Skip to main content
sharethis

 

การเมือง

 

อนุกกต.ขยายเวลาสอบยุบ ปชป.รอบ 3 รอเนวิน

เว็บไซต์ ไทยรัฐ - นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าววันนี้ (20 พ.ค.) ว่า ที่ประชุม กกต. มีมติขยายเวลาให้อนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์และเครือข่าย ร้องขอให้กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงและส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อ ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคออกไปอีก 15 วัน นับตั้งแต่ครบระยะเวลาที่ขอขยายครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2552 โดยจะครบกำหนดการขอขยายเวลาครั้งใหม่นี้ในวันที่ 30 พ.ค. 2552

 

เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงสาเหตุการขยายเวลาดังกล่าวว่า เนื่องจากเลขาอนุกรรมการไต่สวนฯแจ้งว่าในช่วงการขอขยายเวลาครั้งที่2 ได้สอบปากคำพยานไปหลายปากแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย นายสุวัจน์ ลิปปตพัลลภ อดีตแกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กรณีถูกกล่าวว่า เป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทธิแล้วยังเข้ายุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังเหลือพยานปากสำคัญ คือ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย โดยนายเนวินสามารถชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร หรือจะมาชี้แจงด้วยตนเองก็ได้ ซึ่งหากยังไม่เข้ามาชี้แจง ก็จะสรุปความเห็นเสนอกกต.พิจารณาต่อไป

 

หัวหน้า-เลขาฯ เพื่อไทยแถลงลาออกจากตำแหน่งแล้ว

เว็บไซต์ แนวหน้า - เมื่อเวลา 14.00น.ที่พรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อม น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมแถลงลาออกจากการเป็นกรรมการริหารพรรคเพื่อไทย โดย นายยุทธ กล่าวว่า ตั้งแต่พรรคพลังประชาชนถูกยุบและตนเข้ามาช่วยกันทำงานตลอดเวลา 7-8 เดือนที่ผ่านมา เห็นว่าถึงเวลาที่พรรคเพื่อไทยสามารถตั้งหลักและเดินหน้าทำงานต่อไปได้แล้ว รวมทั้งสถานการณ์ภายในพรรคนิ่งและสงบแล้วสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือควรจะมองไป ข้างหน้ามองไปถึงการทำงานของสภาฯ จึงคิดว่าได้เวลาที่ต้องเปลี่ยนผ่านกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยให้ผู้ที่เป็น ส.ส.เข้ามาเข้ามาหน้าที่แทน เพื่อให้การประสานต่างๆเป็นไปด้วยดี อย่างไรก็ตามตลอดเวลาที่ทำงานไม่ได้รู้สึกกดดันตรงข้ามกลับรู้สึกอบอุ่นและ มีความสุขในการทำงานที่ไม่เคยทำมาก่อน และถึงแม้จะลาออกก็ยังช่วยทำงานในด้านอื่นๆ ต่อไปได้

 

นาย ยงยุทธ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ต้องบอกว่าถึงแม้อดีตนายกฯจะเป็นที่รักของพวกเรา แต่ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หรือแม้แต่บุคคลภายนอกไม่ได้เข้ามามาแทรกแซงหรือเกี่ยวข้องกับการเลือก หัวหน้าพรรคแน่นอน เพราะการพิจารณาถือเป็นเรื่องภายในที่ต้องเป็นไปตามมติของพรรคและตามข้อ กำหนดของ กกต.ที่สำคัญคือต้องมีความโปร่งใส โดยการลงคะแนนลับแต่โหวตเปิดเผย

 

ด้าน น.ส.สุนีย์ กล่าวเสริมว่า การตัดสินใจลาออกเพราะเห็นว่าพรรคมี ส.ส.ที่สามารถทำงานได้ จึงเห็นว่าควรจะพิจารณาให้มีการเลือกกรรมการบริหารใหม่ โดยผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคฯ จะต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาฯควบคู่ไปกับการบริการงานในพรรคให้เป็นไปโดย สมบูรณ์แบบ

 

“สมชาย” ปัด “ทักษิณ” ไฟเขียวนัง หน.พรรค ย้ำพร้อมรับ หากเป็น มติ พรรค

เว็บไซต์ แนวหน้า - พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทยและผู้ได้รับการคาดหมายเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ เปิดเผยว่า คงเป็นข่าวลือ ก็ว่ากันไป ร่วมทั้ง ตนยังไม่เคยคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ในแนวทางจะเลือกหัวหน้าพรรค เป็นหน้าที่ของที่ประชุมส.ส.พรรคในการเสนอชื่อที่เห็นว่าเหมาะสมเข้าสู่ที่ ประชุมก่อนที่จะลงมติเลือกซึ่งภายในพรรคเพื่อไทยก็มีผู้ที่เหมาะสมหลายคน ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.ของพรรค พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี หากเสนอชื่อตนเป็นหัวหน้า ก็คงว่ากันไปตามที่ประชุมพรรคจะมีมติอย่างไร

 

รัฐเล็งขอเพิ่มวันถกงบ-พรก.กู้เงิน เข้มพรรคร่วมห้ามโดดร่ม

เว็บไซต์ ไทยรัฐ - เมื่อเวลา 11.50 น.วันนี้ (20 พ.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเรื่องการเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ว่า การเปิดประชุมสภาเรื่อง พ.ร.ก.ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ต้องให้ศาลวินิจฉัยจบก่อน ซึ่งศาลจะให้มีการพิจารณาในรัฐสภาโดยเร็ว ตรงนี้อาจไม่ทันการประชุมสภาเนื่องจากจะปิดการประชุมวันที่ 21 พ.ค. ฉะนั้นต้องพิจารณาในวันที่เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณางบประมาณราย จ่าย ปี 53 ซึ่งรัฐบาลกำหนดไว้วันที่ 17 - 1819 มิ.ย.แต่หากมีเรื่อง พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.เงินกู้ก็อาจจะขยายเวลาออกไป ทั้งนี้รัฐบาลได้แจ้ง ส.ส.และพรรคร่วมรัฐบาลแล้วว่า ในช่วงวันดังกล่าวขอให้งดการเดินทางไปต่างประเทศและภารกิจ เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมาโหวตส่วนกรณีการประชุมทีมเศรษฐกิจนัดพิเศษ จะเตรียมออก พ.ร.บ.ฉบับใหม่ไหมนั้น

 

นาย สาทิตย์ กล่าวว่า หลักใหญ่ของนายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.หรือ พ.ร.ก.ก็ดี โดยปกติในรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่าจะเอาไปใช้จ่ายอะไร กี่โครงการ แต่นายกรัฐมนตรีต้องการแสดงความโปร่งใสให้ประชาชนให้สภาได้รับทราบว่าเงินจำ นาน 2 แสนล้าน หรือจะเป็น 4 แสนล้าน จะเอาไปสร้างโรงพยาบาลกี่แห่ง สร้างถนนกี่เส้น สะพานกี่ที่ ลงทุนจ้างงานแล้วคนจะมีงานเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ นี่คือต้องไปทำรายละเอียด นี่คือความโปร่งใสที่รัฐบาลต้องการแสดงให้ประชาชนและสภารับทราบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหนื่อย เพราะเท่ากับเรื่องการทำบัญญัติงบประมาณ

 

ส่วน การที่พ.ร.ก.กู้เงินล่าช้าออกไป จะกระทบแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองหรือไม่นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ประชาชนต้องการให้มีการแก้ปัญหาแบบชะลอมากกว่านี้ไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ ตอนนี้เรื่องการจ้างงานเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลกังวลเพราะตรงนี้เป็น งบจ้างงานเป็นหลัก เป็นงบลงทุนและทำให้โครงสร้างพื้นฐาน ทุกอย่างดีขึ้น และผลคือการจ้างงานและการใช้จ่ายภายในประเทศ นี่คือเรื่องหลักที่รัฐบาลคิด

 

กก.สลายม็อบติดใจ ผู้นำเหล่าทัพ เบี้ยวแจงแตกอนุฯ 7 ชุด ให้ ส.ว.เป็นประธาน

เว็บไซต์ แนวหน้า - ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในช่วงบ่าย คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมือง ที่มีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธาน ได้ประชุมเพื่อตั้งอนุกรรมการฯ ขึ้นมา 7 ชุด โดยมี ส.ว.เป็นประธาน และอนุกรรมการประกอบด้วยตัวแทนจากพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล รวมทั้งคนนอกชุดละไม่เกิน 15 คน โดยให้ประธานเป็นผู้สรรหา ทั้งนี้อนุกรรมการฯ ทั้ง 7 ชุดประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ชุมนุมที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ประกอบด้วย พล.ต.ท. พิชัย สุนทรสัจบูลย์ ส.ว.อุดรธานี เป็นประธาน 2. คณะอนุฯรวบรวมเหตุการณ์พัทยา และภูมิภาค มีนายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ส.ว. สรรหา เป็นประธาน 3. คณะอนุฯรวบรวมเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยและศาลรัฐธรรมนูญ มีนางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ เป็นประธาน

 

4. คณะอนุฯรวบรวมเหตุการณ์ที่สามเหลี่ยมดินแดง ผู้เสียชีวิต 2 ศพที่พบในแม่น้ำเจ้าพระยา กรณีการเสียชีวิตของพลหทารอภินพ เครือสุข กรณีรถแก๊ส และรถเมล์ มีพล.ต.ต. สุเทพ สุขสงวน ส.ว.สรรหา เป็นประธาน5. อนุฯรวบรวมเหตุการณ์นางเลิ้ง เพชรบุรี ซ.5-ซ.7 ยมราช อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และกรณีเตรียมเผาธนาคารกรุงเทพ และอื่น มีนายสุวิทย์ เมฆเสรีกุล ส.ว. สมุทรสาคร เป็นประธาน 6.คณะอนุฯเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็น มีนายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว. อุทัยธานี เป็นประธาน และ 7.คณะอนุฯสรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และข้อเสนอแนะ มีนายประวัติ ทองสมบูรณ์ ส.ว. มหาสารคาม เป็นประธาน

 

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังประธานอนุฯ ที่ได้รับแต่งตั้งในวันนี้ไปคัดเลือกคณะอนุฯครบเรียบร้อยแล้ว จะนำรายชื่อมาให้ประธานลงนามในวันที่ 21 พ.ค.นี้ จากนั้นจึงจะเริ่มลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูล และข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนจะนำมาเสนอในที่ประชุมใหญ่นัดแรกในวันที่ 4 มิ.ย. เวลา 10.00 น. และจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 11 มิ.ย. และ 18 มิ.ย. ซึ่งจะครบรอบอายุการทำงาน45วัน ของคณะกรรมการฯ จากนั้นจะมีการสรุปข้อเท็จจริงในที่ประชุมใหญ่ก่อนจะนำเสนอต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาต่อไป อย่างไรก็ตามหากคณะกรรมการไม่สามารถที่จะรวบรวมข้อเท็จจริงได้ทันตามกรอบ เวลาดังกล่าว ก็อาจเสนอขอขยายระยะเวลาในการทำงานออกไปได้

 

รายงาน ข่าวจากคณะกรรมการฯ แจ้งว่า จากการเชิญตัวแทนผู้เกี่ยวข้องส่วนต่างๆ เข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯ ตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่ไม่พอใจที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้บัญชาการทหารระดับสูง ไม่ว่าจะเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. และผบ.ตร ซึ่งไม่ยอมมาให้ข้อมูลด้วยตัวเอง โดยอ้างว่าไม่สามารถมาให้ข้อมูลไม่ได้เนื่องจากมีภารกิจมาก หากต้องการข้อมูลใดก็ให้ทางคณะกรรมการฯ ทำหนังสือขอไปยังหน่วยงานนั้นๆ โดยจะขอส่งคำชี้แจงที่เป็นเอกสารมาให้ ซึ่งเกรงว่าจะทำให้ไม่ทราบข้อมูลการสั่งการที่เป็นจริงทั้งหมด นอกจากนี้คณะกรรมการฯ มีความสนใจในประเด็นของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ที่ถูกควบคุมตัวไปโดยไม่มีหมายจับและขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน รวมทั้งได้รับข้อมูลว่าจากแพทย์ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวภรรยาของนายอริสมันต์ แท้งบุตรจริง

 

โฆษกทบ.ป้องนาย ส่งลูกน้องเคลียร์ ไม่ได้หนีแจงสลายแดง

เว็บไซต์ ไทยรัฐ - พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าววันนี้ (20 พ.ค.) กรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่าทหารแฝงตัวเป็นคนเสื้อแดงเทียม เพื่อสร้างสถานการณ์เหตุวุ่นว่ายช่วง 13 -14 เม.ย. ว่า ทหารมีหน้าที่ประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้รุนแรง เจ้าหน้าที่ทำทุกวิธีให้ทุกอย่างสงบโดยเร็ว และไม่ให้ประชาชนบาดเจ็บหรือหากบาดเจ็บก็ให้น้อยที่สุด นี่คือนโยบายที่ผู้บังคบบัญชามอบ ไม่มีการปลอมปนของทหารไปสร้างความวุ่นวายแน่นอน

 

“ที่ ผ่านมากองทัพ ชี้แจงมาตลอด สื่อมวลชนก็อยู่ในพื้นที่การตรวจสอบ กองทัพพร้อมให้การตรวจสอบ ส่วนการที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่ได้ไปชี้แจงเหตุการณ์ด้วยตนเอง เพราะท่านอยู่ในห้องประชุมรับฟังนโยบาย และมอบนโยบายให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาไปปฏิบัติ ดังนั้น การที่จะให้ข้อมูลแก่คณะกรรมการดีที่สุด ก็ต้องให้ผู้แทนกองทัพที่เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ไปชี้แจงแทน เพื่อให้ชี้แจงคณะกรรมการในทุกเรื่อง เพราะเขาเป็นผู้รับนโยบายและเป็นผู้ปฏิบัติ หากผู้บัญชาการทหารบกไปเอง คงไม่สามารถชี้แจงในรายละเอียดการปฏิบัติได้ เพราะอยู่ในห้องประชุมตลอด” โฆษกกองทัพบก กล่าว

