Skip to main content
sharethis

กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงแจงไม่เกี่ยวเหตุชาวบ้านตำบลกำเนิดนพคุณทำร้ายคนบริษัทสหวิริยาที่เข้าไปทำความสะอาดวัด ระบุ และวันดังกล่าวชาวบ้านร่วมอบต.จัดประชุมทำเอกสารขอยกเลิกการทำผังเมืองขายพื้นที่สีม่วงหรือเขตอุตสาหกรรม ชาวบ้านไม่พอใจบริษัทอยู่แล้วแต่ยอมรับกระทบกระทั่งกันจริงนอกวัดกับคนนอกเครื่องแบบบริษัท

สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (7ส.ค.) มีรายงานข่าวในเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์และไอเอ็นเอ็นว่ากลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงราว 100 คนนำ โดยนางจินตนา แก้วขาว กรูเข้าปิดล้อม ด่าทอ พนักงานสหวิริยาขณะจัดเอสเอสไออาสาทำความสะอาดวัดนาผักขวง ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน และมีการตบต้นคอพนักงานคนหนึ่งรวมทั้งปาขี้วัวเข้าใส่
 
นายสุพจน์ ส่งเสียง รองประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กลุ่มอนุรักษณ์แม่รำพึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย และตนได้เข้าไปที่วัดนาผักขวางหลังจากมีกข่าวการกระทบกระทั่งกันแล้ว โดยในวันนั้นเป็นวันที่ชาวบ้านในตำบลกำเนิดนพคุณกว่า 100 คนได้รวมตัวกันตามคำเชิญประชุมของ นายก อบต.ฯ เรื่องการทำเอกสารขอยกเลิกการจัดผังเมืองที่จะขยายเป็นสีม่วง หรือเขตอุตสาหกรรม รวมถึงบริเวณวัดนาผักขวงซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของที่นี่ ซึ่งชาวบ้านมีความไม่พอใจกับบริษัทอยู่แล้วในการขยายพื้นที่สีม่วง เมื่อพวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่บริษัทสหวิริยาเข้ามาในวัดก็เกิดความไม่พอใจและด่าทอกัน ทั้งนี้ ชาวบ้านส่วนหนึ่งที่รู้จักกับ จินตนา แก้วขาว จึงได้ติดต่อให้จินตนามาคลี่คลายสถานการณ์ และเท่าที่ทราบจินตนาก็พยายามบอกพนักงานว่าอย่าเข้าไปภายใจวัดเนื่องจากชาวบ้านเยอะมาก ควรกลับไปดีกว่า
 
สุพจน์ยืนยันว่า กลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่โดนกล่าวหานั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่เพราะทางกลุ่มมีกิจกรรมขึ้นป้ายคัดค้านโรงถลุงเหล็กกว่า 100 ป้ายในบริเวณหมู่ที่ 1 
 
“ผมเองเข้าไปหลังจากที่มีการกระทบกระทั่งกันแล้วพนักงานหลายท่านที่มาตามคำสั่งนายตัวเอง ผมก็รู้จักดีหลายคน และได้ช่วยพาไปขึ้นรถกลับหลายคน แต่สหวิริยากลับกล่าวหาว่ากลุ่มอนุรักษ์ ทั้งๆ ที่วันนั้นหลังจากสหวิริยากลับแล้วก็ได้มีการประชุมกันที่ศาลาเอนกประสงค์ หมู่ที่ 2 ต.กำเนิดนพคุณ มีทั้งสมาชิก อบต. และรองนายก อบต. รวมถึงหนังสือมติการประชุมที่ให้ยกเลิกการจัดทำผังเมืองที่จะขยายเป็นสีม่วง โดยนัดรับหนังสือในวันที่ 18 สิงหาคมนี้อีกด้วย
 
นอกจากนี้ยังได้มีการสอบถามชาวบ้าน ต.กำเนิดนพคุณคนหนึ่งซึ่งให้ข้อมูล่วาว่า ชาวบ้านไม่ได้ทำร้ายพนักงานที่อยู่ในวัด มีแต่ผู้สูงอายุ ผู้หญิงที่ต่อว่าพนักนักงานฝากไปยังบริษัทว่าอย่าสร้างภาพอีกเลย เพราะมาทำความสะอาดวัด แต่ไปผลักดันให้ที่ดินแถวนี้เป็นสีม่วงเขตอุตสาหกรรม ซึ่งคงไม่มีใครยอม อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยอมรับว่ามีการกระทบกระทั่งกันกับบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้รถกระบะ และแต่งตัวไม่เหมือนพนักงานซึ่งมาด่าทอยั่วยุชาวบ้านที่บริเวณนอกวัด และไม่ทราบว่าเป็นพนักงานบริษัทสหวิริยาจริงหรือไม่ 
 
