Skip to main content
sharethis
 
 
19 ก.ย. 52 – กลุ่มคนเสื้อแดง นำโดยกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดเวทีรำลึก 3 ปีรัฐประหาร ที่ลานพระบรมรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5 โดยในช่วงเย็นมีประชาชนเข้าร่วมแน่นขนัดเต็มลานพระบรมรูป  
 
นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวว่า การจัดชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ ครั้งนี้มีนัยสำคัญ 2 ประการ คือ ประการแรก เมื่อ 77 ปีที่แล้ว ในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎรได้ปักหมุด ณ ที่นี้เพื่อสถาปนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประการที่สอง เมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีสามัญชนผู้ยิ่งใหญ่ คือ ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ได้ขับรถแท็กซี่ชนรถถัง นำชีวิตตนเองเข้าแลกกับการต่อสู้กับเผด็จการ จึงถือโอกาสนี้รำลึกและสืบทอดเจตนารมณ์เหล่านี้ด้วย จากนั้นพิธีกรบนเวทีได้กล่าวแนะนำนางบุญชู ไพรวัลย์ ภรรยาของลุงนวมทองไพรวัลย์ แก่กลุ่มผู้ชุมนุมด้วย
 
นายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำ นปช. กล่าวถึงคำขวัญหลังเวทีที่ว่า “3 ปี ต้านอำมาตยา สถาปนารัฐไทยใหม่” ว่า คำว่าสถาปนารัฐไทยใหม่นั้น ไม่ใช่ดังที่หลายคนตกใจว่าหมายถึงระบอบคอมมิวนิสต์หรือไม่ คนที่ตื่นกลัวย่อมไม่รู้ว่าโลกก้าวไปถึงไหน เพราะโลกทุกวันนี้เป็นโลกเสรี การสถาปนารัฐไทยใหม่ดังกล่าวหมายถึง รัฐที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง
 
แกนนำต่างๆ ต่างผลัดกันขึ้นปราศรัยบนเวที ทั้งแกนนำระดับจังหวัด และแกนนำหลัก อาทิ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายอริสมันตร์ พงษ์เรืองรอง นายสุพร อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน นายแพทย์เหวง โตจิราการ นายอดิศร เพียงเกษ นายการุณ โหสกุล เป็นต้น โดยส่วนใหญ่กล่าวโจมตีการรัฐประหารและพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล รวมถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะกรณีเขาพระวิหาร รวมไปถึงการพูดถึงการแก้รัฐธรรมนูญว่าควรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ได้เสนอไปและบรรจุอยู่ในวาระการประชุมอยู่แล้ว
 
 
ทักษิณโฟนอิน-บริจาคช่วย 5 หมื่น เมีย ‘นวมทอง' เป็นลมพับ
เวลาประมาณ 20.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินเข้ามายังสถานที่ชุมนุมโดยกล่าวทักทายผู้ชุมนุม กล่าวสดุดีวีรกรรมของลุงนวมทอง และมอบเงินบริจาคช่วยเหลือครอบครัวนวมทองเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ขณะที่ภรรยาของลุงนวมทองถึงกับเป็นลม จานนั้นมีการยืนไว้อาลัยลุงนวมทองเป็นเวลาครึ่งนาที
 
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 3 ปี การรัฐประหารในศตวรรษที่ 21 ทั้งที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดแล้ว เมื่อมันเกิดขึ้นในประเทศไทย ทำให้นานาประเทศมองว่าเราถอยหลังอย่างน่าเสียดาย สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความบอบช้ำของคนทั้งประเทศ 3 ปีที่ผ่านมา หากทุกคนแม้กระทั่งคนที่เกลียดตนเองก็ตาม ลองมองด้วยใจเป็นธรรมจะเห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งต่างๆ ดีขึ้นไหม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสิทธิเสรีภาพ เรื่องความเป็นธรรม ปัญหาภาคใต้ ปัญหายาเสพติด กระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระ สื่อมวลชน ทั้งหมดตกต่ำลงกว่าเดิมแม้กระทั่งเรื่องคอรัปชั่นก็เกิดขึ้นหนักว่าที่เคยกล่าวหาตนเองไว้อย่างรุนแรง
 
