เปิดฉากประชุม 2 สภาวันแรก จี้รัฐบาลตอบข้อสงสัยสลายการชุมนุม

วานนี้ (22 เม.ย.) เป็นวันแรกของการเปิดเวทีหารือร่วมรัฐสภา ระหว่าง ส.ส. และ ส.ว. เพื่ออภิปรายทั่วไปเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตทางการเมืองตามคำขอของรัฐบาล โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ในวันที่ 22-23 เม.ย.นี้ โดยการประชุมเริ่มต้นเมื่อเวลา 10.00 น. ซึ่งมี สส.และ สว.เข้าร่วมแล้ว 317 คน จาก 617 คน โดยเกินกึ่งหนึ่ง และมีผู้ชุมนุมทยอยเดินทางเข้าร่วมหลังจากนั้น

 

 

"ชัย" ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ฉายคลิปฝ่ายค้านในสภา

นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวชี้แจก
ก่อนการประชุมรัฐสภาเพื่ออภิปรายทั่วไป ว่าถ้าฝ่ายค้านจะนำภาพหรือคลิปวิดีโอเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงมาเปิดในห้องประชุมคงไม่อนุญาต ถ้าจะนำมาเผยแพร่ต้องผ่านการตรวจสอบก่อน โดยจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปิดกั้นหรือกลั่นแกล้งฝ่ายค้าน และทางที่ดีหากฝ่ายค้านมีข้อมูลการเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมก็ควรดำเนินการตามกฎหมาย

 

นอกจากนั้นยังแจงด้วยว่าในการประชุมตนเองและนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา จะสลับกับทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อให้การประชุมเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง

 

 

เพื่อไทยยื่นสภาสอบรัฐหมกเม็ดสลายชุมนุมเสื้อแดง

10.30 น. บริเวณหน้าห้องนักข่าว รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทยและเครือข่ายฯ พล.ต.อ.วิรุฬ พื้นแสน ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สอบสวนการสลายการชุมนุมที่ไม่ชอบตามกฎหมาย จากหลักฐานที่ชัดเจนที่ทหารหน่วยรบจำนวนมาก พร้อมอาวุธสงครามเข้าสลายปราบปรามการชุมนุม เป็นเหตุให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บและมีผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง


นอกจากนี้ ยังขอให้ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของหน่วยรักษาความปลอดภัย (การ์ด) ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 2 คน ที่พบศพในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ชุมนุมที่ถูกให้ข่าวบิดเบือนแต่เพียงด้านเดียวโดยรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

 

ทั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้เผยถึงผลการรับแจ้งเรื่องร้องทุกข์และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมล่าสุดพบว่า มีผู้บาดเจ็บ 37 สูญหาย 12 ราย เสียชีวิต 2 ราย ทรัพย์สินเสียหาย 8 ราย และอยู่ในระหว่างการควบคุมตัว 9 ราย

 

 

"มาร์ค" แจงยังเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้


ในที่ประชุมสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงในที่ประชุมถึงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่ามีการปรึกษากับคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีมติคณะรัฐมนตรีแล้วในช่วงบ่ายของวันที่ 12 เมษายน ได้ไปแถลงข่าวที่กระทรวงมหาดไทย และทันทีที่แถลงเสร็จกำลังเดินทางกลับออกจากกระทรวงมหาดไทย ปรากฏว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้เข้ามาและพยายามทำร้าย ส่วนเหตุผลที่ยังไม่เลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ และบางจังหวัด เพราะมีแกนนำผู้ชุมนุมบางคนให้สัมภาษณ์ยืนยันกำลังเคลื่อนไหวต่อสู้โดยใช้อาวุธ หากส.ส.ท่านใดสามารถพูดคุยกับแกนนำให้ชุมนุมโดยสงบ ก็ขอให้ทำ

 

สำหรับกรณี 2 ศพที่ลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา นายอภิสิทธิ์ชี้แจว่าได้มีการตรวจสอบพบว่าบุคคลทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ในคืนวันที่ 13 เมษายน ซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่มีการคลี่คลายสถานการณ์ตามจุดต่างๆ ของ กทม.แล้ว และผู้ที่ให้การในการสอบสวนที่พบบุคคลทั้งสองก่อนเสียชีวิตก็ได้ยืนยันว่าบุคคลทั้งสองไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม ดังนั้นการดำเนินการทั้งหมดก็ผ่านไปตามแนวนโยบายที่ให้ไว้

ส่วนกรณีมีผู้อภิปรายกล่าวหารัฐบาลปฏิบัติสองมาตรฐานนั้น นายกฯ กล่าวว่า ยอมรับว่าไม่สบายใจเช่นเดียวกัน แต่หลายคดีถูกดำเนินการในสมัยรัฐบาลก่อน รวมทั้งอาจต้องผ่านกลไกอื่นและไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐบาล ส่วนเรื่องมวลชนเสื้อน้ำเงินนั้น ได้ให้นโยบายในคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้(21 เม.ย.) ว่าต้องช่วยกันทำให้มวลชนที่ใส่เสื้อสีไม่เพิ่มจำนวนขึ้นอีก รวมทั้งได้กำชับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งออกรณรงค์การปกป้องสถาบัน จะต้องไม่มีเรื่องสีเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะผู้ปกป้องสถาบัน ควรใส่เสื้อได้ทุกสี

 

 

ส.ส.ชัยภูมิอัดรบ. 2 มาตรฐาน-รธน.มีปัญหา จี้ยุบสภา

นายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย อภิปรายตำหนิรัฐบาลพร้อมนำภาพถ่ายผู้บาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงมาแสดงจำนวน 3 ภาพ โดยระบุว่า ที่กลุ่มเสื้อแดงออกมาชุมนุมเพราะเห็นว่า มีคนไม่ได้รับความยุติธรรม รัฐบาลปฏิบัติ 2 มาตรฐานหลายเรื่อง เช่น คดียุบพรรค คดีนายสมัคร สุนทรเวช กรณีจัดรายการชิมไปบ่นไป คดีต่างๆเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มเสื้อแดง เช่น พันธมิตรฯยิงแท็กซี่ที่วิภาวดีซอย 3 กลับไม่รีบ แต่ไปรีบจัดการกลุ่มเสื้อแดง รวมถึงการสลายการชุมนุมที่พบว่า นายวิเชียร ขีดกลาง ถูกยิงบาดเจ็บหนัก นอกจากนี้รัฐบาลยังเข้ามาโดยมิชอบ รวมถึงปัญหารัฐธรรมนูญ 50 ที่ออกโดย คมช.และการที่ฝ่ายราชการสั่งระดมคนเสื้อน้ำเงิน ฉะนั้นขอเสนอให้คืนอำนาจให้ประชาชน ให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ ถึงวันนั้นค่อยมาช่วยกันแก้กติกาบ้านเมือง และอโหสิกรรมกัน ให้ถือว่า สิ่งที่ผ่านมาโหดร้ายทารุณ

 

 

"จตุพร" ปูด "รองปธ.คิงพาวเวอร์" เอี่ยวรถแก๊สที่ดินแแดง

เมื่อเวลา 10.40 น.นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ที่อาคารรัฐสภา ถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่ากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ก่อเหตุสร้างความวุ่นวายในช่วงที่ผ่านมาว่า ที่บอกว่าการกระทำหลายอย่างเป็นการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อสร้างสถานการณ์นั้นล้วนแต่โยนความผิดให้คนเสื้อแดงทั้งสิ้น แม้กระทั่งการจิกหัวผู้หญิงของนายทหารยศพันโท และการเอาปืนทุบหัวประชาชน ก็จะมีการนำข้อมูลมาแสดง โดยเฉพาะกรณีรถแก๊สที่สามเหลี่ยมดินแดง
คนไทยจะช็อกเลยว่า ตอนเช้าก่อนที่จะเอารถออกมาจากดินแดงนั้น ไปจอดเก็บไว้ ณ จุดใด ตนก็เพิ่งได้รับรู้วันนี้ว่า ทั้งหมดนั้น เป็นการสร้างสถานการณ์ทั้งสิ้น

 

"ผมขอบอกว่านายอภิสิทธิ์ก็จะช็อกเหมือนกัน ไม่ว่านายอภิสิทธิ์จะรู้หรือไม่รู้ก็ตามว่า ก่อนที่จะมีคนเอารถแก๊สออกจากดินแดงนั้น เอารถแก๊สไปจอดจุดใดเป็นจุดสุดท้าย และคนที่ทำก็เป็นพวกแวดล้อมรัฐบาล ณ วันนี้จึงเป็นว่าเรื่องที่เกิดที่นางเลิ้ง เพชรบุรีซอย 5 ซอย 7 มีพยานหักล้างกันอยู่แล้ว หรือแม้กระทั่งคนเสื้อสีน้ำเงินกับทหาร ไปยืนยันว่าเป็นพวกเดียวกัน แต่ว่าที่เป็นใบเสร็จสามารถมัดเลยว่ารถแก๊สที่มาสร้างสถานการณ์กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงมีความประสงค์สร้างความรุนแรงโดยไม่ได้คำนึงถึงชีวิตประชาชน"

 

"ผมก็เข้าใจผิดมาหลายวันว่ารถแก๊สนี่มาจากไหน แต่ผมเพิ่งได้เอกสารมาว่ามาจากจุดที่คนไทยนึกไม่ถึงว่ารัฐบาลชุดนี้จะชั่วช้าถึงขนาดนี้ แล้วก็ไม่มีการแจ้งความ ไม่มีข่าวเลยว่ารถแก๊สไปจอด ณ จุดนั้น แต่มีภาพถ่าย เห็นป้ายสถานที่ชัดเจน ลองนึกดูว่าสิ่งใดเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลชุดนี้ คือมันกลายเป็นว่าทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเรื่องความรุนแรงนั้น เกิดขึ้นมาจากกลุ่มคนของรัฐบาลทั้งสิ้นนะครับ จากจุดสถานที่ซึ่งเป็นพรรคพวกของรัฐบาล พอเปิดรูปในที่ประชุมสภาแล้วจะร้องอ๋อกันทั้งบ้านทั้งเมืองว่ารัฐบาลชุดนี้ชั่วช้าได้ขนาดนี้" นายจตุพร กล่าว และแนะให้ไปดูว่า รองประธานบริษัท คิงพาวเวอร์ จำกัด เคยเป็นอะไรมาก่อน