ชาวบ้านแนะบริษัทประกาศหยุดโครงการ ควรหยุดกิจกรรมในพื้นที่ด้วย
 
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า อยากให้บริษัทประกาศให้ชัดเจนว่าจะยกเลิกหรือหยุดโครงการ หรือจะย้ายไปเวียดนาม และควรหยุดดำเนินการจริง ๆ ไม่ใช่ประกาศว่าจะหยุดแต่มีการเคลื่อนไหวทุกด้านไม่ว่าการจ้างมหาวิทยาลัยเข้ามาวิจัยอย่างต่อเนื่อง หรือทำกิจกรรมที่ยิ่งสร้างความแตกแยกในชุมชน  
 
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอสไอ เปิดเผยว่า ขณะนี้เครือสหวิริยาได้ชะลอแผนลงทุนโรงถลุงเหล็กที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไว้ก่อน เนื่องเพราะผลจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 56 และ 57 ที่กำหนดให้การดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ จะกระทำไม่ได้ ซึ่งยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่ากิจการแบบใดที่มีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ทางเครือสหวิริยาได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยมหิดลศึกษาอยู่
 
"ที่ผ่านมาได้ลงทุนในโครงการนี้ไปแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนโรงถลุงเหล็กในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม เนื่องจากมีโครงการสร้างอู่ต่อเรือขนาดใหญ่" นายวินกล่าว
ขณะที่นายวิกรม วัชระคุปต์ ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย และเลขานุการคณะกรรมการศึกษาโครงการอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ เปิดเผยว่า ขณะนี้การศึกษาโครงการเหล็กต้นน้ำ มูลค่าลงทุนประมาณ 150,000 ล้านบาท มีความคืบหน้าประมาณ 20% โดยคณะกรรมการได้เลือกพื้นที่สำรวจ ได้แก่ ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช และภาคตะวันออก จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง เน้นพื้นที่เกษตรกรรมที่รกร้างและดินเสื่อมสภาพ พื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่ คาดว่า จะเสร็จต้นปี 2554 ใช้งบฯ 40 ล้านบาท จากนั้นจะนำเสนอข้อมูลให้รัฐบาลกำหนดนโยบายต่อไป
นายวิกรมกล่าวว่า ล่าสุดได้ส่งหนังสือเพื่อสอบถามไปยังผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลก 4 ราย ที่สนใจที่จะเข้ามาลงทุนโครงการ ประกอบด้วย บริษัท จีเอฟอี สตีล, บริษัท นิปปอน สตีล จากประเทศญี่ปุ่น, บริษัท อาร์เซลอร์ มิททอล จากประเทศอินเดีย และบริษัท บาว สตีล จากประเทศจีน ซึ่งทั้ง 4 บริษัทยืนยันว่ายังคงสนใจที่จะลงทุนแต่ไม่รีบร้อน เนื่องจากต้องรอดูความชัดเจนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลกก่อน
 
สหวิริยาแจงม็อบบางสะพานยืนยันพร้อมตอบทุกคำถาม
 
นอกจากนี้เว็บไซตแนวหน้ารายงานว่า นายปกรณ์ ปุริมอติกานต์ รองประธานคณะกรรมการ ศูนย์บริหารจัดการและส่งเสริมสิ่งแวดล้อม เครือสหวิริยา เปิดเผยถึงข่าวกรณีกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงยื่นหนังสือสอบถามกรณีโครงการอุตสาหกรรมเหล็กในพื้นที่จำนวน 8 ข้อ โดยระบุให้ตอบภายใน 15 วันแล้วยังไม่ได้รับคำตอบว่า น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกัน เพราะทางบริษัทได้รวบรวมข้อมูลชี้แจงกับกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมาและมีการเชิญสื่อมวลชนมาร่วมรับฟังเพื่อแสดงความโปร่งใส แต่หลังจากพยายามติดต่อกับแกนนำคือ นางจินตนา แก้วขาว ก็ได้รับคำตอบมาโดยตลอดว่าไม่สะดวกที่จะมารับหนังสือ แต่ขอให้บริษัทส่งคำชี้แจงทางไปรษณีย์ ซึ่งตนเห็นว่าการพบปะพูดคุยน่าจะเป็นการดีกว่า เพราะนอกเหนือจากคำชี้แจงที่เป็นลายลักษณ์อักษรแกนนำยังสามารถสอบถามรายละเอียดของข้อกังวลใจได้เพิ่มเติม
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net