ในการเลือกตั้งครั้งแรกตนเองได้รับเสียงข้างมาก ก็เพราะประชาชน “ชอบ” ในนโยบายที่ได้ประกาศไว้ เลือกตั้งครั้งที่สองก็ได้รับความไว้วางใจสูงสุดถึง 19 ล้านเสียง เพราะประชาชน “รัก” กระทั่งหลังรัฐประหารประชาชนก็ยังยืนเคียงข้างเพราะเขา “สงสาร” ที่ตนเองและครอบครัวถูกเล่นงานอย่างไม่เป็นธรรม และมาจนถึงวันนี้ทรัพย์สินที่หามาได้กำลังจะถูกยึดไป ประชาชนเขามาถึงจุดที่ “เจ็บใจแทน” แล้ว เพราะถูกกลั่นแกล้งกันครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ใช่ตนเองคนเดียว แต่ครอบครัวตนด้วย คนเสื้อแดงด้วย พรรคที่ยืนข้างตนเองก็โดนด้วย แต่ถึงวันนี้คนเสื้อแดงก็ยังยืนเคียงข้าง
 
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเขาพระวิหารของกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยว่า วันนี้เรามีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านไปหมด ในทัศนคติของตนเองคิดว่า “เปิดประตูไป เพื่อนบ้านยิ้มให้ดีกว่าดักตีกะบาล” นานาประเทศต่างก็ถือหลักว่าไม่ควรนำเรื่องการเมืองระหว่างประเทศมาเป็นการเมืองภายในระหว่างฝ่ายต่างๆ นอกจากนี้เขายังแสดงทัศนะว่ากรณีเขาพระวิหารที่ไทยแพ้คดีศาลโลกนั้นเพราะไม่ค้านแต่ต้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาการปักปันเขตแดนนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ และหาทางออกได้ด้วยการเจรจา เมื่อยังเจรจาไม่ได้ก็ปล่อยไว้ก่อนได้เป็นพื้นที่ทับซ้อนที่ไม่มีคนของฝ่ายใดเข้าไปอยู่ แล้วค่อยๆ ให้คณะกรรมการชายแดนของ 2 ฝ่ายหารือกัน แต่เมื่อนำมาเป็นเรื่องการเมืองก็ทำให้ทะเลาะกัน
 
เขากล่าวถึงประเด็นที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่64 ที่นิวยอร์กว่ายังสงสัยว่านายกฯ จะไปพูดถึงเรื่องประชาธิปไตยว่าอย่างไรในเมื่อเป็นนายกฯในรั้วทหาร พร้อมทั้งวิจารณ์ว่านายกฯ นั้นเก่งแต่การโฆษณา ทั้งที่ควรเก็บกวาดบ้านตัวเองให้เรียบร้อยก่อน
 
“ลองให้ผมเป็นนายกฯ สิ 6 เดือนเรียบร้อย ประเทศเรามีศักยภาพ ไม่ได้มีปัญหา แต่มคนคนทำให้ระบบเจ๊ง”   
เขากล่าวถึงปัญหาหลักของประเทศว่าเป็นเพราะกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อ การเลือกปฏิบัติและ 2 มาตรฐานเกิดขึ้นอย่างไร้ยางอาย จึงถึงเวลาที่ต้องกลับมาถามกันว่า หากอยากสถาปนาความสัมพันธ์ของคนไทยให้เป็นหนึ่งเดียวก็ต้องแก้ปัญหานี้ ปล่อยให้ประเทศอยู่กับความจริง อย่าให้มีสถานปล่อยข่าวแห่งประเทศไทย เพราะวันนี้อย่านึกว่าคนไทยโง่ คนไทยฉลาดมาก โดยเฉพาะคนรากหญ้า เขารู้ดีว่าการเมืองเกี่ยวพันกับชีวิตเขาอย่างไร ประชาธิปไตยต้องกินได้ และมีสาระสำคัญให้ประชาชนอยู่ได้โดยอิสระ
 
“กระบวนการยุติธรรมเป็นสิ่งที่ถักทอสังคมให้อยู่อย่างสงบสุข ถ้ามันถูกทำลายก็จะอยู่กันได้ยาก ถ้าระบบ 2 มาตรฐานอยู่ไปนานๆ การต่อสู้ก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ”
 
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ขอวิงวอนอีกครั้งให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ใช้เหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ หากไม่เริ่มต้นกันใหม่โดยการตัดสินกันที่การเลือกตั้ง ประเทศก็มีแต่จะเสื่อมลง หากระบบ 2 มาตรฐานดำรงอยู่ต่อไป กระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระไม่เป็นธรรม สื่อมวลชนไม่เป็นกลาง ข้าราชการใส่เกียร์ว่าง สุดท้ายก็จะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว หรือ failed state วันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยไม่แข็งแรงนัก พระโอสถที่ดีที่สุดที่คนไทยทุกคนจะถวายให้ได้ก็คือ ความปรองดองของคนในชาติ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 21.30 น. แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเสร็จสิ้นการโฟนอินแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังร่วมชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง  
 