 

นายจตุพรกล่าวด้วยว่า นายชัย ควรปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาฯ โดยไม่ทำตัวเป็นพ่อของนายเนวิน หากยังทำตัวเป็นพ่อนายเนวิน การอภิปรายจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากนายชัยไม่ยอมให้เปิดหลักฐานหรือคลิปวีดีโอระหว่างการประชุมร่วม 2 สภา ก็ไม่รู้ว่าจะอภิปรายไปทำไม เนื่องจากไม่เข้าใจว่ารัฐสภา เปิดอภิปรายเพื่อหาหลักฐาน หรือมาฟังการแก้ตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีการใช้อาวุธสงคราม มีผู้อธิบายถึงการใช้เอ็ม 16 และปืนอาก้า แม้กระทั่ง เอ็ม 79 มีแผลของผู้ได้รับบาดเจ็บ

 

นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานการให้ปากคำของญาติผู้เสียชีวิต 2 ศพ ที่ยืนยันว่ามาร่วมเป็นกลุ่มรักษาความปลอดภัยของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และมีใครไปข่มขู่คุกคามอย่างไร ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้วางส.ส.ไว้ 18 คน เพื่ออภิปรายและแบ่งเวลาไว้อย่างเหมาะสม

 

นายจตุพรกล่าวต่อว่า การออกหมายจับของนายอภิสิทธิ์นั้นทำอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งไม่รู้ว่ายังสติดีอยู่หรือไม่ที่ออกหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าไปมั่วสุมเกิน 10 คนตามกฎหมาย หรือเกิน 5 คนตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นการออกหมายจับที่ซี้ซั้วไปหมด ในต่างจังหวัดก็ยังออกหมายขับข่มขู่ประชาชน ซึ่งแสดงว่าสิ่งที่นายกฯ บอกว่าต้องการแสวงหาความสงบนั้นไม่จริง แต่เป็นการให้ตำรวจไปหาเรื่องคนเสื้อแดงตลอดเวลา และนายกฯ เป็นตัวการของความไม่สงบ

 

ส่วนข้อซักถามกรณีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศเชื่อว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเกี่ยวข้องกับการทำร้ายแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ นายจตุพรกล่าวว่า นายกษิตยังปากดีไม่เลิก และหาก พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 ที่ระบุว่าจะทำคดีของกลุ่มพันธมิตรฯ ให้เสร็จในสัปดาห์นี้ นายกษิตก็จะต้องถูกออกหมายจับด้วย แต่หากชื่อของนายกษิตไม่มีอยู่ในหมายจับ ก็แสดงว่าคดีของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่สามารถดำเนินคดีกับใครได้

 

แต่ก็เป็นธรรมดาของนายกษิต ที่นึกอะไรไม่ออกก็จะโยนความผิดให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้แกนนำพันธมิตรฯ เอง ก็ยังบอกว่ากลุ่มคนเสื้อแดงและเสื้อเหลืองอย่าไปตกหลุมพราง แล้วนายกษิตเป็นใคร ซึ่งเรื่องนี้ลูกชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็พูดว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการทำนั้นมี 4 กลุ่ม แต่ตนก็ไม่รู้ว่านายสนธิไปทำอะไรที่สร้างความเจ็บช้ำให้คนอื่นบ้าง และสิ่งที่นายสนธิบอกกับลูกชายว่า เป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก

 

ในตอนท้ายนายจตุพร กล่าวถึงการขอเอกสิทธิ์คุ้มครองระหว่างสมันประชุมสภาฯ ว่า ไม่เคยขอใช้เอกสิทธิ์ แต่เป็นการทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 131 และตนเองไม่ใช่คนแรกที่ใช้สิทธิ์นี้ พร้อมย้ำว่าจะไม่มีการร้องขอเอกสิทธิจากพรรคประชาธิปัตย์หรือสภานี้

 

"ผมจะไม่ร้องขอสภานี้ ผมมีเกีรติพอ" นายจตุพรกล่าว

 

 

ส.ว.สรรหาค้านนิรโทษฯคดีการเมือง-หนุนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ในสภาเวลาประมาณ 11.30 น. นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา ลุกขึ้นกล่าวอภิปรายว่า ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา เป็นห่วงการทำงานของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่ในการพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย และมีหน้าที่ร่วมกับกองทัพในการปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมเดชานุภาพ ฉะนั้น นายกฯ จึงไม่มีหน้าที่ลาออกหรือยุบสภา รัฐบาลจะต้องทบทวนนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่นโยบายประชานิยม หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถขอได้จากมูลนิธิไทยพัฒนาได้

 

สำหรับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นขอตั้งข้อสังเกตว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นผลดีต่อพรรคการเมือง และรัฐบาลมากกว่าเพื่อส่วนรวม ซึ่งวุฒิสภาได้ตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา จึงได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ โดยเฉพาะมาตรา 190 และมาตรา 237 เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน มีการตั้งข้อสังเกตว่า ม.190 ไม่จำเป็นต้องแก้ไข เพียงแต่รัฐบาลหรือสภาอาจจะต้องออกกฎหมายลูกเพื่อมารองรับ

 

ส่วนประเด็นการนิรโทษกรรม โดยอ้างว่าให้นิรโทษกรรมเฉพาะคดีการเมือง แต่ตนกลับเห็นว่าโทษการเมืองที่ต้องตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 5 ปี ซึ่งเกิดจากการกระทำทุจริตเลือกตั้ง ถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรมทางการเมือง ถ้ากกต.จับไม่ได้พรรคการเมืองก็ได้ประโยชน์เต็ม 100 จะให้กรรมการบริหารพรรคคนเดียวรับผิดชอบคงไม่เป็นธรรม

 

สำหรับความวุ่นวายในบ้านเมืองยังไม่ยุติ จำเป็นต้องมีกฎหมายรองรับในการดูแล ดังนั้น พ.ร.ก.ฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้ และควรใช้ต่อไป จนกว่าเหตุการณ์จะสะเด็ดน้ำ แต่หากจะยกเลิกต้องถามจากฝ่ายความมั่นคงก่อน อย่าถามคนใกล้ตัว หรือหากจะยกเลิกเพื่อเป็นอำนาจต่อรองทางการเมือง ก็ควรจะให้อำนาจทหารในการดูแล ด้วยการใช้กฎอัยการศึกก่อนส่งมอบบ้านเมืองให้รัฐบาล

 

 

"สุเทพ" ปัด 2 มาตรฐาน แจงสภาฯ ยิบคืบหน้าคดีเสื้อเหลือง

 

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวชี้แจงในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา กรณีมีผู้อภิปรายกล่าวหารัฐบาลปฏิบัติสองมาตรฐานกับผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ว่า ยืนยันรัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติ คดีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มีความคืบหน้า ดังนี้ ในคดีแรกยึดทำเนียบรัฐบาลนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนพยานเสร็จแล้ว และส่งสำนวนให้อัยการ เช่นเดียวกับคดีบุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที นอกจากนี้ คดีบุกยึดสนามบินดอนเมือง อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน โดยสอบสวนพยานไปแล้วทั้งหมด 292 ปาก คาดว่าจะสรุปสำนวนได้ภายใน30วัน ส่วนคดีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ได้สอบสวนพยานไปแล้ว 198 ปาก แต่ยังต้องรอสอบพยานสำคัญอีก 4 ปาก คิดว่ามีผู้ต้องหา 28 คน คาดว่าจะส่งสำนวนให้อัยการได้ภายใน 1-2 สัปดาห์

 

นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณี นายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำรูปนายวิเชียร ขีดกลาง พร้อมอ้างว่าเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บถูกทหารยิงในวันที่ 13 เม.ย. ว่า ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ขณะนี้นายวิเชียรรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า และตามรายงานของศูนย์นเรนทรระบุว่า นายวิเชียรถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมิชชั่น เมื่อวันที่ 13 เม.ย. จากนั้นถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อผ่าตัดต้นขาที่ถูกยิง ทั้งนี้ได้ตรวจสอบกระสุนพบว่า กระสุนดังกล่าวไม่ใช่กระสุนจากอาวุธสงครามหรืออาวุธประจำกาย รวมทั้งในเวลา 14.00-15.00 น. ไม่มีการปฏิบัติการทางทหารใกล้แยกอุรุพงษ์ ตามที่กล่าวอ้าง

 

"เป็นที่น่าสังเกตว่า ได้มีผู้นำนายวิเชียรย้ายโรงพยาบาลไปอยู่โรงพยาบาลพระรามเก้าตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. แต่ได้เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ในเวลา 5 ทุ่ม" นายสุเทพ กล่าว

 

 

"เทพไท" วอน "แม้ว-จักรภพ" หยุดเคลื่อนไหวโจมตีประเทศ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรียุติการกล่าวจาบจ้วงสถาบัน และยุติการกล่าวหาว่าการสลายการชุมนุมมีผู้เสียชีวิต ทั้งที่หลายฝ่ายยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณเปรยกับสื่อต่างประเทศว่าการไล่จับตนเหมือนกับเผาบ้านไล่หนูตัวเดียว ตนอยากโต้แย้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่หนู แต่เป็นคนที่เดินออกจากบ้านไปแล้วหันกลับมาเผาบ้านตัวเอง จนทำให้คนที่หวังจะอยู่ในบ้านอย่างสงบสุขต้องเดือดร้อน

 