 

เมื่อ ถามว่า พรรคเพื่อไทยระบุว่า พล.อ.อนุพงษ์ ไม่จริงใจในการให้ข้อเท็จจริง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องไม่จริงใจในการแก้ปัญหา แต่ พล.อ.อนุพงษ์ คำนึงถึงการให้ข้อมูล เพราะหากผู้บัญชาการทหารบกไปเอง คงให้ข้อมูลในระดับพื้นที่ไม่ได้มาก เพราะเป็นระดับนโยบายสั่งการให้ผู้ปฏิบัติไปดำเนินการ ผู้แทนที่ไปชี้แจงเป็นระดับรองแม่ทัพภาคที่ 1 รับอำนาจสั่งการมาจากแม่ทัพภาคที่ 1 ในการสั่งผู้บังคับกองพลและผู้บังคับกองพันในหน่วยปฏิบัติ ดังนั้น ผู้ที่ทราบข้อมูลการปฏิบัติอย่างดี เมื่อถามว่า นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช.ระบุว่า เหตุรุนแรงที่ อ.พัทยา จ.ชลบุรี เป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อสีนำเงินของนายเนวิน ชิดชอบ อดีต กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ร่วมมือกับทหารบางส่วนสร้างความรุนแรง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นเรื่องการเมืองของพรรคการเมืองคิดและเป็นมุมมองของแต่ละคน แต่กองทัพมีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงและทำตามกรอบนโยบายที่ได้รับให้เกิดผล โดยต้องไม่ให้มีผู้บาดเจ็บ การที่คิดเช่นนั้นเป็นเรื่องมุมมองแต่ละคน

 

แพทย์ 4 รพ. ยืนยันเหตุสลายม็อบเสื้อแดงไร้ผู้เสียชีวิต

เว็บไซต์ เดลินิวส์ - วันนี้ (20 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง กล่าวถึงความคืบหน้าของคณะทำงานว่า จากการรับฟังคำชี้แจงจากรัฐบาล เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ได้ให้ข้อเท็จจริงมาแล้วบางส่วน โดยช่วงบ่ายวันนี้ คณะกรรมการได้เชิญตัวแทนจากโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ได้แก่ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลศิริราช และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน มาให้ข้อเท็จจริง ซึ่งจะทำให้ทราบว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์หรือไม่

 

นพ.นำ ชัย คุณธารากรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ชี้แจงว่า ทางโรงพยาบาลได้รับการรักษากลุ่มผู้ชุมนุมและทหาร ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างต่ำเช่น อาวุธปืน 9 มม. แต่ไม่ได้สอบถามผู้บาดเจ็บว่าใครเป็นผู้ทำร้ายและใส่เสื้อสีอะไร ซึ่งทหารส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย มาจากกองทัพภาคที่ 2 จ.ปราจีนบุรี ส่วนผู้ชุมนุมที่เข้ารับการรักษามีจำนวน 3 ราย ขณะนี้ยังเหลือรักษาตัวอยู่ที่รพ.1ราย อย่างไรก็ตาม จากการสลายการชุมนุมไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิต มีเฉพาะผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 138 คน

 

จาก นั้น นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการตรวจสอบ ได้ซักถาม ว่า กระสุนที่พบในระหว่างการรักษาได้มาจากร่างกายผู้บาดเจ็บหรือสถานที่เกิดเหตุ อีกทั้งกระสุนดังกล่าวเป็นกระสุนปลอมหรือกระสุนจริง ซึ่งนพ.นำชัย ชี้แจงว่า ไม่พบเป็นกระสุน แต่พบเป็นเศษโลหะพร้อมเขม่าบนร่างกาย ซึ่งไม่คิดว่าเป็นอาวุธสงคราม เนื่องจากถ้าเป็นอาวุธสงครามจริง บาดแผลเข้าจะต้องมีรูเล็กและด้านทะลุออกจะต้องมีรูใหญ่ และกระดูกต้องแตกละเอียด

 

ด้าน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ถามว่า การเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข ในบ้านพักแม่ทัพภาค 1 มีสาเหตุมาจากอะไรและมีบาดแผลที่มือหรือส่วนอื่น ๆ บนร่างกายหรือไม่ ขณะที่นายบรรจบ รุ่งโรจน์ กรรมการตรวจสอบ ถามว่า เหตุใดการเสียชีวิตของพลทหารอภินพในใบมรณะบัตรจากโรงพยาบาลรามาธิบดีจึงระบุ ว่า เสียชีวิตจากการคอหัก ซึ่งต่างจากข้อสรุปของโรงพยาบาลศิริราช

 

นพ.วิ ชาญ เปี้ยวนิ่ม แพทย์นิติเวช จากโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตมาจากกะโหลกศีรษะด้านซ้ายบริเวณท้ายทอยแตกร้าวไปจนถึง กระดูกสันหลัง มีเลือดออกเยื่อหุ้มสมองด้านนอก 2 มม.ก้อนเลือดกดสมอง ซึ่งเป็นอันตรายต่อศีรษะ

 

นพ.นิติกร โปริสวาณิชย์ แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช กล่าวเสริมว่า กรณีพลทหารอภินพที่ได้ขอให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมจากโรงพยาบาลรามาธิบดีนั้น เป็นการร้องขอจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งทางโรงพยาลไม่ได้ชันสูตรพลิกศพเพิ่มเติมใหม่ แต่เป็นการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเท่านั้น ซึ่งการตรวจสอบส่วนใหญ่ตรงกับนพ.วิชาญ ส่วนที่ระบุว่าคอหัก ตนเห็นว่านพ.วิชาญได้ชี้แจงจนกระจ่างแล้ว ส่วนข้อซักถามถึงสาเหตุการตายที่ผิดปกติ เราไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ชี้แจงตรงนั้น แต่ทราบว่าได้รับอันตรายอย่างรุนแรงบริเวณต้นคอ ทั้งนี้คงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเกิดจากอะไร ซึ่งอาจเกิดจากของแข็งไปกระทบต้นคอ หรือต้นคอมากระทบของแข็งก็ได้ สำหรับเรื่องนี้ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม การตรวจทางนิติเวชเราบอกได้ว่าเกิดจากอะไร

 

