Skip to main content
sharethis

 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะทำงานด้านกิจการวิทยุกระจายเสียงชุมชน ในคณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ได้ครบกำหนดการยื่นขอใบอนุญาตชั่วคราวของผู้ประกอบการวิทยุชุมชนแล้ว โดยมีจำนวนผู้ประกอบการวิทยุชุมชนลงทะเบียนขอเป็นผู้ทดลองออกอากาศ จำนวน 5,500 สถานี คิดเป็น 98-99% ของวิทยุชุมชนทั่วประเทศ เหลืออีก 100-200 สถานี ที่ยังไม่ได้มาลงทะเบียนยื่นความประสงค์

ทั้งนี้ ได้มีการประกาศร่างหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตประกอบกิจการบริการชุมชนชั่วคราว (วิทยุกระจายเสียงชุมชน) ในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 2552 โดยเปิดให้ผู้ประกอบการวิทยุชุมชนลงทะเบียน เพื่อขอเป็นผู้ทดลองออกอากาศ 300 วัน ก่อนยื่นขอใบอนุญาตชั่วคราว มีอายุ 1 ปี

พ.อ.นที กล่าวว่า หลังจากนี้ คณะทำงานวิทยุชุมชนฯ จะเริ่มตรวจเครื่องส่งคลื่นวิทยุ เพื่อรับรองมาตรฐาน พร้อมจัดอบรมเกี่ยวกับการจัดรายการวิทยุชุมชน รวมทั้งเดินหน้าร่างประกาศ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เรื่องการกำกับดูแลการประกอบกิจการวิทยุชุมชน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการวิทยุชุมชนรวมกลุ่มกันเพื่อดูแลกันเอง

ในส่วนของผู้ประกอบการวิทยุชุมชน ที่ยังไม่ยื่นเอกสารแสดงความประสงค์ ถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498

หากมีผู้ร้องเรียนในกรณีคลื่นรบกวน วิทยุชุมชนที่ไม่แสดงความประสงค์จะมีความผิด 3 ประการ คือ การประกอบกิจการวิทยุชุมชนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต การใช้เครื่องส่ง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต และการใช้คลื่นความถี่ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ถือว่ามีความผิดตาม มาตรา 66 ใน พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ซึ่งมาตราดังกล่าว มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้ายังมีการฝ่าฝืนอีกจะถูกปรับวันละ 5 หมื่นบาท

อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการฯ ไม่มีนโยบายปิดวิทยุชุมชนที่ไม่ได้แจ้งความประสงค์ แต่ถ้าพบว่ามีคลื่นรบกวน จะดำเนินการตามกฎหมาย

 

 

ที่มา: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net