นอกจากนั้นขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงการต่างประเทศ ตรวจสอบการเดินทางออกนอกประเทศของ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนเสื้อแดงด้วย ว่า เดินทางออกไปประเทศที่ 3 ได้อย่างไร เพราะนายจักรภพยังมีหมายจับในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอยู่ หากต้องการออกนอกประเทศต้องขออนุญาตจากศาล สิ่งที่นายจักรภพให้สัมภาษณ์ล่าสุด ว่าจะนำอาวุธมาโค่นล้มรัฐบาลก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาชัดเจนในข้อหากบฏ ดังนั้นฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องหาข้อมูลมาให้ได้ว่านายจักรภพออกไปทางไหน

 

"ผมอยากเรียกร้องให้บุคคลทั้งสอง ที่คนหนึ่งเป็นคนหนีความผิด อีกคนเป็นผู้ถูกออกหมายจับยุติการเคลื่อนไหวโจมตีประเทศ เพราะไม่อยากให้ประเทศเสียหายเพราะการกระทำของบุคคลแค่ 2 คน เท่านั้น"

 

 

ฝ่ายค้านซัดรบ.ใช้อำนาจนอกระบบทำเหตุพัทยาบานปลาย

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้น มีการกล่าวอ้างถึงสถาบัน ซึ่งไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง และเมื่อมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่พัทยา นายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ก็ได้นำคนนอกรัฐบาลเข้ามายุ่งเกี่ยวจนทำให้เหตุการณ์ต่างๆ บานปลายขึ้น ต่อมามีการออกพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีการสลายการชุมนุมประชาชนด้วยอาวุธสงครามดังที่ปรากฏ ซึ่งสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาแม้มีการประกาศใช้พ.ร.ก.แต่ทหารกลับไม่ดำเนินการใดๆ แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ทหารได้ออกมาปฏิบัติการดังกล่าว ต่อมามีเหตุการณ์ลองสังหารแกนนำคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตร ทำให้ลูกชายของแกนนำที่ถูกยิงและแกนนำพันธมิตรบางคนได้ให้สัมภาษณ์โดยมีข้อน่าสังเกตว่า ไม่มีการพูดพาดพิงไปถึงว่าเป็นการกระทำของกลุ่มคนเสื้อสีแดงเลย ทั้งที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงมีความขัดแย้งกันสูง แต่ลูกของแกนนำและแกนนำพันธมิตรกลับไปมองว่าเป็นฝีมือของอำนาจนอกระบบโดยสีอีกสีหนึ่งที่รองนายกฯ ใช้ปฏิบัติการอยู่ขณะนี้ ซึ่งเป็นเรื่องคาดไม่ถึง

 

นายชวลิต กล่าวต่อว่า ยังมีกรณีที่กระทรวงมหาดไทยจะระดมคน 2 แสนใส่เสื้อสีน้ำเงินในวันฉัตรมงคล เป็นเรื่องอันตราย รวมถึงยังมีหลักฐานคลิปคนที่ไม่ใช่คนในรัฐบาลไปปรากฏตัวสั่งการที่พัทยา ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เรื่องบานปลาย รวมถึงกรณีที่มีการยิงเอ็ม 79 ใส่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่รองนายกฯด้านความมั่นคงกลับรีบออกมาบอกว่าเป็นฝีมือของนปช.ถามว่ามีหลักฐานอะไร เป็นการเติมน้ำมันเข้ากองไฟ

 

"หากนายกฯ ยังปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพอย่างนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกมากขึ้นผมไม่อยากให้นายกฯ ซึ่งอายุยังน้อยอยู่บนบัลลังก์ที่ข้างล่างเต็มไปด้วยกองเลือด ขอให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ว่าฝ่ายใดจะได้รับบาดเจ็บ นายกฯ ต้องเป็นตัวของตัวเอง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการปฏิบัติในเชิงข่มขู่ ฟาดฟัน ซึ่งไม่ใช่วิสัยของนายกฯ นอกจากนี้การที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ออกมาขู่นายกฯ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายกฯ ต้องเลือกระหว่างอยู่ข้างประชาธิปไตยกับการรับใช้เผด็จการที่ตกทอดมาจากปี 49" นายชวลิต กล่าว

 

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า เรื่องที่สมาชิกสะท้อนออกมาเรื่องความอยุติธรรม ยอมรับว่า ประชาชนรู้สึกเช่นนั้น และรัฐบาลก็กำลังพยายามแก้ปัญหาอยู่ ส่วนเรื่องสองมาตรฐาน หลายเรื่องไม่ได้เกิดในรัฐบาลนี้ อย่าง พันธมิตรฯยิงปืนในวิภาวดีซอย 3 พอตนเข้ามา ตนเชิญผบ.ตร.มาหารือให้เป็นคดีเร่งด่วน และเร่งออกหมายจับไปแล้ว ส่วนเรื่องระดมเสื้อน้ำเงิน ตนให้นโยบายไปเมื่อวานว่า กระทรวงมหาดไทย ไม่ควรจะมีการระดมเสื้อสีต่างๆขึ้นมาอีก เพราะสถาบันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยปกป้อง ส่วนเรื่องรูปผู้ได้รับบาดเจ็บ ขอให้ส่งมาจะได้ช่วยกันพิสูจน์

 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เห็นด้วยกับการไม่สมควรแอบอ้างสถาบันและดึงลงมาเข้าสู่วังวนความขัดแย้งทางการเมือง แต่ถึงวันนี้ยังมีความพยายามกล่าวพาดพิงบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับสถาบัน และขอยืนยันว่ายังไม่มีผู้บาดเจ็บที่เกิดจากอาวุธสงครามจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องแยกแยะระหว่างการประกาศใช้ พ.ร.ก.และการได้รับบาดเจ็บของประชาชน และจนถึงวันนี้ต่างชาติ โดยเฉพาะผู้นำในกลุ่มอาเซียนเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อได้รับคำชี้แจงจากรัฐบาล ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นของไทยในฐานะประธานอาเซียน

 

 

นายกฯ ให้ "สุเทพ" แจงดึง "เนวิน" เอี่ยวเหตุวุ่นที่พัทยา

เมื่อเวลาประมาณ 12.25 น. นายอภิสิทธิ์ ตอบคำถามสมาชิกรัฐสภากรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาเมื่อวันที่ 8-9 เมษายนที่ผ่านมา ว่าได้รับทราบบ้างหรือไม่ โดยนายกฯ กล่าวว่า บังเอิญว่าหลังเกิดเหตุการณ์ที่พัทยา ทำให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเกิดความวุ่นวาย จึงขอเรียนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาวันดังกล่าวนั้นตนไม่ได้รับทราบเรื่อง แต่มารับทราบในภายหลังจากที่เป็นข่าวและก็เกิดความไม่สบายใจ และคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น


ส่วนประเด็นเรื่องของการปกป้องสภาบันเบื้องสูงนั้น นายกฯ กล่าวว่า เห็นด้วย และตนได้พูดชัดเจนแล้วว่าเราต้องไม่ให้มีการจาบจ้วงและแอบอ้าง จึงได้ถือนโยบายนี้มาตลอดว่าไม่ให้สถาบันเบื้องสูงถูกดึงเข้ามาสู่ความขัดแย้ง และในช่วงที่มีความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมเราก็ไม่สบายใจว่ามีการพาดพิงถึงสถาบัน ซึ่งเราก็ได้พยายามขอความร่วมมือในเรื่องนี้ว่าอย่าได้พูดถึง ซึ่งตนก็ได้ให้สัมภาษณ์ในแนวทางนี้มาตลอด


"สำหรับเรื่องคำถามที่ว่าได้มอบหมายให้รองนายกฯ (สุเทพ เทือกสุบรรณ) ดำเนินการร่วมมือกับคนนอกรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการดูแลรักษาความสงบในพื้นที่พัทยานั้น ขอเรียนว่า ในเรื่องความมั่นคงท่านรองนายกฯ เป็นผู้ดูและจะชี้แจงต่อไป เพราะในขณะนั้น ผมอยู่ในระหว่างดำเนินการเตรียมการจัดประชุมอาเซียน แต่จะเข้ามาดูแลชัดเจนในช่วงที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และอย่างที่เห็นว่าได้มีการดำเนินการร่วมกับฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงเรื่องการจัดกลุ่มมวลชนออกมาต่อต้านกันเพื่อให้เกิดความยุ่งยาก ยืนยันว่าไม่มี"


สุดท้ายประเด็นคำถามเรื่องการใช้อาวุธสงครามปราบปรามประชาชน นายกฯ กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาชัดเจน และรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็ไม่มีการระบุว่าเป็นสาเหตุมาจากการใช้อาวุธสงคราม ซึ่งได้รับการยืนยันจากทางคณะแพทย์และโรงพยาบาล แต่จะขอให้แยกแยะการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กับการใช้กองกำลังเป็นคนละเรื่องกัน ในเรื่องของปัญหาการบาดเจ็บ ความสูญเสียเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ ถ้ามีข้อมูล ก็ขอให้นำมาพิสูจน์ และขอให้ความสบายใจไม่ต้องกังวลในส่วนนี้


"ส่วนเรื่องของการยอมรับในต่างประเทศนั้น บทบาทของไทยในอาเซียนได้รับการยอมรับอย่างมาก โดยเฉพาะในฐานะประธานอาเซียน บนเวทีการประชุมจี-20 ที่กรุงลอนดอน ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร แม้จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นแต่ก็มีความเป็นประชาธิปไตยชัดเจน เข้าใจว่าเราได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดในการรักษาความสงบเรียบร้อย" นายกฯ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยที่ท่านได้เล่าว่าไม่มีการชักชวนเพื่อนำมวลชนไปล้อมศาลากลาง เป็นเรื่องดีที่ผู้ที่มีความเห็นที่แตกต่างทางการเมืองจะคิดเห็นเหมือนท่าน เพื่อที่จะได้นำงบประมาณในส่วนนั้นมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศดีกว่า ส่วนปัญหาการเมืองนั้นก็ค่อยมาคลี่คลายกันต่อไป หากสามารถทำให้ผู้ชุมนุมคิดได้เช่นนี้จะมีประโยชน์มาก

 

 

ส.ว.แนะรบ.ย้ายคนในครม.ที่รับฝากมาดีกว่าโยกขรก.

