เครือข่ายวิทยุชุมชนทั่วประเทศรวมตัวประกาศเจตนารมณ์ รักษาสิทธิขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาตชั่วคราว 1 ปี ตามประกาศ กทช. ด้านเลขาธิการ กทช.ระบุ เร่งจัดประเภทและออกใบอนุญาตเฉพาะวิทยุชุมชน ระหว่างรอ กสทช. ยังเหลือวิทยุสงฆ์ที่ยังไม่มาขึ้นทะเบียน
10 ส.ค.52 ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เครือข่ายวิทยุชุมชนจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศประมาณ 110 สถานี ในนามสหพันธ์วิทยุชุมชนแห่งชาติ (สวชช.) นำโดยประชาชนจากพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์และกาญจนบุรี ได้เดินขบวนรณรงค์เรื่องวิทยุชุมชน มายังสำนักงาน และประกาศเจตนารมณ์สื่อภาคประชาชน (อ่านรายละเอียดในล้อมกรอบ) พร้อมทั้งยื่นหนังสือต่อประธาน กทช. เลขาธิการ กทช. ก่อนจะทยอยเข้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ประกอบกิจการวิทยุชุมชน หลังจากอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ภายใต้ กทช. ได้ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตประกอบกิจการบริการชุมชนชั่วคราว ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 ก.ค.52 มีผลบังคับใช้เมื่อ 25 ก.ค. โดยกำหนดให้วิทยุชุมชนต่างๆ เข้าแจ้งความประสงค์เพื่อขอใบอนุญาตชั่วคราว 1 ปี ภายใน 30 วัน และหลังจากนั้นคณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาแยกประเภทและออกใบอนุญาตให้วิทยุชุมชนต่างๆ ภายใน 300 วัน
คำประกาศเจตนารมณ์สื่อภาคประชาชน
ใน นามสหพันธ์วิทยุชุมชนแห่งชาติ (สวชช.) ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งโดยภาคประชาชนจากทุกภูมิภาคของประเทศที่ได้รวมตัว และติดตามผลักดันการปฏิรูปสื่อ ภายหลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 หรือรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดยมีเจตนารมณ์สำคัญในอันที่จะรับรองสิทธิเสรีภาพการสื่อสารของประชาชน ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้นจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในปี 2550 ก็มีอาจปฏิเสธหลักการและเจตจำนงค์ดังกล่าวของประชาชนได้
ตลอด ระยะเวลากว่าสิบปีที่ภาคประชาชนได้พยายามเข้าถึงช่องทางและใช้สิทธิในการ สื่อสารการจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงขึ้นเพื่อสื่อสารถึงกันในระดับชุมชน อันเป็นประโยชน์แก่คนทุกกลุ่มในท้องถิ่นโดยตรง แต่กลับต้องเผชิญกับการขัดขวาง ยื้อยุด และแทรกแซง ทั้งจากอำนาจรัฐและอำนาจทุนในหลายมิติ แต่กระนั้นก็ไม่อาจบิดเบือนเจตนารมณ์ของภาคประชาชน ที่แสวงหาสิทธิ ความเป็นธรรม และความเป็นประชาธิปไตยทางการสื่อสารได้
ใน วาระที่ประชาชนจะได้รับการคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญ จากการยื่นขอรับใบอนุญาตวิทยุกระจายเสียงชุมชน ซึ่งจะทำให้เสียงของประชาชนทุกหนทุกแห่งในประเทศนี้ ไม่ถูกปิดกั้นโดยกฎหมาย สหพันธ์วิทยุชุมชนแห่งชาติ และเครือข่ายวิทยุชุมชนในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จึงขอประกาศเจตนารมณ์ในการใช้สิทธิการสื่อสารของภาคประชาชนอีกครั้งหนึ่งว่า สื่อภาคประชาชน จะต้องเป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน เพื่อประโยชน์สาธารณะ
สหพันธ์ วิทยุชุมชนแห่งขาติ และเครือข่ายวิทยุชุมชนในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จะยืนหยัดรักษาหลักการดังกล่าว ด้วยการติดตามตรวจสอบ ทั้งรัฐบาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ให้กระจายอำนาจการสื่อสารให้กับประชาชน และให้สิทธิในการกำกับดูแลตนเอง รวมถึงการสนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายการสื่อสารของ ชาติให้สมดังเจตนารมณ์การปฏิรูปสื่อที่ก่อตัวขึ้นจากประชาชน เพื่อประชาชนได้กำหนดอนาตตนเองสืบไป
