พวกเราเป็นพวกเดียวกัน ขอให้ร่วมแรงร่วมใจทำเพื่อทักษิณ เกิดสงสาร เกิดคิดถึง ก็ปลุกได้ในระดับหนึ่ง ผมให้แค่ A-


 


 


อ้างกลัวทักษิณอำนาจมืดครอบงำ ใช้ประชาชนเป็นทัพหน้าเจ็บแทนตัว


นายบัณรสกล่าวต่อว่า เมื่อคืนคุยกับหลายๆ คนในพื้นที่ ทราบมาว่าเมื่อเดือนที่แล้ว แกนนำแตกแยกในทางความคิดกันว่าจะนำม็อบไปในแนวทางทางไหน ระหว่างอยู่ในกรอบอย่างเคร่งครัด กลุ่มหนึ่งพูดเรื่องการก่อจลาจล เพราะอำนาจการต่อรองของเขามีน้อย รอบนี้มีการพูดเรื่องก่อจลาจลบ้างเนืองๆ ให้เห็น ซึ่งพอลงรายละเอียดก็มีหลายแนว บางสำนักก็ฟันธงว่า "ยั่วให้ทุบ" ส่วนผมที่เขียนไปคือมีร่องรอยจะยึดทำเนียบ หรือไม่สูงที่สุดคือไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะการไปยื่นหนังสือของรักเชียงใหม่"51 ที่เชิญหมอเหวงมาร่วมเสวนาครึ่งวัน จู่ๆ มีกำหนดการเสวนากะทันหันขึ้นมาก่อน่าแปลกใจ อยู่ดีๆ ก็ไปเยี่ยมตำรวจ และวันรุ่งขึ้นคุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข ก็ไปยื่นหนังสือสำทับเรื่องนี้อีก ผมเห็นเป็นร่องรอยที่น่า "แปะข้างฝา" เอาไว้ว่าจะทำอะไร


 


นายสำราญถามว่า บางกลุ่มบางปีกใช้สูตรยั่วให้ทุบ จุดจลาจลให้ได้ ตรงนี้ยังเป็นเสียงที่เบากว่าอีกกลุ่มใช่ไหม นายบัณรส ตอบว่า คราวนี้เลิกคิดไปเลย เพราะเหยี่ยวก็ได้ พิราบก็ได้ เหยี่ยวก็กลุ่มประชาธิปไตย สนามหลวง ที่ปักหลักที่นั่น 200 คน โดยนายสมศักดิ์ จตุคาม ที่เคลื่อนไหวตลอด ถ้ามองย้อนหลังกลับไปในรอบ 2 เดือน กับสายพิราบ ที่เขาถกเถียงกันในหมู่แกนนำ แต่คราวนี้แม่ทัพใหญ่คือคุณทักษิณ ที่จะแก้ปัญหาความไม่ลงรอย ความแตกแยกทางความคิดอะไรทุกอย่าง เป็นคนทุบโต๊ะเอง เป็นคนกดปุ่มครั้งสุดท้าย


 


ต้องดูว่าทักษิณต้องการอะไร ทักษิณโฟนอินพูดเรื่องประชาธิปไตย ความเป็นธรรม บ้านเมืองที่ดี แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น ผมชอบคำของ "ท่านขุนน้อย" (คอลัมน์นิสต์ใน นสพ.ไทยโพสต์) คือทักษิณเป็นพ่อค้า เพิ่มอำนาจต่อรองของตัวเอง ผมกลัวทักษิณถูกด้านมืดครอบงำ บังตา อาจใช้พี่น้องประชาชนเป็นทัพหน้าให้เจ็บแทนตัวเอง และเพิ่มอำนาจให้ตัวเอง


 


นายสำราญบอก สามหมื่นได้เห็นแน่ สองหมื่น สองหมื่นห้าได้เห็นแน่ ส่วน น.ส.เมธาวดี กล่าวเชิงประเมินว่า จะเห็นเขาอยู่ยาวหรือไม่ ส่วนเทิดภูมิ ใจดี กล่าวว่า ยืนยัน ไม่แดดเดียวแน่นอน และว่าเมื่อก่อนต้องไปกระตุ้นด้วยเงินปัจจัยเป็นหลักให้คนมา แกนนำเขาพูดว่าไม่ต้องแล้ว ปัจจัยสำคัญคือพวกเขาทำงานมาล้มเหลวมาตลอด เพราะเขาไม่มีธง เขาให้สามเกลอหัวขวดก็ไม่ได้เรื่อง แต่เที่ยวนี้นายใหญ่ลงมาเอง อ้อนด้วยขอกลับ ใส่เสื้อแดงให้เห็นชัดเจน พูดถึงคนอยู่เบื้องหลังเป็นรูปธรรม


 


 


สายอีสานประเมินมา 5,000


ต่อมานายธรรมรัตน์ อภิญญาเลิศวงศ์ ผู้สื่อข่าว ASTV จาก จ.อุดรธานี โฟนอินเข้ามา บอกว่าชมรมคนรักอุดรโดยนายขวัญชัย ไพรพนา มีการเตรียมความพร้อม โดยเตรียมคนประมาณ 300 คนลงกรุงเทพ ใช้รถบัสประมาณ 15 คัน ได้รับการสนับสนุนจากรายการเพื่อนพ้องน้องพี่ ส่วน ส.ส. ในพื้นที่ขณะนี้ต่างคนต่างทำ ไม่มีการประสานกับชมรมคนรักอุดรมากนัก อาจเอาคนลงไปเอง มากกว่าประสานชมรมคนรักอุดร แต่ไม่เข้มแข็งมาก และประเมินว่าหนนี้ไม่คึกคักเท่าการชุมนุมเมื่อ 24 ก.พ.


 


น.ส.เมธาวดี ถามว่า เป็นเพราะเนวินกระจายเงินให้วิทยุชุมชนให้คนเสื้อแดงเป็นคนเสื้อน้ำเงินหรือไม่ นายธรรมรัตน์บอกว่าเป็นไปได้ แต่ไม่มีรายงานมาเลย โดยนายธรรมรัตน์ประเมินว่า ที่ จ.อุดร คึกคักมากที่สุด และประเมินว่าผู้ชุมนุมเสื้อแดงจาก 19 จังหวัดอีสาน ไม่ถึงหมื่น อย่างมากประมาณ 5,000 คน


 


 


เทิดภูมิบอกไม่ห่วงอีสาน ห่วงเหนือ


ด้านเทิดภูมิ กล่าวต่อไปว่า เที่ยวนี้พุ่งการโจมตีไปที่ องคมนตรี ศาล ทหาร มีการขานรับกันหมด ในสภาเขารุกเต็มที่ เป้าหมายคือตีพันธมิตรฯ "กษิต ภิรมย์" ทั้งที่ไม่ใช่ความจริง แต่คนเสื้อแดงเชื่อ พูดแล้วเขาก็ขยาย เขามีจัดตั้ง มี ส.ส. อย่าง จ.น่าน เห็นได้ชัด แต่อีสานขยายไม่ได้เต็มที่ จะขยายได้แค่ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด อุดร จังหวัดอื่นในอีสานยังขยายมวลชนไม่ได้เต็มที่เพราะ ส.ส.รัฐบาลเขามี อย่างพรรคภูมิใจไทย เช่น ขอนแก่น บุรีรัมย์ ยังทำไม่ได้เต็มที่ เพราะ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลก็พยายามให้ข่าวสารข้อมูล


