Skip to main content
sharethis

สถิติอัคคีภัยร้ายแรง (บางส่วน)
 
ชื่อบริษัท
คนตาย
บาดเจ็บ
วันเดือนปีเกิด
Triagle Shirtwaist Company
(รัฐนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา)
146
 
25 มี.ค.2454
บ.เคเดอร์ อินดัสเทรียล (ไทยแลนด์)
บ.ไทยจิวฟู อินเตอร์เนชั่นแนล
(ถ.พุทธมณฑลสาย 4 อ.สามพราน จ.นครปฐม)
188
(ญ.174 ช.14)
469
10 พ.ค. 2536
โรงแรม รอยัลจอมเทียนรีสอร์ต
(จ.ชลบุรี)
91
กว่า 50
11 ก.ค.2540
Coconut Grove Nightclub
(บอสตัน เมนซาซูเสท สหรัฐอเมริกา)
492
 
23 เม.ย.2485
 The Station Nightclub
(เวสต์วอร์ริก รัฐโรดไอส์แลนด์ สหรัฐฯ)
100
-
20 ก.พ.2546
(เวลา 23.08น.)
ซานติก้าผับ
(ซ.ทองหล่อ ย่านเอกมัย กทม.)
66
229
31 ธ.ค. 2551
ต่อ 1 ม.ค.2552
 
            ภายหลังเกิดโศกนาฏกรรมร้ายแรงที่สุดในประวัติการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยและสากลกรณี
เคเด อร์ (10 พฤษภาคม 2536) ไม่ถึงเดือน นายกรัฐมนตรี (ชวน หลีกภัย) ได้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 74/2536 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2536 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาข้อเท็จจริง และสาเหตุเกี่ยวกับกรณีเพลิงไหม้บริษัทเคเดอร์ อินดัสเทรียล (ไทยแลนด์) จำกัด และสภาวะความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมี ศ.นิคม จันทรวิทุร เป็นประธานมีนักวิชาการด้านความปลอดภัยและหลายหน่วยงานเข้าร่วมพบข้อเท็จจริงว่า บริษัทฯ มีประวัติการเกิดเพลิงไหม้มา 3 ครั้งแล้ว (16 ส.ค.32, 2 พ.ย.34, 13 ก.พ.36) เพราะอุปกรณีไฟฟ้าเสื่อมและไฟฟ้าลัดวงจร
            ð มีการขออนุญาตปลูกสร้างอาคารใหม่ และเกิดเพลิงไหม้อีก ทั้งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เคยออกหนังสือแนะนำข้อปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยและสั่งให้ปรับปรุง โดยสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครปฐม ร่วมกับกองตรวจความปลอดภัย กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเคยตรวจโรงงานเคเดอร์ฯและไทยจิวฟูฯ เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2536 และมีหนังสือแนะนำให้นายจ้างปฏิบัติจำนวน 5 ข้อ ดังนี้
            1. ให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานแทนเจ้าหน้าที่ที่ลาออก
            2. ให้จัดหาและบังคับใช้อุปกรณ์คุ้มครอง เช่น ปลั๊กลดเสียง
            3. ให้มีการตรวจสอบลิฟท์ขนของภายในโรงงานและห้ามพนักงานโดยสาร
            4. ให้จัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย และฝึกซ้อมดับเพลิงพร้อมทั้งรายงานให้
             ทราบ
            5. ให้มีการตรวจร่างกายประจำปีพนักงาน
 
            (1) สาเหตุเกิดเพลิงไหม้
              กรณีโรงงานเคเดอร์
                        จาก การสืบสวนของกรมตำรวจพบต้นเพลิงอยู่บริเวณขั้นล่างของอาคารที่ 1 พบร่องรอยที่พื้นปูนมีรอยไหม้เป็นสีน้ำตาลและมีพยานยืนยันว่าสาเหตุจากการ สูบบุหรี่ของพนักงานคนหนึ่งในที่เกิดเหตุ
              กรณีซานติก้าผับ
                        จาก การสอบสวน ต้นเหตุของเพลิงไหม้มาจากสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟกต์และดอกไม้เพลิงที่มีการนำมาใช้ ในอาคารเกิดเหตุ มีพยานบุคคลเห็นเหตุการณ์ยืนยันว่า เห็นสะเก็ดไฟ และกลุ่มควันเกิดขึ้นที่เพดานเหนือเวทีหลังจากเล่นสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟกต์และ ดอกไม้เพลิง ซึ่งตอนแรกคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง ต่อมากลุ่มควันและเปลวเพลิงได้ขยายตัว ส่งกลิ่นเหม็นและมีเศษวัสดุติดไฟร่วงหล่นลงมา
 
            (2) สาเหตุไฟไหม้ลุกลามมีคนตายและบาดเจ็บจำนวนมาก
              กรณีเคเดอร์
                        1. โครงสร้างเหล็กเปลือย เช่น เสาและคานเหล็กรูปพรรณ มิได้ออกแบบให้มีวัสดุหุ้มเพื่อป้องกันไฟไว้เลย ทำให้โครงสร้างพังทลายรวดเร็ว แม้โรงงานเคยเกิดไฟไหม้หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการเพิ่มมาตรการป้องกันอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นในการขออนุญาต ก่อสร้างใหม่ เช่น การทำฉนวนหุ้มเสาเหล็กเปลือย
                        2. การวิบัติอย่างรวดเร็วและทั้งหมด ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากการขาดรายละเอียดทางโครงสร้าง เช่น ชิ้นส่วนเพื่อยึดเกาะระหว่างโครงสร้างคานและฟื้น และการค้ำยันด้านข้างของโครงสร้าง
                        3. บันไดขนาดกว้าง 1.60 จำนวน 2 แห่งออกแบบไว้สำหรับใช้งานตามปกติเท่านั้น ไม่ใช่สำหรับคนงานจากชั้นละประมาณ 500 คนหลบหนีออกจากอาคารได้ ตำแหน่งของบันไดทั้งสองอยู่ฟากเดียวกันของอาคาร ทำให้คนงานถูกบล็อกด้วยไฟและควันทั้งหมด ลักษณะของบันไดที่เป็นห้องโถงมีประตูกระจกกั้นแยกออกจากห้องทำงาน ทำให้ห้องโถงบันไดซึ่งไม่มีระบบอัดอากาศกลายเป็นกล่องดูดควันและไฟให้ขึ้น ชั้นบนอย่างรวดเร็ว
                        4. ประตูทางเข้าออกจากอาคาร ซึ่งอยู่ติดกับบันไดมีขนาดกว้าง 1.6 เมตร 2 แห่ง ไม่เพียงพอจะให้คนงานประมาณ 2,000 คนหลบหนีออกจากอาคารได้ทันท่วงที
                        5. ไม่มีระบบเตือนภัย หรือระบบกระจายเสียงเตือนภัยให้คนงานทราบเลย ห้องทำงานยังเป็นระบบปรับอากาศ มีเสียงเย็บจักรดัง ทำให้คนงานไม่ทราบเหตุการณ์จนกว่าจะเห็นควันไฟแล้ว
                        6. แม้โรงงานจะติดตั้งท่อฉีดน้ำดับเพลิงชั้นละ 2 หัว แต่เนื่องจากไม่มีการซักซ้อมหรือเตรียมพร้อม เมื่อเกิดไฟไหม้จึงไร้ผล
                        7. ไม่มีแผนหลบหนีภัย ไม่มีการซักซ้อมการหนีไฟ ทำให้เกิดความประมาท ตื่นตระหนกเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง โดยยามรักษาการณ์และหัวหน้าคนงานประเมินสถานการณ์ต่ำกว่าความเป็นจริง จึงตัดสินใจผิดพลาดและล่าช้า
                        8. ลักษณะของลิฟท์ส่งของที่มีประตูเหล็กยึดทำให้ช่องลิฟท์กลายเป็นปล่อง ทั้งไฟและควันลุกลามจากชั้นล่างขึ้นไปข้างบนสู่ห้องทำงานทุกชั้นอย่าง รวดเร็ว
                        9. ทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารมีการกองเก็บวัสดุไว้ข้างๆ ทางเดิน ทำให้ไฟลุกลามข้ามจากอาคาร 1 ไปอาคาร 2 และอาคาร 3 อย่างรวดเร็ว
                        10. มีการเก็บกองวัสดุตามทางเดิน และใช้ชั้นล่างเป็นโกดังเก็บวัสดุ ทำให้โรงงานเต็มไปด้วยเชื้อไฟที่ลุกลามข้ามอาคารได้รวดเร็วตลอด
                        11. ลักษณะอาคารโรงงานไม่มีกันสาด คนงานไม่สามารถปีนหนีออกไปจากห้องเพื่อหลบควันชั่วคราวและรอรับความช่วย เหลือได้ จึงต้องปีนหน้าต่างและกระโดดลงไปทันที
 
            คณะกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรได้ศึกษาพิจารณากรณีเพลิงไหม้โรงงานเคเดอร์ฯ เมื่อปี 2536 ได้ตั้งข้อสังเกตว่า
            1. บริษัทฯ ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัยมูลค่าพันกว่าล้าน ซึ่งมูลค่าประกันสูงเกินความเป็นจริงมาก
            2. โรงงานนี้เคยถูกไฟไหม้มาแล้ว 3 ครั้ง และสร้างลงพื้นที่เดิม แต่มิได้ขุดออกทำลายของเดิม กลับต่อเติมขึ้นใหม่ บริษัทเคเดอร์ฯ รับงานก่อสร้างที่ยึดแบบ และโยธาธิการจังหวัดนครปฐมไม่ตรวจสอบสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดไฟไหม้ น่าจะเป็นความตั้งใจของบริษัทฯ
            3. การพิจารณาหลักเกณฑ์ของการตั้งหลักทรัพย์ประกันตัว ตำรวจสมควรใช้หลักเกณฑ์ที่สอดคล้องใกล้เคียงกับที่ศาลใช้
            4. ควรกำหนดระยะเวลาตรวจสอบอาคารหรือโรงงานภายหลังสร้างเสร็จได้รับใบอนุญาต แล้ว อาจเป็นเวลา 3 เดือน, 6 เดือนหรือ 1 ปี ซึ่งจากรายงานฯ พบว่ามีการตรวจสอบเพียงครั้งเดียว คือ ครั้งแรกในช่วงก่อสร้างเสร็จเท่านั้น
            5. สมควรเร่งให้มีหลักเกณฑ์ในเรื่องการใช้โครงสร้างเหล็กเปลือยเป็นโครงสร้าง หลักของอาคาร โดยไม่มีการหุ้มฉนวนกันไฟ เพื่อให้โครงสร้างหลักของอาคารทนไฟได้เพียงพอที่จะหนีไฟออกมาได้โดยปลอดภัย เช่น 2-3 ชั่วโมง เป็นต้น
 
              กรณีซานติก้าผับ
                        3 สมาคมวิชาชีพ คือ สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมผู้ตรวจสอบและบริหารความปลอดภัยอาคาร ได้ร่วมแถลงข่าวว่า จากการตรวจสอบอาคารมีข้อสังเกตรวม 23 ข้อ ที่บ่งชี้ความไม่ปลอดภัย และการศึกษาของคณะอนุกรรมการศึกษา วิจัย และพัฒนาด้านอัคคีภัยในคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) พบปัญหาไม่มีระบบป้องกันอัคคีภัยในสถานบริการหลายประเด็น คือ
                        1. ซานติก้าผับไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเป็นสถานบริการตามกฎหมาย จนถึงวันเกิดเหตุรวมใช้งานอาคารมาประมาณ 5 ปี (พ.ศ.2546-2551)
                        2. มิได้ยื่นแจ้งผลการตรวจสอบอาคารเพื่อขอออกใบรับรองความปลอดภัย ตามมาตรา 32 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
                        3. โครงสร้างหลักของอาคาร ก่อสร้างด้วยเหล็กเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีเสากลางอาคาร หลังคาเป็นแผ่นเหล็กเคลือบปิดด้วยวัสดุฉนวนที่ติดไฟได้ ผนังในอาคารบางส่วนปิดหุ้มด้วยไฟเบอร์กลาสเรซิ่น และนวมฟองน้ำ มีพื้นต่างกันหลายระดับ
                        4. วัสดุตกแต่งภายในตามเสา เพดาน ผนังและขอบหน้าต่าง เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติลุกลามไฟได้ง่าย หากมีสะเก็ดไฟหรือประกายไฟเล็กน้อยและยังสามารถปล่อยควันดำและก๊าซพิษ ซึ่งทำให้หมดสติได้รวดเร็ว และทำให้มองไม่เห็นเส้นทางหนีไฟ
                        5. ประตูทางเข้าออกหลักของผับ มีจุดเดียวด้านหน้าอาคาร และมีประตูด้านอื่นๆ อีก 3 บาน แต่เป็นประตูขนาดเล็กและบางบานเปิดสวนทิศทางหนี หน้าต่างของอาคารมีทั้งสองชั้น แต่มีเหล็กดัดเป็นอุปสรรคต่อการใช้เป็นทางหนีไฟ
                        6. ระบบไฟฉุกเฉินพบเพียงชุดเดียวบริเวณหน้าห้องครัวและไม่พบป้ายบอกทางหนีไฟในอาคารเลย
                        7. ไม่พบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ และไม่พบระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงอัตโนมัติ แต่พบถังดับเพลิงจำนวน 3 ถัง ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 ถังที่ยังไม่ได้ถอดสลักออกใช้ดับเพลิงเลย
 
            (3) การสอบสวนและการฟ้องร้อง
            กรณีเคเดอร์
            นายวิโรจน์ อยู่ศักดิ์ พนักงานโรงงานเคเดอร์ฯได้ตกเป็นผู้ต้องหาฐานกระทำโดยประมาท ทำให้เกิดเพลิงไหม้ พนักงานสอบสวนตั้งหลักทรัพย์ประกันตัว 5 ล้านบาท ในขณะที่ศาลตั้งหลักทรัพย์ประกันตัว 1 ล้าน และพนักงานตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว
            ผู้บริหารบริษัทเคเดอร์บางคน ถูกตำรวจตั้งข้อหากระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ และได้ประกันตัวไปต่อสู้คดี
            นาย พิสุทธิ์ กนกากร วิศวกรผู้ควบคุมก่อสร้างโรงงานเคเดอร์ฯ ได้ถูกคณะกรรมการควบคุมการประกอบอาชีพวิศวกรประกาศเพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้ ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม (ตั้งแต่ 28 ก.ค.36) เพราะไม่ได้ควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตพนักงาน สอบสวนยังได้ดำเนินคดี และส่งฟ้องข้อหาเป็นผู้มีวิชาชีพควบคุมการก่อสร้างและจัดให้มีการก่อสร้าง ผิดไปจากแบบแปลน แผนผังบริเวณและรายการประกอบแบบแปลน โดยผลที่น่าจะเกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น
 
            กรณีซานติก้าผับ
            ตำรวจตั้งข้อหาผู้บริหารบริษัทไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส (2003) จำกัดซึ่งเป็นผู้ประกอบการซานติก้าผับ 2 ข้อหา คือ กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และบาดเจ็บสาหัส และความผิดตามพระราชบัญญัติสถานบริการ ที่มีการปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีไปใช้บริการ
            กระทรวง ยุติธรรม ได้เข้ามาสอบสวนขยายผล ปรากฏว่า พบความไม่สุจริตหลายประเด็น เช่น เด็กขับรถของร้านเข้ามามีชื่อในตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการบริษัท โดยผู้ถือหุ้นกลับไม่แจ้งชื่อตัวเองเป็นกรรมการ ปลอมลายมือชื่อสถาปนิกและวิศวกรที่ มีชื่อคุมงานในการยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างและตกแต่งอาคารโดยไม่สุจริต ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย ไม่มีการทำประกันภัยให้ลูกค้า หรือแม้กระทั่งการเสียภาษีสรรพสามิตก็ไม่เคยปรากฏ
 
            (4) ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและบทเรียนแต่ละกรณี
            = กรณีเคเดอร์ =
            1. ถือเป็นกรณีแรกที่ หน่วยงานรัฐและองค์กรพัฒนาเอกชนร่วมมือกับองค์กรแรงงาน เคลื่อนไหวต่อรองให้นายจ้างต้องรับผิดชอบช่วยเหลือคนงานที่เสียชีวิต/บาด เจ็บ/ทุพพลภาพและครอบครัวอย่างเต็มที่ จนได้สิทธิประโยชน์ สูงกว่ามาตรฐาน ขั้นต่ำตามกฎหมายและกลายเป็นมาตรฐานบางเรื่องแก่ผู้ประสบวิบัติภัยบางกรณี เช่น โรงแรมรอยัลพลาซ่าถล่มที่โคราชในเดือนสิงหาคม 2536 (ตาย 157 บาดเจ็บกว่า 200) ไม่ใช่ต้องรอไปฟ้องร้องบริษัทหรือรับผิดชอบตนเองตามยถากรรมฝ่ายเดียว เช่น
              บริษัทตกลงจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ทายาทหรือผู้อยู่ในความความอุปการะของผู้ เสียชีวิต 188 รายและลูกจ้างที่ประสบอันตรายถึงทุพพลภาพ รายละ 1 แสนบาท
              บริษัทจ่ายค่าจ้างและค่ารักษาพยาบาล (ส่วนที่เกินกว่ากองทุนเงินทดแทน) ให้ลูกจ้างที่บาดเจ็บและยังอยู่ในความดูแลของแพทย์จนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา และพิจารณาให้ทำงานที่เหมาะสมต่อไป หรือจ่ายค่าชดเชย
              บริษัท ตกลงจ่ายเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตรลูกจ้างผู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพผ่าน กรมประชาสงเคราะห์ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนจบชั้นอุดมศึกษา (1,000/1,500/2,500 บาทตามชั้นการศึกษา) โดยปรับตามภาวะค่าครองชีพ 8% ทุกปี อายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์
            2. เกิดการจัดตั้ง “คณะทำงานติดตามความช่วยเหลือคนงานเคเดอร์” (องค์กรนอกภาคราชการ) ประกอบด้วยผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการและผู้นำแรงงาน เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานความช่วยเหลือต่างๆกับภาคเอกชน, หน่วยราชการ และญาติพี่น้องผู้เสียหาย
            นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือลูกจ้างที่ประสบภัย” ซึ่งมีคณะกรรมการประกอบด้วยตัวแทนบริษัทฯ สหภาพแรงงาน องค์กรพัฒนาเอกชนนักวิชาการผู้แทนหลายส่วนราชการทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น เป็นพหุภาคีในการติดตาม/ดำเนินการช่วยเหลือลูกจ้าง
            3. คณะทำงานติดตามความช่วยเหลือคนงานเคเดอร์ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของคนงาน” ได้เคลื่อนไหวรณรงค์ เพื่อให้เกิดการป้องกันและคุ้มครองสุขภาพ-ความปลอดภัยของคนงานในเชิงปฏิรูป นโยบายกลไกรัฐอย่างมีส่วนร่วมของฝ่ายแรงงาน โดยเรียกร้องให้รัฐดำเนินการได้หลายเรื่อง ดังนี้
              3.1 เรียกร้องรัฐบาลกำหนดให้วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นวันสุขภาพความปลอดภัยในการทำงาน จนกระทั่งมีมติครม. เมื่อสิงหาคม 2540 เห็นชอบให้วันที่ 10 พฤษภาคมของทุกปี (ตั้งแต่ 2541) เป็นวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ซึ่งฝ่ายแรงงานทนได้จัดงานรำลึกต่อมาทุกปีและกระทรวงแรงงานก็ได้เลื่อนการ จัดงานสัปดาห์ความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ จากเดิมที่จัดในวันที่ 1-5 กรกฎาคมของทุกปีมาให้สอดคล้องกับวันที่ 10 พฤษภาคมตั้งแต่ปี 2541
              3.2 เรียกร้องให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ออกประกาศกระทรวงฯ เรื่อง คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 28 ต.ค.2538 และมีการปรับปรุงฉบับใหม่ต่อมา ซึ่งถือเป็นกรรมการทวิภาคีชุดแรกใน สถานประกอบการที่มีกฎหมายแรงงานกำหนดให้จัดตั้งขึ้น เพี่อให้มีผู้แทนฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างร่วมดูแลหารือ ความปลอดภัยในการทำงานอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามวัฒนธรรมอำนาจนิยมในการบริหารกิจการของนายจ้างหลายแห่งและความ อ่อนแอในการรวมตัวต่อรองของแรงงานย่อมทำให้คณะกรรมการความปลอดภัยฯหลายแห่ง ขาดประสิทธิภาพถ้านายจ้างไม่ประชุม หรือไม่ยอมรับข้อเสนอของคณะกรรมการฯไปดำเนินการฯ เป็นต้น
              3.3 พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ถือเป็นกฎหมายแรงงานฉบับแรกที่กำหนดให้มีคณะกรรมการไตรภาคีด้านความปลอดภัยฯ เพื่อเสนอแนะนโยบาย มาตรการป้องกัน ส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงานต่อรัฐมนตรี รวมทั้งมีส่วนร่วมปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานความปลอดภัยในเรื่องต่างๆตามกฎหมาย แม้ว่าคณะกรรมการไตรภาคีชุดนี้ จะไม่เป็นที่รู้จักยอมรับของคนทั่วไปและการปรับปรุงกฎหมายความปลอดภัยหลาย ฉบับเป็นไปด้วยความล่าช้า
            พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฉบับนี้ ยังกำหนดให้พนักงานตรวจแรงงานมีอำนาจออกคำสั่งให้นายจ้างหยุดการใช้ เครื่องจักรอุปกรณ์ หรืออาคารสถานที่ที่จะก่อเกิดอันตรายแก่ลูกจ้างได้จนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่ง พนักงานตรวจแรงงานให้ถูกต้องตามระยะเวลาที่กำหนด และต้องจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้างตลอดเวลาที่หยุดงานชั่วคราวด้วย
              3.4 ในทางสากล ได้มีคณะรณรงค์กรณีเคเดอร์จากไทยพร้อมคนงานที่รอดชีวิตเดินทางไปประเทศ ฮ่องกง เข้าร่วมกับกลุ่มรณรงค์ในท้องถิ่นเดินขบวนประท้วงกลุ่มบริษัทเคเดอร์โฮลดิ้งที่ฮ่องกง อันเป็นบรรษัทข้ามชาติที่มาลงทุนร่วมกับกลุ่มทุนในไทยโดย ใช้แรงงานราคาถูกและสิทธิพิเศษทางภาษีอากร เพื่อเรียกร้องให้เกิดมาตรฐานแรงงานหรือกติกาการลงทุนผลิตตุ๊กตาที่ต้อง คำนึงถึงสุขภาพความปลอดภัยของแรงงาน (Cods of Conduct)
            นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนออีกหลายเรื่องของคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของคนงานที่ไม่ได้รับ การตอบสนองจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น การกำหนดให้ลูกจ้างหรือองค์กรแรงงานมีส่วนร่วมตรวจโรงงานอย่างชัดเจน ,ให้ลูกจ้างมีสิทธิเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ,ให้แต่งตั้งผู้แทนฝ่ายลูกจ้างเข้าร่วมในการตัดสินใจนโยบายส่งเสริมการลงทุน ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตผู้ใช้แรงงาน, ให้ลด/เลิกสิทธิพิเศษทางภาษีอากรโรงงานละเมิดกฎหมายด้านความปลอดภัยฯชัดเจน รวมทั้งการออกกฎหมายจัดตั้งสถาบันคุ้มครองสุขภาพความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ในสถานประกอบการที่เป็นองค์กรอิสระและมีการบริหารครบวงจรที่เรียกร้องต่อ เนื่องมานานปีมาก เป็นต้น
 
            =กรณีซานติก้าผับ =
             [“ให้ ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตคนละ 20,000 บาท และได้รวบรวมเงินจากหุ้นส่วนคนอื่นๆได้จำนวนเงิน 2 ล้านบาท เตรียมนำไปช่วยเหลือผู้ตายและผู้บาดเจ็บ” (วิสุทธิ์ เจริญสวัสดิ์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซานติก้าผับให้สัมภาษณ์)
             [ ผู้บาดเจ็บใช้สิทธิ รักษาพยาบาลตามสิทธิที่ตนเองมีสถานภาพไปก่อน เช่น ประกันสังคม ข้าราชการ กรมธรรม์ประกันชีวิต หรือบัตรประกันสุขภาพ (สปสช.) จะจ่ายให้เมื่อวงเงินรักษาที่เกินกว่า 15,000 บาท ผู้รักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่มีเงินจ่ายหรือไม่สามารถเคลื่อนย้ายศพได้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้กองการประกอบโรคศิลปะไปประสานงานเพื่อ บรรเทาปัญหาต่างๆ หากรายใดมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากและไม่อยู่ในระบบประกันใดๆรวมทั้งรายที่ถูก ส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะนำเรื่องเข้าหารือใน ครม.เป็นรายๆไป
            เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีเคเดอร์ฯ ผู้ประกอบการซานติก้าผับช่วยเหลือคนตายและบาดเจ็บน้อยมากๆกลายเป็นภาระหนัก หน่วงของหน่วยราชการและครอบครัวผู้เสียหายรวมทั้งบางส่วนต้องฟ้องคดีเรียก ร้องความเป็นธรรมด้วย
             [ วันที่ 20 มกราคม 2552 ผู้เสียหายจากกรณีซานติก้าผับได้ฟ้องต่อศาลแพ่งเป็นคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 (บังคับใช้ตั้งแต่ 23 ส.ค.51) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจไต่สวนแก่ ศาลมีอำนาจในการเรียกพยานหลักฐานทั้งฝ่ายกล่าวหา และผู้ถูกกล่าวหามาให้ศาลพิจารณาได้ตามที่เห็นสมควร โดยมีประเด็นที่เรียกร้อง ได้แก่ การคุ้มครองความเสียหายทางสุขภาพอนามัยที่อาจปรากฏในอนาคต การพิจารณาค่าเสียหายเพื่อการลงโทษจากการไม่ดูแลความปลอดภัยของลูกค้าให้ดี เป็นเจตนาเอาเปรียบโดยไม่เป็นธรรมและค่าเสียหายทั้งทางร่างกายและจิตใจ
            พรบ.วิธี พิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 44 บัญญัติว่าสามารถเอาตัวหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น หรือผู้มีอำนาจควบคุมการดำเนินงานของบริษัทเข้ามาร่วมรับผิดชอบด้วยได้หาก ปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัทฯ ถูกจัดตั้งหรือดำเนินการโดยไม่สุจริต หรือมีพฤติการณ์ฉ้อฉลหลอกลวงผู้บริโภคหรือมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของ นิติบุคคลไปเป็นประโยชน์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
 
วัวหายแล้วล้อมคอก อีกแล้ว !
            ระบบความปลอดภัยของสถานบันเทิง
            คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้มีขัอกำหนดให้เจ้าของสถานบันเทิง ต้องมีการบริหารจัดการความปลอดภัยในอาคาร ดังนี้
            1. ต้องไม่ทำให้เกิดประกายไฟจากอุปกรณีที่ไม่ได้มาตรฐานหรือออกแบบมาใช้เป็นการเฉพาะภายในอาคาร
            2. ต้องไม่อนุญาตให้คนเข้ามาในสถานที่มากเกินไป โดยใช้หลัก 1 ตารางเมตรต่อคน และติดป้ายแสดงความจุสูงสุด ป้ายใบอนุญาต ป้ายประกันภัย และป้ายแสดงผู้รับผิดชอบความปลอดภัยให้เห็นชัดหน้าอาคาร
            3. จัดให้มีการบริหารจัดการเหตุฉุกเฉิน และซ้อมหนีไฟ
            4. จัดให้มีการตรวจสอบอาคารเป็นประจำทุกปี
            5. จัดให้มีการควบคุมการนำรถออกจากสถานที่ขณะเกิดเหตุ เพราะทำให้การจราจรบริเวณนั้นติดขัด ทำให้เข้าถึงที่เกิดเหตุช้า
 
            มติรัฐมนตรี (7 เมษายน 2552) อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดระบบความปลอดภัยที่ใช้เพื่อประกอบกิจการเป็นสถานบริการตาม ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อเป็นการกำหนดมาตรการความปลอดภัยสำหรับอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ หรือเหตุชุลมุนวุ่นวาย ทำให้ไม่สามารถอพยพคนออกจากอาคารดังกล่าวได้ทัน ซึ่งคณะกรรมการควบคุมอาคารได้เสนอมาเพื่อดำเนินการดังนี้
            1. กำหนดคำนิยามคำว่า “ความจุคน” “โครงสร้างหลัก” “ทางหนีไฟ” “ผนังทนไฟ” “พื้นที่บริการ” “วัสดุทนไฟ” “สถานบริการ” และ “อาคารขนาดใหญ่” เป็นต้น
            2. กำหนดให้สถานบริการแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ตามขนาดพื้นที่บริการ คือ ประเภท ก ประเภท ข ประเภท ค ประเภท ง และประเภท จ. และให้สถานที่ตั้งสถานบริการต้องมีลักษณะตามที่กำหนด
            3. กำหนดให้แผนผังบริเวณ แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน และรายการคำนวณ ประกอบการขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารสถานบริการต้องเป็นสิ่งพิมพ์ สำเนาภาพถ่ายหรือเขียนด้วยหมึก และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กำหนด
            4. กำหนดให้แบบแปลนระบบไฟฟ้าประกอบการขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารสถานบริการต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
            5. ให้สถานบริการจัดให้มีการติดตั้งแบบแปลนแผนผังของอาคารซึ่งแสดงตำแหน่งที่ ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง ทางหนีไฟ ทางออกและประตูทางออก ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน
            6. กำหนดลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างและตกแต่งอาคารสถานบริการ
            7. กำหนดให้สถานบริการหรืออาคารที่ตั้งสถานบริการต้องมีระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้า ระบบการจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรอง เครื่องสูบน้ำดับเพลิง ตามเงื่อนไขที่กำหนด
            8. กำหนดให้สถานบริการแต่ละประเภทต้องมีระบบป้องกันเพลิงไหม้ระบบสัญญาณเตือน เพลิงไหม้ การติดตั้งเครื่องดังเพลิง ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ และการติดตั้งระบบควบคุมการแพร่กระจายของควัน ตามเงื่อนไขและวิธีการที่กำหนด
            9. กำหนดให้สถานบริการต้องจัดให้มีจำนวนทางออก ประตูทางออกทางหนีไฟ บันไดหนีไฟ และประตูหนีไฟ ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนด
            10. ให้สถานบริการจัดให้มีป้ายบอกทางหนีไฟตามแนวทางเดินภายในสถานบริการ จัดให้มีที่ว่างภายนอก โดยรอบสถานบริการ และติดป้ายแสดงความจุคนในสถานบริการกรณีมีพื้นที่บริการตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
            11. กำหนดให้สถานบริการต้องจัดให้มีระบบการระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติหรือวิธีกล ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และกำหนดให้ระบบท่อลมของระบบปรับภาวะอากาศต้องมีลักษณะตามที่กำหนด
            12. ให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการ หรือเจ้าของอาคารที่ใช้ตั้งสถานบริการจัดให้มีการประกันภัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
            13. ให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการหรือเจ้าของอาคารที่ใช้ตั้งสถานบริการต้องจัด ให้มีผู้ดูแลระบบความปลอดภัยและการป้องกันอันตรายของสถานบริการ ผู้ตรวจสอบตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดประเภทอาคารที่ต้องจัดให้มีผู้ตรวจ สอบ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และให้สถานบริการมีการฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมหนีไฟอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
 

 สรุปบทเรียนร่วม : อย่าให้ไฟไหม้คน เป็นไฟไหม้ฟาง?

 

 

 
           
            ประการแรก สาเหตุเชิงโครงสร้างนโยบาย หรือตัวบุคคล ?
            การสอบสวนของตำรวจและหน่วยงานรัฐจะมุ่งไปที่ใครคือบุคคลทำให้เกิดเพลิงไหม้
(กรณีเคเดอร์คือผู้ทิ้งบุหรี่ที่ดับไฟไม่หมดและกรณีซานติก้าผับคือ ผู้จุดพลุไฟ) หรือทำสเปเชียลเอคเฟคหรือชี้ไปที่ความรับผิดชอบของผู้บริหารบางคนของโรงงาน หรือซานติก้าผับที่ประมาทหรือฉ้อฉลโดยขาดการตรวจสอบหาสาเหตุเชิงโครงสร้างระบบมาตรฐานการป้องกันอุบัติภัยที่ ถูกต้องเพียงพอที่จะคุ้มครองชีวิตของแรงงานในโรงงานหรือประชาชนผู้ใช้บริการ เพราะมันไม่ใช่กรณีไฟไหม้ปกติทั่วไป แต่มีผู้คนจำนวนมากต้องตายและบาดเจ็บระหว่างที่กำลังทำงานหรือเข้าไปใช้ บริการในสถานที่นั้น ซึ่งสามารถจัดระบบป้องกันความวิบัติเสียหายร้ายแรงได้ ถ้ากลไกรัฐมีนโยบายมาตรการที่จริงจังต่อเนื่องในการตรวจสอบโดยเข้มงวด เคร่งครัดและโปร่งใสไปตลอด
 