ด้าน นายเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้สอบถามว่า กรณีที่มีผู้ชุมนุมไปปิดล้อมโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อทวงศพผู้เสียชีวิต อยากทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นพ.ชาตรี เจริญชีวกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศูนย์นเรนทร) กล่าวว่า ในฐานะที่อยู่ในเหตุการณ์ขอชี้แจงว่า เกิดจากความเข้าใจผิดกรณีนายไสว ทองอุ้ม ที่ถูกยิงหน้าอกซ้ายมีเลือดออกและมีคนนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นเจ้าหน้าที่ มูลนิธิร่วมกตัญญูคิดว่านายไสวเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากหมดสติไป จึงขึ้นเวที นปช.และประกาศว่ามีคนตาย แต่แพทย์ได้ปั๊มหัวใจและช่วยชีวิตไว้ได้ทัน และตนได้พาตัวแทนกลุ่มนปช.ที่มาปิดล้อมเข้าไปพิสูจน์ว่ายังไม่เสียชีวิต ซึ่งเมื่อพบว่านายไสวยังพูดได้ ตัวแทนก็กลับไปบอกผู้ชุมนุมให้สลายตัว ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ตนยืนยันว่าไม่มีผู้เสียชีวิต เนื่องจากตนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยและยืนยันว่าไม่มีการซ่อนศพแต่อย่างใด

 

“สนธิ” เผยถูกดิสเครดิต ลั่นทวงบุญคุณ ปชป.

เว็บไซต์ - เมื่อเวลา 12.41 น.ที่ผ่านมา (20 พ.ค.) เว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ได้ลงบทสัมภาษณ์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมากล่าวตำหนิการนำเสนอบทความของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก กรณีกล่าวอ้างว่า พันธมิตรฯ ได้วางตัวบุคคลที่จะนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีไว้ทั้งหมดแล้ว โดย นายสนธิ เชื่อว่า คนที่เป็นต้นตอของข่าวน่าจะเป็นคนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่หวังดิสเครดิตพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตามยังยืนยัน พันธมิตรฯ เป็นมิตรกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาไม่เคยทวงบุญคุณแต่วันนี้อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องใช้คำนี้

 

นาย สนธิ ยังกล่าวถึงความชัดเจนในการตั้งพรรคการเมืองว่า จะต้องถามเสียงของประชาชน ประชาชนจะต้องมีส่วนรู้เห็น แกนนำพันธมิตรฯ ยังไม่เคยมีการหารือในเรื่องการตั้งพรรค เป็นการถามตอบก่อนจะถามเสียงของประชาชน ส่วนตัวยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเข้าไปมีตำแหน่งหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังไม่ได้คิด ซึ่งความชัดเจนในเรื่องการตั้งพรรคนั้นจะต้องรอที่ประชุมพันธมิตรฯ ในวันที่ 24-25 พ.ค.นี้

 

นอกจาก นี้ นายสนธิ ยังกล่าวตำหนิหนังสือพิมพ์คมชัดลึกที่นำเสนอบทความ โดยเชื่อมีการรับงาน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนจับตาหนังสือพิมพ์คมชัดลึก และสื่อในเครือเนชั่น เคยคิดว่าคมชัดลึก เป็นหนังสือพิมพ์ที่ใช้ได้ แต่ปรากฏว่า เขียนข่าวเชิงวิเคราะห์ออกมาแบบนี้ เริ่มจะต้องทบทวนว่า บทบาทของคมชัดลึกแท้ที่จริงแล้วเป็นอย่างไร

 

 

เศรษฐกิจ

 

สำนักงานสลากฯ เดินหน้าออกหวยออนไลน์

เว็บไซต์ คมชัดลึก - หลังจากมีข้อถกเถียงจากหลายฝ่ายเกี่ยวกับโครงการสลากกินแบ่งรัฐบาล 2 ตัว 3 ตัว ที่จำหน่ายด้วยเครื่องอัตโนมัติ หรือ หวยออนไลน์ ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลชี้แจงถึงการเดินหน้าโครงการดัง กล่าวแล้ว ซึ่งสามารถใช้อำนาจของสำนักงานสลากฯ เดินหน้าได้ โดยไม่ต้องนำเรื่องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบความชัดเจนอีกครั้ง เพราะโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จากนั้นจะส่งเรื่องกลับไปยังสำนักงานสลากฯ เพื่อเดินหน้าโครงการหวยออนไลน์ต่อไป

 

ด้าน นายวันชัย สุระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุว่า การดำเนินโครงการหวยออนไลน์เป็นอำนาจของสำนักงานสลากฯ สามารถดำเนินการได้ โดยไม่ต้องรอให้ ครม.อนุมัติ ทางสำนักงานสลากฯ จึงทำหนังสือชี้แจงมายังกระทรวงการคลังว่า ในเมื่อกฎหมายให้อำนาจสำนักงานก็จะเดินหน้าเรื่องดังกล่าว โดยหากกระทรวงการคลังไม่ขัดข้องและส่งหนังสือกลับมาก็จะนำเรื่องเสนอเข้าที่ ประชุมคณะกรรมการสลากฯ ปลายเดือนพฤษภาคมนี้ หรือต้นเดือนมิถุนายน เพื่อพิจารณารายละเอียดโครงการอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้บอร์ดอนุมัติในหลักการไปแล้ว โดยอาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมถึงเกมรูปแบบการเล่นและการเงินรางวัล หลังจากนั้นคาดว่าจะดำเนินการออกหวยได้ภายใน 45 วัน หรือประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมปีนี้

 

นอกจาก นั้น ในการประชุมบอร์ดจะมีการพิจารณาเรื่องการต่อสัญญากับตัวแทนจัดจำหน่ายสลาก กินแบ่งรัฐบาลที่คั่งค้างมานานด้วย โดยระหว่างนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบตัวแทนจำหน่ายส่วนที่รับไป แล้วไม่ได้นำไปจำหน่ายเอง แต่นำไปจำหน่ายต่อให้รายย่อย หรือกลุ่มที่ขายเดินราคา หากพบจะไม่ต่อสัญญากับกลุ่มหรือบุคคลดังกล่าว และยึดโควตาไปให้รายอื่นแทน แต่จะเป็นในกลุ่มเดียวกันคือนิติบุคคล รายย่อย หรือสมาคม ซึ่งสัดส่วนของแต่ละกลุ่มยังไม่เปลี่ยนแปลงจากจำนวนสลากรวม 46 ล้านฉบับต่องวด และเป็นของกลุ่มนิติบุคคลมากที่สุด

 

ที่ ผ่านมายอมรับว่ามีตัวแทนประเภทที่ทำตัวเป็นเสือนอนกินเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีรายย่อยมารับซื้อสลากไปจำหน่ายต่อจำนวนมาก กลุ่มนี้จึงได้ส่วนต่างโดยไม่ต้องทำอะไร และเมื่อรับไปขายหลายทอดทำให้สลากขายเกินราคาที่กำหนด จึงต้องเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว คาดว่าน่าจะลงนามในสัญญาตัวแทนจำหน่ายสลากได้ภายใน 6 เดือนนายวันชัย กล่าว

 

