Skip to main content
sharethis


เมื่อเวลาประมาณ 23.50 น. วันที่ 12 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย แถลงเป็นครั้งที่ 3 ของวัน กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 2 วัน ที่มีเหตุการณ์การก่อความไม่สงบที่เมืองพัทยา เมื่อวานนี้ และในกรุงเทพมหานครวันนี้ รัฐบาลได้เดินหน้าในการที่จะนำความสงบกลับสู่บ้านเมืองอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอน โดยตนได้มีโอกาสชี้แจง กับประชาชนไปแล้ว 2 ครั้ง และครั้งที่ 2  คือ หลังจากได้มีการประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดินในภาวะฉุกเฉินร้ายแรงในเขต กทม. และปริมณฑล ตนขอถือโอกาสนี้เรียนกับพี่น้องประชาชน ขอเรียนถึงความคืบหน้าของตนและผู้ที่เกี่ยวข้อง


 


นายก รัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ประการแรก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองพัทยาที่มีผู้ชุมนุม ได้เข้าไปก่อความวุ่นวายจนกระทั่งทำให้รัฐบาลไทยต้องเลื่อนการประชุมสุดยอด อาเซียน และอาเซียนกับคู่เจรจา ซึ่งนำมาซึ่งความเสียหายอย่างมากต่อบ้านเมืองนั้น บัดนี้ศาลจังหวัดพัทยาได้ออกหมายจับแกนนำ นปช.กรณีสร้างความวุ่นวาย ทั้งสิ้น 5 คน หนึ่งในนั้นคือ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ซึ่งข้อหาที่ศาลได้ออกหมายจับนั้น มีหลายข้อหา ตั้งแต่ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ร่วมกันกระทำการให้ทางสาธารณะอยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นอันตราย แก่การจราจร  กระทำ การให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ร่วมกันบุกรุก โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งให้เลิกมั่วสุม ร่วมกันเดินแถวเดินขบวน ลักษณะกีดขวางการจราจรและร่วมกันวางตั้งยื่น ลักษณะกีดขวางจราจร ซึ่งอยากเรียนกับพี่น้องประชาชน ว่า พฤติกรรมเหล่านี้ได้มาเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครเกือบตลอดทั้งวัน ในวันนี้


 


นายก รัฐมนตรี กล่าวว่า พี่น้องประชาชนที่ติดตามข่าวสารจะได้เห็นภาพอย่างชัดแจ้งว่าบัดนี้เป็นที่ ประจักษ์ว่าการกระทำของบุคคลเหล่านี้ ไม่ใช่เป็นการชุมนุมโดยอาศัยสิทธิเสรีภาพที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด แต่เป็นการอ้างหลักการประชาธิปไตย เพื่อระดมมวลชนมาก่อความวุ่นวายขึ้น ในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง มีทั้งการปิดการจราจรในหลายทางแยด บางแห่งมีการตรวจค้นยานพาหนะประชาชนที่สัญจรไปอย่างผิดกฎหมาย รวมถึง แยกในบริเวณทำเนียบรัฐบาล และแยกดินแดง นอกจากนั้นในการปราศรัยได้มีการปลุกระดมมวลชนให้มีการทำผิดกฎหมายอย่าง ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการยุยง ให้มีการเคลื่อนออกไปเพื่อบุกรุกสถานที่ราชการ เพื่อที่จะทำลายทรัพย์สิน ประกาศที่จะจับบุคคล โดยที่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจ รวมถึงก่อความวุ่นวายในภาพรวม หรือก่อจลาจล สิ่งเหล่านี้ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนใน กทม. และที่สำคัญคือว่า ส่งผลอย่างยิ่งต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย


 


นายก รัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ส่วนในต่างจังหวัด ในบางภาค เช่นภาคเหนือ ภาคอีสาน เชียงใหม่ ลำปาง อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย ก็มีความพยายามที่จะร่วมกันของหมู่ประชาชนที่จะให้ก่อความเดือดร้อนให้ ประชาชนในพื้นที่ แต่การกระทำเหล่านั้น อาจจะทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตนขอย้ำกับพี่น้องประชาชนอีกว่า รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโดยเริ่มต้นในช่วงบ่าย ตั้งแต่การประกาศใช้กฎหมายพิเศษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งหมายรวมถึงเจ้าหน้าที่ของทุกกระทรวงทบวงกรม สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยมีความมั่นใจว่าจะดำเนินการหลายสิ่งหลายอย่างได้ อยู่ในกรอบของกฎหมายตามอำนาจที่กำหนดไว้ในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน การปฏิบัติหน้าที่ในขณะนี้ ขอเรียนว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้เคลื่อนย้ายกำลังเข้าปฏิบัติภารกิจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความ ปลอดภัยสถานที่สำคัญ แหล่งเศรษฐกิจ ตลอดจนระบบสาธารณูปโภค ของ กทม. และปริมณฑล เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ซึ่งในปัจจุบันกำลังตำรวจและทหารได้เข้าประจำจุดดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย แล้ว 


