Skip to main content
sharethis
 
ศาลจังหวัดสงขลานัดสืบพยานคดีฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมกลุ่มคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย นัดแรกเป็นการนัดต่อเนื่องสามวัน ได้แก่วันที่ 24-27 มิถุนายน 2552 ปรากฏว่าฝ่ายโจทก์ได้นำสืบพยานปากที่หนึ่งได้แก่ นายบรรจง นะแส ตั้งแต่วันที่ 24-27มิถุนายน นัดครั้งต่อไประหว่างวันที่ 15-17 กรกฎาคม ทนายฝ่ายจำเลย ได้แก่ นายนายทัศนัย ปลอดเปลี่ยว นายสถาพร ภักดีวงศ์ นายณรงค์ สีราสันต์และนายอนุรักษ์ สวัสดีบุรี จะซักค้านพยาน และทนายฝ่ายโจทก์จะถามติงอีกครั้ง ซึ่งนัดครั้งต่อไปจำเลยขอสืบพยานลับหลัง โดยจำเลยขออนุญาตไม่ต้องมาฟังการสืบพยานเนื่องจากอ้างว่ามีภารกิจมาก
 
การสืบพยานนอกจากการให้การแล้วยังยังมีการเปิดวีซีดีบันทึกเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 และให้การยืนยันเอกสารภาพถ่ายผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกาย สภาพรถยนต์ที่ถูกทุบตีได้รับความเสียหาย และเอกสารรายงานการตรวจสอบการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชา วุฒิสภา ที่มีการสอบสวนหลังเกิดเหตุการณ์
 
นายบรรจง นะแส กล่าวว่า การที่ฟ้อง พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผบ.ตร. จำเลยที่ 1 เพราะเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งสลายการชุมนุม ที่สำคัญจำเลยที่ 1 อยู่ภายในโรงแรมเจบีหาดใหญ่ อยู่ไม่ห่างกับจุดเกิดเหตุ หลังจากที่ได้รับรายงานจากจำเลยที่ 3แล้วในทางปฏิบัติสามารถเดินทางมาดูเหตุการณ์จริงด้วยตนเอง แต่ไม่ปฏิบัติกลับเลือกออกคำสั่งสลายการชุมนุม
 
พล.ต.ต สัณฐาน ชยนันท์ จำเลยที่ 3 ในฐานผู้บังคับการจังหวัดสงขลา เป็นผู้ที่รายงานเท็จต่อจำเลยที่ 1 ว่าผู้ชุมชนได้ฝ่าแผงเหล็กกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ ทั้งที่ในความเป็นจริงผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ รับประมานอาหาร ละหมาดและพักผ่อนรอการเจรจาจากรัฐบาล
 
พ.ต.อ.สุรชัย สืบสุข จำเลยที่ 4 ร.ต.อ.เล็ก มียัง จำเลยที่ 6 ร.ต.ท.อธิชัย สมบูรณ์ จำเลยที่ 14 และร.ต.ท.บัณฑูรย์ บุญเครือ จำเลยที่ 13 เป็นถึงตำรวจชั้นสัญญาบัตรควรมีวิจารณญาณว่าคำสั่งของจำเลยที่ 1 เป็นคำสั่งที่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเชื่อว่าจำเลยทั้งสี่ได้ผ่านการฝึกอบรมและรู้หลักการขั้นตอนการสลายการชุมนุมอย่างแน่นอน ว่าควรเริ่มจากขั้นตอนเบาไปหาหนัก เช่นต้องมีกระบวนการ เจรจา และหากจะเข้าสลายต้องประกาศให้ผู้ชุมชนทราบ แต่จำเลยทั้งสี่กลับไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบวิธีปฏิบัติทั้งที่เป็นถึงตำรวจชั้นสัญบัตร ในความเป็นจริงควรเป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชน ที่สำคัญไม่ควรมีอคติกับกลุ่มผู้ชุมนุมควรใช้ความรู้ที่เรียนมาและยึดถือตามกฎหมาย โดยจำเลยที่ 6 และจำเลยที่14 เป็นถึงผู้บังคับกองร้อยแทนที่จะห้ามปรามเจ้าหน้าตำรวจในสังกัดไม่ให้ใช้ความรุนแรงแต่จำเลยทั้งสองกลับเป็นผู้ใช้ความรุนแรงเสียเอง จำเลยที่ 6 เป็นผู้ปืนทุบกระจกหน้ารถหกล้อ และจำเลยที่ 14 เป็นผู้ขึ้นไปบนหลังคากระบะและขย่มรถของพยานทำให้เกิดความเสียหาย
 
การยื่นฟ้องในครั้งแรกทำการฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 38 นาย แต่เนื่องจากในชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลจังหวัดสงขลารับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 เท่านั้น แต่ทางโจทก์ยื่นอุทธรณ์ตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่ไม่ติดใจที่จะอุทธรณ์ตำรวจชั้นประทวน เพราะความเห็นใจว่าต้องปฏิบัติตามผู้บังคับบัญชา
 
ซึ่งการการปฏิบัติของจำเลยทั้ง 3 ก่อให้เกิด ทำให้เสียสิทธิในการชุมนุมคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน เป็นการละเมิดสิทธิทั้งที่กลุ่มชาวบ้านชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ และก่อให้เกิดการทำร้ายร่างกาย ทำให้บาดเจ็บ อีกทั้งยังทำให้เกิดการทำลายทรัพย์สินทำให้เกิดความเสียหาย เช่น รถยนต์ที่ของผู้ชุมนุมที่จอดไว้เฉยๆเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับทุบตีด้วยอารมณ์โกรธพร้อมทั้งยึดรถเป็นของกลางประมาณปีเศษทำให้เกิดสลายเสื่อมโทรมและเสียหายมากขึ้น
 
การฟ้องคดีนี้ต้องการให้เกิดบรรทัดฐานของเจ้าหน้าที่ตรวจในการสลายการชุมนุมที่ชอบด้วยกฎหมาย และเพื่อเป็นบรรทัดฐานของกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับการใช้สิทธิและการลงโทษ หากเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจโดยมิชอบก็สมควรที่จะได้รับการลงโทษให้เป็นแบบอย่าง ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ของรัฐควรมีทัศนคติที่ดีต่อกลุ่มผู้เดือดร้อนกลุ่มต่างๆจากโครงการพัฒนาของรัฐบาลได้มีสิทธิในการชุมนุม หากลงโทษชาวบ้านที่ไม่ผิดจะทำให้เกิดความไม่เชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมซึ่งจะเป็นผลเสียกับประเทศชาติ
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net