ด้วยความเชื่อมันและศรัทธาในประชาธิปไตย
สหพันธ์วิทยุชุมชนแห่งาติ
10 สิงหาคม 2552
|
อ่านประกาศ กทช. ฉบับเต็ม http://www.ntc.or.th/uploadfiles/0724200962304126.104.pdf
ขอบเขตและเงื่อนไขของผู้ได้รับอนุญาต
(1) ผู้รับใบอนุญาตต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อ 4 ตลอดระยะเวลาการประกอบกิจการบริการชุมชน (วิทยุกระจายเสียงชุมชน)
(2) ผู้รับใบอนุญาตต้องประกอบกิจการด้วยตนเอง
(3) ผู้รับใบอนุญาตต้องแบ่งเวลาให้ผู้ที่ยื่นขอรับใบอนุญาตรายอื่นดำเนินรายการ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
(4) ผู้ รับใบอนุญาตต้องไม่หารายได้จากการโฆษณา ซึ่งหมายถึง การดำเนินการโดยวิธีใดๆ ซึ่งมีเจตนาให้ผู้ฟังเกิดความต้องการบริโภคสินค้าหรือบริการนั้น ๆ
(5) ผู้ รับใบอนุญาตสามารถมีรายได้หรือได้รับการสนับสนุนด้วยวิธีการที่มิใช่การ โฆษณา เช่น การสนับสนุนการประกอบกิจการจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ มูลนิธิ ภาคเอกชน กองทุนพัฒนากิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์เพื่อประโยชน์สาธารณะ ตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เป็นต้น แต่จะต้องมิใช่การกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่มีลักษณะครอบงำการประกอบกิจการ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
(6) ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีป้ายชื่อสถานีวิทยุกระจายเสียงชุมชน โดยจะต้องแสดงให้สาธารณชนเห็น ณ ที่ตั้งดำเนินการอย่างชัดเจน
(7) ผู้ รับใบอนุญาตต้องแต่งตั้งบุคคลเป็นผู้อำนวยการสถานีเพื่อควบคุมดูแลการออก อากาศ รับผิดชอบดูแลการจัดรายการ การดำเนินรายการ และการออกอากาศของสถานีรวมทั้งควบคุมดูแลผู้จัดรายการ/ผู้ประกาศ ให้ใช้ภาษาอย่างถูกต้อง ชัดเจน และใช้วาจาสุภาพในการออกอากาศ
(8) ผู้รับใบอนุญาตต้องกำกับให้มีการประกาศชื่อสถานีและเวลา ด้วยภาษาราชการทุกต้นชั่วโมงที่ดำเนินรายการ
(9) ใน กรณีที่มีภัยพิบัติหรือมีเหตุฉุกเฉิน หรือมีกรณีอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ซึ่งมีความจำเป็นต้องออกอากาศแจ้งข่าวหรือเตือนภัยให้ประชาชนทราบ เมื่อรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องร้องขอ ให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการตามที่ร้องขอ
(10) ผู้ รับใบอนุญาตมีหน้าที่ตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระ ที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจาร หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน อย่างร้ายแรง
(11) ผู้ รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีการบันทึกรายการที่ได้ออกอากาศไปแล้วทุกรายการ โดยอาจบันทึกไว้ในเทปหรือวัสดุโทรทัศน์อย่างอื่น หรือด้วยวิธีการใด ๆ ที่สามารถถ่ายทอดกลับมาเป็นรายการนั้นได้ และเก็บรักษาไว้เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบได้ โดยระยะเวลาการจัดเก็บต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวัน เว้นแต่คณะกรรมการจะกำหนดเป็นอย่างอื่น
(12) ผู้ รับใบอนุญาตต้องจัดทำรายงานสถานะทางการเงิน โดยแสดงรายรับและรายจ่าย ที่ถูกต้องตามความเป็นจริงเสนอต่อคณะกรรมการทุกหกเดือนหลังจากที่ได้รับใบ อนุญาต
(13) ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตโดยเคร่งครัด
(14) คณะกรรมการอาจกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงความถี่ออกอากาศได้
|