 
ป๋าไม่สนม็อบเสื้อแดงขึ้นรถกลับเข้ากรุงฯ
ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าเวลาประมาณ 07.09 น. คนเสื้อแดงอีสาน ประกาศเคลื่อนตัวไปชุมนุมบริเวณที่บ้านแม่ทัพ (บ้านไร้กังวล) บ้านพักของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี หน้ากองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ถนนสืบศิริ อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังจากชุมนุมที่ได้ลานอนุสาวรีย์ ท้าวสุรนารี ตลอดทั้งคืนวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา ก่อนร่วมสมทบลานพระบรมรูปทรงม้า กทม.
 
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณที่บ้านแม่ทัพ (บ้านไร้กังวล) หน้ากองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ถนนสืบศิริ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ได้ขึ้นรถ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยก่อนกลับได้พูดคุยกับ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
 
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเย็นที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมเสื้อแดงส่วนหนึ่งได้เดินทางมาชุมนุมที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ โดยถือป้ายผ้าสีขาวขนาดยาวประมาณ 500 เมตร และเขียนข้อความว่า 'กูต้องการรัฐธรรมนูญปี 40 คืนมา' โดยผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ ระบุว่า จะชุมนุมที่นี้ประมาณ 10 นาที เท่านั้น แล้วจะเดินทางกลับไปสมทบกับผู้ชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ ขณะที่ตำรวจ ก็ยังคงปักหลักรักษาความปลอดภัยหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์อย่างแน่นหนา
 
 
ฝนถล่มเสื้อแดงลานพระรูป
เวลา 14.30 น. ได้เกิดพายุฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมต่างต้องหาที่หลบฝนกันจ้าละหวั่น โดยเฉพาะตามเต็นท์ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านข้างทั้งฝั่งสนามเสือป่าและสวนอัมพร ป้ายข้อความด้านหลังเวทีถึงกลับปลิวขาดลงมา ซึ่งหลังจากที่ฝนตกเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง ส่งผลให้เกิดน้ำเจิ่งนองไปทั่วบริเวณลานพระบรมรูปจนเกือบถึงตาตุ่ม
 
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดงยังคงปักหลักฟังการปราศรัยของแกนนำบนเวที ส่วนบรรดาแกนนำคนสำคัญทั้งนายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งเดินทางมาถึงที่ชุมนุมแล้ว โดยนายวีระ กล่าวตอนหนึ่ง ว่า การที่ฝนตกลงมาก็ดีไปอย่าง เพราะจะได้ให้สื่อมวลชนโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ถ่ายภาพเผยแพร่ภาพไปทั่วโลก เนื่องจากไม่มีการชุมนุมทางการเมืองที่ไหน ที่มีประชาชนมารวมตัวกันมากท่ามกลางฝนตกและฟ้าร้องอย่างนี้ นอกจากคนเสื้อแดงเท่านั้น พร้อมอยากให้คนเสื้อแดงเข้าใจว่าการสู้ทางการเมือง ก็ต้องมีอุปสรรคแบบนี้ ถ้าเราไปชุมนุมในห้องแอร์ก็จะไม่เกิดพลังในการต่อสู้ และไม่มีความหมายใดๆ การมาสู้วันนี้เพื่อรำลึกถึง 3 ปีการยึดอำนาจ หากเราไม่รวมตัวกันทหารก็จะได้ใจ
 
ขณะที่นายจตุพร ให้สัมภาษณ์ว่า ยืนยันว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงจะไม่ยืดเยื้อ และยึดหลักสงบสันติ ถ้าไม่มีเหตุการณ์มือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ก็จะประกาศยุติการชุมนุมภายในเที่ยงคืนนี้ แต่ถ้าหากมีการใช้ความรุนแรงหรือเปิดเครื่องแอลเรดก็จะขยายพื้นที่เป้าหมายไปที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ทั้งนี้จากการชุมนุมที่ผ่านมาที่ได้ประสานกับ บช.น. การชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่เคยประสบเหตุจากกลุ่มมือที่ 3 มาก่อน ครั้งนี้ถ้าหากเกิดเหตุก็จะถือว่าเป็นฝีมือของรัฐบาล
 
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า แกนนำ นปช. ได้สั่งให้มีการจัดอุปกรณ์ไม้อัดชานอ้อยจำนวน 100 แผ่น เข้ามาวางไว้ที่เตนท์ด้านหลังเวที เพื่อเตรียมการหากรัฐบาลจะเปิดเครื่องแอลเรด โดยนายณัฐวุฒิ ได้กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะเปิดเครื่องมือแอลเรดหากมีมือที่ 4 หรือ 5 มาสร้างสถานการณ์ว่า ตนจะระดมกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าทำลายเครื่องแอลเรดทันที แม้จะถูกแจ้งข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งมีมูลค่า 2.7 ล้าน แต่ก็ถือว่ารัฐบาลตั้งใจข่มขู่คุกคามประชาชน จากนั้นจึงจะประกาศระดมเงินบริจาคเพื่อชดใช้คืนหลวงต่อไป
 
 
เรียกร้องแกนนำ พธม.รับผิดชอบปะทะที่เขาพระวิหาร
เวลา 18.20 น. บริเวณหลังเวที นายณัฐวุฒิ แถลงว่า หลังจากจบวิดิโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ คาดว่าประมาณ 21.30 น. กองทัพของคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งจะเคลื่อนตัวไปที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ แต่หากสถานการณ์ในบริเวณเขาพระวิหารมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอีก แกนนำคนเสื้อแดง ก็จะมีการประเมินสถานการณ์กันการเคลื่อนไหว อีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีที่คนไทยปะทะกันเองที่บริเวณ จ.ศรีษะเกษ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ขอเรียกร้องให้ 5 แกนนำพันธมิตรฯออกมารับผิดชอบ โดยเฉพาะ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ควรแสดงความเป็นลูกผู้ชาย ทั้งนี้เวบไซต์และทีวีในเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ก็บอกมาตลอดว่า การที่พันธมิตรฯส่วนหนึ่งเคลื่อนไปที่ จ.ศรีษะเกษ เป็นการแสดงความรักชาติ ดังนั้นจะต้องแสดงความรับผิดชอบกับคนของตัวเองด้วย
 
 
ตร.ขู่ใช้ "คลื่นเสียง" หากเสื้อแดงฝ่าฝืนข้ามเขตแนวโล่ป้องกัน
เวลา 18.50 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พ.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบก.อก.บช.น. ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.). แถลงความคืบหน้าภาพรวมการชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เวลานี้ สถานการณ์การข่าว บริเวณลานพระรูปทรงม้ามีผู้ชุมนุมประมาณ 2 หมื่นคน ส่งผลกระทบต่อการจราจร ผบก.จราจรได้มีคำสั่งปิดการจราจรเพิ่มเติมจากเดิม จนถึงเวลานี้มี 7 แยกประกอบด้วย 1.แยกอู่ทองใน 2.แยกวัดเบญจฯ 3.แยกสวนมิกสักวัน 4.แยกมัฆวานฯ 5.แยกพาณิชย์ 6.แยกวังแดง 7.แยกพล 1 ขณะนี้ทุกเส้นทางเข้าสู่ลานพระรูปทรงม้าปิดการจราจรหมด ประชาชนที่จะสัญจรผ่านไปมาแนะนำให้หลีกเลี่ยง
 
พ.ต.อ.ปิยะ กล่าวต่อ ฝ่ายข่าวรายงานมา ศปก.น. ว่า การข่าวขณะนี้แจ้งว่าอดีตนายกฯทักษิณ อาจจะโฟนอินมาในเวลา 20.30 น. หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมุมคงจะใช้การเดินเท้า จากบริเวณลานพระรูปทรงม้า เลี้ยวขวาถนนศรีอยุธยา ผ่านหน้า บช.น. และ กองพลที่ 1 รอ. จากนั้นไปหน้าแยกสี่เสาเทเวศร์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและ กทม.เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว โดยทั้งหมดพื้นที่และเส้นทางจะอยู่ในการควบคุมดูแลของ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ในฐานะ ผู้บัญชาการเหตุการณ์พื้นที่
ส่วนการดำเนินการตามแผนกรกฎ 52 นั้น จะเริ่มตั้งแต่เมื่อผู้ชุมนุมจะเริ่มเดินออกจากพระรูปทรงม้า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลบริเวณลานพระรูป จะเจรจาต่อรองก่อน ประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าจะกระทบบุคคลอื่น เมื่อเจรจาต่อรองกันได้ด้วยดี มีการกำหนดเส้นทางแน่นอน ผู้ชุมนุมก็จะเดินได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร 150 นายดูแลตลอดเส้นทางทั้งหมด 
 
