Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นางสาวสุพรรณี จงจินตนาการ หรือ ได๋ ไดอาน่า พิธีกรและนักแสดงชื่อดัง ในฐานะทูตผู้ลี้ภัยประจำประเทศไทย และนายวีรวิชญ์ เธียรชัยนันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการเพื่อผู้ลี้ภัยและผู้อพยพแห่งสหรัฐอเมริกา (ยูเอสซีอาร์ไอ) ประจำประเทศไทย www.uscrithailand.org ได้เข้าพบนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรณรงค์เรียกร้องสิทธิให้เด็กผู้ลี้ภัยในไทยได้เข้าถึงระบบการศึกษาของไทย เช่นเดียวกับเด็กกลุ่มอื่นๆ หลังจากก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เข้าพบนายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในประเด็นเรื่องสิทธิในการทำงานของผู้ลี้ภัย

นายวีรวิชญ์ กล่าวว่า ยูเอสซีอาร์ไอประจำประเทศไทยมีความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อส่งเสริมสิทธิของเด็กผู้ลี้ภัยให้สามารถเข้าถึงระบบการศึกษาที่ดีและมีคุณภาพ ตลอดจนขอโอกาสในการศึกษาต่อสำหรับเด็กผู้ลี้ภัยที่เรียนจบภาคบังคับตามกฏของกระทรวงศึกษาธิการ

ด้านนางสาวสุพรรณี เล่าว่า จากการได้เข้าเยี่ยมเด็กผู้ลี้ภัยที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในศูนย์ผู้ลี้ภัย กรุงเทพฯ และที่บ้านท่าสองยาง อ.แม่สอด จ.ตาก โดยได้พูดคุยและได้รับจดหมายจากเด็กๆ พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นอกจากการมีอาหารกินในแต่ละมื้อแล้ว พวกเขาอยากเรียนหนังสือในโรงเรียนเหมือนตอนอยู่ที่ประเทศบ้านเกิดของพวกเขา
 
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงนโยบายด้านการศึกษาของไทยว่า ได้วางระบบให้ครอบคลุมเด็กทุกคนในราชอาณาจักรไทย โดยถือตามสิทธิเด็กและสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก

เขากล่าวว่า ทราบว่ายังมีเด็กอีกหลายกลุ่มที่ยังมีข้อยกเว้นที่จะได้รับสิทธิดังกล่าว ประกอบด้วย เด็กไร้รัฐ เด็กที่เป็นลูกของแรงงานข้ามชาติที่อพยพเข้ามาทำงานในไทย และอยู่ไม่ค่อยเป็นหลักแหล่ง เด็กผู้ลี้ภัย และเด็กที่ยังไม่ได้ถูกจัดอยู่ในสถานภาพใดๆ

ทั้งนี้ เขาได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานพัฒนาเอกชนต่างๆ ทั้งที่เป็นหน่วยงานในประเทศ และหน่วยงานพัฒนาเอกชนจากนานาชาติ องค์การสหประชาติต่างๆ ที่ได้ช่วยดูแลและสอดส่องปัญหาของเด็กกลุ่มดังกล่าวมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เด็กไทยที่อาศัยอยู่โดยรอบสถานที่พักพิงชั่วคราวของผู้ลี้ภัย หรือเด็กชายขอบของบ้านเราก็ยังลำบากและต้องการทั้งความสนใจและความช่วยเหลือจากหน่วยงานพัฒนาเอกชนทั้งของท้องถิ่นและของนานาชาติ เพื่อช่วยผลักดันชีวิตความเป็นอยู่ของเขาให้ดีขึ้นด้วย

นายชัยวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการกำลังร่างระเบียบสำหรับสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาและการอนุมัติใช้ระเบียบดังกล่าวมีเนื้อหาว่าด้วยโอกาสที่ทัดเทียมกันของเด็กทุกคนในประเทศไทยที่จะสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาของไทยโดยไม่มีข้อยกเว้น ทั้งนี้ ในการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวของรัฐ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำอะไรทุกอย่างโดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะมีต่อเด็กไทยในเรื่องของการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กไทยที่อาศัยอยู่ใกล้กับค่ายผู้ลี้ภัยตามชายแดนไทย-พม่า

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ความห่วงใยเกี่ยวกับปัญหาของเด็กผู้ลี้ภัยไม่ได้มีเพียงแค่ปัญหาทางด้านการศึกษาเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงความห่วงใยทางด้านสุขภาพและสุขอนามัยรอบๆ ค่ายผู้ลี้ภัย และรอบๆ พื้นที่อยู่อาศัยของชุมชนท้องถิ่นในบริเวณนั้น ขณะที่ทางกระทรวงศึกษาธิการกำลังทำงานเกี่ยวกับนโยบายทางการศึกษาที่ว่าด้วยการที่เด็กๆ ทุกคนในประเทศไทยจะได้มีโอกาสที่จะได้รับการศึกษาที่ทัดเทียมกันในอนาคต ในเวลาเดียวกันทางกระทรวงฯ ก็อยากขอความร่วมมือกับหน่วยงานพัฒนาเอกชนทั้งภายในประเทศและหน่วยงานจากนานาประเทศ องค์การสหประชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศผู้บริจาคทั้งหลายโปรดให้ความสนใจในการปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนคนไทยที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นบริเวณที่ตั้งของค่ายผู้ลี้ภัย โดยการพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ ของชุมชนในท้องถิ่นนั้นๆ ควบคู่กับการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ลี้ภัย เพื่อทำให้ชุมชนในท้องถิ่นสมัครใจในการทำงานร่วมกับพวกเราด้วย
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net