นายกฤต อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร กล่าวตั้งคำถามว่าวันนี้รัฐบาลได้ตอบคำถามสองมาตรฐานได้ชัดเจนหรือยัง ส่วนของฝ่ายที่ร้องเรียนขอสองมาตรฐานก็ต้องระบุมาเลยว่ามีอะไรบ้างที่ 2 มาตรฐาน รัฐบาลจะได้ตอบคำถามเพื่อให้มหาชรนได้ทราบ ชี้แจงในส่วนราชการหนังสือพิมพ์ สำหรับอะไรที่ก่ำกึ่งก็ให้รัฐบาลจัดการไปเลย หากรัฐบาลแก้ปัญหาคำว่า 2 มาตรฐานบ้านเมืองจะเดินไปไม่ได้ ส่วนเสื้อแดงก็ต้องทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอะไรคือสองมาตรฐาน


นายกฤต กล่าวถึงเสื้อแดงว่า ผู้ที่มาชุมนุมกว่า 80-90 % เป็นชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา ล้วนแต่เป็นคนยากจน รวมกับพวกกรรมกรในกรุงเทพฯ คนขับรถแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก ไม่ว่าจะมาประท้วงด้วยเหตุผลใดก็ตามคนเหล่านี้ได้เข้ามาร่วมกัน แต่วันนี้รัฐบาลขับไล่เสื้อแดงออกไป ประชาชนวิ่งกระเซอะกระเซิงออกไปกระจายไปทั่วประเทศไทย รัฐบาลต้องเยียวยา รัฐบาลมีแผนการที่จะทำให้บุคคลเหล่านี้หายความบอบช้ำหรือยัง แล้วรัฐบาลได้ใจคนเหล่านี้หรือยัง

 

นายกฤต กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องทำในวันนี้รัฐบาลต้องเตรียมเยียวยาคนเหล่านี้ พี่น้องประชาชนน่าสงสารเศรษฐกิจก็ไม่ดีการเมืองก็แย่ มีผู้ได้เสนอให้รัฐบาลย้ายข้าราชการฝ่ายความมั่นคง ซึ่งการย้ายข้าราชการแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะรัฐบาลได้ย้ายมาหลายคนแล้วคิดว่าจะแก้ปัญหาได้หรืออย่างไร แต่คนที่คิดควรจะย้ายให้กลับไปดูในหมู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) คนที่รับฝากมาคนที่ไปปิดสนามบินรัฐบาลต้องพิจารณาเพราะถ้าไม่เอาคนนี้ไว้ไปปัญหาไม่หยุด และที่สำคัญคือ การแก้รัฐธรรมนูญ แต่มีปัญหาตรงนี้คือเจ้าของไม่ยอมให้แก้ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ใช่ของใคร ถ้ารัฐบาลสามารถแก้ได้ความสมัครสมานสามัคคีจะแก้ไขได้เช่นเดียวกัน

 

 

เพื่อไทยแบกกระทะรถเมล์โชว์สภาฯ อ้างถูกกระสุนเอ็ม16


นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เกี่ยวกับการสลายการชุมนุมเสื้อแดง เมื่อวันที่ 22 เม.ย. พร้อมแสดงรูปถ่ายผู้ชุมนุมเสื้อน้ำเงิน ว่า มีความพยายามให้ร้าย จัดฉากและสร้างฉาก เพื่อสร้างวุ่นวาย หวังปิดฉากการชุมนุมของเสื้อแดงหรือสร้างความเกลียดให้เกิดกับคนเสื้อแดง นอกจากนี้ อยากถามว่า เหตุใดลูกชายประธานสภาผู้แทนราษฎรไปโผล่แถวม็อบเสื้อน้ำเงินที่พัทยา อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าหลักฐานรูปถ่ายนี้ จะทำให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ไม่พอใจหรือไม่


ขณะนายชัย กล่าวว่า "ผมไม่มีความไม่สบายใจ แต่ค่อยๆ พูด ระวังเส้นโลหิตแตก"


นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่าถูกกลุ่มคนเสื้อแดงทำร้ายจนซี่โครงหัก เมื่อวันที่ 13 เม.ย.แต่เมื่อวันที่ 17 เม.ย.กลับวิ่งขึ้นบันไดได้ ถามว่าสร้างภาพหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีการจับผู้ต้องหาเตรียมลอบวางเพลิงธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ และตึกซีพี ถ.สีลม โดยให้การรับสารภาพว่าถูกจ้างด้วยราคา 5 พันบาทนั้น เป็นโจรกระจอก ทั้งที่จริงการจ้างในรูปแบบนั้นต้องราคาหลักแสน รวมทั้งรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุเป็นทะเบียนบุรีรัมย์


ส.ส.เชียงใหม่ กล่าวว่า คนเสื้อแดงปลอมได้ขับรถแก๊สไปจอดไว้ที่แฟลตดินแดงก่อนนำไปจอดที่ดิวตี้ฟรี ถ.รางน้ำ ถ้าเป็นตน ตนยอมตายระเบิดไปแล้ว นอกจากนี้ คนเสื้อแดงปลอมยังได้ขับรถประจำทางไปขวางถนน ทั้งที่มีทหารตั้งด่านจำนวนมาก เป็นการเล่นละครใส่กัน เพื่อให้เสื้อแดงเสียหายมากที่สุด ส่วนการลอบยิงมัสยิด ถ.เพชรบุรี เป็นประเด็นทางการเมือง เนื่องจากคนที่มานั่งแถลงในตอนหลังเป็นคนของรัฐบาล


นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ยังได้นำกระทะล้อรถเมล์ โดยนายสุรพงษ์ อ้างว่า กระทะรถดังกล่าวถูกกระสุนปืนเอ็ม 16 ยิงจนรู 2 รู ทั้งที่ทหารอ้างว่าใช้กระสุนหัวกระดาษ ถามว่ากระสุนหัวกระดาษจะใช้ยิงทะลุกระทะเหล็กได้อย่างไร


"มีการให้ร้ายนายใหญ่ ยอมรับเลยให้เป็นนายใหญ่ ท่านนายกฯ ทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) มีการให้ร้ายตลอดเวลา ทั้งที่เรียกร้องประชาธิปไตยโดยสันติ พอได้วีซ่าในฐานะทูตพิเศษประเทศนิการากัว แล้วเอามาเล่นข่าวเป็นตุเป็นตะ" นายสุรพงษ์ กล่าว

 

ส.ส.เพื่อไทย กล่าวว่า ที่วันนี้ไม่ได้เอาศพมาโชว์ เพราะถูกเผาทำลายไปหมดแล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน

 

 

"มาร์ค" ปัดสั่งฆ่า ปชช.ยันแข็งรอพอเปิดสภาให้อภิปรายได้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวอภิปรายหลังจากที่ถูกกล่าวหาว่าสั่งฆ่าประชาชนว่า "สิ่งหนึ่งที่ต้องปฏิเสธใช้คำว่าผมหรือรัฐบาลสั่งฆ่าประชาชนไม่เคยมีแนวคิดนี้หรือคำสั่งจากผมที่จะใช้ความรุนแรง ที่ผ่านมาการทำงานของรัฐบาลเน้นความโปร่งใส ให้ทุกฝ่ายตรวจสอบได้ ขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิง และที่บอกว่าผมกุมขมับเป็นเรื่องปกติ ของคนทำงานเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก็ถูกถ่ายได้ ผมเข้มแข็งขอที่จะเปิดสภาให้อภิปรายได้"

 

 

"วิทยา" ป้องแพทย์ราชวิถีไม่เลือกสีดูแลผู้ป่วยตรงไปตรงมา

นายวิทยา แก้วภราดรัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข กล่าวชี้แจงในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 22 เมษายน กรณีที่แพทย์โรงพยาบาลราชวิถีถูกพาดพิงทำให้เข้าใจว่าแพทย์ที่ดูแลนายวิเชียร ขีดกลาง ผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งแพทย์ถูกกล่าวหาว่าได้ให้สัมภาษณ์ทำนองให้ร้ายผู้ป่วยจนเกิดความเสียหาย ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ว่าเหตุการณ์ในอดีตหากเกิดในสถานการณ์เช่นนี้ความเสียหายค่อนข้างจะรุนแรง ซึ่งนโยบายของรัฐบาลต้องปฏิบัติกับผู้ป่วยด้วยความเป็นธรรมไม่แยกแยะผู้ป่วยสีเขียว หรือแดง แพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยได้ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ไม่มีใครที่จะปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้ วันที่ผมไปเยี่ยมผู้ป่วยรายนี้ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าใส่เสื้อสีแดง แต่ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลตอดว่าดูแลผู้ป่วยตรงไปตรงมา ซักถามตลอดว่าผู้ป่วยถูกยิงด้วยอะไร แต่ถ้าอยากทราบว่าถูกยิงด้วยกระสุนเอ็ม 16 เป็นอย่างไรมาดูที่ตน


นายวิทยา กล่าวถึงกรณีรถแก๊สที่เสื้อแดงนำไปจอดที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12-14 เมษายน แพทย์กระทรวงสาธารณสุข กังวลมากที่สุด ต้องเรียกประชุมฉุกเฉินกรณีที่คนร้ายได้นำรถแก๊สไปจอดที่ชุมนุมประชาชน และมีการเปิดแก๊สออกมา ซึ่งได้เรียกแพทย์ฉุกเฉินเมื่อครั้งที่ระเบิดที่เกิดแก๊สระเบิดขึ้นที่ถนนเพชรบุรี โดยแก๊สจะอยู่ในรัศมี 200 เมตร สิ่งจำเป็นที่กระทรวงสาธารณสุข ไม่อาจรับมือได้ก็ต้องรายงานนายกรัฐมนตรี เพราะพิษของแก๊สที่สามแยกดินแดงสามารถลามไปถึงโรงพยาบาลราชวิถี นายกฯต้องสั่งอพยพคน