พ.ต.อ.ปิยะ กล่าวต่อ ถ้าเข้าสู่พื้นที่แล้วจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบอีกครั้ง รวมทั้งบริเวณจุดหน้าสี่เสาฯ จะเจรจาแจ้งให้ทราบข้อกฎหมายตลอดจนพื้นที่ควบคุมตามประกาศของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ คือพื้นที่บริเวณถนนศรีอยุธยาบริเวณด้านหน้าสโมสร ทบ. และบริเวณซอยสามเสน 12 จะเป็นพื้นที่ควบคุมจะต้องไม่มีการฝ่าฝืนกฎหมาย
 
ขั้นตอนต่อไป เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งดูแลตามแนวพื้นที่ควบคุมจะประกาศกับผู้ชุมนุม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 7 กองร้อยออกมายืนเพื่อแสดงกำลังให้ทราบว่าเป็นแนวพื้นที่ควบคุมตามกฎหมาย พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายใน ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ถ้ามีการข้ามเขตก็จะเจรจากันอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจมีเพียงแค่โล่ถ้าฝ่าฝืนจะเข้าก็จะใช้โล่ผลักดันเท่านั้น หลังจากนั้นหากมีการฝ่าฝืนก็จะจับกุมเป็นรายๆ ไป เรามีการกำหนดแผนการจับกุม มีการซักซ้อมแผนการปฏิบัติไว้อย่างชัดเจน หลังจากกระบวนการใช้โล่ผลักดันแล้วยังมีการฝ่าฝืนอีก ก็จะประกาศให้ทราบว่าจะใช้ขั้นตอนต่อไป คือการใช้น้ำฉีด หรือใช้คลื่นเสียงต่างๆ หลังจากกระบวนการนี้แล้ว จะเข้าสู่กระบวนการตัดสินใจของ ผบ.เหตุการณ์ คือ แม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งจะเป็นขั้นตอนใช้อุปกรณ์พิเศษ เช่น แก๊สน้ำตา กระบอง อุปกรณ์อื่นๆ ที่ ผบ.เหตุการณ์จะเป็นผู้อนุมัติ
 
 
ศอ.รส.ห่วงแดงชุมนุมเตือนระวังระเบิดกำชับตำรวจทหารเข้ม 13 จุด
ทางด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่าที่ประชุมมีความเป็นห่วงถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งจากรายงานด้านการข่าวรายงานว่าอาจจะมีกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย โดยอาจมีการนำวัตถุระเบิดเข้ามาก่อเหตุบริเวณสถานที่ชุมนุม
 
ดังนั้น ที่ประชุมจึงได้กำชับและสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ตั้งด่านจุดตรวจอย่างเข้มข้นบริเวณโดยรอบเพิ่มอีกจำนวน 13 จุด พร้อมนำเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CT 200 มาใช้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ขอให้ผู้ที่ขับขี่ยวดยานพาหนะได้โปรดให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม
 
อย่างไรก็ตาม พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมหารือของ ศอ.รส. นั้นใช้เวลาเพียง 15 นาที โดยที่ประชุมได้สั่งการและกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้หวังว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจะอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและขอให้เสร็จสิ้นภายใน 24.00 น. ตามที่แกนนำได้ประกาศไว้
 
 
สื่อนอกเกาะติดเสื้อแดงชุมนุม
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มคนเสื้อแดงหลายพันคนที่สนับสนุนอดีตนนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร มารวมตัวกันในกรุงเทพฯ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะที่สายฝนโปรยปรายลงมา
 
"เรามารวมตัวกันวันนี้เพื่อรำลึกถึงวันรัฐประหาร ที่สร้างความเสียหายอย่างมโหฬารให้แก่ประเทศชาติ" นายจุตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงกล่าว พร้อมกับย้ำว่าเป็นการชุมนุมอย่างสันติซึ่งจะยุติลงก่อนเวลาเที่ยงคืน
 
เอเอฟพีระบุว่า กลุ่มคนเสื้อแดงต้องการขับไล่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากตำแหน่งและจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ ขณะที่ตำรวจไทยประเมินว่า ในช่วงบ่ายมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมในวันนี้ประมาณ 5,000 คนแล้ว และคาดว่าจะมาสมทบเพิ่มมากขึ้นในช่วงค่ำ
 
