Skip to main content
sharethis

สหภาพแรงงานไทยพาณิชย์หวั่นถูกลอยแพรวมตัวประท้วง หลังถูกสั่งโอนย้ายสังกัดเข้าบริษัทลูกกว่า 400 คน ระบุก่อนหน้าธนาคารเคยตั้งบริษัทลูกมาแล้วหลายบริษัทแต่ได้ทยอยขายหุ้นทิ้ง

18 ก.ค. 52 - เว็บไซต์ไทยรัฐายงานว่า กลุ่มสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์จำนวนมากได้ชุมนุมและเดินขบวนบนถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อคัดค้านและเรียกร้องความเป็นธรรมกรณีที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะโอนย้าย พนักงานประมาณ 400 คนไปอยู่ในสังกัดบริษัทลูกของธนาคาร ซึ่งทำหน้าที่ติดตามทวงถามหนี้ที่กำลังตั้งขึ้นใหม่ โดยถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์

นายสมศักดิ์ อู่มั่น ประธานสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ผู้บริหารของธนาคารไม่ได้ให้ความมั่นใจในอนาคตของพนักงานที่ต้องโอนย้ายไป จึงหวั่นใจว่าจะถูกลอยแพในที่สุด ซึ่งขณะนี้มีเพียงยืดเวลาที่พนักงานต้องเซ็นชื่อในใบลาออก เพื่อไปสังกัดบริษัทติดตามหนี้จากวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ไปเป็นวันที่ 10 สิงหาคมแทน ประกอบกับที่ผ่านมา ธนาคารเคยตั้งบริษัทลูกมาแล้วหลายบริษัท แม้ว่าในช่วงแรกถือหุ้นทั้งหมด แต่ต่อมาธนาคารทยอยขายหุ้นออกเพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นลง ทำให้ในที่สุดบริษัทดังกล่าวไม่ได้เป็นบริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์อีกต่อไป
 
ประธานสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวต่อว่า ในการประชุมสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ในวันนี้ จะมีการประชุมวิสามัญเพื่อขอมติที่ประชุม ให้มีมติยื่นฟ้องธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายจ้างต่อศาลแรงงานในวันที่ 20 ก.ค.นี้ โดยจะยื่นฟ้องว่า นายจ้างได้ละเมิดสภาพการจ้างงานตามที่เคยได้ตกลงไว้กับสหภาพฯ ว่า หากธนาคารจะเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างงานจะต้องเป็นประโยชน์ต่อพนักงาน และไม่ด้อยไปกว่าเดิม
 
ผช.กจญ.ธนาคารไทยพาณิชย์ออกโรงชี้แจงกรณีสหภาพฯไม่พอใจนโยบายโอนย้าย พนง.ไปบริษัท ทวงหนี้ที่ตั้งขึ้นใหม่ ยันทุกคนยังได้รับสิทธิประโยชน์เดิม
 
วันเดียวกันนี้ (18 ก.ค.) เว็บไซต์ไทยรัฐ ยังรายงานต่ออีกว่า นางองค์อร อาภากร ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคณะผู้บริหารธนาคารได้รับทราบถึงข้อกังวลใจของพนักงาน และมิได้นิ่งนอนใจต่อกรณีดังกล่าว ที่ผ่านมา ธนาคารฯ มีการประชุมชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับพนักงาน และได้ดำเนินการปรับปรุงเงื่อนไขการโอนย้ายการจ้างงานบางส่วนให้ชัดเจนยิ่งขึ้นตามข้อเสนอแนะของพนักงานและสหภาพฯ เพื่อให้พนักงานเกิดความสบายใจ
 
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวต่อว่า ธนาคารฯ ขอยืนยันว่า ธนาคารฯ มีความตั้งใจที่ จะดูแลพนักงานในส่วนนี้ ด้วยความจริงใจ อย่างไรก็ตาม ธนาคารฯ ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทติดตามทวงหนี้ เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นว่า ธนาคารฯ เห็นชอบให้มีการจัดตั้งบริษัทติดตามทวงถามหนี้ในกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ขึ้น เพื่อดำเนินการติดตามทวงถามหนี้ ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารฯ และบริษัทในเครือทั้งหมด โดยธนาคารฯ ถือหุ้น 100% และจะทำการโอนย้ายพนักงานในหน่วยงานเดิมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการติดตามทวงถามหนี้ไปสังกัดบริษัทใหม่ เพื่อเป็นการรวบรวมความชำนาญเฉพาะด้านไว้ด้วยกัน ให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการติดตามหนี้ และสามารถรองรับงานทั้งของธนาคารและบริษัทในเครือได้อย่างครบวงจร อันเป็นการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
 
สำหรับพนักงานที่โอนไปยังบริษัทใหม่ นางองค์อร กล่าวว่า ได้รับสิทธิ เงินเดือน สวัสดิการ และผลประโยชน์ต่างๆ เทียบเท่าการเป็นพนักงานธนาคารฯ ทุกประการ รวมถึงการนับอายุงานของพนักงานซึ่งจะนับต่อเนื่อง จากอายุงานธนาคารฯ อย่างไรก็ตาม การโอนย้ายพนักงานดังกล่าว มีความยืดหยุ่นและสามารถโอนย้ายพนัก งานระหว่างบริษัทภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารฯ เป็นการสร้างโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แก่พนักงานไปพร้อมกันกับการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารฯ ได้
 
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวอีกว่า นโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคลและแนวปฏิบัติต่างๆ จะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งกลุ่ม ตั้งแต่เงื่อนไขของการจ้างงาน การประเมินผลงาน การขึ้นเงินเดือน ตลอดจนการเลื่อนระดับชั้นของพนักงาน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บริษัทใหม่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์ของบริษัทได้ หรือมีกรณีที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือครองหุ้นของธนาคารฯ ลดลงเป็นนัยสำคัญ ธนาคารฯ จะรับพนักงานซึ่งโอนย้ายไปอยู่บริษัทใหม่แล้ว กลับมาปฏิบัติงานกับธนาคารฯ ตามตำแหน่งและในหน้าที่งานที่เหมาะสม

 

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net