10 ก.ย. 52 นักข่าวพลเมืองรายงานว่า ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กลุ่มอนุรักษ์ฯบ้านกรูด รวมถึงชาวบางสะพานที่ร่วมคัดค้านการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กที่ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ลงแขกช่วยกันดำนาเพื่อเป็นเสบียงกรังในการต่อสู้คัดค้านอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ ซึ่งเป็น 1 ใน 8 กิจการที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีผลบังคับใช้เมื่อ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา
โดยในครั้งนี้เป็นปีที่ 2 ของการทำนาสำหรับเป็นเสบียง แม้ว่าผลผลิตจากนากลุ่มของปีที่แล้วจะยังมีเหลืออยู่ แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือกันอย่างมาก เนื่องจากเห็นว่า การต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดและทรัพยากรธรรมชาติในครั้งนี้อาจต้องใช้เวลาอีกยาวนาน เพราะจากการที่ภาครัฐและทุนร่วมมือกันในการให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความใน มาตราที่ 67 วรรคสอง ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 เป็นการกระทำที่เอื้อต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ที่ยังไม่สามารถเดินหน้าโครงการ โดยติดข้อกฎหมายตามมาตราที่ 67 ให้มีโอกาสที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยที่ไม่คำนึงถึงประชาชนในพื้นที่ว่าจะต้องสูญเสียทั้งธรรมชาติและวิถีชีวิตที่เคยดำรงอยู่
“หากเรามีข้าวเอง กับข้าวเราไม่ต้องกังวล เนื่องจากส่วนใหญ่เรามีทั้งพี่น้องชาวประมง พี่น้องที่ทำการเกษตรก็ร่วมด้วยช่วยกันในเรื่องกับข้าวกับปลา ดังนั้นเราจะไม่เดือดร้อนในเรื่องทุนที่จะต้องมาซื้อข้าว ก็ลองดูว่า กลุ่มทุนที่จะมาสร้างโรงถลุงมูลค่า 90,000 ล้านบาทในเฟสแรก จะสู้กับชาวบ้านที่เอาชีวิตมาเดิมพันในการปกป้องทรัพยากรและถิ่นฐานของตัวเองได้หรือไม่ เราก็แก่แล้วแต่ที่ต้องสู้ก็เพื่อลูกหลานจะได้มีชีวิตที่ปลอดภัยจากมลพิษ เพราะหากเราไม่สู้คนที่นี่ก็คงต้องเดือดร้อนเหมือนคนที่มาบตาพุด” ลุงสมพร บัวโรย ชาวบ้านหมู่ที่ 1 ต.แม่รำพึง ที่ร่วมดำนาในครั้งนี้กล่าว
นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาจาก ม.รามคำแหง ได้มาร่วมดำนาในครั้งนี้อีกด้วย เนื่องจากมาเรียนรู้ขบวนการการต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติจากชาวบ้าน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)