สืบเนื่องจากเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) ได้เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ปัญหา จนกระทั่งมีคำสั่งแต่งตั้ง “คณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย” ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีการประชุมครั้งที่ 1 ไปเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2552 โดยมีมติในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน ในระหว่างที่กำลังดำเนินการ “ผ่อนผันให้ราษฎรได้อยู่อาศัย และทำกินในที่ดินดังกล่าวตามวิถีชีวิตปกติไปพลางก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และแจ้งส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ชะลอการดำเนินการใดๆที่อาจเป็นมูลเหตุให้เกิดความขัดแย้งหรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนในการดำเนินชีวิตตามปกติสุข... ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด ซึ่งเป็นสมาชิกของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ยังคงมีการดำเนินคดีและคุกคามสมาชิกเครือข่ายฯ จำนวน 8 ราย ได้แก่ 1.มีการรื้อทำลายอาสิน จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายถวิล เส็นฤทธิ์ 2.มีหนังสือคำสั่งให้รื้อถอน จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายสายชล เพชรสุด 3.มีหนังสือเรียกค่าเสียหาย จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายสมนึก-นางฉวี สุขอินทร์, นายบุญจบ แก้วเพ็ง 4.มีการปักป้ายยึดพื้นที่ จำนวน 4 ราย ได้แก่ นายวิง เพชรย้อย, นางกำจาย ชัยทอง, นายทิน หนูเรือง, นายวิโรจน์ สว่างรัตน์ โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่ได้เคารพและปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการอำนวยการฯ ดังกล่าว

ทั้งนี้ใน 4 รายหลัง ถูกบังคับคดีมาก่อนหน้านี้ทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่ง และผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่และพิจารณาให้ยกเลิกการบังคับคดี โดยได้ประสานงานมาไปยังกรมอุทยานเพื่อยุติการบังคับคดีกับชาวบ้าน

ล่าสุดวันนี้ 25 มิ.ย.2552 ได้มีหมายบังคับคดีอาญาส่งมาถึงชาวบ้านจำนวน 2 รายเพิ่มขึ้น ได้แก่ นางกำจาย ชัยทอง และนายวิง เพชรย้อย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเวลา 10.00 น.ที่สถานีตำรวจ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่สมาชิก คปท.ถูกดำเนินคดีและถูกคุกคามเพิ่มขึ้นดังกล่าว ทำให้ประชาชนในพื้นที่ เกิดความวิตกกังวลถึงความล้มเหลวในการกำกับข้าราชการและหน่วยงานของรัฐในระดับพื้นที่เพื่อให้สนองนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยกับรัฐบาลทีได้ตกลงกันไว้