Skip to main content
sharethis

สนธิ ลิ้มทองกุล เผยต้องคำพิพากษาเพราะคดีเกิดช่วงทักษิณถืออำนาจรัฐแข็งแรง ชี้เจอตัดสินไม่รอลงอาญาเป็นการเอาคุกมาขู่ แต่ไม่กลัวตาย ขอหักธนูที่ปักทิ้งแล้วนำทัพต่อ ลั่น “เมื่อกำหนดแล้วว่าศาลสถิตยุติธรรมนั้นเป็นจุดสุดท้ายที่ให้ผมอยากให้ทุกอย่างในสังคมไทยจบที่นี่ ผมจะให้มันจบที่นี่” เผยกลางเดือนกันยา สถานการณ์จะร้อนแรงกว่าช่วงเมษา อ้าง ‘นักวางระเบิด’ จากภาคใต้ขึ้นมาหลายคนแล้ว

 

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.52 เมื่อเวลา 18.17 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์สดผ่านรายการ News Hour ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี กรณีถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 6 เดือน คดีหมิ่นประมาทนายภูมิธรรม เวชชยชัย ว่า ขอเท้าความก่อน ว่า ขณะนี้ตนเองถูกฟ้องร้องจำนวน 4 คดี คือ คดีที่ นายภูมิธรรม เวชชยชัย อดีต รมช.คมนาคม และอดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ที่วันนี้อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาลดโทษจำคุกเหลือ 6 เดือน คดีที่สองของคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นโจทก์ฟ้อง ศาลจำคุก 2 ปี คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ คดีที่สาม คุณเก่งกาจ ลูกน้องคุณยงยุทธ ติยะไพรัช ที่เอาป่าไม้มารังควานที่ลุมพินี ศาลสั่งจำคุก 2 ปี และคดีล่าสุด คดี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ศาลสั่งจำคุก 2 ปี รวมเป็น 6 ปี 6 เดือน

 
นายสนธิ กล่าวว่า ที่น่าสังเกตคือ คดีทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงที่เขาเริ่มสู้กับพ.ต.ท.ทักษิณในปี 2548 ในตอนที่เขาทักษิณ 2548 เป็นช่วงที่ทักษิณถืออำนาจรัฐอยู่อย่างแข็งแรง มีเครือข่ายไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ อัยการ และศาลบางส่วน โดยผ่านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะปลัดกระทรวงยุติธรรม ตอนนั้นจึงเล่นงานเขาหนัก ไม่ว่าจะเป็นการออกหมายจับ ใช้ตำรวจตามล่า ให้อัยการสั่งฟ้องขึ้นศาลทันที คือ คดีพวกนี้ถูกวางไว้หมดแล้ว
 
นายสนธิ กล่าวต่อว่า “ทีนี้ในการต่อสู้ครั้งแรกๆ ผมเหมือนเดินชนกำแพง เขาเป็นกำแพงเหล็กเลย เขามีอำนาจ มีทุกอย่างในมือหมด มีอำนาจทางกฎหมาย มีอำนาจเงิน มีอำนาจมืด ผมจะสู้กับเขาแบบนิ่มนวลไม่ได้ ผมก็ต้องตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง เพราะฉะนั้นผมก็ต้องออกอาวุธหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเล่นกันแรงครับ คือเขาก็เล่นผมแรง แต่เขาเล่นแรงโดยเขาใช้อำนาจรัฐเล่น เขามีเครื่องไม้เครื่องมือเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคุณยงยุทธ ติยะไพรัฐ นึกออกไหมครับ เขามีพวกคุณเก่งกาจ มีพวกเด็ก 14 ตุลาเก่าๆ ซึ่งวางแผนเล่นงานผม แล้วเขามีหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปฏิญญาฟินแลนด์ นึกออกไหม เขาใช้ทุกวิถีทาง
 
ผมก็ต้องสู้ทุกวิถีทาง แต่ว่าผมโดดเดี่ยว ผมคนเดียว เพราะว่าผมเป็นเพียงพิธีกรเมืองไทยรายสัปดาห์ ยังไม่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการต่อสู้ของผมก็ต้องต่อสู้แบบนักรบเดียวดาย บาดแผลเต็มตัวไปหมด พอเหตุการณ์ผ่านมา คดีความก็ยืดเยื้อมา การวางงานก็วางไว้เรียบร้อยแล้ว ผลที่ออกมาแทงหวยได้เลยว่าผลจะออกมาเป็นยังไง
 