"ไม่ว่าใครก็ตามผมคิดว่าใครที่คิดระเบิดแก๊สผมจะตามเอาตัวมาให้ได้ ผมคิดว่าข้อเท็จจริงค่อนข้างเป็นที่ประจักษ์ ผมในฐานะกำดับดูแลกระทรวงสาธารณสุข หากไม่ตรงไปตรงมาผมในฐานะคนดูแลกระทรวงสาธารณสุข ก็พร้อมรับผิดชอบ" นายวิทยากล่าว

 

 

 

เตือนรบ.ระวัง ปชช.จะสร้างกองกำลังขึ้นมาปกป้องตัวเอง

นายตวง อัณทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวอภิปรายว่า ขอให้นายกรัฐมนตรี (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ให้ฟังก่อนแล้วค่อยลุกขึ้นมาโต้เพราะเป็นโลกเทคโนโลยีประชาชนตัดสินใจได้ ถ้าเราเชื่อมั่นประชาชน ไม่เห็นความจำเป็นต้องมาโต้ตลอด ไม่มีเวลาพุดถึงอดีต แม้จะพูดเรื่องอนาคตก็ไม่มีเวลาพูดถึงเมื่อวาน พวกเราจะช่วยประเทศไม่ได้ช่วยรัฐบาล เพื่อหาทางออกของปัญหานี้อย่างไร พบว่ารัฐบาลจะทำอะไรก็เกรงว่าจะเกิดข้อครหาที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว พอทำก็เกิดปัญหา เหตุการณ์วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหม่ รัฐบาลต้องทำงานหนักว่าเดิม จะทำอย่างไรกับการชุมนุมนอกพื้นที่ที่จะเกิดขึ้น และจะทำอย่างไรในการเคลื่อนไหวของคน 2-3 คนในต่างประเทศ การจัดการก็ไม่ต้องมาโพทะนา จะบังคับใช้กฎหมายเป็นธรรมเสมอภาคอย่างไร รัฐบาลต้องกลับไปช่างน้ำหนักให้ดีในการคงและประกาศยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในกรณีฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เรื่องสิทธิเสรีภาพ เศรษฐกิจ การเมือง ควบคุมอย่างไรจะยกเลิกอย่างไร
 

นายตวง กล่าวว่า ขอเสนอว่า ส.ว.เห็นตรงกันว่าวิกฤตเกิดเมื่อต้น 2546 ถึงปลายปี 2547 เกิดจากรากเหง้าของการทุจริตอย่างมีขบวนการที่ทุจริตซับซ้อน มีการเรียกร้องให้ชุมนุมประท้วง ปี 2549 ก็มีการยึดอำนาจ แต่อีกพวกก็ลุกขึ้นมาว่าไม่ได้ทุจริตปลุกระดมคนและลุกขึ้นมาต่อสู้โดยใช้ประเทศเป็นเครื่องเดิมพัน จากเหตุการณ์ 2 ครั้ง ไม่ต่างกัน จุดจบคือประชาชนได้รับบาดเจ็บ ประเทศชาติยืนอยู่บนซากปรักหักพัง


"รัฐบาลต้องทบทวนหน่วยงานความมั่นคงและปลอดภัยทั้งในประเทศและนอกประเทศต้องใช้วิกฤตในการกอบกู้และฟื้นฟูภาคประชาชนเพื่อสร้างความสามัคคีของคนในชาติ สร้างกระบวนการเรียนรู้ สร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอย่างเป็นระบบ กระบวนการที่ว่าไม่ได้อยู่ในโรงเรียน หรือกระทรวงศึกษาธิการ" นายตวงกล่าว
 

นายตวง กล่าวว่า เรื่องแรกหน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาลทำมาตรการเชิงรับมากกว่าเชิงรุก ทำไมการป้องกันและรักษาความปลอดภัยต้องปล่อยให้คนไปทุบที่รถนายกฯได้ เกิดครั้งที่ 1 ไม่เป็นไรแต่ยังมีครั้งที่ 2 เกือบเอาชีวิตไม่รอด หากดูแล้วก็เห็นว่านายกมีความอดทน แต่อีกทางทำเพื่อให้เป็นเงื่อนไขเพื่อทำอะไรสักอย่างหรือไม่ วันนี้ระดับผู้ปฏิบัติไม่มีปัญหา เมื่อประชาชนไม่สามารถพึ่งพาเจ้าหน้าที่ได้ประชาชนต้องสร้างกองกำลังขึ้นมารักษากันเอง เหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยกกำลังไปต่อสู้กัน ต้องทบทวนผู้รักษาความมั่นคงภายในให้เป็นระบบและมั่นใจต่อประชาชน ทหารให้กลับกรมกองให้หมด อย่าดึงคนที่รักษานอกประเทศมารักษาภายในประเทศ หน่วยงานด้านข่าวกรองของกระทรวง ทบวง กรม ในประเทศอ่อนมาก อ่อนเกินไปที่จะรักษาประเทศอันเป็นที่รักของเราได้ การรักษาความปลอดภัยของผู้นำประเทศต้องทำให้เป็นมืออาชีพ ถ้าจะเอาให้ตายก็ใช้ปืนหรือระเบิดก็ตายแล้ว ทำให้อายคนทั้งประเทศ รัฐบาลต้องเร่งสร้างเครือข่ายของประชาชนที่รัฐบาลมีอยู่แล้วเป็นทุนของรัฐบาล พวก ประชาคม สมาคม คนเหล่านี้พร้อมปกป้องชุมนุมหมู่บ้านอยู่แล้ว

 

 

"สาทิตย์" จวกแกนนำผู้ชุมนุมบิดเบือน

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาว่า ตนไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำอภิปรายที่บิดเบือนข้อมูล และอธิบายเป็นเท็จมากมาย ซึ่งการลุกขึ้นมาแจงทั้งหมด ทำอยู่บนพื้นฐานชี้แจงข้อเท็จจริงตลอดเวลาที่เกิดเหตุจลาจลเผาเมืองในเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้ การปิดสถานีดีสเตชั่นและวิทยุชุมชน ขอชี้แจงเบื้องต้นที่ระบุว่ารัฐบาลแทรกแซง จัดฉาก และปิดสื่อ โดยข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น การพยายามใช้สื่อในการสร้างประเด็นที่นำไปสู่ความรุนแรงนั้น ใช้โดยแกนนำผู้ชุมนุมตลอดมา โดยเฉพาะคนที่อยู่เบื้องหลัง การปรศรัยผ่านวิดีโอลิงก์ โฟนอินผ่านดีสเตชั่น การสร้างประเด็นผ่านสื่อในประเทศ สื่อนำเสนอโดยไม่ได้ปิดบัง เหตุการณ์ความรุนแรงจึงเกิดขึ้น


"ถ้าดีสเตชั่นถูกปิด แล้วจะเผา ที่ตรงนั้น ตรงนี้ ถ้อยคำพาดพิงพูดถึงแม่ผู้นำประเทศ จะไปปิดล้อมพัทยาล้มการประชุม มีแกนนำบอกว่า เราจะจับนายอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) มาแล้วบีบบังคับให้มันลาออก รวมทั้งคำพูดพาดพิงผู้ใหญ่" นายสาทิตย์ กล่าวและว่า ตนมีคลิปทั้งหมด แกนนำเองที่ใช้วิธีรุนแรง ดีสเตชั่นเปิดมาหลายเดือน แต่ที่มีการปิด เพราะปลุกระดมผ่านดีสเตชั่นและวิทยุชุมชน ทำให้เกิดความรุนแรง


นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ที่ระบุว่าจัดฉาก สร้างให้ดูเลวร้ายนั้น ขอเรียนว่า หลายวันที่ผ่านมาสื่อทำหน้าที่ตรงไปตรงมา สถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดทั้งวัน ประชาชนทราบเหตุการณ์ ไม่ปิดกั้น สื่อนอกก็เผยแพร่ ถ้ามีเหตุที่สร้างฉาก จะไม่สามารถปิดบังสายตาสื่อได้ ซึ่งการชุมนุมสงบ แต่มีภาพผู้ชุมนุมถือระเบิดเพลิงพร้อมขว้าง การรุมทุบทำร้ายทั้งรถที่นายกฯนั่งกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี


นายสาทิตย์ ชี้แจงอีกว่า นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เล่าว่า เหตุเกิดเลวร้ายมาก มีการขู่เอาชีวิต ขว้างก้อนหิน โดยคนขับรถโดนด้ามคมทิ่มลงมาจากหลังคารถ คนขับสร้อยหาย เงินถูกล้วง สภาพโชกเลือด ซึ่งสื่อทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ความพยายามผู้ชุมนุมที่บิดเบือน กลับถูกสื่อจับได้ อันนี้หรือไม่ เพราะจับโกหกกลุ่มแกนนำได้ นอกจากนี้ ยังมีภาพที่ทหารจับคนลงมาจากรถ มีเสียงปืนดัง วันเดียวกัน สถานีโทรทัศน์นำภาพต่อเนื่องมา พบว่า เขาไม่ได้ถูกยิง แต่ล้มลงจากการดำเนินการของฝ่ายกองทัพ ถ้ารัฐทำรุนแรง ไม่มีทางปิดสื่อได้ ส่วนการอ้างว่านำศพไปเผาที่วัดลาดพร้าว 71 ผู้สื่อข่าวก็บุกสัมภาษณ์พระ พาไปดูเมรุก็พบว่าเป็นการทำพิธีตามปกติ

 

 

ส.ส.พผ.เผยแท็กซี่รายได้หดคนรู้สึกไม่ดีไปขึ้นรถอื่นแทน

นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวอภิปรายถึงกรณีที่แท็กซี่มาร่วมกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ประชาชนที่ขึ้นรถแท็กซี่มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อแท็กซี่จึงหันไปใช้บริการอื่นเพราะว่าไม่พอใจแท็กซี่ทำให้รายได้คนขับลดลง จากการที่เชื่อผู้นำบางคน วันนี้หลังมีเหตุการณ์ขึ้นแท็กซี่รายได้ลดลงต้องหาค่าเช่า ตอนนี้แท็กซี่ที่รับผู้โดยสารต่างประเทศลดลงมาก ชาวต่างชาติเองก็หายไป เคยเอาแท็กซี่ไปจอด ส.น.ชนะสงคราม พอที่จะมีเงินรับคนต่างชาติไปพัทยา วันนี้หายไปแล้วนี่คือผลกระทบที่ชัดเจนมาก เจ้าของอู่ก็เดือดร้อนเพราะว่าคนขับแท็กซี่กลัวความผิดทำให้กลับไปบ้านเกิด ไม่มีคนเช่ารายได้เจ้าของอู่ก็ลดลง

 

 

ส.ส.เพื่อไทยย้ำทหารใช้ลูกกระสุนจริงสลายการชุมนุม

 

พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่ากลุ่มเสื้อแดงนั้นล้วนมาด้วยใจ แต่มีการใส่ร้ายว่ามีการจ้างวานกันมา เพื่อมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล นายกรัฐมนตรีต้องไม่ปฏิเสธว่าการได้มาของอำนาจนายกรัฐมนตรีเป็นการผลักดันของทหาร นี่คือเรื่องจริง ท่านไม่สามารถปฏิเสธ ต้องทบทวนโดยอดีตว่าทำไมรัฐบาลต้องทบทวนการทำงานของตัวเองว่าทำไมต้องอยู่ภายใต้อำนาจของทหาร ซึ่งต้นเหตุปัญหาก็อยู่ในอำนาจของทหารเหล่านี้ การเมืองเราเองก็คล้อยตาม อ่อนแอ ผมพยายามที่จะเสนอนายกรัฐมนตรีว่าเศรษฐกิจในขณะนี้มีปัญหา แต่กองทัพก็มีการของบประมาณอย่างมาก เช่น การจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริฟเฟน เป็นต้น ซึ่งการที่รัฐบาลมาจากการผลักดันของกองทัพก็มีการปฏิเสธลำบากในการจัดสรรรัฐบาล

 

หากต้องเป็นรัฐบาลที่อยู่ภายใต้ทหารกลุ่มหนึ่ง มันเป็นประชาธิปไตยไม่ได้หรอก มันก็จะเป็นระบอบอำมาตยาธิปไตยนั่นแหละ ตอนนี้นายกฯคือจ๊อกกี้ กองทัพคือม้า ตอนนี้ต้องมีการแยกหน้าที่ กองทัพต้องเป็นกองทัพ ไม่ต้องมายุ่งการเมือง

 

การสลายการชุมนุมของกองกำลังทหารรัฐใช้มากเกินไป และผมเสียใจที่นายกรัฐมนตรีไม่รอบคอบ เนื่องจากมีการใช้กระสุนจริงในการสลายการชุมนุม เพราะการใช้ลูกกระสุนแบบซ้อมรบนั้นต้องมีการใช้เครื่องอะแด็ปเตอร์ติดตั้งบริเวณปากกระบอกปืน เพราะหากไม่ติดตั้งแล้วจะไม่สามารถยิงลูกซ้อมอย่างต่อเนื่องได้ ซึ่งในการสลายการชุมนุมนั้นปรากฏจากภาพที่เห็นว่าปืนของทหารไม่ได้มีการติดตั้งอะแด็ปเตอร์แต่อย่างใด ทั้งนี้ ผมไม่อยากกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีมีมือที่เปื้อนเลือด

 

 

"เฉลิม" เล่าความหลังชี้ "ทักษิณ" บริสุทธิ์

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายในการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 22 เมษายน ว่า รัฐบาลพยายามที่จะอธิบายเหตุผลที่ค่อยข้างไม่เป็นจริงในเหตุการณ์วันที่ 12 เม.ย.ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศ พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ที่กระทรวงมหาดไทย ได้ติดตามข่าวในวิทยุ พอประกาศเสร็จแล้ว นายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ เลขาธิการนายกฯ ถูกตี ขณะที่การชุมนุมเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาลยังปกติ พอหลังการประกาศถึงมีการยิงปืน ทุบรถนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ต้องเคารพอดีตหัวหน้าพรรคทุกคนเช่น ปชป. ก็เคารพ นายควง อภัยวงศ์ นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค ทุกคนก็เคารพเพราะเป็นพรรบุรุษการเมือง พวกเราก็ชื่นชมเคารพนับคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยก็มากล่าวหาว่าเป็นทายาทอสูร


การเมืองเริ่มต้นตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเล่นการเมือง ประชาชนเลือกตั้งปี 2544 ให้ไทยรักไทย ได้ 248 เสียง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกหาเสียงเหมือนชายน้อยในบ้านทรายทอง และไม่ได้ยกร่างรัฐธรรมนูญให้รัฐบาลแข็งแรง จะไม่ไว้วางใจนายกฯ ต้อง 1 ใน 5 รวบรวมเท่าไรก็ไม่ได้ 1 ใน 5 มีการไม่ไว้วางใจทุกโอกาสที่เอื้ออำนวย บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่สนใจรัฐสภา เพราะติดภารกิจมอบคนอื่นมาปี 2548 มีการชุมนุมที่สวนลุมพินี พรรคปชป.ตบมือว่ายอดเยี่ยมมาก ตอนนั้นสวนลุมพินีเป็นของใคร ของ กทม.ที่มีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่า กทม.สุดท้ายยกจากสวนลุมฯ มาทำเนียบรัฐบาล

 

พอมาเลือกตั้งใหม่ ประชาชนชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบกองทุนหมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค ชนะเลือกตั้งเข้ามาได้ 377 เสียง เข้ามาบริหารบ้านเมือง ก็มาบอกว่าการเลือกตั้งไม่ชอบ ชุดเสื้อเหลืองมีการชุมนุมผู้นำไปขอร้องให้มีการปฏิวัติ ทหารบอกไม่มีๆ แต่พอ 19 ก.ย.49 ก็ออกมาปฏิวัติ โดยให้เหตุผลว่าประชาชน 2 ข้างจะฆ่ากัน แล้วมีการปฏิวัติคือการยึดอำนาจแล้วประกาศว่าว่าปฏิวัติโดย คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)


ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คปค.มีเหตุผล 4 ข้อในการปฏิวัติ สร้างความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับคนในชาติ เรื่องขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ ในระบอบประชาธิปไตย กล่าวหาทุจริต แทรกแซงองค์กรอิสระ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความเสียหายที่ก่อให้เกิดแก่รัฐ (คตส.) ขึ้นมาตรวจสอบ มีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน จากนั้นพรรคไทยรักไทยถูกยุบ แต่ ปชป.รอด พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกทหารปฏิวัติตั้ง คกก.ตรวจสอบทักษิณ มีการร้องว่า นายนาม เป็นอริกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เอาคนเป็นศัตรูมาตรวจสอบไม่ได้ ก็ร้องเรียนมาแต่ก็ไม่เปลี่ยนตัวผู้ตรวจสอบ นายแก้วสรร อติโพธิ คณะกรรมการคตส.พวกใคร พวกปชป. เอาคนเหล่านี้มาตรวจสอบ พ.ต.ท.ทักษิณ


พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำเลยที่ถูกคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี ข้อหาเอาบัตรประชาชนไปให้ภรรยาซื้อที่ดิน ที่บอกว่าเฉลิมพูดตรงนี้เพราะได้เงิน ผมมีเงินไม่ได้ลำบากลำบน นี่มันเริ่มขัดแย้งมาเรื่อยๆ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเชื่อคำแนะนำกองทุนฟื้นฟูที่ทนายแนะนำให้ไปซื้อ กรณีขายต้องให้สามียินยอม กรณีซื้อไม่ต้องสามีไม่ต้องให้สามีเซ็นยินยอม ศาลตัดสินว่าผิดด้วยเสียง 5 ต่อ

 

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่าการดำเนินการต่างๆ ของรัฐบาลหลายๆ เรื่องสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนบางกลุ่ม ทั้งเรื่องการแจ้งข้อหา การดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อย่างไม่ชอบธรรม เพราะกระบวนการดำเนินคดีมาจากการแต่งตั้งบุคคลที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินการ รวมไปถึงการตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดี ทั้งที่คดีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมือง รวมไปถึงการปฏิบัติดำเนินคดีต่อกลุ่มเสื้อเหลือง ซึ่งไม่ได้ดำเนินคดีแต่ต้น เพิ่งจะมาดำเนินการทีหลัง ผิดกับกลุ่มเสื้อแดงที่เร่งดำเนินการจนสร้างความคับแค้นใจให้เกิดขึ้น ขณะที่การสั่งดำเนินคดีกับนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายอริสมันต์ พงศ์ เรืองรอง ที่อาศัยพ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง 2548

 