ส่วน การดึงเงินจากการจำหน่ายหวยบนดินเดิมประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท เข้าคลังนั้น จากที่ตรวจสอบในแง่กฎหมายน่าจะสามารถดึงมาใช้ได้โดยไม่ต้องออกกฎหมายใหม่ คาดว่าจะดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ 2552 ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงที่ยังไม่สามารถกู้เงินได้ ตามกฎหมายใหม่ ทั้ง พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.ที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 8 แสนล้านบาท

 

4 กลุ่มธุรกิจออสเตรเลียบุกไทย สนลงทุนผลิตไฟฟ้า-เหมืองแร่

เว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจ - นายเกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) เปิดเผยว่ามีนักธุรกิจ 4 กลุ่มจากรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย 1.กลุ่มที่สนใจลงทุนผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น ไบโอแมส 2.กลุ่มที่สนใจลงทุนด้านขนส่งระบบราง ซึ่งนักธุรกิจออสเตรเลียแจ้งว่าถ้ารัฐบาลพร้อมเมื่อใดจะเข้ามาลงทุนทันที

 

3.กลุ่ม ธุรกิจเหมืองแร่ ต้องการให้ไทยมีมาตรการภาษีจูงใจการลงทุนมากขึ้น และ 4.กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและที่พักผู้เกษียณอายุ ซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าไทยมีระบบสาธารณสุขที่ดีและค่ารักษาพยาบาลไม่สูง แต่มีความพร้อมที่จะรับผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ ที่ผ่านมามี ชาวญี่ปุ่น ที่เกษียณอายุเข้ามาอาศัยในไทยจำนวนมากและตั้งเป็นชุมชนในจังหวัดเชียงใหม่

 

“นัก ธุรกิจออสเตรเลียยังได้สอบถามถึงสถานการณ์การเมืองของไทย แต่นายกฯ ชี้แจงว่ารัฐบาลพยายามนำปัญหาเข้าหารือในรัฐสภา และสร้างบรรยากาศการลงทุนจากต่างประเทศ หากนักธุรกิจออสเตรเลียมีข้อเสนอหรืออุปสรรคการลงทุนสามารถแจ้งให้รัฐบาล ทราบ เพื่อหาทางแก้ปัญหา”

 

นาย เกียรติ กล่าวว่าการลงทุนจากออสเตรเลียที่ผ่านมามีไม่มาก แต่ช่วงนี้มีนักธุรกิจที่ต้องการเตรียมความพร้อมเพื่อไปลงทุนในต่างประเทศ ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ออสเตรเลียให้สิทธิพิเศษลงทุนในหลายธุรกิจ เช่น การศึกษา ก่อสร้าง เหมืองแร่ ขณะเดียวกันทีทีอาร์ มีแผนจะหารือกับรัฐบาลออสเตรเลียเพื่อลดปัญหาอุปสรรคการค้าและการลงทุน ระหว่างกัน เช่น กฎระเบียบการส่งพ่อครัวไทยไปทำงานร้านอาหารไทยในออสเตรเลีย หรือเงื่อนไขที่ออสเตรเลียกำหนดให้ลำไยส่งออกจากไทยต้องติดฉลากที่ก้านและ กำหนดความยาวก้าน

 

ด้าน นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า คณะนักธุรกิจจากรัฐควีนส์แลนด์ ได้สอบถามบีโอไอเกี่ยวกับลู่ทางการลงทุนในไทย โดยบริษัท Winning Yatchs ดำเนิน ธุรกิจผลิตเรืออะลูมิเนียม สนใจร่วมลงทุนผลิตเรืออะลูมิเนียมในไทย แล้วส่งกลับไปขายที่ออสเตรเลีย ซึ่งบีโอไอจัดให้บริษัทออสเตรเลียทั้งหมดพบปะกับผู้ประกอบการไทยที่อยู่ใน ธุรกิจเดียวกัน การหารือกับบีโอไอยังไม่ได้ระบุถึงวงเงินลงทุน แต่เชื่อว่านักธุรกิจกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเข้ามาลงทุนในไทยสูง

 

นอกจากนี้ บริษัท W 2 POWER ซึ่ง ดำเนินธุรกิจพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ สนใจที่จะลงทุนผลิตไฟฟ้าในไทย ซึ่งบีโอไอได้จัดให้บริษัทหารือการลงทุนกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมทั้งยังมีนักธุรกิจที่สนใจลงทุนผลิตรถบรรทุกแช่แข็งสินค้า และธุรกิจจัดฝึกอบรมบุคลากรดูแลผู้สูงอายุ โดยปลายเดือน ก.ค.นี้ บีโอไอจะจัดโรดโชว์กิจกรรมชักจูงการลงทุนที่ออสเตรเลียอีกครั้ง

 

นาย ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวหลังนายแมค ฮาร์บ วุฒิสมาชิกแคนาดาในฐานะที่ปรึกษาของบริษัทเซาท์อีสต์ เอเชีย ไมนิ่งคอร์ป ได้นำนักธุรกิจเหมืองแร่เข้าพบว่า ได้เข้าพบหารือเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่และการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม เหมืองแร่ในไทย และสนใจที่จะเข้ามาลงทุนสำรวจศักยภาพการทำเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งมีแหล่งในจังหวัดเลย พิจิตร เพชรบูรณ์ และจังหวัดปราจีนบุรี

 

ปัจจุบัน นักธุรกิจแคนาดาได้ร่วมทุนกับคนไทยยื่นขออาชญาบัตรสำรวจแร่ตะกั่วและแร่ สังกะสี ที่จังหวัดกาญจนบุรี ชื่อบริษัทจีโอไทย อยู่แล้ว 4-5 แปลงพื้นที่ 20,000 ไร่ โดยได้ยื่นขออนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคำขอและพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่ ว่าจะอนุญาตให้เข้าสำรวจแร่ได้หรือไม่

 

 

คุณภาพชีวิต

 

ผลสำรวจชี้รากหญ้าแบกหนี้อ่วม2.1แสนบ.ต่อคน

เว็บ ไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายเกรียงศักดิ์ บุณยะสุต รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในฐานะโฆษกกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจข้อมูลสถานภาพหนี้ของภาคประชาชนระดับฐานรากหรือผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะกลุ่มตัวอย่างที่เป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ออมทรัพย์ครู สหกรณ์คนขับแท็กซี่ คนขับสามล้อ วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์เดินรถ จำนวน 4,958 ตัวอย่างทั่วประเทศร่วมกับ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า สมาชิกสหกรณ์และวิสาหกิจชุมชนส่วนใหญ่ 94.57% มีภาระหนี้สิน โดยมีเพียง 5.43% เท่านั้นที่ไม่มีหนี้

 

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่จะมีหนี้สินประมาณ 2.1 แสนบาท แบ่งเป็นหนี้ในระบบ 66.70% และหนี้นอกระบบ 33.30% โดยสาเหตุการก่อหนี้ส่วนใหญ่มาจากการขอกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อการลงทุน และเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่าแนวโน้มการก่อหนี้นอกระบบเพิ่มมากขึ้น โดยผู้ขับรถแท็กซี่ 75 % ระบุว่าจะมีภาระหนี้นอกระบบในอีก 1 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้น รองลงมาคือคนขับสามล้อ 64.29% เนื่องจากคนกลุ่มนี้ไม่สามารถกู้เงินในระบบได้จากหลายสาเหตุเช่น หลักทรัพย์ค้ำประกันไม่น่าเชื่อถือ และการงานที่ไม่แน่นอน

 

“ผล การสำรวจพบอีกว่า ประชาชนระดับฐานรากประมาณ 70% มีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย โดยกลุ่มตัวอย่างระบุว่า เกิดจากราคาสินค้าและราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้มีภาระหนี้ส่วนใหญ่ 72.80% ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา” นายเกรียงศักดิ์กล่าว

 

นาย เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์หนี้ของภาคครัวเรือนระดับฐานรากมีแนวโน้ม ประสบปัญหาก่อหนี้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ดังนั้นหากประชาชนมีวินัยในการบริหารทางการเงิน รู้จักเก็บออม ลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ ก็จะช่วยให้สามารถฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นไปได้

 

คลังดันรณรงค์ลดบุหรี่ “วาระแห่งชาติ

เว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจ - นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยภายหลังร่วมหารือกับผู้บริหาร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.เพื่อหาแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาบุหรี่เถื่อนวานนี้ (20 พ.ค.) โดยกล่าวว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า จะผลักดันให้การรณรงค์เรื่องการลด ละ เลิก บุหรี่ เป็นวาระแห่งชาติ โดยเห็นร่วมกันที่จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุด ซึ่งจะมาจากตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยชุดแรกจะเป็นคณะกรรมการกลาง เพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบายในการดำเนินการ ทั้งในส่วนของการปราบปรามและรณรงค์ในการลด ละ เลิก บุหรี่ ส่วนชุดที่สองจะทำหน้าที่รับนโยบายของชุดแรกมาปฏิบัติการ ทั้งนี้ ในเดือนหน้าจะได้มีการเสนอแผนดำเนินการดังกล่าวต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน สสส.ได้รับทราบ

 

“เมื่อ รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีบุหรี่แล้ว ซึ่งถือว่า เป็นแนวทางที่จะช่วยในการลด ละ เลิก บุหรี่ แล้ว เราก็ควรจะมีการรณรงค์เรื่องการปราบปรามบุหรี่เถื่อนควบคู่ไปด้วย เพราะปัจจุบันมีบุหรี่ที่ลักลอบเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ก็มีแนวโน้มที่เยาวชนจะหันมาสูบบุหรี่กันมากขึ้น ฉะนั้น ขณะที่ เราได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทั้งจากกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตตรึงกำลังตามจุด เสี่ยงของการลักลอบทั่วประเทศตลอด 7 วัน คิดว่า หลังจากนี้ ยอดการลักลอบนำเข้าน่าจะลดลง”

 

เขา กล่าวด้วยว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต จะได้มีการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายบุหรี่ และ บทลงโทษสำหรับผู้ที่ลักลอบการนำเข้า เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาการสูบบุหรี่และการลักลอบการจำหน่าย เพราะกฎหมายมีความล้าหลัง เนื่องจาก เป็นกฎหมายที่นำมาใช้ตั้งแต่ 40 ปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของการขออนุญาตขายบุหรี่ก็ทำได้ง่าย และ ราคาถูก ส่วนบทลงโทษนั้นก็ต้องกำหนดให้มีความชัดเจนมากขึ้น

 

ด้าน นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่กล่าวเพิ่มเติมว่า มีข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่า มีการลักลอบการนำเข้าบุหรี่เถื่อนเข้ามาในหลายประเทศจำนวนมาก โดย 1 ใน 3 ของบุหรี่ที่ส่งมาขายนั้นได้หายไปในตลาดมืด และระยะ 15 ปีที่ผ่านมา มีบุหรี่ที่ส่งมาขายในไทยจำนวนประมาณ 488 ล้านซอง แต่พบว่า มีจำนวน 200 กว่าล้านซอง ได้หายไปในตลาดมืด และยังพบว่า 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตบุหรี่ ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 52% เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการค้าบุหรี่เถื่อนนี้

 

“กรมสรรพสามิตได้ประเมินไว้ว่า เราสูญเสียรายได้การผลิตบุหรี่ปลอมประมาณ 1,400-1,700 ล้านบาทต่อปี ส่วนการลักลอบบุหรี่เถื่อนนั้น เราสูญเสียรายได้ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี” เขากล่าว

 

อธิบดีราชทัณฑ์เซ็นคำสั่งย้ายล้างบาง 20 ผู้คุมคุกคลองเปรม

เว็บไซต์ คมชัดลึก - นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์มีคำสั่งย้ายด่วนข้าราชการจากเรือนจำกลางคลองเปรม 20 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการที่อยู่ปฏิบัติงานในเรือนจำแห่งนี้มาเป็นเวลานาน ออกนอกพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาการลักลอบสั่งยาเสพติดของผู้ต้องขังในเรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่มานาน จึงมีความคุ้นเคยกับผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม การย้ายเจ้าหน้าที่ครั้งนี้มีตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับชำนาญการพิเศษ เพื่อเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนเจ้าหน้าที่เก่าๆ ที่อยู่มานานออก แล้วนำเจ้าหน้าที่บรรจุใหม่เข้าไปปฏิบัติงานแทน

 

ขณะ เดียวกันยังมีการย้ายผู้ต้องขังคดียาเสพติดรายสำคัญส่วนหนึ่งไปควบคุมเข้ม ยังแดนควบคุมพิเศษ ณ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เพื่อตัดวงจรการติดต่อระหว่างผู้ต้องขังคดียาเสพติดรายย่อยที่จะเป็นลูกมือ ให้แก่ผู้ต้องขังรายสำคัญ

 

นาย นัทธีกล่าวอีกว่า กรมราชทัณฑ์กำลังจัดทำแดนควบคุมพิเศษเพิ่มขึ้นอีกในหลายเรือนจำ เช่น เรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำกลางเขาบิน และเรือนจำกลางคลองไผ่ เพื่อแยกควบคุมผู้ต้องขังคดียาเสพติดรายสำคัญโดยเฉพาะ เพื่อคุมเข้มและตัดการติดต่อสื่อสารกับภายนอก และระยะยาวจะต้องมีการสร้างเรือนจำมั่นคงสูงสุดขึ้นสำหรับคุมเข้มผู้ต้องขัง คดียาเสพติด ซึ่งเพิ่มมากขึ้นถึง 2 หมื่นคน ที่เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติดรายสำคัญ

 

“ปัจจุบัน เรือนจำทั่วประเทศมีภาระควบคุมตัวผู้ต้องขังเกือบ 2 แสนคน ขณะที่เรือนจำมีพื้นที่รองรับผู้ต้องขังได้เพียง 1.4 แสนคน โดยเฉลี่ยพบว่าผู้ต้องขังเพิ่มขึ้นเดือนละ 2,000 คน จึงจำเป็นต้องพิจารณาหาพื้นที่สร้างเรือนจำมั่นคงสูงสำหรับคดียาเสพติดราย สำคัญโดยเฉพาะ ไม่ให้ไปปะปนกับพวกอื่น ซึ่งกำลังพิจารณาสถานที่ว่าจะใช้เกาะใดเกาะหนึ่ง หรือพื้นที่ห่างไกลชุมชน เช่น ที่คลองไผ่ ซึ่งกรมราชทัณฑ์มีที่ดินอยู่จำนวนมาก” นายนัทธีกล่าว

 

ผบช.น.ถกยุติปัญหาตลาดคลองเตย?