 


แต่ที่ชัยภูมิ บ้านเกิดคุณหญิงอ้อ มี ส.ส. อยู่ที่นั่น ร้อยเอ็ด ก็สุดลิ่มทิ่มประตู ผมว่าอุดรธานีไม่แข็งเท่า 2 จังหวัดนี้ด้วยซ้ำไป เพราะว่าอุดรยังมีความแตกแยกอยู่เยอะ เห็นหรือไม่ เราสามารถตั้งพันธมิตรได้ จัดเวทีได้


 


ที่ จ.ศรีษะเกษ ยังครึ่งๆ คือ ครึ่งน้ำเงิน ครึ่งแดง แต่โน้มมาทางน้ำเงิน และมีสีเหลืองด้วย อย่างต่ำมีผมกับสุริยะใสมาทางพันธมิตร เสื้อแดงครองศรีษะเกษไม่ได้ เขารู้พอสมควร เขาตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้นเยอะ แต่ยังไม่แสดงออก ผมเป็นห่วงจังหวัดภาคกลางนี่แหละ คนจะมาเยอะน่าจะภาคกลาง ภาคตะวันออกภาคใกล้ๆ นี้ ภาคอีสานผมไม่เป็นห่วง ภาคอีสานมาไม่มาก ผมห่วงภาคเหนือ


 


 


รอจังหวะล้มรัฐบาล ป้ายเสื้อแดงพร้อมเผาบ้านเผาเมือง


นายสำราญถามว่าจะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายไหม นายเทิดภูมิกล่าวว่า ยังไม่ใช่สงครามครั้งสุดท้าย เขารอจังหวะ เขาพยายามทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ ปกครองไม่ได้ ถ้าการเมืองมันซวนเซมันซวนเซไปหมด เพราะเศรษฐกิจโลกมันถดถอยอยู่แล้ว เขาพยายามทำทุกวิถีทาง เราจะเห็นว่าเขาพยายามอภิปรายภายใน เวลา 3 เดือนทั้งที่รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร แต่เขามีเป้าหมายชัดเจนคือเขาจะล้มรัฐบาล เขาไม่ได้สนใจว่ารัฐมนตรีผิดหรือไม่ผิด คอรัปชั่นหรือไม่ มีแต่กูจะล้มมึง เท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย


 


"ประสาน 3 ยุทธศาสตร์ ในสภา นอกสภา และต่างประเทศ เขาต้องประสานกันตามแผน ไม่ต้องไปพูดว่าเขา มีกองทัพ มีพรรค มีแนวร่วมไม่ใช่ เขาเอานี่เลย ถ้ารัฐบาลซวนเซเมื่อไหร่ เขาลุกขึ้นเลย ทันทีเลย เขาพร้อมที่จะเผาบ้านเผาเมือง ผมพูดเลยนะ" นายเทิดภูมิกล่าว ทำให้นายสำราญถามย้ำอีกครั้งว่า "พร้อมที่จะเผาบ้านเผาเมือง"


 


นายเทิดภูมิพูดต่อว่า พร้อมที่จะเผาบ้านเผาเมือง Uprising ที่ผมเคยพูดน่ะ เพราะเป้าหมายเขาต่างจากพันธมิตรเราสู้ ที่จะเอาผิดกับคนทำผิดกฎหมาย แต่เขาสู้เพื่อจะล้มอำนาจรัฐและตั้งอำนาจรัฐใหม่ มันต่างกัน ความรุนแรงต้องบวกไปด้วย


 


นายสำราญ ถามว่าวิธีการ Uprising ของเขาเป็นอย่างไร นายเทิดภูมิกล่าวว่า หนึ่ง ให้รัฐบาลไม่ให้ดำรงอยู่ได้ เขาพยายามสร้างความขัดแย้งให้รัฐบาล คุณเห็นเขาโหวตไหม ชวรัตน์ ชาญวีระกูล ไม่ได้อภิปรายไม่ได้อะไรเลย ได้คะแนนเต็มที่เลยนะ ไม่ตอบเลยนะ ทำไมถึงได้ นั่นแหละความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นแล้ว ถ้าเราดูนะหนังสือพิมพ์มันแหย่ตลอดเวลา


 


เมื่อความขัดแย้งภายในของรัฐบาลเกิดขึ้น รัฐบาลไม่สามารถบริหารได้เพราะมันป่วน เดี๋ยวม็อบโน่นม็อบนี้ รัฐบาลไปก็โดนไข่ปา ที่เราเห็นมันวุ่นวาย และทีนี้เขามีมวลชนของเขา มวลชนจัดตั้งเขามีแน่นอน และสร้างแนวร่วมได้มากมาย และอย่าลืมกลไกอำนาจรัฐบางส่วนเขายังกุมได้อยู่ กรณีที่เราเห็นการอภิปรายคราวนี้ เราเห็นว่าโครงสร้างอำนาจเดิมเขายังมีอยู่นะ ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย อำนาจของเขายังมีอยู่ ผมต้องรู้เป้าหมายของเขา ที่เขาเคลื่อนไหวทั้งหมด เป้าหมายเขาล้มรัฐ เขาไม่ได้เอาผิดเลย


 


นายสำราญถามว่า ล้มอำนาจรัฐในทีนี้คืออะไร โดยการให้รัฐบาลยุบสภาใช่ไหม นายเทิดภูมิกล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่ใช่ทางออก ผมพูดมานานแล้ว ผมคุยกับเพื่อนฝูงหลายคน ว่าทักษิณจะเข้าประเทศได้ด้วยวิธีใด ต้องด้วยวิธีการสร้างความปั่นป่วน ทำรัฐประหารเท่านั้นอย่างอื่นไม่มี นายสำราญกล่าวต่อว่า ล้มรัฐ เกิดจลาจลเผาบ้านเผาเมือง? นายเทิดภูมิกล่าวต่อว่าจนไม่มีใครดูแลบ้านเมืองได้แล้ว ต้องทักษิณเท่านั้น ทักษิณพูดแต่ละคำเลือกทางแล้ว เขาบอกว่า ประชาชนเท่านั้นที่จะเอาเขากลับ


 


นายสำราญถามว่า แสดงว่าว่าพี่เทิดภูมิเชื่อประมาณนี้ไหมว่า คล้ายๆ ว่า เผาบ้าน เผาเมือง บ้านเมืองจลาจล นองเลือด ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ อาจมีทหารเข้ามาควบคุมสถานการณ์บ้านเมือง ในนามของการรัฐประหาร ทีนี้เขาจะเอามวลชนลุกฮือมาล้อมอีกทีหนึ่ง


 


นายเทิดภูมิกล่าวตอบว่า ทักษิณเขาถือว่าเงินเหมือนแก้วสารพัดนึก ทุกคนเขาซื้อได้หมด เมื่อก่อนเขาบอกว่าแม้แต่หลังปฏิวัติรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 ก็ซื้อพวกนี้หมด เราจะเห็นได้ว่ารัฐบาลอ่อนแอ ที่ว่าขิงแก่มันไม่ใช่ขิงแก่ กลายเป็นขิงเน่า เขาจัดการเอาคนของเขาเข้ามาหมดเลย มั่นใจได้หรือว่าทหารไม่ใช่คนของเขา และรัฐประหารใครจะรัฐประหาร มีคนทักษิณหรือเปล่า เขาวางไว้หรือเปล่า ใช้กลไกตำรวจ ใช้กลไกอำนาจรัฐ ข้าราชการต่างๆ เราเห็นอยู่แล้ว และประมาณไม่ได้


 


ที่วีระพูดในคืนสุดท้ายของการปราศรัย เมื่อ 26 ก.พ. 52 พูดถึงยุทธศาสตร์ของการรุกถึงที่สุด เขาพูดเรื่องการจัดการอย่างเด็ดขาด ล้มรัฐบาลนี้ให้ได้ ประสานกับต่างประเทศที่ทักษิณก็ดำเนินอยู่ ในสภาคุณจะมีการวุ่นวาย ภายในปั่นป่วนวุ่นวาย ภาพสู่สายตาประชาชนจะไม่ดี เมื่อไม่ดี ผู้รับผิดชอบคือผู้บริหารใช่ไหม เขาจะมองว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่อ่อนแอ คุมอะไรไม่ได้


 


 


อ้างรู้แกวเสื้อแดง เพราะเคยมีส่วนร่วมเผาตอนพฤษภาทมิฬ


นายสำราญ รอดเพชร ถามว่า "วิธีการตอนที่มันจลาจล มันนองเลือด ลุกฮือขึ้นมาจะเป็นยังไง" นายเทิดภูมิตอบว่า "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมพูดเปิดเผยเลย อย่าลืมว่าในกรณีพฤษภาทมิฬ ผมมีส่วนร่วมในการเผา และคนที่อยู่ของเขานั้น มีมืออยู่นั่น"


 


นายสำราญถามว่า "ไม่ได้เผา พี่ไปสังเกตการณ์ดู" นายเทิดภูมิ ตอบว่า "ไม่สังเกตการณ์ เอาเงินไปให้เขานี่แหละ คุณไปจ้างมอเตอร์ไซต์น่ะ ตามซอยอ่ะ เอาไปโยนนั้น เอาไปโยนนี่ เข้าใจไหม ให้สักหมื่นหนึ่งเอาไหม โธ่ คุณสำราญไม่ได้ง่ายเลย"


 


น.ส.เมธาวดี ถามต่อว่า คุณเทิดภูมิกำลังจะบอกว่า มีการว่าจ้างให้ไปเผาหรือ นายเทิดภูมิตอบว่า ผมเป็นผู้แทนอยู่พรรคความหวังใหม่ กับ พล.อ.ชวลิต ใช่ไหม คุณถามในความหวังใหม่ คนที่บทบาทสำคัญที่อยู่ตอนนั้นคือเทิดภูมิ ผมไม่ใช่คุยนะ คุณไปถาม พล.อ.ชวลิต ถามในพรรคทุกคนได้เลย เขามาถามผมทุกอย่าง คุณอย่าไปประมาทผมสิ พฤษภาทมิฬ และคนพวกนั้นก็อยู่ พี่พัลลภก็รู้ ผมรู้จักดี วีระ (มุสิกพงศ์) รู้จักผมดี


 


นายเทิดภูมิกล่าวต่อไปว่า ผมถึงบอกว่า พวกนี้ต้องไปเสนอแผนทักษิณ ต้องทำอย่างนี้ น.ส.เมธาวดี ถามว่า ต้องเผาใช่ไหมคะ นายเทิดภูมิบอกว่า ต้องทำ ผมเชื่อว่าเขาต้องทำ สุเทพก็พอรู้ สุเทพก็พูดนัยๆ มันจะเข้าแผนเขาๆ ผมฟังรองสุเทพแล้วเมื่อคืนนี้ ผมก็วิเคราะห์ของผม ผมคิดว่าเขาได้ข่าวมาแน่นอน


 


เขาบอกว่าพวกซ้าย คนที่เขาอยู่พรรคคอมมิวนิสต์ อยู่กับเขาเยอะนะ ผมต้องพูดความจริงนะ ผมรู้จักพวกเหล่านี้ เพื่อที่จะหามาตรการสู้กับเขา


 


 


เชื่อทักษิณมีกองทัพในมือ อ้างดูจากคำพูด "ป๊อกซื่อบื้อ"


นายสำราญ ถามว่า สมมติเกิดรูปการแบบนั้นจริงถ้าเผาบ้านเผาเมือง จลาจล ทีนี้ แสดงว่าทักษิณมีกองกำลังในกองทัพด้วย ยึดอำนาจ หรือทักษิณกลับมา นายเทิดภูมิ กล่าวว่า แน่นอน เขามีคนของเขาอยู่ ปฏิเสธไม่ได้ ถ้าทำอะไรถ้าไม่มีกองทัพร่วมด้วย ไม่ใช่ชนะ คุณดูคำพูดของทักษิณพูดนะ "ไอ้ป๊อกซื้อบื่อ" มีความหมายไหม ซื่อบื้อหมายความว่าอย่างไร แสดงว่ามีคนเก่งกว่าไอ้ป๊อก เฉียบขาดอยู่ในนั้นมีอยู่แล้ว ขนาดเขาเขียนว่า มึงจำกูได้ไหม รุ่นของเขาน่ะ นี่แสดงถึงความเป็นโอหัง ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ของทักษิณหรือบางทีอาจยืมมือคนอื่นทำ แต่ยึดอำนาจปั๊บก็พลิกทันทีก็ได้


 


นายเทิดภูมิกล่าวว่า กองทัพรู้ แต่อาจดูเบา ประเมินต่ำไป จะว่าไม่รู้ไม่ได้ ส่วนสุเทพ คงรู้แผนเขาอยู่ แต่วิธีการจะดำเนินอำนาจรัฐ ผมถึงว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือสื่อ คุณมีสถานีวิทยุคุณทำสิให้การศึกษาประชาชน สัมภาษณ์อาจารย์เจิมศักดิ์ อาจารย์ปราโมทย์ที่ถูกพาดพิงถึง อะไรต่างๆ ประชาชนจะได้รู้หรือเปล่า ที่เขาเอา พล.อ.พัลลภมาพูด มันข้อเท็จจริงไหม ที่ว่าไปพบ พล.อ.พัลลภอาจหลอกเอาเงินทักษิณเฉยๆ ก็โกหกไป พอทักษิณได้คำนั้นก็เอามาขยาย ขยายความมวลชนเชื่อ ความเชื่อที่ผิดมันอันตราย ประชาชนเชื่ออย่างนั้นน่ะ นี่คืออันตราย เพราะไม่ได้เชื่อของจริง


 


 


เชื่อเสื้อแดงชุมนุมไม่ใช่รอบสุดท้าย แค่ปูพื้นตีให้น่วม


นายเทิดภูมิ การชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่ใช่รอบสุดท้าย มีอีกรอบหนึ่ง รอบนี้ปูพื้นไว้ก่อน ให้ความวุ่นวาย ตีรัฐบาลให้น่วมก่อน แต่ถ้าเข้าล็อกเอาเลย เขาวางยาวเลย เขาไม่ได้วางปริมาณ เขาวางคุณภาพ จำไว้นะ ปริมาณไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่ด้วยคุณภาพของคนที่เขาทำงานอยู่


 


ผมเจอเสื้อแดง ผมก็บอกเขาความคิดต่างกัน ต่างคนต่างทำ ผมก็ทำของผม คุณเชื่อมั่นอะไรก็เชื่อมั่น เขาเลยบอกว่าพี่เทิดภูมิ มันไม่เหมือนเดิมนะพี่นะ เมื่อก่อนเราอาจจะใช้เงินนะ เมื่อก่อนอาจจะท่อเดียว เดี๋ยวนี้มีหลายท่อ และมวลชนบางคนเขาเสียสละจริงๆ เขาก็พูดอย่างนี้ เขามีของเขาอยู่ ผมถึงไม่อยากให้ประมาทนี้ รัฐบาลมีอำนาจรัฐ ถ้าเรารักษาอำนาจรัฐไม่ได้ก็ไปเหมือนกัน ต้องรักษาให้ได้ ผมเชื่อว่าไม่มีใครเอาทักษิณที่ทำลายชาติบ้านเมืองขนาดนี้ หมิ่นสถาบันฯ ชัดเจนเลย ทีนี้ใครอธิบายให้ประชาชนเข้าใจล่ะ มีแต่ ASTV มีแต่พวกเราเท่านั้น


 


ประชาชนรอบนอกผมถามหน่อยสิ ภาคอีสานอย่างต่ำๆ มีเสื้อน้ำเงินขึ้นมา อธิบายประชาชนในพื้นที่เขา ให้เข้าใจว่าทักษิณทำต่อสถาบันอย่างไร อีสานคงมาไม่ชุมนุมมาก เพราะพวกเสื้อน้ำเงินทำงาน



 


 


เชื่อทักษิณสู้เพื่อปัจจุบันและอนาคตของตน และประเมินอายุคู่ต่อสู้แล้ว


นายเทิดภูมิ กล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า คงพยายามให้มีการปะทะ เพราะพวกนี้จะเห็นตั้งแต่บุกบ้านป๋าเปรม เราล้อมทำเนียบก็เอาอะไรไปโยนใส่ สร้างความรุนแรงให้ได้ ไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ แต่รัฐบาลต้องวางมาตรการให้ดี รัฐบาลต้องรายงานประชาชนให้ทราบทุกขณะ ไม่อย่างนั้นเสียเปรียบเขา ตำรวจทหารมากไม่จำเป็น เพราะผู้ชุมนุมไม่ได้หวังแบบนั้น เขาหวังความรุนแรงอีกแบบหนึ่ง เพื่อสร้างให้มันมีค่าขึ้นมา ให้มันมีข่าวขึ้นมา เดี๋ยวนี้สื่อทั่วโลกต้องมาจ้องดูแล้ว


 


นายสำราญกล่าวว่า ทักษิณบังอาจขนาดนี้ ทำไมเขากล้าหาญชาญชัยขนาดนั้นเขาไม่กลัวหัวขาดหรือ นายเทิดภูมิ กล่าวว่า เขาไม่กลัวแล้ว ทักษิณเคยเปรียบเทียบเขาอายุเท่าไหร่ คู่ต่อสู้เขาอายุเท่าไหร่ อย่างป๋าเปรม อายุเท่าไหร่ 88 แล้ว ที่เขาทำนี้เพื่อปัจจุบันและอนาคตนะ


 


น.ส.เมธาวดี ถามว่า ที่ทักษิณจะโฟนอิน จะพูดว่าอะไร นายเทิดภูมิ กล่าวว่า ทักษิณก็ใส่ร้ายเหมือนเดิม เขาทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เขาอาจจะหนักยิ่งกว่าเดิม พวกนี้มันคิดถึงขั้นนี้ ส.ส.บางคน คิดแบ่งแยกประเทศนะ เอาโซนนั้นเป็นของเขา โซนนี้เป็นของเขา เพราะทักษิณเป็นคนแบ่งแยกตลอดเวลา เมื่อก่อนเป็นของพรรคไทยรักไทยถึงจะลงงบให้ได้ เขามีความคิดแบบนี้ เขาคิดให้เสื้อแดงเอาเขากลับประเทศ นายเทิดภูมิ กล่าวว่า จากคำพูดทักษิณ เขาเปิดขนาดนี้แล้ว มีอย่างเดียวคือล้มอำนาจรัฐเท่านั้น ที่จะเข้ามาวิธีอื่นไม่มี


 


นายสำราญ กล่าวว่า หนนี้ทักษิณโฟนอินไปที่ 19 ก.ย. 49 มาก เพราะจะนำเสนอต่อชาวโลกว่าเขาคือคนที่ถูกรังแกจาก 19 ก.ย. อำนาจรัฐรังแกเขา รัฐประหาร เขาต้องพูดเรื่องนี้มาก เพื่อเรียกร้องความชอบธรรมจากภายนอก ส่วนนายเทิดภูมิ กล่าวว่า ทักษิณมักบอกว่าไปเพราะถูกปฏิวัติ กงบ้านโกงเมืองมชอบธรรมจากภายนอก ส่วนนายเทิดหัว ปล่า เปรียบเขา ษิณทำต่อสถาบันอย่างไร แม้แต่พวกที่อ้างว่าเป็นดาว โดยไม่ได้บอกว่าเขาโกงบ้านโกงเมือง ปัจจัยภายในคือตัวเขาเอง แต่เขาโทษคนอื่นหมด


 


 


"สนธิ" ท้าเสื้อแดงชนะแน่ แต่ต้องอยู่ให้ถึง 194 วัน


หลังศาลมีคำพิพากษายกฟ้องคดีปฏิญญาฟินแลนด์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวถึงคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับแกนนำกับแนวร่วมพันธมิตรฯ รวม 21 คน ข้อหาก่อความวุ่นวาย กรณีนำมวลชนปิดล้อมอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมาว่า ในวันที่ 30 มี.ค. นี้ พวกตนทั้ง 21 คน จะเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน ที่ บช.น.


 


ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามว่าการเข้ามอบตัว จะมีการปะทะกับเสื้อแดงหรือไม่ นายสนธิประเมินว่าผู้ชุมนุมเสื้อแดงน่าจะเลิกชุมนุมก่อนวันที่ 30 มี.ค. ถึงไม่จบผมก็คิดว่าถ้าประชาชนมาให้กำลังใจพวกตน คงไม่ปะทะกับใคร เราคงหลีกเลี่ยงครับ อดีตประวัติศาสตร์ของการชุมนุม เราไม่เคยไปปะทะกับใคร มีแต่ถูกปะทะ ถูกทำร้ายตลอดเวลา โดยนายสนธิยืนยันว่าวันที่ 30 มี.ค. จะไปที่ บช.น. แน่นอน เพราะเขามีหมายเรียกมา ก็ไปตามหมายเรียก


 


ผู้สื่อข่าวถามว่าประเมินการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ว่าจะมีความรุนแรง นายสนธิกล่าวว่า ผมไม่ทราบ แต่มีความรู้สึกว่าเขาน่าจะมากันเยอะ และคิดว่าถ้าเขามีความเชื่อมั่นในปรัชญาทางการเมืองใดๆ ก็ตาม หรืออุดมการณ์ทางการเมืองใดๆ ก็ตาม ผมอยากให้เขามากันเยอะๆ และอยากให้อยู่กันนานๆ ผมเชื่อว่าถ้าเขาอยู่ถึง 194 วัน เขาชนะแน่ เพราะเราอยู่แค่ 193 วัน ให้เขาอยู่ถึง 194 วันเขาน่าจะชนะ ผมไม่ขัดข้องนะ ใครก็ตามที่มาแสดงออกความคิดทางการเมือง แต่ผมจะไม่เห็นด้วยถ้าการแสดงออกนั้นเป็นการแสดงออกด้วยความรุนแรง แน่นอนเขาไม่ต้องกังวลนะ ทางพวกผมไม่ยุ่ง และผมก็ไม่ได้คิดว่าตำรวจจะไปทุบตีอะไรเขา เหมือนกับที่ตำรวจมาทำกับพวกเรา ผมเชื่อว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงแนวคิดการจัดตั้งพรรคการเมืองพันมิตร นายสนธิ กล่าวว่า เราไปโยนหินถามทางที่ลอส แองเจลลิสแล้ว พันธมิตร USA อยากให้ตั้งหมด แต่เราไม่กล้าตัดสินใจ เพราะเราต้องถามประชาชนที่เป็นพันธมิตรฯ ทั่วประเทศไทยที่จะมีการชุมนุมและประชุมกันเพื่อขอความเห็นในวันที่ 24 พ.ค. ถ้าวันที่ 24 พ.ค. ประชาชนซึ่งเป็นแกนนำเราทั่วประเทศไทยเห็นด้วย ว่าต้องตั้ง เราก็จะตั้ง เพราะว่าเราจะไม่ทำอะไรโดยไม่ถามเขาก่อน แต่ถ้าเขาบอกว่าไม่ควร เราก็ไม่ตั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสอบถามอย่างไร นายสนธิบอกว่า จะให้เขาถกเถียงกัน แล้วเราจะมีการยกมือกัน


 


 


เทียบโฟนอินทักษิณเหมือนโยนขี้เข้าวงข้าว


นายสนธิ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องการโฟนอินของทักษิณว่า คุณทักษิณโฟนอินลงไปสู่ระดับอำเภอ ลงไปถึงอำเภอเลยนะ การชุมนุมเล็กๆ น้อยๆ ก็โฟนอินไปเข้าใจว่าคงเรียกแขก คงเชื้อชวนประชาชนเสื้อแดงทั้งหลายให้ร่วมชุมนุมวันที่ 26


 


และก็น่าเห็นใจ ส.ส.พรรคเพื่อไทยสายคุณทักษิณ เพราะว่าต้องการรักษาฐานตัวเองอย่างมาก เนื่องจากเริ่มมีคู่แข่งแล้วคือภูมิใจไทย ของคุณเนวิน ชิดชอบ ด้วยเหตุนี้ก็เลยต้องขอยืมมือคุณทักษิณมาเป็นคนเชียร์แขก


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนว่ามีการเปิดโปงในการโฟนอิน นายสนธิตอบว่า ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ เพราะว่าถ้าคุณอยู่อีกที่หนึ่ง ห่างออกไป คุณอยากจะพูดอะไรคุณก็พูด แล้วก็พูดอะไรเหมือนกับคุณโยนขี้เข้ามาในวงกินข้าว แล้วขี้มันตกแตกกระจาย ทุกคนโดนขี้เหม็นหมด ทุกคนก็กระโดดแล้วบอกว่ามึงโยนมาทำไม ใช่มะ หลายคนก็ไม่รู้เรื่อง หลายคนอาจจะรู้เรื่องก็ได้ ผมคิดว่าเป็นเกมยุทธวิธี ก็การใส่ร้ายป้ายสีมากกว่า


 


นายสนธิย้ำตอนท้ายว่า วันที่ 24 พ.ค. เราได้เรียกประชุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เป็นแกนนำทั่วประเทศไทยครับ แต่ยังหาสถานที่อยู่ ถ้าผู้สื่อข่าวไม่มีอะไรผมขออำลาจากไป


 


 


บก.ข่าวทีวีสาธารณะ ร่วม "สุทิน" ออกจอ ASTV ประเมินเสื้อแดง


และในเวลา 20.30-21.30 น. วันเดียวกัน (25 มี.ค.) ในรายการ "คนในข่าว" ทางสถานี ASTV ดำเนินรายการโดย น.ส.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ มีการตั้งสนทนาในหัวข้อ "สื่อมืออาชีพ วิเคราะห์เกมแดงทั้งแผ่นดิน" โดยนายสุทิน วรรณบวร นักข่าวการเมืองอาวุโส อดีตผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก และผู้ปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ หรือ "พี่เป๊ปซี่" บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย วิจารณ์การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.)


 


 


สุทินเชื่อเสื้อแดง อยู่ถึง 24 ชั่วโมงเหลือผู้ชุมนุม 10 คน หมา 2 ตัว


โดยนายสุทินกล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง คงเป็นได้แค่ม็อบแดดเดียว ถ้าเป็นมวยก็มวยไม่มีราคา เป็นม้าก็ม้าไม่เบอร์ ตนไม่ให้ราคาคนกลุ่มนี้ และคนกลุ่มนี้ไม่ได้เล่นอยู่กับนักการเมืองธรรมดา แต่กำลังเล่นกับของสูง เล่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็กำลังเริ่มเล่นงานคนพวกนี้แล้ว โดยการโฟนอินที่พิษณุโลกของนักโทษหนีคุกเมื่อวันก่อนก็เกิดลมพายุพัดเข้ามา อย่างแรงจนต้องหยุด หลังจากโฟนอินแค่ 6 นาที และต้องเลิกก่อนเวลา เพราะคนเสื้อแดงทยอยกลับหมด


 


นายสุทินกล่าวว่า วันที่ 26 มี.ค.นี้ อาจมีคนเสื้อแดงมาชุมนุมกันเป็นจำนวนพันหรือจำนวนหมื่นในช่วงแรก แต่เชื่อว่าจะอยู่ได้ไม่นาน อย่างมากก็ 7 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะเหลือหลักพัน พอผ่านไป 12 ชั่วโมงจะเหลือหลักร้อย พอถึง 24 ชั่วโมงอาจจะเหลือ 10 คนกับหมา 2 ตัว


 


 


เป๊ปซี่ TPBS บอกฝ่ายข่าวกรองประเมินอยู่ได้ 4 วัน


ด้านนายเสริมสุขกล่าวว่า สถานการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะนี้ถือว่าเป็นสถานการณ์หลังพิงฝา คือต้องออกมาเล่นเอง ตอนแรกจะไปปรากฏตัวที่ฮ่องกง แต่พอมีข่าวว่ารัฐบาลจะไปตามจับ ก็เลิก เปลี่ยนวิดีโอลิงค์ หลังจากนั้นก็มาโฟนอินตามเวทีคนเสื้อแดง แล้วมีวิดีโอลิงค์ที่เชียงใหม่ ชักชวนให้มาชุมนุมที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นวิธีการทางการเมือง


 


ดูจากข่าวที่ออกมาก็มีการเตรียมการที่ดีของคนเสื้อแดง แต่จะอยู่ได้นานหรือไม่นั้น จากที่คุยกับฝ่ายความมั่นคงคาดว่าจะอยู่ถึงวันอาทิตย์ (29 มี.ค.) หรือ 4 วัน ซึ่งช่วงนี้หน่วยข่าวกรองประเมินสถานการณ์ว่าน่าจะจบได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นกับการจัดตั้งขององค์กร ซึ่งการจะเอาคนอยู่ในที่ชุมนุมมันมีปัจจัยหลายอย่าง เช่นเรื่องใหญ่คืออาหารการกิน แต่เขาบอกว่าจะยาวนานไม่ชนะไม่เลิก แต่ต้องดูว่าจะอยู่ได้แค่ไหน


 


 


สุทินลั่นพันธมิตรปกป้องเบื้องสูง และขับไล่รัฐบาลไม่ชอบธรรม ผิดกับเสื้อแดงปกป้องทักษิณ


ด้านนายสุทินกล่าวอีกว่า จะยืดเยื้อได้หรือไม่ อยู่ที่อุดมการณ์และคนที่ถูกประท้วงนั้นสร้างความเสียหายแค่ไหน การประท้วงของพันธมิตรฯ นั้น เพราะต้องการที่จะไล่รัฐบาลที่มาโดยไม่ชอบ มีการคอร์รัปชั่น โกงการเลือกตั้งมา คนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลช่วงนั้นละเมิดจาบจ้วงเบื้องสูง คนที่ทนไม่ได้ ก็หลั่งไหลมาและอยู่กันนาน มีการหาอาหารมาให้ผู้ชุมนุมเพื่อร่วมกันปกป้องสถาบันเบื้องสูงขับไล่รัฐบาล ไม่ชอบธรรมออกไป แต่ที่เสื้อแดงมาคราวนี้เพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศ ทั้งที่ไม่มีใครห้ามกลับ เพราะพวกเราก็อยากให้กลับเข้ามาติดคุก


 


นายสุทินกล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามยกประเด็นที่อ่อนไหว ฉวัดเฉวียน จาบจ้วงไม่ได้ตรงๆ ก็ไปตีเอาองคมนตรี เช่น ท่านชาญชัย ลิขิตจิตถะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยโจมตี พอมาเป็นองคมนตรีก็โจมตี อาจารย์จรัญ ภักดีธนากุล พอมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็โดนโจมตี กล่าวหาว่าคนเหล่านี้เคยเตรียมการโค่นอำนาจเขา โดยอ้างข้อมูลจาก พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ทั้งที่ พล.อ.พัลลภเป็นแค่ทหารแก่ๆ ที่ไม่มีค่าด้านการข่าวเลย ตนเคยทำข่าวปฏิวัติมาหลายครั้ง รวมทั้ง 2 ครั้งล่าสุด ไม่เคยมีข่าวว่าคนๆ นี้มีส่วนไปรับรู้ข้อมูลที่คอขาดบาดตายขนาดนั้น ทหารแก่คนนี้พยายามสร้างภาพปั่นราคาตัวเองให้มีบทบาทบ้าๆ บอๆ ขึ้นมา เหมือนตำรวจแก่คนหนึ่งที่เคยบอกว่าจะเอากำลังไปไล่พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบ แล้วก็หายไป นอกจากนี้ยังกล่าวถึงกรณีทักษิณที่โฟนอินว่า เป็นการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โยนใช้ พล.อ.พัลลภ และ พล.อ.พัลลภเป็นเครื่องมือให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณมาตลอด ตั้งแต่กรณีสั่งฆ่าคนในมัสยิดกรือเซะ หลังจากนั้นก็ปลด พล.อ.พัลลภ เพื่อจะบอกว่าปลดคนที่ทำผิดแล้ว ความผิดจะได้ไม่มาถึงตัว


 


 


เสริมสุขแฉทักษิณไม่พอใจสุรยุทธ์เรื่องพิพาทพม่า


นายเสริมสุขกล่าวว่า ประเด็นที่อย่างจะพูดคือกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดผ่านวิดีโอลิงค์ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกฯ ร่วมวางแผนปฏิวัติ เพราะไม่พอใจ ที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณสั่งย้ายจากผู้บัญชาการทหารบกไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เนื่องจากทำให้ทหารพม่าเสียชีวิตตามแนวชายแดนหลายร้อยคน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้พูดรายละเอียด ทำให้คนฟังงงและไม่เข้าใจว่า ทำไม พล.อ.สุรยุทธ์ จึงไปทำให้เกิดความเสียหายขนาดนั้น และมองว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณย้าย พล.อ.สุรยุทธ์ได้


 


นายเสริมสุขกล่าวว่า เหตุการณ์ช่วงนั้นเป็นปี 2544 ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจากชวน หลีกภัยมาเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเหตุการณ์เกิดช่วงเดือนมกราคม ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเข้ารับตำแหน่ง ตอนนั้นทหารพม่าได้ไล่กวาดล้างไทยใหญ่แล้วเข้ามายึดฐานบ้านปางหมู อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อโอบเข้าไปตีไทยใหญ่ พล.อ.สุรยุทธ์ ถือว่ารุกล้ำอธิปไตยไทย จึงสั่งให้พม่าถอนทหารภายใน 48 ชั่วโมง แต่พม่าไม่ยอมถอน พล.อ.สุรยุทธ์ ผบ.ทบ.ขณะนั้น จึงสั่งให้ พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ขณะนั้น ยิงปืนใหญ่เข้าไปเพื่อขับไล่ ทำให้ทหารพม่าตายไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย ช่วงนั้นปัญหายาเสพติดรุนแรงมาก เพราะรัฐบาลพม่าสนับสนุนว้าแดงค้ายาบ้า กองทัพไทยโดย พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.วัธนชัย ก็พยายามต่อต้านให้ถึงที่สุด ซึ่งทำให้รัฐบาลพม่าไม่พอใจ และทำให้ พล.อ.สุรยุทธ์ถูกย้ายในปลายปีนั้น


 


 


ลั่นวิจารณ์องคมนตรีเท่ากับละเมิดพระราชอำนาจ


นายสุทินกล่าวเพิ่มเติมถึงการจาบจ้วงบุคคลที่เป็นองคมนตรีหรือคนใกล้ชิดกับสถานบันนั้นอยู่ใต้จิตสำนึกของ พ.ต.ท.ทักษิณมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพูดเรื่องผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เจ้าของพันธมิตรฯ บอกนักข่าวญี่ปุ่นว่าเคยทำหนังสือขออภัยโทษ 3 ฉบับ พอมีคนทักท้วงก็อ้างว่าแค่ถวายรายงาน ซึ่งก็น่าสงสัยว่านักโทษหนีคุกมีสิทธิอะไรถวายรายงาน


 


กรณีนี้เขาจะโจมตีองคมนตรีและศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รู้จะเอาข้ออ้างอะไรก็อ้างคำพูด พล.อ.พัลลภว่า 3 คนนี้ คิดจะปฏิวัติเขา ที่จริงเรื่องการละเมิดองคมนตรีนั้น เดิมจะมุ่งไปที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดย พ.ต.ท.ทักษิณไปพูดที่ออสเตรเลียว่า พล.อ.เปรมกลั่นแกล้งปฏิวัติเขา มาวันนี้ มีชื่อองคมนตรีเพิ่มอีก 2 คนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติเขา เพื่อที่จะดิสเครดิตสถาบันนี้ให้ได้ หรือทำให้เห็นเป็นปกติว่า ใครจะมาละเมิดก็ได้ ทั้งที่เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการตั้งองคมนตรี แล้วตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณก็แสดงเอง ไม่อยู่เบื้องหลังอีกต่อไป


 


 


เชื่อโฟนอินเสื้อแดงไร้ประเด็นใหม่


นายเสริมสุขกล่าวว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณหลังพิงฝา แต่ถ้าดูเนื้อหาก็ยังเปิดช่องว่าถ้ามีการเจรจาพุดคุยก็จะนำไปสู่การคลี่คลาย ตามที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยพยายามเสนอทางออก เหมือนกับจะบอกว่าจะเลิกหรือไม่เลิก หลังจากที่มีการส่งข่าวเป็นสัญญาณครั้งสุดท้าย ก็ขึ้นวิดีโอลิงค์มาเลย และต้องดูว่าวันที่ 26 เขาจะมีประเด็นอะไรอีก เพราะที่พูดที่เชียงใหม่ก็ยังไม่ได้แตะมากนัก แต่พูดถึงชื่อตัวบุคคล และมีการพูดถึงเหตุการณ์ที่ไม่ควรหยิบมาพูด เพราะเป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ปี 48-49 แต่เพราะมันเป็นจุดขายเดียวที่หยิบมาแล้วพอได้ใจคนเสื้อแดง แต่พวกเราก็รู้ว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เก่าแล้ว


 


นายเสริมสุขกล่าวต่อว่า ยังมองไม่ออกว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณมาในที่ชุมนุมคนเสื้อแดงวันที่ 26-27 นี้ จะมีเรื่องอะไร ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ยึดอำนาจ มันก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่จะเอามาพูดอีก ถ้าพูดถึง พล.อ.เปรม ที่ผ่านมาก็พูดมาตลอด เพราะฉะนั้นถ้าดูเนื้อหาที่จะเอามาพูดก็ไม่น่ามีอะไร ตัวบุคคล ก็ไม่เห็นมีตัวละครใหม่อะไร หยิบมาพูดจนหมดแล้วโดยเฉพาะในส่วนของกองทัพ ที่พูดมาก่อนหน้านั้นว่าจะมีอะไรพูดอีก อาจเป็นแค่การเรียกแขกให้มาร่วมชุมนุมกัน


 


"ก่อนหน้านั้นมีการวิเคราะห์ว่าทักษิณออกมาเล่นเองเพราะแกนนำพรรค เพื่อไทยไม่สามารถชิงการนำได้ พอทักษิณออกมาก็แย่งพื้นที่สื่อได้ มีการทำข่าว เนื้อหาสาระก็มีการเอาไปตามข่าวชี้แจงตอบโต้กัน ซึ่งถ้าคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อย่างกรณีคำพูดของ พล.อ.พัลลภ ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่คุณทักษิณก็เอามาพูดเพื่อดึงคนฟังเอาไว้ แต่โดยส่วนตัวผมเห็นว่าไม่มีอะไร"


 


 


สุทินเชื่อโฟนอินจะมีการเปิดชื่อมากขึ้น แต่เหมือนดาบสองคม


ด้านนายสุทินกล่าวเสริมว่า เหยื่อที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะจาบจ้วงอีก อาจเพิ่มมากกว่าองคมนตรี 2 ท่าน และตุลาการ 1 ท่าน แต่มันก็เป็นดาบสองคมที่จะหมุนมาฟันคอ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเรื่องปลด พล.อ.สุรยุทธ์ เขาพูดไม่หมดว่าเขาปลดเพื่อให้ญาติของเขาคือ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.พอขึ้นมาภาคใต้ก็รุนแรงขึ้นมาทันที แล้วแก้ปัญหาด้วยการพับนกกระดาษ


 


"พี่กับเป๊ปซี่ เป็นคนทำข่าว เราติดตาม เราเห็นพฤติกรรมพวกนี้มาตลอด เราถึงมองเห็นว่า สิ่งที่คุณพูดนั้นคุณพนยายามบิดเบือน คุณพยายามหาประเด็นใหม่ขึ้นมา ประเด็นที่มันแหลมคม ประเด็นที่มันอ่อนไหว ประเด็นที่สถาบันที่ถูกกล่าวหา เขาไม่สามารถออกมาปกป้องตัวเองได้ เพราะฉะนั้น มันเป็นหน้าที่ของสื่ออย่างเราที่จะต้องออกมาปกป้องคนเหล่านั้น ว่าเขาไม่ได้ผิดอย่างที่ทักษิณกล่าวหา"


 


 


อ้างสามเกลอหลอกรับประทานทักษิณ ปลุกคนไม่ขึ้นยกเว้นที่ฝังชิปไว้แล้ว


นายสุทินย้ำว่า การชุมนุมเสื้อแดงคราวนี้ตนไม่ให้ค่า เพราะคนที่คบกับ 3 เกลอหัวขวด เห็นมาแล้วตัวนำของ 3 เกลอหัวขวด ไม่มีใครเจริญสักคน ไปถามได้ คนที่ถูกหลอกให้มาตั้งพรรคการเมืองร่วมกี่คน คนที่ถูกหลอกให้มาปฏิวัติร่วมมีใครเจริญกี่คน ขณะนี้ที่เขาพยายามปั่นราคาเพื่อจะหลอกรับประทาน พ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า ไม่มีใครมายอมตายเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณจริงๆ หรอก ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเอวก็รู้ แต่เต็มใจให้หลอก เพราะต้องการจะหาอะไรมาปลอบใจตัวเอง เหมือนตอนที่เขาจะหมดอำนาจ ก็พยายามให้คนเอาดอกกุหลาบมาต้อนรับ ไปสุรินทร์ก็ให้ขี่ช้างเหมือนเป็นคนสำคัญ ที่พูดมาคือการเคลื่อนไหวทั้งหมดเป็นการรักษาอาการป่วยของตนเอง โดยให้คนพวกนี้รักษา


 


"การปลุกระดมคนนั้น มันต้องมีอุดมการณ์ มันต้องทำให้เห็นว่าคนที่อยู่นั้นสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับประเทศชาติ จริงๆ เขาจึงจะมาไล่ด้วยใจ แต่คุณกลับเอาเงินสกปรกของคุณปั้นขึ้นมา ซึ่งมันไม่ขึ้น อาจมีไม่กี่คนที่เขาฝังชิปไว้แล้วที่มาร่วม"


 


 


อัด FCCT รับใช้ทักษิณเพราะเชื่อมสัญญาณโฟนอินผู้สื่อข่าวฮ่องกงเข้าไทย


นายสุทินยังมองว่าส่วนหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณยังเคลื่อนไหวได้ เพราะสื่อบางส่วนที่ได้ประโยชน์ยอมตกเป็นเครื่องมือ โดยได้ตั้งข้อสังเกตกรณีที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทยได้เชื่อมสัญญาณ การปาฐกถาของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ปาฐกถาผ่านวิดีโอลิงค์ไปที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศใน ฮ่องกง (เมื่อ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา) ซึ่งวิธีการเช่นนี้ไม่เคยมีประเพณีปฏิบัติมาก่อน และไม่ใช่หน้าที่ของผู้สื่อข่าวในไทยที่จะต้องไปเชื่อมสัญญาณมา เนื่องจากที่ฮ่องกงก็มีผู้สื่อข่าวของแต่ละสำนักข่าวทำหน้าที่รายงาน ข่าวอยู่แล้ว กรณีนี้จึงมองว่าสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทยกำลังรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่หรือไม่


 


อย่างไรก็ตาม นายสุทินมองว่าบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณต่อไปจากนี้ คงไม่มีอะไรมาก แต่ตนนึกถึงเพลง "ไอ้หน้าเหลี่ยม" เมื่อปี 2549 ตอนหนึ่งที่บอกว่า "อีกหน่อยมันคงเป็นโรคประสาท แก้ผ้าอาละวาดอยู่บนป้ายโฆษณา" คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำได้แค่นั้นจริงๆ


 


 


คาดเสื้อแดงไร้น้ำยา-จบดื้อๆ แบบเดิม ลั่นอธรรมไม่เคยชนะธรรมะ


ด้านนายเสริมสุขกล่าวว่า ถ้าดูการเตรียมการณ์ของเจ้าหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาลที่เข้มข้นกว่าคราวที่ แล้ว มีการนำหน่วยกำลังหลักเข้าไปในทำเนียบ คงจะป้องกันไม่ให้บุกเข้าไปข้างใน ขณะที่ฝ่ายเสื้อแดงก็บอกว่าจะไม่เข้าไป ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไร อาจจะพยายามยืดเยื้อเพื่อสร้างภาพให้เห็นว่ารัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นก็จะจบแบบครั้งแรก


 


นายสุทินกล่าวทิ้งท้ายว่า ความรุนแรงมันจะเกิดก็ต่อเมื่อมีการเตรียมการมานาน ไม่ใช่เกิดปุ๊บขั้นมาทันที ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง และเชื่อว่าพลังของพวกนี้ไม่สามารถเข้มแข็งพอที่จะมาต่อต้านกับพลังของธรรมะ ได้ เพราะอธรรมไม่เคยชนะธรรมะ


 


 


สนธิไม่เชื่อโฟนอินที่โมนาโค อาจแค่เกาะกง-สามเหลี่ยมทองคำ


ล่าสุด เมื่อเวลา 6.00 น. วันนี้ (26 มี.ค.) ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้จัดรายการ Good Morning Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV โดยตอนหนึ่งกล่าวว่า ถ้าทักษิณโฟนอินมาจากโมนาโค สัญญาณต้องดีเลย์ 3 วินาที แต่ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าโฟนอินมาจากโรงแรมแถวสามเหลี่ยมทองคำ เกาะกง หรือฮ่องกง มีทีมงานเข้าไปจัดการให้เรียบร้อย มีกล้อง มีไฟ มีอุปกรณ์ที่เขาเรียกว่า OB ที่จะเอาภาพเชื่อมสัญญาณส่งขึ้นไปบนดาว แล้วพวกเสื้อแดงเอาจานรับดาวเทียมรับลงมาถ่ายทอดสู่จอ โดยดาวเทียมอาจจะเช่าของพม่า หรือเขมร และผมได้ข่าวที่ค่อนข้างแน่นอนว่ามีเจ้าหน้าที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 จำนวน 2 ราย ซึ่งผมไม่ขอระบุชื่อ ไปดำเนินการจัดการให้ทักษิณโฟนอิน ต้องถือว่าช่อง 11 เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา


 


นายสนธิยังกล่าวถึงแกนนำเสื้อแดงว่าขอเตือนสติ และว่าต้องสู้อยู่นานนะกว่าจะชนะ อย่ามาแค่ 2-3 วัน ต้องสักอย่างน้อย 194 วัน เชื่อผมสิ ต้องอยู่ ไม่อยู่ไม่ได้ แล้วเวลาไปสั่งข้าวสั่งของ สั่งอาหารแถวนางเลิ้ง เอาเงินให้เขาด้วย อย่าสั่งด้วยปาก แล้วถึงเวลาเก็บเงินใครไม่ได้ เจ้าของร้านเขาต้องทำอาหารทิ้งไว้เพราะไม่รู้ และอากาศร้อน น้ำต้องมี อาหารการกินต้องดี และอย่าไปเอาพวกหมอนวดรับจ้างมาเป็นหมอ ต้องเอาหมอจริงๆ พยาบาลจริงๆ แบบพันธมิตรฯ ทำแบบนี้เชื่อผมชนะแน่นอน แต่ต้อง 194 วันนะ


 


 


บอกพันธมิตรฯ ไม่ต้องสนใจเสื้อแดง กลับบ้านอาบน้ำอาบท่าฟังเพลง


นายสนธิยังวิจารณ์นายขวัญชัย ไพรพนา ว่าไม่อยู่กับร่องกับรอย เพราะเคยประกาศไม่ร่วมกับเสื้อแดง แต่วันนี้กลับมาอีก และขอฝากผู้ชมว่าเสื้อสีเหลืองคือธรรมแห่งดวงจิต เสื้อสีเหลือง กับ เสื้อสีแดง ต่างกัน เสื้อสีเหลืองคือดวงธรรมประจำจิต เสื้อสีแดงคือโลหิตประจำเดือน นะครับ วันนี้ก็หลีกเลี่ยงถนนราชดำเนิน แถวทำเนียบ กลับบ้านอาบน้ำอาบท่า ไปฟังเพลงสบายๆ ไม่ต้องสนใจ ทหารทำอะไรพวกเขาไม่ได้ ตำรวจทำอะไรเขาไม่ได้ แต่องค์สุริยาที่ส่องแสงจะกำจัดคนพวกนี้เอง


 


นอกจากนี้นายสนธิ ยังกล่าววิจารณ์ น.ส.วิสาระดี เตชะธีระวัฒน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.เชียงราย โดยบอกว่า น.ส.วิสาระดีมีแซ่แต้ เตี่ยเคยเป็น ส.ส.เชียงราย อ้างว่าจบ ป.ตรี ป.โท จากเมืองนอก เช็คแล้วแค่สถาบันการศึกษาเล็กๆ และยังว่า น.ส.วิสาระดี เป็นคนหน้าตาดี รูปร่างดี และพลาดในสภา ที่ถูกศาลฟ้องนั้นถือว่าชัดเจน เพราะ น.ส.วิสาระดี ไปหาว่าศาลกลั่นแกล้ง จึงขอเตือน น.ส.วิสาระดี ว่าคนบางคนเกิดแล้วอีกนานกว่าจะดับ แต่กลัวว่าคุณจะเกิดและดับทันที และนายสนธิยังกล่าวว่าชื่อคุณนี้ประหลาดผมจำไม่ค่อยได้


 


 


ที่มา: เรียบเรียงจาก ASTV [1] [2] [3] และ ASTVผู้จัดการออนไลน์ [4] [5]

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net