คำถามก็คือ เขาจริงๆ ลึกๆ เขาต้องการใช้ศาล ใช้อัยการ ใช้ตำรวจ บีบผมไง ให้ผมถอย เหมือนกับช่วงที่ผม เอ่อ พวกเราประท้วงกันที่ทำเนียบ จำได้ไหมที่ศาลอาญาได้ออกหมายจับพวกเรา แล้วพวกเราไม่ยอมให้จับ แล้วเราส่งคนไปติดต่อว่าถ้าจับปั๊บ ถ้าเรามอบตัวเราต้องขอประกันตัว ปรากฏว่าทางฝ่ายตำรวจซึ่งสนิทกับผู้พิพากษาบางท่านก็บอกว่าถ้าจะให้ประกันตัวต้องสลายม็อบก่อน คือพูดง่ายๆ ว่า ประกันแล้ว ห้ามไปนำมวลชน เพราะฉะนั้น ศาลบางส่วนก็เลยตกเป็นเครื่องมือเขา เข้าใจไหมฮะ พวกผมก็เลยต้องสู้
 
ทีนี้พอสู้มา คุณเติมศักดิ์ คุณเก๋ ก็ต้องเข้าใจว่า สู้แล้วถอยไม่ได้แล้วงานนี้ เพราะนี่สงครามแล้วผมเป็นนักรบ เมื่อผมตัดสินใจจะเป็นนักรบให้ประชาชนแล้วผมต้องยอมรับการบาดเจ็บ เหมือนอย่างที่ผมเคยพูดมาหลายครั้งว่า ถ้าผมเป็นผู้นำทัพ ถ้าผมโดนธนูข้างหนึ่งปักตัว ผมร้องไม่ได้ ผมต้องหักธนูทิ้งแล้วก็นำทัพต่อ ทั้งๆ ที่ผมเจ็บปวดจะตาย คุณดูเถอะผมโดนไปสามสี่คดีนี่ 8 ปี มียกเว้นคดีศาลอุทธรณ์ครั้งนี้ซึ่งลดจาก 2 ปี ให้เหลือ 6 เดือน แต่ก็ไม่มีการรอลงอาญา
 
คือเจตนาไม่รอลงอาญาเพื่อบีบผมไง นึกออกไหมฮะ คือคล้ายๆ ว่า เอาคุก พวกคุณทักษิณจะเอาคุกมาขู่ผม ผมก็เลยต้องตัดสินใจเดินหน้า แล้วผมก็ปวารณากับตัวผมเองแล้วบอก ถ้าถึงศาลฎีกาแล้วติดคุกผมก็จะติด เพราะว่านักรบต้องไม่กลัวตาย เมื่อเรารบไปแล้วเราต้องไม่กลัวใดๆ ทั้งสิ้น
 
นายสนธิ กล่าวต่อว่า “ที่ผมทำอย่างนี้ ก็มีอีกนัยหนึ่ง” นายเติมศักดิ์ ถามว่า “คืออะไรครับ”
 
นายสนธิ กล่าวต่อว่า นัยยะที่สำคัญอีกนัยยะหนึ่งก็เนื่องจากคุณทักษิณ หนีคดีไม่เชื่อกระบวนการยุติธรรม แต่ใช้เครือข่ายในกระบวนการยุติธรรมที่รับเงินคุณทักษิณ มาเล่นงานผม ทีนี้พอถึงจุดตรงนั้นผมก็ต้องถามตัวผมเองว่า ทุกๆ ครั้งที่ผมโดนคดี โดนพิพากษา ผมจะยอมรับคำพิพากษา คุณจะสังเกตได้ไปดูข่าวเก่าๆ ผมจะบอกว่าผมยอมรับ ถึงจะไม่เห็นด้วยแต่ผมยอมรับ ก็อุทธรณ์ละกัน อุทธรณ์วันนี้ออกมาไม่เห็นด้วยหลายประเด็น ผมก็มีสิทธิฎีกา ถ้าฎีกาแล้วให้ติดคุกก็จะติด ผมไม่บ่น
 
“เพราะว่าผมต้องการชี้ให้สังคมเห็นว่าผมเคารพกติกา เพราะผมถือว่า เมื่อผมกำหนดแล้วว่าศาลสถิตยุติธรรมนั้นเป็นจุดสุดท้ายที่ให้ผมอยากให้ทุกอย่างในสังคมไทยจบที่นี่ ผมจะให้มันจบที่นี่ โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีการต่อรอง ไม่มีการหลบหนี ไม่มีการออกไปต่อว่าศาลสองมาตรฐาน คือผมจะไม่ทำแบบเขาเลยแม้แต่นิดเดียว”
 
“ทั้งหมดนี้ มีนัยที่สำคัญมาก คุณเติมศักดิ์ คุณเก๋ เพราะว่าผมกำลังปกป้องศาลยุติธรรม ให้สังคมไทยมีความเชื่อมั่นว่านายสนธิยังเชื่อ นายสนธิไม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ศาล ไม่หนี ตรงนี้จะทำให้ระบอบศาลเข้มแข็ง เข้าใจไหมฮะ แล้วสำหรับท่านผู้พิพากษาที่ท่านไม่ชอบผม หรือท่านจงใจแกล้งผมจะเป็นใครก็ตาม งานนี้ก็ทำให้ท่านเหมือนกัน เพื่อให้คนไม่ได้ดูถูกศาลไงคุณเติมศักดิ์
 
ตรงนี้สำคัญมากนะ นัยยะตรงนี้ถึงสำคัญ ผมถึงพูดจะเอากี่คดีก็ว่ามา ผมจะต้องติดคุกตอนอายุ 65-70 ปี ติดไปอีกสัก 20 ปีก็ไม่แคร์ เพราะคนอย่างผมอยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะผมได้ติดสินใจแล้วว่าจะทำงานให้ชาติบ้านเมือง ถ้ามันต้องบาดเจ็บ ลอบยิงผมมาแล้วผมก็ยังไม่ตาย ถ้าจะต้องติดคุกไปจะเสียหายตรงไหน แต่ถ้าติดคุกแล้วทำให้ระบบกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลสถิตยุติธรรมที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายให้คนเคารพนับถือว่าเออ คนอย่างนายสนธิยังยอมรับกติกา ผมก็ถือว่าคุ้มค่านะคุณเติมศักดิ์” นายสนธิ กล่าว
 
ผู้ดำเนินรายการถามถึงทิศทางคดีของพันธมิตรฯ นายสนธิ กล่าวว่า “ไม่ทราบครับ” และกล่าวว่า ถ้าตำรวจ อัยการ ทำด้วยความยุติธรรมจริงๆ พิจารณาข้อกฎหมายทั้งหมดแล้ว จะเห็นว่าสิ่งที่พันธมิตรฯ ทำนั้น 90% ทำตามรัฐธรรมนูญ อาจจะมีบ้างก็เพียงบุกรุกสถานที่ราชการ อันนั้นฟ้องได้ไม่เป็นไร แต่ไอ้การโยนข้อหาว่า กบฏมั่ง ผู้ก่อการร้ายมั่ง นี่เป็นการใส่ความ อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้เจ้าหน้าที่จะเป็นกลางไม่ได้ต้องยึดถือกฎหมาย พิจารณาเหตุให้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นสีอะไรก็ตาม แต่เราพันธมิตรฯมั่นใจมาตั้งนานแล้ว่า เรายืนอยู่บนความถูกต้อง เราไม่กลัว ฉะนั้นตำรวจ อัยการ ศาล ก็ต้องยืนบนความถูกต้อง
 
นายเติมศักดิ์ถามว่า หากถูกจำคุก 8 ปี จะกระทบกับทิศทางในการต่อสู้หรือไม่ นายสนธิ กล่าวปฏิเสธ โดยระบุว่า คนเราถ้าใจเป็นนักสู้ไม่มีอะไรมาคุมขังได้หรอก ส่วนกรณีที่เราพยายามทำเพื่อปกป้องสถาบัน ท่านผู้พิพากษาไม่ได้มองอย่างนั้น เราก็มองต่างกันไป ท่านก็เห็นว่า ตนทำผิด เหมือนที่ถ้าตนไม่พูดเรื่อง ดา ตอร์ปิโด แล้ววันนี้ ดา ตอร์ปิโด จะถูกดำเนินคดีไหม หรืออย่างคดีเว็บไซต์ต่างๆ ที่หมิ่น ตนก็เป็นคนเริ่มทั้งนั้น จนตอนหลังเพิ่งจะมีการะบวนการปิดเว็บต่างๆ ต้องมีคนบาดเจ็บคนแรก สังคมไทยต้องมีคนเจ็บคนแรก เสียสละ ที่ไมอยากพูดเรื่องนี้ ก็จะหาว่าสนธิคุยโว ยกยอตัวเอง มันไม่ใช่
 
“อยากฝากบอกพี่น้องพันธมิตรฯ และคนที่ยังรักผมอยู่ว่า เข้าใจในความเป็นห่วง เข้าใจ และซาบซึ้ง แต่ขอให้ระลึกว่าผมจำเป็นต้องเจ็บแทนเพื่อพี่น้องพันธมิตรฯ ไมงั้นกระบวนการจะไม่เจริญเติบโตมาถึงทุกวันนี้ และมันจะต้องเติบโตต่อไป ถ้าผมเจ็บแล้วสำเร็จ การเมืองใหม่เติบโต ชาติพระมหากษัตริย์อยู่ได้ ผมก็ถือว่าคุ้ม”
 
ผู้ดำเนินรายการขอให้วิเคราะห์สถานการณ์ที่กำลังจะมีการชุมนุมของ เสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.นี้ นายสนธิ กล่าวว่า จะเป็นเหตุการณ์ที่ร้อนแรงที่สุดช่วง 15-30 ก.ย.เป็นต้นไป อาจจะร้อนแรงกว่าช่วงเมษาฯ เพียงแต่จะร้อนแรงรูปแบบไหน ขณะนี้เป็นกระบวนการกฐินสามัคคีแล้ว บางฝ่ายไม่ชอบขี้หน้ากัน ก็จะร่วมมือกัน เพื่อไม่ให้พวกเขาตาย แม้แต่ตอนนี้ยังมีข่าวกระบวนการยิงผมขึ้นอีกครั้ง ก็จากคนสีเขียวนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่านักวางระเบิดจากภาคใต้ขึ้นมาหลายคนแล้ว ตนเองก็มีการข่าวเหมือนกัน เอเอสทีวีก็เป็นเป้าที่เขาจะบุก แต่เป็นโอกาสสุดท้ายของเขา
 
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ต้องจำไว้อย่าง คุณทักษิณ จะไม่มีวันที่จะยอมให้รัฐบาล เป็นรัฐบาลที่ไม่ใช่ของตัวเอง สังเกตสมัยสมัคร สมชาย จะเอานพดล สมพงษ์เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เพื่อให้ทักษิณไปไหนต่อไหนได้ ขณะเดียวกัน ก็จะใช้กระบวนการทางการเมืองของเขาแก้กฎหมายให้ถูก พอเปลี่ยนเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายทักษิณ ก็อยู่ในสถานะหมาจนตรอก ฉะนั้น ก็ต้องล้มนายอภิสิทธิ์ให้ได้ ถ้าไม่ได้ ตำรวจก็ต้องเป็นของเขา
 
“ย้อนหลังไปยุคที่ทักษิณมีอำนาจจนถึงวันนี้ ตำรวจเป็นของเขาตลอดโกวิท (พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ) จนถึง พัชรวาท (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) เป็นของเขาหมด ฉะนั้น ตำรวจคนต่อไปขึ้นมาต้องเป็นของเขา ถ้าเป็นคนอื่นที่สั่งไม่ได้คุมไม่ได้ เขาจะอยู่ในสภาวะลำบาก เพราะปัญหาบ้านเมืองทุกวันนี้เกิดขึ้นจากตำรวจทั้งนั้น ความชั่วร้ายเกิดขั้นมาเพราะเรามีตำรวจไม่ดีอยู่จำนวนหนึ่งที่มีอำนาจ จะเห็นได้ชัดว่า ทักษิณ จะต้องสู้สุดฤทธิ์ เดิมพันสูงที่สุดตอนนี้ เยาวภา (วงศ์สวัสดิ์) ก็ต้องสู้สุดฤทธิ์ เพราะสมชายกำลังจะเดินเข้าสู่ศาลฎีกาฯ (แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง)” นายสนธิ กล่าว และว่า เหล่านี้จะเป็นกระบวนการเพื่อตัวเองแต่ทักษิณจะได้ประโยชน์ด้วย
 
นายสนธิ เผยด้วยว่า ขณะนี้มีการแอบอ้างชื่อของราชวงศ์บางท่าน ว่า สนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ให้เป็น ผบ.ตร. โดยผ่านผู้ใหญ่ในรัฐบาลบางคน ทำให้สถาบันกษัตริย์มัวหมอง พูดอย่างเปิดเผย คนพวกนี้คือคนที่ทำลายสถาบันกษัตริย์ แล้วพวกเราพันธมิตรฯ ต้องมาปกป้องสถาบันกษัตริย์ ติดคุก โดนฟ้อง โดนเล่นงาน โดนรุมฆ่า แต่อีกฝ่ายใช้ชื่อสถาบันมาเพื่อตั้ง ผบ.ตร. เพื่อตัวเอง
 
อย่างไรก็ตาม นายสนธิ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้พันธมิตรฯและประชาชน มีความอดทนเชื่อมั่นว่า นับตั้งแต่ปี 2548 ที่เริ่มกระบวนการภาคประชาชน จนถึงวันนี้เรามาไกลแล้ว ทำไมทุกคนถึงดิ้นรนเดือดร้อน เพราะพวกเราเดินมาไกล จนกระทั่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัดสินโทษ พวกนี้ออกมา ก็ต้องนับเป็นชัยชนะของประชาชนเช่นกัน ตอนนี้พวกคนชั่วเริ่มมารวมตัวกันแล้ว จะทำลายล้างพวกนี้ได้แล้ว วิธีก็คือ จิตใจที่มุ่งมั่นของพวกเรา ถ้าท้อถอยให้นึกถึงวิญญาณน้องโบว์ คุณแจ๊ค ที่ขาขาด สารวัตรจ๊าบ และหลายๆ คนที่ตายไป และกระสุนปืนหลายร้อยนัดที่สาดใส่ตนเอง อย่าท้อถอย
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net