เว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจ - พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นประธานการประชุมเพื่อเจรจาหาข้อยุติปัญหาการกระทบกระทั่งกันระหว่าง กลุ่มผู้ค้าตลาดคลองเตยและการ์ดบริษัท ลีเกิ้ลโปรเฟสชั่นแนล จำกัด ที่ สน.ท่าเรือ วานนี้ โดยมีนายธรรมนัส พรหมเผ่า กรรมการบริหารบริษัทลีเกิ้ล และตัวแทนผู้ค้าเข้าร่วมเจรจา

 

นาย ธรรมนัส กล่าวหลังการเจรจาว่า ได้ข้อตกลงว่า ในการใช้บริการเข็นผักนั้น จะให้รถบรรทุกที่ขนผักมานั้นเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า จะเลือกใช้บริการจากบริษัทลีเกิ้ล หรือบริษัทเก่า ส่วนเรื่องการกระทบกระทั่งกัน เจ้าหน้าที่ได้ขอให้หลีกเลี่ยงการใช้กำลังปะทะกัน

 

นาย ธรรมนัส ให้ความเห็นว่า การแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันสามารถแก้ปัญหาได้เพียงบางเรื่องเท่านั้น หากผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออกมาเจรจาด้วยตัวเอง คาดว่าปัญหาน่าจะยุติลงได้

 

ด้าน ตัวแทนผู้ค้า กล่าวว่า การค้าขายในตอนนี้เป็นไปด้วยความกลัวและหวาดระแวง เนื่องจากเกรงว่าจะมีคนประสงค์ร้ายอยู่ตลอดเวลา โดยทางบริษัทลีเกิ้ลต้องถอนตัวออกไป และให้การท่าเรือฯ ทำประชาพิจารณ์ โดยให้พ่อค้าแม่ค้าเข้าร่วมประมูลด้วย

 

ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า ได้รับความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย โดยให้บริษัทลีเกิ้ล ยกเลิกการให้การ์ดเข้าไปดูแลในตลาด และขอให้ทางแม่ค้าไม่รบกวนสิทธิของกันและกัน ซึ่งการเจรจากันได้ข้อสรุปต่างๆ แล้ว คาดว่าเรื่องทุกอย่างก็จะสามารถยุติได้ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลความเรียบร้อยตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าสบายใจ

 

 

ต่างประเทศ

 

โสมแดงแปรพักตร์ปูดลูกคนกลางสืบทอดอำนาจ

เว็บไซต์ ไทยรัฐ - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (20 พ.ค.) อ้าง หนังสือพิมพ์ “ดอง-อา” ของประเทศเกาหลีใต้รายงานวันเดียวกันนี้ จากเปิดเผยของนายคิม ดุค ออง คนสนิทของนายฮวาง จาง ยอป อดีตประธานรัฐสภาเกาหลีเหนือ ที่แปรพักตร์มาลี้ภัยในประเทศเกาหลีใต้เมื่อปี 2550 ว่า มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่นายคิม จอง อิล ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือวางตัวนายคิม จอง ชอล ลูกชายคนกลางวัย 29 ปี เป็นผู้สืบทอดอำนาจ ไม่ใช่นายคิม จอง อัน ลูกชายคนเล็กวัย 26 ปีดังที่คาดการณ์กัน โดยขณะนี้ นายคิม จอง ชอล รับตำแหน่งสูงในพรรคกรรมกรพรรครัฐบาลอย่างลับๆ เพื่อฝึกความพร้อมเป็นผู้นำและรายงานโดยตรงต่อบิดา

 

รายงาน นี้ขัดแย้งกับการคาดการณ์ของสื่อมวลชนระบุว่านายคิม จอง อิล เห็นว่าลูกชายคนกลาง จบการศึกษาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีลักษณะอ้อนแอ้นคล้ายผู้หญิงเกินไปที่จะเป็นผู้นำได้ เพราะมีอาการฮอร์โมนเพศหญิงสูงกว่าปกติ จึงวางตัวลูกชายคนเล็กเป็นทายาทอำนาจ ส่วนนายคิม จอง นัม ลูกชายคนโตวัย 38 ปี เดิมถูกคาดหมายกันว่าจะได้เป็นทายาทอำนาจ ต้องหมดสิทธิ์ไปหลังถูกจับที่ประเทศญี่ปุ่นขณะพยายามเดินทางเข้าไปเที่ยวสวน สนุก ดิสนีย์แลนด์โดยใช้พาสปอร์ตปลอมในปี2544

 

ระบุ ด้วยว่า นายคิม จอง อิล วัย 67 ปี รับอำนาจสืบต่อจากนายคิม อิล ซุง บิดา “ผู้นำผู้ยิ่งใหญ่” ที่เสียชีวิตในปี 2537 เขาปกครองด้วยระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์ ไม่ให้มีฝ่ายค้าน แต่หลังมีข่าวลือว่าเขาป่วยด้วยโรคลมปัจจุบันเมื่อปีที่แล้ว สื่อมวลชน ต่างเกาะติดข่าวอย่างเข้มข้นว่าเขาวางตัวใครเป็นทายาทอำนาจ

 

เขมรชุมนุมวันแห่งความโกรธ รำลึกเหยื่อเขมรแดง

เว็บไซต์ ไทยรัฐ - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (20 พ.ค.) ว่า ชาวกัมพูชาราว 2,000 คน รวมทั้งพระสงฆ์หลายร้อยรูป ชุมนุมที่เขตช่องเอก ที่เคยเป็น “ทุ่งสังหาร” ของชาวเขมรแดง เนื่องใน “วันแห่งความโกรธแค้น” ประจำปี

 

รายงาน ระบุด้วยว่า วันเดียวกันนี้ เป็นวันรำลึกถึงผู้ตกเป็นเหยื่อความทารุณโหดร้ายของชาวเขมรแดง โดยนักศึกษาราว 40 คนได้จำลองการทรมานและสังหารผู้คนขณะเขมรแดงกุมอำนาจในช่วงทศวรรษ 1970 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1.7 ล้านคนด้วย การชุมนุมในวันแห่งความโกรธแค้นปีนี้มีขึ้นขณะที่ศาลพิเศษที่มีสหประชาชาติ เป็นผู้อุปถัมภ์อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีอดีตผู้นำเขมรแดง โดยจำเลยรายแรกคือนายเกียง เคก เอียฟ หรือ “สหายดุช” อดีตผู้บัญชาการเรือนจำ “โตล สเลง” อันอื้อฉาว

 

บินลำเลียงอิเหนาร่วงดับ98ศพ

เว็บไซต์ ไทยโพสต์ - เครื่องบินซี-130 ของกองทัพอินโดนีเซียประสบเหตุพุ่งชนบ้านหลายหลังก่อนกระแทกนาข้าวระเบิดไฟ ลุกท่วมทั้งลำที่ชวาตะวันออก ทำให้เสียชีวิตอย่างน้อย 98 คน เผยเป็นเครื่องบินลำเลียงอายุร่วม 30 ปีที่ได้รับมอบจากสหรัฐ แต่กองทัพยืนยันสภาพยังดี แม้ชาวบ้านอ้างเห็นปีกขวาและชิ้นส่วนร่วงจากกลางอากาศ

 

ภาพ ข่าวทีวีอินโดนีเซียเผยให้เห็นควันสีดำพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าจากจุดที่เครื่อง บินลำเลียงชนิดซี-130 เฮอร์คิวลิสกลายเป็นซากไหม้ไฟลุกท่วมอยู่ปลายนาข้าว ขณะที่ทหารช่วยกันนำร่างผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากตัวเครื่องที่เหลือให้เห็น เพียงส่วนหางราว 15 เมตร โดยมีชาวบ้านพยายามช่วยกันใช้ถังน้ำสาดน้ำดับไฟอย่างเต็มกำลัง

 

ซาก อม แทมบูน โฆษกของกองทัพ แถลงว่า ซี-130 ลำนี้มีลูกเรือ 11 คน และผู้โดยสาร 99 คนที่รวมถึงเด็กด้วย 10 คน กำลังนำทหารและครอบครัวทหารบินจากกรุงจาการ์ตาไปยังฐานทัพอิสวาห์ยูดีใน จังหวัดชวาตะวันออก ไกลจากกรุงจาการ์ตาทางทิศตะวันออกราว 520 กม. ขณะเกิดเหตุนั้นสภาพอากาศปลอดโปร่งและตัวเครื่องบินก็อยู่ในสภาพดี

 

เครื่อง บินลำนี้พุ่งชนบ้านหลายหลังในหมู่บ้านเกปลัก ก่อนจะกระแทกพื้นและระเบิดปลายนาข้าว ระหว่างเตรียมร่อนลงที่ฐานทัพอิสวาห์ยูดีที่ห่างออกไปเพียง 6.5 กม. เมื่อเวลาราว 06.30 น.ของเช้าวันพุธ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุอะไร

 

บัม บัง ซูลิสต์โย โฆษกกองทัพอากาศ เผยว่า กองทัพอากาศจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนชุดหนึ่งมาตรวจสอบอุบัติเหตุครั้งนี้ พร้อมกับเสริมว่าเครื่องบินลำนี้มีอายุเกือบ 30 ปีแล้ว และมีผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนเล่าว่าเห็นปีกข้างขวาของเครื่องหล่นจากกลาง อากาศ

 

ลา มิดี ชาวนาวัย 41 ปีซึ่งกำลังทำนาอยู่ใกล้จุดตก บอกว่า ตนได้ยินเสียงระเบิดดังอย่างน้อย 2 ครั้ง และเห็นเปลวไฟลุกไหม้ภายในตัวเครื่อง จากนั้นส่วนปีกได้หักและร่วงลงมา

 

บัม บัง ซามูโดร ผู้บัญชาการฐานทัพอากาศอิสวาห์ยูดี เผยว่า มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 98 คน รวมถึงคนบนพื้นดินอีก 2 คน และมีผู้รอดชีวิต 15 คน

 

ประธานาธิบดี สุสีโล บัมบัง ยุทโธโยโน ได้ร้องขอประชาชนว่าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ จนกว่าการสอบสวนจะได้ข้อสรุป ขณะที่อีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีกลาโหมจูโวโน ซูดาร์โซโน ชี้ว่า งบประมาณซ่อมบำรุงถูกจำกัดอยู่แค่ไม่ถึง 10% ของงบกองทัพทั้งที่ควรจะอยู่ที่ระดับ 20-25%

 

ชัปปี ฮาคิม อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศเปิดเผยกับข่าวรอยเตอร์ว่า เครื่องบินซี-130 ลำที่ตกนี้ผลิตโดยสหรัฐตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1980s

 

กองทัพอากาศอินโดนีเซียใช้เครื่องบินลำเลียงรุ่นนี้เป็นหลักมาตั้งแต่ต้นยุค 1960s หลัง ได้รับมอบมาจากสหรัฐ 10 ลำ เป็นการแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวนักบินเครื่องบินทิ้งระเบิดของซีไอเอที่ถูก ยิงตกระหว่างสนับสนุนกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลในปี 2501 ช่วงเวลา 20 ปีนับจากนั้นสหรัฐยังมอบซี-130 ให้อีกราว 40 ลำ ส่วนมากเป็นเครื่องที่ผ่านการใช้งานแล้ว กระทั่งมาถึงยุคประธานาธิบดีบิล คลินตัน อินโดนีเซียก็ถูกรัฐบาลสหรัฐคว่ำบาตรทางทหารตอบโต้เหตุการณ์นองเลือดใน ติมอร์ตะวันออกปี 2542

 

กองทัพ อากาศโอดครวญมานานแล้วว่า การถูกคว่ำบาตรนี้ทำให้กองทัพขาดแคลนอะไหล่ และงบซ่อมบำรุงก็ไม่เพียงพอ เพียงไม่นานเครื่องบินหลายลำก็ไม่สามารถใช้งานได้ แม้ว่าสหรัฐจะยกเลิกคว่ำบาตรเมื่อหลายปีก่อน แต่ยังมีปัญหาว่าการซ่อมบำรุงเครื่องบินเหล่านี้จะคุ้มค่าต่อการใช้งานหรือ ไม่

 

หลาย ปีที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุทางอากาศกับเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินทหาร ของอินโดนีเซียหลายครั้ง เช่นเดือนที่แล้วเครื่องบินฟอกเกอร์ 27 พุ่งชนโรงเก็บเครื่องบินที่สนามบินในชวาตะวันตก ทำให้เสียชีวิตทั้งลำ 24 คน ยังมีอุบัติเหตุกับเครื่องบินโดยสารหลายครั้งคร่าชีวิตคนมากกว่า 120 คนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ด้วย ประวัติความปลอดภัยที่ย่ำแย่นี้ทำให้ปี 2550 สหภาพยุโรป (อียู) ได้สั่งห้ามสายการบินทั้งหมดของอินโดนีเซียให้บริการในชาติสมาชิกอียู

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net