ทั้งนี้ รายงานข่าวของเอเอฟพีระบุว่า สังคมไทยยังคงแตกแยกกันอย่างยิ่งระหว่างกลุ่มคนที่สนับสนันสนุนนายทักษิณที่เอาใจคนในชนบท และกลุ่มต่อต้านเขาในเมือง ทั้งในกลุ่มคนในราชสำนัก กองทัพ และกลุ่มข้าราชการ ความวุ่นวายทางการเมืองเหล่านี้ทำลายภาพลักษณ์ของไทยอย่ายิ่ง ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติ
 
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือว่า กองทัพจะก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเดินทางไปประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในนิวยอร์กช่วงสุดสัปดาห์นี้ เอเอฟพียังระบุว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์กำลังอ่อนแอหลังจากเกิดการแก่งแย่งในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจคนใหม่ด้วย
 
เทพไทบอกเสื้อแดงจบเร็ว ยืดเยื้อไม่ได้เพราะหมดทุน
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงวันนี้พรรคประชาธิปัตย์อยากเรียกร้องให้เป็นไปด้วยความสงบ เคารพกฎหมาย สิทธิหน้าที่ของกันและกัน ทั้งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ดูแลความเรียบร้อย ไม่อยากให้เกิดการยั่วยุ สร้างสถานการณ์ความรุนแรงแบบน้ำผึ้งหยดเดียว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารใช้ความอดทนให้มากที่สุด โดยรัฐบาลไม่ประสงค์ให้เกิดความรุนแรงใดๆ หากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบวู่วามก็จะตกหลุมพรางของคนบางกลุ่มที่จะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวาย ก่อความรุนแรง ซึ่งรัฐบาลได้รับทราบเรื่องนี้มาเป็นระยะและจากการติดตามก็เห็นชัดเจน
 
นายเทพไท กล่าวอีกว่า สำหรับจำนวนผู้ชุมนุมจะมากน้อยเท่าใดไม่กังวล ที่กลัวคือความรุนแรง เพราะอาจมีกลุ่มคนที่หลากหลายจนแกนนำเสื้อแดงไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะคนชุมนุมที่โคราช ที่บุกไปบ้านไร้กังวลของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษและเข้าไปไม่ได้ อาจอารมณ์ตกค้างแล้วมาระบายออกที่กทม.ซึ่งรัฐบาลเป็นห่วง
 
“การชุมนุมของคนเสื้อแดงเชื่อว่าแกนนำเสื้อแดงอยากให้เกมจบเร็ว เพราะหากยืดเยื้อจะเสียเงินทุนสนับสนุนและมวลชนไป รวมทั้งความแตกแยกในหมู่แกนนำเสื้อแดงเองที่มากขึ้น และความแตกแยกของผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังด้วย แกนนำเสื้อแดงจึงต้องการให้เกมจบเร็วก็เป็นไปไปได้ที่จะทำให้เกิดการแตกหัก โดยการสร้างเงื่อนไขขึ้นมา ซึ่งรัฐบาลจะระวังไม่ตกเป็นเครื่องมืออย่างแน่นอน”นายเทพไทกล่าว
 
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า แกนนำกลุ่มเสื้อแดงยังได้พยายามสร้างกระแสมาตลอดว่าจะเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง โดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ก็ได้ออกมายืนยันชัดเจนแล้ววันนี้ว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร แต่แกนนำเสื้อแดงก็พยายามพูดชี้โพรงให้กระรอกมาโดยตลอด ตนอยากให้แกนนำเสื้อแดงรักษาคำพูดของตัวเอง เพราะเสียสัจจะมาหลายครั้ง ตั้งแต่เรื่องการรวบรวมรายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็บอกว่าถวายฎีกาเสร็จจะยุติการเคลื่อนไหว แต่วันนี้ก็มาอ้างการชุมนุมครบรอบ 3 ปี การปฏิวัติ 19 ก.ย.อีก ดังนั้นหลังวันที่ 19 ก.ย.ขอให้คนเสื้อแดงประกาศยุติบทบาทการเคลื่อนไหวได้แล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศชาติได้รับการฟื้นฟูความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างประเทศ ให้โอกาสประเทศได้พ้นวิกฤตได้ด้วยดี อย่างไรก็ตามสถานการณ์ชุมนุมวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลจะจับตาความเคลื่อนไหวอย่างกระชั้นชิด โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ จะอยู่บัญชาการที่ทำเนียบรัฐบาล ส่วนพรรคจะมีเจ้าหน้าที่วอร์รูมติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดเพื่อประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์
 
 
 
 
ข่าวบางส่วนเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, เว็บไซต์เดลินิวส์, มติชนออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net