ทั้งที่เจตนารมณ์ของการออกพ.ร.ก.นี้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ เพราะผู้กระทำผิดบางคนเป็นเพียงแค่การสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ แต่ไม่มีหลักฐานดำเนินคดีอาญา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จึงได้คิดกฎหมายนี้ และผ่านการรับรองจากสภาต่อมา ซึ่งต้องขอต่อศาลก่อนควบคุมตัวไม่ใช่คุมตัวก่อนแล้วขอ พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินให้เฉพาะมีข้อกรณีสงสัย ซึ่งขอควบคุมตัวทีละ 7 วัน พอครบ 30 วัน หากไม่มีข้อกล่าวหาอื่นก็ให้กลับบ้าน ระหว่างควบคุมตัวห้ามปฏิบัติกับบุคคลนั้นเหมือนผู้ต้องหา ก่อนหน้านี้ ศาลให้ประกันตัวนายอริสมันต์ แต่ตอนหลัง มาถอนประกัน ทำให้นายอริสมันต์ต้องหนี รัฐบาลจะเล่นฟรีคิก จะควบคุมตัว 30 วันฟรีๆ ไม่มีรัฐบาลประชาธิปไตย ที่ไหนทำกับผู้ชุมนุม มีแต่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์

 

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวย้ำว่าการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ถูกต้อง เพราะตามมาตรา 5 กำหนดว่าในกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้นายกรัฐมนตรีประกาศได้ โดยความเห็นชอบของครม. และหลังประกาศต้องแจ้งต่อที่ประชุมครม.ใน 3 วัน แต่นายอภิสิทธิ์กลับนำไปประชุมกับครม.แค่ 4-5 คน

 

อย่างไรก็ตาม การที่นายกรัฐมนตรีอ้างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการประชุมครม. มาตรา 8 วรรค 2 ว่า ถ้านายกฯ เห็นว่าต้องเก็บเรื่องการประชุมเป็นความลับ สามารถให้ประชุมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้นั้นไม่ถูกต้อง เพราะการประกาศพ.ร.ก.ไม่ได้เป็นความลับ และพ.ร.ก.เป็นกฎหมายมีศักดิ์สูงกว่าพระราชกฤษฎีกา อีกทั้งพระราชกฤษฎีกานั้น อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญปี 2540 มาตรา 221 แต่รัฐธรรมนูญฉบับนั้น ถูกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ฉีกไปแล้ว ดังนั้นต้องคอยดูคำตัดสินของศาลอาญาในวันที่ 23 เม.ย.นี้

 

"วันนี้ความสมานฉันท์ไม่มีแล้ว อย่ามาเรียกหาความสามัคคี เพราะการ จับกุมกลุ่มเสื้อแดงทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นำไปไว้ที่ค่าย จ.สระบุรี และไม่ยอมนำไปสอบสวนในสน.พื้นที่ที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ขอจำนายอภิสิทธิ์ไว้จนชั่วกัลปาวสานว่า เป็นหัวหน้ารัฐบาลมือเปื้อนเลือดไม่สามารถบริหารประเทศได้แล้ว"

 

ส่วนกรณีเสื้อน้ำเงิน ที่รองนายกฯ กล่าวว่าเป็นอาสาสมัครผู้ว่าฯ ชักชวนมา แต่ที่จริงมาจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 จ.นครราชสีมา 1 กองร้อย อีกส่วนมาจาก จ.บุรีรัมย์ 2 กองร้อย ส่วนที่ 3 มาจาก จ.สุรินทร์ มีกำลังพล 1 กองร้อย ทั้งนี้ เป็นเรื่องประหลาดที่สั่งให้ไปรายงานตัวกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ สถาปนาตัวเองใส่เสื้อน้ำเงิน รับคำสั่งจากบุรุษนิรนาม ไปทำงาน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่อาสาสมัคร แต่เป็นตำรวจผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี ใช้อาวุธ เป็น ยั่วยุเป็น เมื่อกลุ่มเสื้อน้ำเงิน เดินผ่านแถวตำรวจ ตำรวจก็ทำความเคารพ ซึ่งหากเป็นอาสาสมัครใครจะ ทำความเคารพ

 

การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของนายกฯ ที่ จ.พัทยา ซึ่งมีสื่อชมเชย แต่ในที่เกิดเหตุพัทยา นายกฯ ซึ่งเป็นทหารเก่ากลับเป็นคนขึ้นเครื่องลำแรกไปรอที่อู่ตะเภา แทนที่จะให้มิตรประเทศไปก่อน แล้วเราค่อยขึ้นตามมาส่งที่สนามบินอู่ตะเภา และได้รับแจ้งว่าเหตุการณ์รุนแรงที่ระบุว่ามีเพียงแค่กระจกแตก 3 แผ่น เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั้งตลาด

 

"ไม่ได้เรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก. แต่ท่านเป็นนายกฯ คนแรกที่ทำลายบรรยากาศประชาธิปไตย เศรษฐกิจ ของชาติยับเยิน ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ว่าเป็นนายกฯ ประกาศ พ.ร.ก.ใจกลางเมืองหลวง สั่ง ให้ทหารมาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่รู้ว่าใช้ ส่วนไหนของร่างกายคิด ซึ่งหากแน่จริงก็อย่าเลิก พ.ร.ก.ประเทศจะได้ฉิบหายมากกว่านี้"

 

"ผมไม่อยากบอกว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินเป็นการวางงานทั้งนั้น การนำรถก๊าซมาเป็นเหตุผลการสลายการชุมนุม การยิงมัสยิดเพื่อจะไปฟ้องยังตะวันออกกลาง ไม่อยากเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา เพราะเหมือนกับการเข็นลาขึ้นรถ เพราะเมื่อดันลาไปข้างหน้ามันก็จะถอยหลัง หรือหากจะลากถอยหลังก็เดินหน้า จึงของตั้งฉายารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาล "ลาขึ้นรถ" ที่ไม่ฟังใคร" ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยกล่าว

 

 

"สุเทพ" ออกโรงโต้ "เฉลิม" ชุดใหญ่


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวชี้แจงในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญทั่วไป) เมื่อเวลา 20.20 น.วันที่ 22 เม.ย.ว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรงใน กทม.และปริมณฑล (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เมื่อวันที่ 12 เม.ย.เพราะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและจำเป็นจริงๆ ที่ท่านสมาชิกกล่าวอ้างว่า ตอนที่ประกาศยังไม่มีความรุนแรงใดๆ ในกทม.นั้น พูดไม่จริง เนื่องจากช่วงเช้ามืดวันที่ 12 เม.ย. เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง (แกนนำ นบช.) เพื่อนำไปฝากขังที่ศาลฯ ตามหมายจับ ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุม 2 พันคน เคลื่อนย้ายมาปิดล้อมศาลอาญา รัชดา เพื่อบีบให้ปล่อยตัว มีรถรามาจอด เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดใน กทม.หรือประเทศไทย


"สมาชิกยอมรับว่า มีการปิดจราจรที่ดินแดง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พฤติกรรมของผู้ชุมนุม ไม่ใช่การชุนมุสงบตามที่รัฐธรรมนูญอนุญาต แต่ใช้อำนาจล่วงเกินสิทธิประชาชนอื่น คุกคามเจ้าหน้าที่ ขัดขวางการใช้ชีวิต ผู้คนตกใจทั้งบ้านทั้งเมือง ผมเชื่อว่า ประชาชนคิดว่า ควรประกาศก่อนหน้านั้นนานแล้วด้วยซ้ำ" นายสุเทพ กล่าวและว่า รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาอย่างอดทน อดกลั้น เมื่อเห็นว่า ทำร้ายประเทศชาติ ใช้กำลังปิดล้อมที่ประชุมนานาชาติจนเสียหาย กำเริบเสิบสานเข้ามาก่อการในกทม.ไม่เกรงกลัวกฎหมาย รัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่น แต่ต้องคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุด ก่อนทำการประกาศ พ.ร.กฉุกเฉิน ได้พิจารณารอบคอบทุกประการ


นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ขอย้อนไปเหตุการณ์ที่พัทยา ก่อนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีหลักฐาน เทป และคำปราศรัย ของนายอริสมันต์ที่หน้าทำเนียบ ก่อนไปพัทยาว่า จะไปล้มการประชุมอาเซียนซัมมิท พัทยา และได้ดำเนินการอย่างที่พูด ไม่ใช่เรื่องแค่กระจกแตก 3 แผ่น มีกำลังคนบุกโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช ถึงชั้นล่าง ทั้งที่ชั้น 2 ผู้นำประเทศต่างๆ ประชุมกันอยู่ มีผู้ติดตาม เจ้าหน้าที่ ร้องห่มร้องไห้ ไม่ใช่เรื่องทำเล่นๆ ทำจนกระทั่งผู้นำไม่มีกระจิตกระใจประชุม จนนายกฯต้องเลื่อนการประชุม และพยายามฝ่าเข้าไปเพื่อหาตัวนายกฯ เพราะประกาศจะจับตัวนายกฯให้ได้ในวันนั้น จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชักปืนออกมาก จนผู้ชุมนุมตกใจและถอยออกไป ไม่ได้เล็กน้อยอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ระบุ


นายสุเทพ กล่าวต่อว่า การประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เพื่อคุ้มครอง อารักขา ผู้นำให้กลับประเทศอย่างปลอดภัย ซึ่งคนที่บุกรุกก็ไม่ได้ถอยกลับ คุมถึงเย็นวันที่ 11 เม.ย.โดยต้องเคลื่อนย้าย เพื่อส่งทีละรายที่สนามบินอู่ตะเภา บางท่านขึ้นเฮลิคอปเตอร์ หลายท่านต้องรอจนค่ำถึงจะออกจากโรงแรมได้ บางท่านเดินทางโดยเรือ ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม พยายามเสียดสีว่า นายกฯออกไปก่อนเพื่อน "ผมเป็นคนกำกับการเคลื่อนย้าย โดยให้นายกฯไปส่งผู้นำที่เครื่องให้เขาปลอดภัยจนวินาทีสุดท้าย และเพื่อขอโทษ ซึ่งนายกฯยังมาขอโทษนายกฯญี่ปุ่น ที่กลับเป็นคนสุดท้าย โดยเป็นครั้งแรกที่การประชุมนานาชาติล้มอย่างไม่เป็นท่า โดยผู้นำทุกประเทศ เขาก็เห็นใจ เข้าใจ บอกนายกฯว่า ถ้าเป็นประเทศเขา จัดการไปเรียบรอยแล้ว แต่เราอธิบายว่า ใช้ความอดทน อดกลั้น เพราะไม่เคยมีความรุนแรงขนาดนี้ ซึ่งนักการเมืองด้วยกันควรคิดถึงหน้าตาประเทศ ไม่ใช่มุ่งเอาแพ้เอาชนะ จนประเทศชาติย่อยยับขนาดนี้


ส่วนการจับอริสมันต์นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ได้กระทำความผิดกฎหมายอาญา ปลุกปั่น ยุยง ประชาชนให้ลุกฮือ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจขอหมายจับ โดยขอหมายจับ 14 คน แต่ศาลฯออกหมายจับให้นายอริสมันต์คนเดียว แล้วก็ยังไปก่อเหตุที่พัทยาอีก คดีที่ 2 ก็ต้องไปขอศาลพัทยาอีก จากนั้นนายอริสมันต์กลับมาประกาศชัยชนะที่เวทีหน้าทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเช้ามืดวันที่ 12 เม.ย.ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัว โดยให้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปค่ายค่ายนเรศวร เพราะเห็นพฤติกรรมแย่งชิงผู้ต้องหา จึงต้องพาไปไกล ผบช.น.ก็ประกาศให้รู้ว่าจับตัวไว้ที่ไหน ตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ตนยังสงสัยถามว่าทำไมต้องประกาศ แต่ท่านบอกว่าเป็นเรื่อองที่กฎหมายบังคับไว้ ขณะที่นำตัวไป ทนายและญาติที่อ้างตัวก็ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปด้วย


"นายอริสมันต์ ยังล็อคคอนักบินจนต้องนำเครื่องลงจอดระหว่างทาง และต้องใส่กุญแจมือ เพื่อนำตัวไปค่ายนเรศวร แต่การกระทำไม่ได้เกินเลยจากที่กฎหมายให้อำนาจ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ร.ต.อ.เฉลิมอ้างว่า ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เราได้ปรึกษาเจ้าหน้าที่กฤษฎีกา ที่ปรึกษาครม.แล้ว"


นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ทำรุนแรงนั้น รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มือเปื้อนเลือด ยืนยันว่า การแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำให้ใครเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว นายกฯ ไม่ใช่มือเปื้อนเลือดตามที่กล่าวหา ส่วนเรื่องจิกหัวผู้หญิงแล้วลากออกไป ตนเห็นภาพนั้นแล้ว มีการนำไปแสดงตามที่ต่างๆ ผู้ชายคนนี้ทะเลาะกับผู้หญิงใส่เสื้อแดง เขาตบตี กระชาก เรื่องเกิดห่างจากเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเป็นเรื่องของพลเรือนด้วยกัน ไม่เกี่ยวกับทหารและตำรวจ จากนั้นทหารก็เข้ามาช่วยแยกให้ สำหรับประเด็นบอกว่า ที่เกิดเหตุดินแดง เจ้าหน้าที่กดดันเพื่อเปิดการจราจร โดยจับ 12 คน ตอนตี 4 ร.ต.อ.เฉลิม พยายามพูดให้เห็นว่า รัฐบาลทำผิด ก่อนที่จะดำเนินการ เราปรึกษากันแล้ว ฝ่ายกฎหมายบอกว่า เป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า จับได้ จึงจับกุมแล้วนำไปขังที่สระบุรี ไม่ต้องการให้ปัญหาใหญ่โต เพื่อไม่ให้มวลชนแย่งผู้ต้องหาจนปะทะตำรวจไปด้วย ซึ่งไม่ได้เป็นการลุแก่อำนาจอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวหา

 

 

"บุญจง" โต้ ภท.ไม่ใช่งูเห่า-แจงเสื้อน้ำเงินพกอาวุธป้องกันตัว

 

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงในการประชุมร่วมรัฐสภา โดยระบุ ถึงการที่สมาชิกกล่าวหาว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นงูเห่าภาค 2 นั้น ตนเป็นส.ส. ตัวแทนประชาชน มีวิจารณญาณ รัฐธรรมนูญอนุญาตให้หาพรรคใหม่หลังยุบพรรค พรรคพลังประชาชนไม่มีมติว่าจะให้ไปอยู่พรรคใด พวกตน 20 กว่าคนก็มีเอกสิทธิ์เลือกพรรค การกล่าวหาว่า รัฐบาลนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ถามว่าต้องให้คนของตัวเอง หรือญาติพี่น้องของตนเองเป็นนายกฯแล้วจึงจะเป็นประชาธิปไตยหรือ แล้วคนที่อยู่พรรคเพื่อไทยแต่โหวตให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นนายกฯ เรียกว่าอะไร

 

นายบุญจง กล่าวว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้น มีการยุยงปลุกระดมไม่ให้รัฐบาลบริหารประเทศได้ ตนเคารพในความเห็นถ้าทำในกติกา เพราะบ้านเมืองเดินได้ แต่ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ มีการจาบจ้วงดูหมิ่นสถาบัน หลายคนโดนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและหนีออกนอกประเทศ ส่วนที่พูดถึงคนเสื้อน้ำเงิน ฝ่ายมหาดไทยทำโครงการปกป้องสถาบัน ก็ทำทุกจังหวัดเพื่อความสมานฉันท์ ทั้งที่พัทยา หรือที่สมุทรปราการเพื่อปกป้องสนามบิน ส่วนที่บอกว่า มีกำลังตำรวจจากอีสานใต้ ก็ถูกต้องที่มีตำรวจมาช่วยดูแล มีการขอมาถูกต้อง และไม่มีอาวุธ แต่มาดูแลสุวรรณภูมิ ไม่ได้เคลื่อนไปไหน ส่วนเสื้อน้ำเงินที่พัทยา คนชลบุรีสนับสนุนให้การประชุมอาเซียนเดินไปได้ ฝ่ายจังหวัดและคนที่นั่นก็ประชุมกันตลอด ก็ออกมาคัดค้านการชุมนุมของเสื้อแดง อาจมีไม้หรือหนังสติ๊กบ้าง แต่ก็ปกติที่จะมีเพื่อป้องกันตัว การปะทะกันแล้วบาดเจ็บ 13 คน เป็นคนเสื้อน้ำเงิน ไม่ใช่เสื้อแดง ตนมีซีดีเป็นหลักฐานจะส่งให้ประธานสภา

 

ส่วนเรื่องที่อ้างถึงนายเนวิน ชิดชอบ นั้น นายบุญจง กล่าวว่า นายเนวิน เป็นคนไทยอยากเห็นความสงบ ที่นายเนวิน ไปที่พัทยา เพราะรู้จักแกนนำของเสื้อแดง ก็จะได้หารือกันได้ ถ้าไปโดยไม่บริสุทธิ์ใจ คงไม่ออกมาให้เห็นหรือแถลง ทั้งนี้ความวุ่นวายที่จะหยุดได้มีทางเดียวคือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หยุดเคลื่อนไหว จากนั้นทุกฝ่ายจะได้มาหารือเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้

 

 

ส.ว.เคืองปชป.ท้วง "ประสพสุข" ไร้สติ ขู่วอล์กเอาท์ออกจากที่ประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมในช่วงดึกเกิดเหตุวุ่นวายเล็กน้อย เนื่องจากนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นขอใช้สิทธิ์พาดพิง กรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พาดพิงถึงกรณีการเข้าพักโรงแรมกระบี่เมอร์รีไทม์ ของนายพิเชษฐ์ แต่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ไม่อนุญาต โดยวินิจฉัยว่าไม่ได้พาดพิงให้เสียหาย แต่กลับให้โอกาสนายนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ชี้แจงกรณีที่มีการอภิปรายพาดพิงนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง โดยอ้างถึงคำชี้แจงที่นายอริสมันต์ส่งมาให้ ทำให้มีการประท้วงกันวุ่นวาย ทำให้นายสุพจน์ ลุกขึ้นอภิปรายว่าหากนายพิเชษฐ์ไม่ให้ความเคารพประธานวุฒิสภาเช่นนี้ ส.ว.ทั้งหมดพร้อมจะออกจากห้องประชุม ทำให้นายประสพสุขได้ขอร้องว่าอย่าออกจากห้องประชุม และให้นายธีระจิตต์ สถิโรฒมวงต์ ส.ว.สรรหา อภิปรายต่อไป


ระหว่างนั้น นายสุพจน์ยังคงหารือกับส.ว.ทุกคนให้ออกจากห้องประชุมหลังจากที่นายธีระจิตต์อภิปรายจบ ซึ่งหลังจากอภิปรายจบ พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา ส.ว.สรรหา ลุกกล่าวว่า ขอให้นายพิเชษฐ์ ถอนคำพูดที่ต่อว่าประธานวุฒิสภา ไม่เช่นนั้นจะวอล์กเอาท์ ทำให้มีส.ว.หลายคนลุกขึ้นเตรียมเดินออก


จนสุดท้ายนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ต้องมาเคลียร์กับส.ว. และนายกฯต้องลงมาคุยกับนายพิเชษฐ์ จนสุดท้าย นายพิเชษฐ์ ลุกขึ้นกล่าวว่า ไม่ได้มีประวัติเกเร แต่ต้องชี้แจงเพราะลูกเมียที่ดูแลโรงแรมเสียหาย ถือว่า ตนและประธานต่างคนต่างพลาดและขอถอน เหตุการณ์จึงสงบ

 

อนึ่งการประชุมวันนี้ได้ยุติลงในเวลา 01.00 น.ของวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่มีการหยิบยกประเด็นการขอเอกสิทธิ์ ส.ส.ของ นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถูกออกหมายจับมาพิจารณา

 

 

 


ที่มา: เรียบเรียงบางส่วนจากเว็บไซต์ไทยโพสต์ เว็บไซต์มติชนออนไลน์ และโลกวันนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท