หมอไม่แน่ใจพลทหารเสียชีวิตเพราะของแข็งกระทบต้นคอ หรือต้นคอกระทบของแข็ง

 

4 หมอยันทหารสลายเสื้อแดงไม่มีคนตาย

วานนี้ (20 พ.ค.) ที่รัฐสภาเมื่อเวลา 10.00 น. มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองเป็นวันที่ 3 โดยมีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธาน คณะกรรมการฯ โดยได้เชิญผู้อำนวยการ 4 โรงพยาบาล ที่ได้รับรักษาผู้บาดเจ็บ ได้แก่ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลศิริราช รวมทั้งสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศูนย์นเรนทร) มาชี้แจง

 

โดย ช่วงแรก นพ. นำชัย คุณธารากรณ์ ผอ.โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ได้ชี้แจงว่า ทางโรงพยาบาลได้รับการรักษาทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและทหาร โดยส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างต่ำเช่นอาวุธปืน 9 มม. แต่ทั้งนี้ไม่ได้สอบถามผู้บาดเจ็บว่าใครเป็นผู้ทำร้ายและใส่เสื้อสีอะไร นอกจากนี้ทหารส่วนใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย มาจากกองทัพภาคที่ 2 จ. ปราจีนบุรี ส่วนผู้ชุมนุมที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกมีจำนวน 3 ราย ซึ่งขณะนี้ยังเหลือพรรครักษาตัวอยู่ 1 ราย ทั้งนี้จากการสลายการชุมนุมไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิต โดยมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 138 คน และขณะนี้ยังมีผู้ที่ได้รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 4 คน กระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ

 

จาก นั้นกรรมการฯ จากพรรคเพื่อไทย อาทิ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ได้ซักถามว่ากระสุนที่พบในระหว่างการรักษาได้มาจากร่างกายผู้บาดเจ็บหรือ สถานที่เกิดเหตุ อีกทั้งกระสุนดังกล่าวเป็นกระสุนปลอมหรือกระสุนจริง ซึ่ง นพ.นำชัย ได้ชี้แจงว่า ไม่ได้พบเป็นกระสุน แต่พบเป็นเศษโลหะพร้อมเขม่าบนร่างกาย ซึ่งไม่คิดว่าเป็นอาวุธสงคราม เพราะถ้าเป็นอาวุธสงครามจริงบางแผลเข้าจะต้องมีรูเล็ก และด้านทะลุออกจุต้องมีรูใหญ่ และกระดูกจะต้องแตกละเอียด

 

 

แพทย์ไม่แน่ใจพลทหารเสียชีวิตเพราะของแข็งกระทบต้นคอ หรือต้นคอกระทบของแข็ง

ต่อมา พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส. นครราชสีมาพรรคเพื่อไทย ได้ถามถึงการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข ในบ้านพักแม่ทัพภาค 1 ว่ามีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่ และมีบาดแผลที่มือหรือส่วนอื่นๆ บนร่างกายหรือไม่ เพราะจากวัยที่ยังอายุน้อยน่าจะประคองตัวระหว่างล้มลงได้ ขณะที่นายบรรจบ รุ่งโรจน์ กรรมการฯ ถามว่าเหตุใดการเสียชีวิตของพลทหารอภินพในใบมรณะบัตรจากโรงพยาบาลรามาธิบดี จึงระบุว่าเสียชีวิตจากการคอหัก ซึ่งต่างจากข้อสรุปของโรงพยาบาลศิริราช

 

นพ. วิชาญ เปี้ยวนิ่ม แพทย์นิติเวช จากโรงพยาบาลรามาฯ กล่าวชี้แจงว่า สาเหตุที่ชันสูตรศพเนื่องจากผู้ตาย ๆ ในลักษณะตายผิดธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องมีการชันสูตร โดยผู้ตายได้เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ และมาถึงโรงพยาบาลรามาฯ ในเวลา 19.00 น. ของวันที่เสียชีวิต โดยสาเหตุการตายคือกะโหลกศีรษะด้านซ้ายบริเวณท้ายทอยแตกร้าวไปจนถึงกระดูก สันหลัง มีเลือดออกเยื่อหุ้มสมองด้านนอก 2 มม. ก้อนเลือดกดสมอง ซึ่งเป็นอันตรายต่อศีรษะ

 

ขณะ ที่ นพ.นิติกร โปริสวาณิชย์ แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช กล่าวเสริมว่า เบื้องต้นเราไม่ได้รับรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุม และไม่แน่ใจว่าผู้ที่เสียชีวิต 2 ศพ บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา 2 ศพเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือไม่ ส่วนพลทหารอภินพที่ได้ขอให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมจากโรงพยาบาลรามาธิบดีนั้น เป็นการร้องขอจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งทางโรงพยาบาลศิริราชไม่ได้ชันสูตรพลิกศพเพิ่มเติมใหม่ แต่เป็นการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเท่านั้น ซึ่งการตรวจสอบส่วนใหญ่ตรงกับ นพ.วิชาญ ส่วนกรณีที่ระบุว่าคอหัก ตนเห็นว่านพ.วิชาญได้ชี้แจงจนกระจ่างแล้ว

 

ส่วน ข้อซักถามถึงสาเหตุการตายที่ผิดปกติ เราไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ชี้แจงตรงนั้น แต่ทราบว่าได้รับอันตรายอย่างรุนแรงบริเวณต้นคอ ทั้งนี้คงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเกิดจากอะไร ซึ่งอาจเกิดจากของแข็งไปกระทบต้นคอ หรือต้นคอมากระทบของแข็งก็ได้ และเรื่องนี้ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตามตามการตรวจทางนิติเวชเราบอกได้ว่าเกิดจากอะไร ซึ่งขณะนี้จำกัดสาเหตุการตายว่าเกิดจาก 2 กรณี ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ เนื่องจากคดียังไม่จบ แต่ถ้าคณะกรรมการฯต้องการเอกสารเพิ่มเติมคณะกรรมการฯ ต้องทำหนังสือร้องขอมา

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการฯ มีข้อสงสัยในสาเหตุการตายของพลทหารอภินพโดยได้ถามสาเหตุการตายจากแพทย์ที่เกี่ยวข้องเป็นรายบุคคล

 

 

เลขาฯ ศูนย์นเรนทรยันไม่มีผู้เสียชีวิต ไม่มีการซ่อนศพ

นอก นั้นนายเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ส.ส. กทม. ประชาธิปัตย์ ได้สอบถามถึงกรณีที่มีผู้ชุมนุมไปปิดล้อมโรงพยาบาลราชวิถีเพื่อทวงศพผู้เสีย ชีวิต จึงอยากทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร และมีผู้เสียชีวิตจริงหรือไม่

 

ซึ่ง นพ.ชาตรี เจริญชีวกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศูนย์นเรนทร) กล่าวว่า ในฐานะที่ตนอยู่ในเหตุการณ์ขอชี้แจงว่า เกิดจากความเข้าใจผิดกรณีนายไสว ทองอุ้ม ซึ่งถูกยิงที่หน้าอกซ้ายมีเลือดออกมา และมีคนที่นำส่งโรงพยาบาลเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูคิดว่านายไสวเสีย ชีวิตเนื่องจากหมดสติไป จึงได้ไปขึ้นเวที นปช. และประกาศว่ามีคนตาย แต่แพทย์ได้ปั๊มหัวใจและช่วยชีวิตไว้ได้ทัน และตนได้พาตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาปิดล้อมเข้าไปพิสูจน์ว่ายังไม่เสีย ชีวิต ซึ่งเมื่อพบว่านายไสวยังพูดได้ ตัวแทนก็ได้กลับมาบอกกับผู้ชุมนุมและสลายตัวไป

 

ทั้งนี้ ในส่วนของเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ตนยืนยันว่าไม่มีผู้เสียชีวิต เนื่องจากตนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย และยืนยันว่าไม่ได้มีการซ่อนศพไว้แต่อย่างใด

 

 

แพทย์ยันโชว์กระสุนเป็นเพียงความจริงบางส่วน ต้องใช้แผลสดเท่านั้นจึงจะระบุอาวุธได้

ด้านนายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส. กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ถามถึงการที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 ราย แสดงว่า นปช. มีอาวุธหรือไม่ และภาพทหารนำเชือกมัดมือผู้ชุมนุมไพร่หลังเกี่ยวข้องศพที่พบในแม่น้ำ เจ้าพระยาหรือไม่ นอกจากนี้สามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าศพที่พบเสียชีวิตมาแล้วกี่ชั่วโมง

 

ซึ่ง นพ.นิติกร กล่าวว่า ทั้ง 2 ศพที่พบในแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่สามารถบอกได้ว่าตายมากี่ชั่วโมง แต่บอกได้เป็นวันว่าเสียชีวิตมาแล้วกี่วัน เพราะศพที่พบเน่าแล้ว ซึ่งทั้ง 2 ศพตายในเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนกระสุนปืนที่เปิดเผยตามสื่อมวลชนตนเห็นว่าเป็นเพียงการเปิดเผยความจริง ส่วนเดียวเท่านั้น เพราะการที่บาดแผลจะสามารถระบุถึงอาวุธที่ชัดเจนได้ ต้องเป็นบาดแผลที่สด

 

 

นครบาลสรุปผลสอบ"พลทหาร"ตายผิดธรรมชาติโดยอุบัติเหตุ

พล.ต.ต .พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข ภายในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ว่า ได้รับรายงานจากคณะแพทย์ โรงพยาบาลศิริราช ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของพลทหารอภินพแล้วว่า เกิดจากฐานกะโหลกศีรษะส่วนหลังด้านซ้ายแตกร้าว เลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นหนาด้านซ้าย

 

จากการสอบสวนได้ข้อมูลว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้าพักบ้านแม่ทัพภาคที่ 1 ช่วงเวลา 02.30-07.00 น.ของวันที่ 13 เม.ย. และกลับไปโดยไม่ได้กลับมาอีก พยานบุคคลที่สอบทั้งหมดมี 20 ปาก มีเพื่อนผู้ตาย 2 คน มารดา และแฟนสาว ก่อนตายผู้ตายได้ติดต่อกับมารดาและแฟนสาวเป็นระยะ และส่งข้อความไปยังมือถือแฟนสาว ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น.13 เม.ย. ว่า "เมื่อคืนนายกฯ มาค้างที่บ้านแม่ทัพด้วย"

 

กระทั่งค่ำวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้ตายยังได้โทรคุยกับแฟนสาวให้ซื้อไหมญี่ปุ่นเพื่อทำสร้อยห้อยพระ แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 ทุ่ม บอกปวดหัวและขอผ้าเช็ดตัว และประมาณ 21.00 น.เพื่อนได้ออกไปซื้อยาแก้ปวดให้ จากนั้นผู้ตายได้อาเจียน และประมาณ 21.30 น. อาเจียนอีกครั้ง แม้เพื่อนจะพยายามสอบถามว่าจะไปโรงพยาบาลหรือไม่ แต่ผู้ตายกลับปฏิเสธ ขอนอนสักครู่คงหาย กระทั่ง 22.20 น.ผู้ตายได้โทรไปหาแฟนสาว และบอกว่าปวดหัวมากคงคุยด้วยไม่ได้ กระทั่งเสียชีวิต

 

"ทั้งหมด สันนิษฐานว่า ผู้ตายเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติ โดยอุบัติเหตุ ซึ่งยังไม่พบว่ามีใครทำให้ตายหรือทำให้เสียชีวิต สำนวนการสอบสวนทั้งหมดจะได้ส่งให้พนักงานอัยการต่อไป ยกเว้นมีผู้ใดร้องว่ามีคนทำให้ตายจึงจะสั่งการให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม"

 

 

ที่มา: เรียบเรียงจาก โพสต์ทูเดย์ คมชัดลึก และกรุงเทพธุรกิจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท