Skip to main content
sharethis
วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม 2009 11:10น.
นายมูฮัมหมัดยาลาลุดดิน มะมิง และ นายอับดุลอาซิ หะยีเจ๊ะมิง สองอุสตาซ (ครูสอนศาสนา) จาก จ.ยะลา ที่ไปถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้ายในประเทศกัมพูชา และถูกศาลกัมพูชาพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเขมรแล้วหลังถูกจองจำนานถึง 6 ปี ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างไทยกับกัมพูชา
ทั้งสองเพิ่งเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อไม่กี่วันมานี้ ท่ามกลางความยินดีของ นางปารีด๊ะ มะมิง กับ นางอาอีซ๊ะหะยี เจ๊ะมิง ภรรยาที่เดินทางขึ้นกรุงเทพฯทันทีเพื่อไปพบสามี
พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า การปล่อยตัวสองอุสตาซ เป็นผลจากการเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทยเมื่อไม่นานมานี้
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นการนำนักโทษคดียาเสพติดของกัมพูชาที่ถูกจำคุกอยู่ในประเทศไทย แลกกับอุสตาซทั้งสอง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าทั้งคู่จะต้องกลับมารับโทษจำคุกต่อในประเทศไทยหรือไม่
สำหรับไทยกับกัมพูชาใกล้จะบรรลุข้อตกลงใน "สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ" ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามกันในเร็วๆ นี้จากการผลักดันของกระทรวงยุติธรรมที่เห็นว่ามีผู้ต้องขังชาวกัมพูชาอยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ไทยจำนวนมาก จึงควรเร่งจัดทำสนธิสัญญาดังกล่าวเพื่อโอนตัวนักโทษเขมรกลับไปรับโทษต่อในกัมพูชา ขณะเดียวกันก็โอนตัวนักโทษไทยที่ถูกจองจำในกัมพูชากลับมารับโทษต่อในไทย ซึ่งจะเป็นการลดภาระการดูแลนักโทษของทั้งสองประเทศ และเป็นผลดีกับญาติของผู้ต้องขังที่จะได้รับความสะดวกในการเยี่ยมและดูแล
อนึ่ง เมื่อราวกลางปี 2545 นายมูฮัมหมัดยาลาลุดดิน มะมิง สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ขณะที่ นายอับดุลอาซิ หะยีเจ๊ะมิง สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอัลอัซฮาร์ ประเทศอียิปต์ ทั้งสองมีอาชีพเป็น "อุสตาซ" หรือครูสอนศาสนาอิสลามที่ จ.ยะลา จากนั้นทั้งคู่ได้เดินทางจากบ้านเกิดเพื่อไปสอนหนังสือด้านศาสนวิทยาอิสลามที่โรงเรียนอัลมุกรอ (Al-Mukra) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามย่านชานเมืองของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
แต่แล้วเมื่อวันที่ 23 พ.ค.2546 ทั้งสองก็ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัวขณะสอนหนังสืออยู่ในโรงเรียน ด้วยข้อหาเป็นคนของ “เจมาห์ อิสลามียะห์” หรือเจไอ ซึ่งเจไอเป็นกองกำลังติดอาวุธอิสลามิคกลุ่มหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เชื่อกันว่าโยงใยใกล้ชิดกับกลุ่มอัลกออิดะห์ (Al-Qaeda) ซึ่งสหรัฐระบุว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายสากล
โดยในคำบรรยายฟ้องระบุว่า อุสตาซทั้งคู่กำลังเตรียมการโจมตีเป้าหมายในกัมพูชา ด้วยการระเบิดที่ตั้งของสถานทูตสหรัฐอเมริกาและอังกฤษในกรุงพนมเปญพร้อมๆ กัน
เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้าที่ นายฮัมบาลี หัวหน้ากองกำลังของเจไอจะถูกทางการไทยจับกุมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2546 หน่วยข่าวกรองสืบทราบมาว่าเขากบดานอยู่ในกัมพูชาระยะหนึ่ง เพื่อทำภารกิจระดมสมาชิกและสร้างเซลล์นักก่อการร้ายขึ้นในกัมพูชา ช่วงนี้เองที่ทางการกัมพูชาตั้งข้อสงสัยว่าครูสอนศาสนาชาวอียิปต์คนหนึ่ง อุสตาซจากยะลาสองคน และครูชาวกัมพูชามุสลิมอีกหนึ่งคน ได้พบปะและมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับฮัมบาลี
การถูกดำเนินคดีและจองจำนานถึง 6 ปี สร้างความลำบากอย่างแสนสาหัสให้กับครอบครัวของคนทั้งคู่ โดย นายมูฮัมหมัดยาลาลุดดิน มีนางปารีด๊ะ เป็นภรรยา และมีลูกด้วยกันถึง 6 คน ขณะที่ นายอับดุลอาซิ มีนางอาอีซ๊ะหะยี เป็นภรรยา และมีลูกด้วยกัน 3 คน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net