            ประการที่สอง ความรับผิดชอบสังคมของวิชาชีพและการตรวจสอบโดยองค์กรวิชาชีพ
            ใน เรื่องความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร-สถานประกอบการประเภทต่างๆตลอดจนการ ป้องกันดูแลสุขภาพความปลอดภัยอาชีวอนามัยของแรงงานนั้นมีผู้ประกอบวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องหลายคน เช่นวิศวกร,สถาปนิก,เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.),แพทย์และพยาบาลอาชีวอนามัย เป็นต้น ซึ่งในกระแสการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีความ ซับซ้อนขึ้น ย่อมจำเป็นต้องอาชีพใหม่ๆ และเกิดการจัดตั้งสมาคมวิชาชีพนั้น เพื่อผดุงเกียรติภูมิ และควบคุมจรรยาบรรณของวงการอาชีพเหล่านั้นกันเอง
            กรณีเกิดอัคคีภัยร้ายแรงและคนตาย/บาดเจ็บจำนวนมาก คนจำนวนมากเพ่งเล็งไปที่ “วิศวกร” และ “สถาปนิก”มาก ขึ้นทุกที บทบาทการควบคุมตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยและ สมาคมสถาปนิกสยามจะมีผู้คนคาดหวังมากขึ้น ดังเช่นวิศวกรผู้ควบคุมก่อสร้างโรงงานเคเดอร์ฯ ได้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเนื่องจากไม่ได้ควบคุมการก่อสร้างให้ถูกต้องตามแบบ แปลนที่ได้รับอนุญาต และมีการก่อสร้างเพิ่มเติมอาคารโรงงานผิดไปจากแบบแปลน
            กรณีซานติก้าผับ พบว่ามีการปลอมลายมือชื่อสถาปนิกและวิศวกรที่มีชื่อคุมงานก่อสร้าง
 
            ประการที่สาม เสริมสร้างวัฒนธรรม ธรรมาภิบาลแห่งการบังคับใช้กฎหมายอย่างสุจริตเป็นธรรม
            นพ.วิจิตร บุณยะโหตระ อดีตเลขาธิการสำนักงานคระกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) ซึ่งตั้งใจลาออกภายหลังไฟไหม้โรงงานเคเดอร์ เคยกล่าวว่า
            “ผม ทำงานด้านนี้ (ด้านอุบัติเหตุอุบัติภัย) มากว่า 20 ปี เดินทางไปทั่วโลกไม่มีประเทศใดละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเท่าประเทศไทย กฎหมายนั้นดีอยู่ ไม่ต้องไปเพิ่มโทษอะไร ยิ่งไปเพิ่มโทษก็ยิ่งเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ทุจริตมากยิ่งขึ้น ร่ำรวยมากขึ้น กฎหมายที่รุนแรง อาจจะไม่เป็นประโยชน์กับประชาชนหรือสังคม” (ผู้จัดการ Weekend ฉบับวันเสาร์-อาทิตย์, 21-22 ส.ค.36 : น.5)
            กฎหมาย และบทบัญญัติเกี่ยวกับความปลอดภัยจำนวนมากที่หากหน่วยงานรัฐทุกแห่งบังคับ ใช้และลงโทษผู้ฝ่าฝืนอย่างจริงจังต่อเนื่องแล้ว ย่อมเชื่อได้ว่าสามารถปกป้องชีวิตผู้คน และป้องกันผู้ประกอบการหลีกเลี่ยงกฎหมายได้มาก
            แต่ ในภาคปฏิบัติก็คือว่าสังคมไทยยังมีวัฒนธรรมเส้นสายอุปถัมภ์ส่วนบุคคล ระบบอภิสิทธิ์ฉ้อฉล ค่านิยมแบบด้านได้อายอด มือใครยาวสาวได้สาวเอา ข้าราชการยังมีอำนาจและดุลพินิจสูงในการที่จะเลือกปฏิบัติ, ยกเว้น, ออมซอม, สั่งการ หรือไม่ เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องร่วมมือผลักดันปฏิรูประบบการบริหารบังคับใช้กฎหมายความ ปลอดภัยของรัฐราชการให้มีประสิทธิภาพ และสุจริตยุติธรรมอย่างแท้จริง
            กรมโรงงานอุตสาหกรรม เคยสุ่มตรวจโรงงานจำนวน 144 แห่ง พบว่า
                        ประมาณ 80%     ไม่มีบันไดหนีไฟ
                        ประมาณ 90%     ไม่มีสัญญาณเตือนภัย
                        ประมาณ 70% ไม่มีอุปกรณ์ดับเพลิงเพียงพอ
                        (ที่มา : ผู้จัดการ, 28 ก.ค. 36: น.5)
            ผลการตรวจความปลอดภัยของสถานประกอบการต่างๆ หลายปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันพบว่าทำผิดกฎหมายความปลอดภัยอันดับต้นๆ คือความปลอดภัยเรื่องอัคคีภัย และการทำงานของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานหรือ จป. (ดูตารางที่ 1)
            เมื่อ เจ้าหน้าที่ตรวจพบสถานประกอบการฝ่าฝืนกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน พบว่า เจ้าหน้าที่แนะนำให้ สปก.เหล่านั้นกว่า 90% ในขณะที่ใช้วิธีออกคำสั่งให้ปรับปรุง, เชิญพบหรือให้ส่งเอกสารตามลำดับ ส่งเรื่องดำเนินคดีน้อยนิด และไม่เคยสั่งหยุดการใช้เครื่องจักร (ดูตารางที่ 2)
 
ตารางที่ 1
จำนวนสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน
จำแนกตามเรื่องที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง 5 อันดับแรก พ.ศ.2546-2551 (6ปี)
  
 
เรื่องที่ทำผิดกฎหมายความปลอดภัย ในการทำงาน
 
พ.ศ.
สถานประกอบกิจการที่ผ่านการ ตรวจ (แห่ง)
ความปลอดภัยในการทำงาน
ของลูกจ้าง(จป.)
 (ร้อยละ)
การป้องกันและระงับอัคคีภัย
(ร้อยละ)
การจัดตั้งคณะกรรมการ
ความปลอดภัยฯ
(ร้อยละ)
เครื่องจักร
(ร้อยละ)
ไฟฟ้า
(ร้อยละ)
รวม สปก.ที่
ผิดกฎหมายความปลอดภัย
(ร้อยละ)
2551
19,173
(100%)
1,348
(7.0)
1,039
(5.42)
729
(3.8)
135
(0.7)
144
(0.75)
3,104
(16.19)
2550
19,864
(100%)
1,987
(10)
1,274
(6.41)
903
(4.55)
149
(0.75)
139
(0.7)
4,866
(24.5)
2549
20,026
(100%)
1,424
(7.11)
1,173
(5.86)
570
(2.85)
157
(0.78)
183
(0.91)
3,858
(19.26)
2548
19,000
(100%)
1,509
(7.94)
1,207
(6.35)
680
(3.57)
 
153
(0.80)
157
(0.83)
4,136
(21.77)
2547
23,938
(100%)
1,559
(6.51)
1,294
(5.41)
808
(3.38)
 
146
(0.61)
205
(0.86)
 
4,328
(18.08)
2546
61,647
(100%)
2,567
(4.16)
2,940
(4.77)
990
(1.61)
504
(0.82)
865
(1.40)
8,622
(13.99)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ที่มา: - สถิติสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2546 (น.153), พ.ศ.2547 (น.153), พ.ศ.2548
             (น.173),พ.ศ.2549 (น.173),พ.ศ.2550 (น.173),พ.ศ.2551 (รายงานความเคลื่อนไหวทาง
             เศรษฐกิจ-แรงงานไตรมาส 4/2551 น.24-26)
หมายเหตุ - เรื่องที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องอื่นๆ (รวม12 เรื่อง) นอกเหนือจาก 5 อันดับแรกที่ไม่ระบุไว้ใน
             ตารางได้แก่ภาวะแวดล้อม,สารเคมี,ประดาน้ำ,นั่งร้าน,ลิฟท์ขนส่งวัสดุ,ก่อสร้าง,ปั้นจั่น,ตอก
             เสาเข็ม,อับอากาศ,สารเคมีอันตราย,หม้อน้ำ,ตกจากที่สูง
             - สปก.ที่ทำผิดกฎหมายความปลอดภัยเรื่องอัคคีภัยถ้าคิดรวมกับผิดกฎหมายความ
             ปลอดภัยในการทำงาน (จป.) เทียบกับสปก.ที่ทำผิดกฎหมายความปลอดภัยฯทั้งหมดที่
             ผ่านการตรวจพบว่า มีสัดส่วนเกินกว่าร้อยละ 50 ของทั้งหมด
 
 
ตารางที่ 2
การดำเนินการของเจ้าหน้าที่กับสถานประกอบการ
ที่ทำผิดกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน (แห่ง)
ปี พ.ศ.
สถานประกอบการที่ผ่านการตรวจ
 
ผลการตรวจสอบ
 
แนะนำ
การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ (แห่ง)
ออกคำสั่ง
ส่งเรื่องดำเนิน
คดี
ปฏิบัติถูกต้อง
ปฏิบัติผิด
ส่งเอกสาร
เชิญพบ
ปรับ
ปรุง
หยุดการใช้เครื่อง
จักร
2551
19,173
16,069
3,104
2,916
26
51
92
0
41
 
 
 
(100%)
(93.94%)
(0.84%)
(1.64%)
(3%)
 
(1.32%)
2550
19,320
15,745
3,575
3,379
11
46
114
0
34
 
 
 
(100%)
(94.52%)
(0.31%)
(1.29%)
(3.19%)
 
(0.95%)
2549
19,820
17,163
2,657
2,555
18
54
31
0
22
 
 
 
(100%)
(96.16%)
(0.7%)
(2.03%)
(1.2%)
 
(0.8%)
 
 
  
ที่มา :  สถานการณ์แรงงานไทยปี 2550 (มกราคม – ธันวาคม) น.98
            รายงานความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ - แรงงานไตรมาส 4: ตุลาคม – ธันวาคม 2551, น.27
            รายงานความเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจ - แรงงานไตรมาส 4 : ตุลาคม – ธันวาคม 2549 น.25-
            28
 
  

บรรณานุกรม

 

 

 
 
  


มูลนิธิอารมณ์ พงศ์พงัน. 10 ปี 10 พฤษภา บทเรียนจากเพลิงมรณะโรงงานเคเดอร์
            (บัณฑิตย์ ธนชัยเศรษฐวุฒิ บรรณาธิการ) กรุงเทพฯ,บริษัท โปรโตไทป์ จำกัด,2546
 
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) จากเคเดอร์สู่ซานติก้าผับจนถึงเสือป่าพลาซ่า ภาพสะท้อนวิบัติ
            ภัยที่คนไทยต้องจดจำ (ปัณณธร ชัชวรัตน์และคณะ บรรณาธิการ) กรุงเทพ : บริษัทศรีเมือง
            การพิมพ์ จำกัด,2552.
 
นิตย์สาร Way. “Good bye Santika บทเรียนของจริงสำหรับผู้บริโภค”
            ฉบับที่ 24.กรุงเทพฯ. บริษัท เป็นไท พับลิชชิ่ง จำกัด.น 46-49,2552
 
เนชั่นสุดสัปดาห์. โศกนาฎกรรมซานติก้า เฮียขาวกับผู้ถือกฎหมายใครต้องรับผิดชอบ ?
            รายงานพิเศษ.9-15 มกราคม 2552 น.24.-25
 
บัณฑิตย์ ธนชัยเศรษฐวุฒิ “บทวิเคราะห์ความรุนแรงของสถานประกอบการณ์ความปลอดภัยใน
            สถานประกอบการ บทเรียนจากเพลิงนรกเคเดอร์ถึงรอยัล จอมเทียนในหนังสือความ
            ปลอดภัยต้องมาก่อน, สิงหาคม 2540 : น.1-22 (มูลนิธิอารมณ์ พงศ์พงัน จัดพิมพ์)

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net