Skip to main content
sharethis


ที่มาของภาพ: ASTVผู้จัดการออนไลน์


 


วันนี้ (12 เม.ย. 52) ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2552 เรื่อง "การทำลายความมั่นคงของรัฐ เกียรติภูมิ และศักดิ์ศรีของชาติ" กล่าวหาว่า ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง เป็น "กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร" ได้ "พยายามเปลี่ยนสถานภาพการชุมนุมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและสถาบัน พระมหากษัตริย์ มาเป็นกองโจรอันธพาล" และ "ทำลายชาตินำประชาชนไปยั่วยุให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลัง สลายอย่างรุนแรง แสดงเจตนาต้องการความสุ่มเสี่ยงให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการขยายมวลชน สนองความต้องการส่วนตัวของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร"


 


ในแถลงการณ์ยังเรียกร้องให้ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ปลด "สุเทพ-ประวิตร-อนุพงศ์-กำธร-พัชรวาท" เพราะล้มเหลวในการรักษาความมั่นคงของชาติ


 


แถลงการณ์ยัง อ้างว่า "การดูแลรักษาความปลอดภัย ในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ตลอดจนการรักษาความสงบเรียบร้อยของชาติ และการฟื้นฟูชาติบ้านเมือง เพื่อนำพาความสงบสุขกลับสู่มาตุภูมิอีกครั้งหนึ่ง" คือ "ภารกิจใจกลางที่สำคัญที่สุดของประชาชนชาวไทยในปัจจุบัน" จึงเรียกร้องให้ประชาชนทุกพื้นที่ "ผนึกกำลังสามัคคีกันจัดตั้งกลุ่มดูแลรักษาความปลอดภัยของตนเองขึ้น เพื่อป้องกันกลุ่มโจรมาข่มเหงทำร้าย และเตรียมความพร้อมที่จะดูแลชาติบ้านเมือง เตรียมความพร้อมที่จะใช้พลังของมวลหมู่ประชาชนได้โดยทันทีที่เกิดการจลาจล หรือกลียุคที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้สิทธิเอาไว้"


 


ในแถลงการณ์ยังยืนยันความถูกต้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยอ้างว่าเป็นการชุมนุมอยู่เพียงด้านหน้าอาคาร และฝ่ายรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ปิดสนามบินเอง นอกจากนี้พันธมิตรฯ "ก็ยังมีเหตุผล มีความจำเป็น และมีความชอบธรรมในการยกระดับการกดดันเพื่อขับไล่รัฐบาลฆาตกรหุ่นเชิดขายชาติ ที่ได้อำนาจรัฐมาจากการโกงการเลือกตั้งซึ่งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญให้ออกไปโดย เร็วที่สุด อันจะเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาชีวิตผู้ชุมนุมให้รอดพ้นจากการที่รัฐบาลในขณะนั้น" โดยอ้างว่ารัฐบาลขณะนั้น "ได้ปล่อยให้มีการเข่นฆ่าประชาชนตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2551 ตามมาด้วยระเบิด M-79 รายวัน"


 


 







แถลงการณ์ ฉบับที่ 2/2552


พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


เรื่อง "การทำลายความมั่นคงของรัฐ เกียรติภูมิ และศักดิ์ศรีของชาติ"


 


ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เคยอีกเรียกร้องต่อรัฐบาล 13 ข้อ ตามแถลงการณ์ฉบับที่ 29/2551 ลงวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551 และแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ความไม่น่าไว้วางใจก่อนหน้านี้ด้วยการออก แถลงการณ์ฉบับที่ 1/2552 เรื่อง คำเตือนต่อการวางเฉยกรณีมีการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ลงวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552 พร้อมเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลและทหารให้ทำหน้าที่เพื่อให้แก้ไขปัญหาความ มั่นคงของรัฐ อย่างเร่งด่วน ซึ่งปรากฏว่ารัฐบาลและทหารยังคงเพิกเฉยและไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้องแต่ ประการใด


 


กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้พยายามเปลี่ยนสถานภาพการชุมนุมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและสถาบัน พระมหากษัตริย์ มาเป็นกองโจรอันธพาลทำลายชาตินำประชาชนไปยั่วยุให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลัง สลายอย่างรุนแรง แสดงเจตนาต้องการความสุ่มเสี่ยงให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการขยายมวลชน สนองความต้องการส่วนตัวของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรทั้งสิ้น ดังปรากฏเหตุการณ์ดังต่อไปนี้


 


วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552 กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ได้ขัดขวางและปิดล้อมรถยนต์ส่วนบุคคลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าทุบรถและกระจกรถของนายกรัฐมนตรี จนแตก อันเป็นเจตนาพยายามทำลายทรัพย์สินและทำร้ายร่างกายนายกรัฐมนตรี โดยปราศจากความรับผิดชอบจากฝ่ายความมั่นคงและอำนาจรัฐใดๆ


 


วันพุธที่ 8 เมษายน 2552 กลุ่มมวลชนสนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ได้นำมวลชนปิดล้อมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ อันเป็นบ้านพักของ ฯพณฯ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพื่อกดดันขับไล่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ให้ลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี เป็นการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อการละเมิดพระราชอำนาจและพระราชอัธยาศัยของพระ มหากษัตริย์ในการแต่งตั้งคณะองคมนตรีตามรัฐธรรมนูญ และเป็นเจตนาการคุกคามสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและซึ่งไม่เป็นไปตามวิถีทางแห่ง รัฐธรรมนูญ


 


วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน 2552 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สมรู้ร่วมคิดกับผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ทำการปิดการจราจรบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอันเป็นการยึดศูนย์กลางขนส่งมวล ชนกรุงเทพซึ่งทำร้ายประชาชนทุกระดับในกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังเป็นการทำร้ายผู้ป่วยจำนวนมากอย่างอำมหิตที่ไม่สามารถเข้าออกและ ใช้บริการโรงพยาบาลถึง 4 แห่ง เป็นการคุกคามและทำลายสิทธิเสรีภาพของคนกรุงเทพกว่า 10 ล้านคนอย่างรุนแรง ทำลายเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของชาตินับหลายแสนล้านบาทย่อยยับไม่เว้นแม้ แต่ในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นการทำลายชาติอย่างไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง


 


พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การกระทำดังกล่าวข้างต้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการชุมนุมที่หน้าอาคารผู้ โดยสารสนามบินของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะนอกจากหลักฐานจะปรากฏชัดเจนว่าผู้ที่ออกคำสั่งในการปิดสนามบินจะเป็น ฝ่ายรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) แล้ว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังมีเหตุผล ความจำเป็น และความชอบธรรมในการยกระดับการกดดันเพื่อขับไล่รัฐบาลฆาตกรหุ่นเชิดขายชาติ ที่ได้อำนาจรัฐมาจากการโกงการเลือกตั้งซึ่งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญให้ออกไปโดย เร็วที่สุด อันจะเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาชีวิตผู้ชุมนุมให้รอดพ้นจากการที่รัฐบาลในขณะ นั้นได้ปล่อยให้มีการเข่นฆ่าประชาชนตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2551 ตามมาด้วยระเบิด M-79 รายวัน


 


วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2552 รัฐบาล ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย ปล่อยให้ผู้ชุมนุมและแกนนำผู้สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ เข้าไปในโรงแรม รอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา เพื่อยื่นหนังสือและทำลายภาพลักษณ์นายกรัฐมนตรี ในการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศ คู่เจรจา อันเป็นการทำให้เกิดการบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อสายตานานาชาติในการรักษาความ ปลอดภัยของประเทศไทย


 


จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นเป็นผลทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยได้เตรียมการและมีความพร้อมที่จะออกมาชุมนุมอย่างสงบ สันติ อหิงสา และปราศจากอาวุธอีกครั้งเพื่อปกป้องให้รอดพ้นจากการทำลายความมั่นคง ศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิของชาติ แต่รัฐบาลแจ้งว่าไม่สามารถรับประกันได้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ ผู้นำของกองทัพบางคน จะฉกฉวยโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อใช้กำลังสลายการชุมนุมทุกกลุ่มโดย อ้างเหตุว่าประชาชนทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้ออกประกาศฉบับที่ 1/2552 ลงวันที่ 11 เมษายน 2552 เพื่อให้ประชาชนเข้าใจในสถานภาพที่ไม่สามารถนำมวลชนออกมาเป็นเหยื่อทางการ เมืองและการทหารได้ และเรียกร้องให้รัฐบาล ทหาร และตำรวจได้ทำหน้าที่ตามกฎหมายในการปกป้องความมั่นคง เกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของประเทศ


 


วันเสาร์ที่ 11 เมษายน 2552 รัฐบาล ทหาร และตำรวจ ยังไม่ดำเนินการเยียวยาแก้ไขปัญหาดังกล่าว กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้บุกเข้าไปในโรงแรมอันเป็นสถานทีประชุม ได้ทำลายทรัพย์สิน ข่มขู่ คุกคามอย่างรุนแรง จนอาจเป็นภัยต่อ ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของผู้นำ และเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมประชุม เป็นเหตุให้การประชุมต้องล่มลง ซึ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ของคนไทยทั้ง 64 ล้านคน และประชาชนของประเทศที่เข้าร่วมประชุมกว่า 2,000 ล้านคนอย่างย่อยยับ อีกทั้งรัฐบาลได้ประกาศออกพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินล่าช้าเกินไปหลัง จากที่สถานการณ์ฉุกเฉินได้ผ่านพ้นไปแล้ว อันเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เสียหายมากขึ้นไปอีก


 


จากสถานการณ์ดังกล่าวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงมีมติให้ออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้


 


1. ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความสำเร็จของระบอบ ทักษิณในการทำลายชาติบ้านเมือง และทำลายผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้ง 63 ล้านคน และทำลายผลประโยชน์ประชาชนของประเทศที่เข้าร่วมประชุมกว่า 2,000 ล้านคน และเป็นความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของรัฐบาลที่ไม่สามารถรักษากฎหมายความ ปลอดภัย และผลประโยชน์แห่งชาติไว้ได้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด คือพยานหลักฐานที่ชัดเจนและสมบูรณ์ว่าการเมืองแบบเก่าของฝ่ายระบอบทักษิณที่ ประสบความสำเร็จด้วยการทำลายชาติและฝ่ายรัฐบาลปราชัยต่อการรักษาชาติ ล้วนล้มละลายและรอวันพังพินาศอย่างเดียวเท่านั้น ประชาชนไทยทั้งประเทศจึงไม่สามารถตั้งความหวังใดๆไว้กับระบอบทักษิณ หรือรัฐบาลปัจจุบันได้ จึงจำเป็นต้องหาทางพึ่งพาตัวเองเป็นสำคัญ


 


2.เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีคนนี้มีความสัมพันธ์กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถใช้กลไกของรัฐและสั่งการเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ ดังนั้นความล้มเหลวในการประชุมครั้งนี้ได้ทำลายเกียรติภูมิของประเทศชาติ อย่างย่อยยับ เรา จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีได้แสดงความกล้าหาญด้วยการรับผิดชอบ และแสดงภาวะความเป็นผู้นำด้วยการปรับเปลี่ยนรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยทันที


 


3.ภารกิจใจกลางที่สำคัญที่สุดของประชาชนชาวไทยในปัจจุบันนี้คือ การดูแลรักษาความปลอดภัย ในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ตลอดจนการรักษาความสงบเรียบร้อยของชาติ และการฟื้นฟูชาติบ้านเมือง เพื่อนำพาความสงบสุขกลับสู่มาตุภูมิอีกครั้งหนึ่ง จึง เรียกร้องให้ประชาชนทุกพื้นที่ ผนึกกำลังสามัคคีกันจัดตั้งกลุ่มดูแลรักษาความปลอดภัยของตนเองขึ้น เพื่อป้องกันกลุ่มโจรมาข่มเหงทำร้าย และเตรียมความพร้อมที่จะดูแลชาติบ้านเมือง เตรียมความพร้อมที่จะใช้พลังของมวลหมู่ประชาชนได้โดยทันทีที่เกิดการจลาจล หรือกลียุคที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้สิทธิเอาไว้


 


4. ขอแสดงความเสียใจต่อบรรดามิตรประเทศและประชาชนของมิตรประเทศที่เข้าร่วม ประชุมที่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการประชุมให้เป็นผลสำเร็จตามประสงค์ และขอแสดงความเสียใจต่อบรรดาผู้ที่ได้รับความเสียหายเดือดร้อนทั้งหมด เราขอประณามการประกาศความสำเร็จในการทำลายชาติของนักโทษชายทักษิณและพวก และขอแสดงความเสียใจต่อความพ่ายแพ้ของรัฐบาลในการรักษาชาติดังกล่าว


 


ด้วยจิตคารวะ


พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net