 


นายก รัฐมนตรี กล่าวว่า ตนต้องการที่จะสื่อสารให้พี่น้องประชาชน ได้โปรดอย่าตื่นตระหนก และเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และเป็นไปตามข้อกำหนดที่ได้ประกาศไว้ในการพระราชกำหนดการบริหารราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่มีความจำเป็นใด ๆที่พี่น้องตื่นตระหนก นี่คือการปฏิบัติการที่เป็นขั้นเป็นตอน เพื่อนำไปสู่การรักษาสถานการณ์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและกลับเข้าสู่ ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ตนขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ตนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพี่น้องจะเห็นว่า ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นรองนายกฯ รมว.กลาโหม รมต.ประจำสำนักนายกฯ ตลอดจนผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพ และตัวแทนของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากผู้บัญชาการกำลังอยู่ระหว่างการตรวจพื้นที่ ได้มาประชุมปรึกษาหารือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามขั้นตอน เป็นไปตามกฎหมายและจะบรรลุวัตถุประสงค์โดยให้ส่งผลกระทบกระเทือนในลักษณะที่ เป็นความเสียหายน้อยที่สุด


 


นาย อภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า สิ่งที่จำเป็นต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน และสื่อมวลชนในขณะนี้คือว่าเรื่องของข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริง พี่น้องจะได้มีโอกาสเห็นภาพเหตุการณ์มากมายในวันนี้ ในขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุม กลับพยายามสื่อสารเป็นทางอื่นว่า มีการใช้ความรุนแรง จากทางฝ่ายเจ้าหน้าที่หรือจากทางฝ่ายรัฐบาล  ตน ขอปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง และขอให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามภาพข่าวสารต่างๆ ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ เป็นหลักฐานพยาน ที่จะยืนยันได้ว่าข้อเท็จจริงนั้น เป็นอย่างไร ยิ่งกว่านั้น มีความพยายามที่จะปล่อยข่าวให้เกิดความเข้าใจว่ามีความไม่เป็นเอกภาพในการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ มีความแตกแยก หรือมีความพยายามยุยงส่งเสริมให้เกิดวามหวาดระแวง  ปล่อย ข่าวในลักษณะที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ถึงความแน่วแน่ มั่นคงของการทำงานร่วมกันของรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ขอให้สื่อสารมวลชนและประชาชน ได้กลั่นกรองข้อมูลข่าวสารทั้งหลายและที่สำคัญคือว่าคอยติดตามข่าวสาร ซึ่งตนและคณะจะพยายามสื่อสารข้อเท็จจริงต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เพื่อให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง


 


นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า สุดท้าย อยากจะกราบเรียนพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ว่า การที่เราจะนำเอาความสงบเรียบร้อยกลับคืนมา มีประสิทธิภาพนั้น สำคัญที่สุด คือความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ถ้าพี่น้องประชาชนไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย ไม่มีการรักษากฎหมายอีกต่อไป ตนขอความกรุณาว่าพบเห็นการกระทำใดที่ผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามจุดต่างๆ ได้ ขอให้มีความมั่นใจอีกครั้งหนึ่งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เป็นมิตรกับประชาชนทุกคน ไม่ประสงค์ที่จะใช้ความรุนแรง แต่กำลังปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาหลักการความถูกต้อง และกฎหมายของบ้านเมือง


 


ตนขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่งว่า ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังดำเนินการไป ตามเป้าหมายที่ตนได้ประกาศไว้ในช่วงเช้าวันนี้ว่า ในช่วงวันหยุด 3-4 วันนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลจะทำงานตลอดเวลาเพื่อนำความสงบสุข ความถูกต้อง และหลักการของการเป็นบ้านเมืองที่ปกครองด้วยกฎหมายกลับคืนสู่สังคมของเรา เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน และเพื่อความมั่นคงในการที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมต่อไป ตนขอขอบคุณพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง และพร้อมที่จะรายงานสถานการณ์ให้ข่าวสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่องต่อไป ขอขอบคุณ 


 


 


ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net