Skip to main content
sharethis

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 28 กันายน 2552 ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัย กรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินอันเป็นเท็จ โดยห้ามนายยงยุทธ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและในพรรคการเมืองใดๆ นาน 5 ปีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 263 และให้จำคุก เป็นเวลา 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 แต่เนื่องจาก นายยงยุทธไม่เคยต้องโทษคดีอาญามาก่อน จึงเห็นสมควรให้รอการลงโทษเป็นเวลา 1 ปี

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 กันยายน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 2 /2552 ทั้ง 9 คน ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ห้าม นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและในพรรคการเมือง 5 ปี ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ม.263 วรรค 2 นับแต่วันที่ศาลมีวินิจฉัย และจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 119 แต่ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษ 1 ปี
 
สืบเนื่องจาก ป.ป.ช.ยื่นคำร้องขอศาลวินิจฉัย นายยงยุทธ ผู้คัดค้าน ฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของตนเอง คู่สมรส หรือบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ โดยป.ป.ช.ยื่นคำร้องสรุปว่า สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้คัดค้านยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ 5 ครั้ง กรณีเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2548 กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 กรณีพ้นตำแหน่งเป็นเวลา 1 ปี เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2550 กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 และพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 โดยระบุว่ามีทรัพย์สินเป็นเงินให้กู้ยืมจำนวน 1,600,000 บาท ที่ได้มาจากการขายหุ้น บริษัท มิติฟู้ด โปรดักส์ จำกัด จำนวน 24,500 หุ้น รวม 2,450,000 บาท ให้กับ พ.ต.ท.นัฎฐวุฒิ ยุววรรณ น้องภรรยา มีการชำระเงินสด 800,000 บาท ส่วนที่เหลือทำหนังสือรับสภาพหนี้ แต่ไม่มีเจตนาซื้อขายหุ้นและไม่มีการชำระเงินจริง เป็นการอำพรางทรัพย์สิน เพื่อผู้คัดค้านมีคุณสมบัติ เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรได้ โดยผู้คัดค้านยื่นเอกสารและให้การคัดค้านว่า มติของ ป.ป.ช. มิชอบ เนื่องจากการขายหุ้นมีการจดแจ้งเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นกับนายทะเบียนถูกต้อง มีการซื้อขายจริง พ.ต.ท.นัฎฐวุฒิ มีฐานะซื้อหุ้นได้ มีทรัพย์สินเป็นที่ดิน เงินฝากบัญชี และในสหกรณ์ออมทรัพย์ อีกทั้งภรรยาก็มีเงินฝากในบัญชีจำนวนมาก ส่วนบริษัทมิติฟู้ด มีทรัพย์สินที่มีมูลค่าสมควรแก่การซื้อหุ้น

ศาลพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อมีการโอนหุ้นและจดแจ้งทะเบียนผู้ถือหุ้นแล้ว พ.ต.ท.นัฎฐวุฒิ ยังไม่ได้ชำระเงินส่วนที่เหลือ ถือว่าผิดสัญญา ผู้คัดค้านให้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ อ้างเหตุไม่ทวงถามเนื่องจากเป็นน้องภรรยา เห็นว่าหากเป็นตามที่ผู้คัดค้านอ้างก็ไม่มีเหตุต้องทำสัญญารับสภาพหนี้ และเมื่อพิจารณาจากบัญชีงบดุลของบริษัทมิติฟู้ด ปี 2544-2548 ไม่มีทรัพย์สินถาวร มีทรัพย์สินเพียงเล็กน้อย ส่วนบัญชีเงินฝากของบริษัทถูกปิดนานกว่า 7 ปี เชื่อว่าไม่มีผลประกอบการหรือรายได้ที่จะทำให้ พ.ต.ท.นัฎฐวุฒิ ที่จะซื้อหุ้นมูลค่าสูงถึง 2,450,000 บาท อีกทั้ง พ.ต.ท.นัฎฐวุฒิ ให้การว่า ไม่เคยยุ่งเกี่ยวการบริหารงาน ไม่ทราบผลประกอบการและกรรมการผู้มีอำนาจเป็นใคร ผิดวิสัยนักลงทุนที่จะซื้อหุ้นบริษัทสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของหุ้นที่มีอยู่

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายยงยุทธ ทำนิติกรรมอำพรางให้ พ.ต.ท.นัฎฐวุฒิ ถือหุ้นแทน เพื่อไม่ให้นายยงยุทธ มีคุณสมบัติต้องห้ามเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีตามที่ พ.ร.บ.จัดการหุ้นส่วนและหุ้นรัฐมนตรี พ.ศ.2543 ที่ห้ามมิให้ถือหุ้นในบริษัทเกินร้อยละ 5 องค์คณะมีมติเสียงข้างมากว่า นายยงยุทธ เจตนาจงใจยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ พิพากษาลงโทษดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้า นายยงยุทธ เคยถูกศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในคดียุบพรรคพลังประชาชน และศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี คดีใบแดง ฐานซื้อเสียง

ขณะที่วันนี้นายยงยุทธ เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีผู้เดินทางมาให้กำลังใจ 30 คน เข้าฟังการพิจารณา ภายหลังนายยงยุทธ กล่าวว่า “ไม่รู้สึกอะไร เคยพูดตอนพ้นตำแหน่งใหม่ๆ ที่โดนใบแดงว่า แม้เป็นเหยื่อก็ยินดี ไม่เล่นการเมือง เดินกลับบ้านก็ยินดี แต่ขอให้คนไทยรักและสามัคคีกัน อนาคตการเมืองไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราสามารถทำงานต่างๆ ได้เยอะ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหลืออีกกี่คดีที่ถูกฟ้อง หนักใจหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า “ตั้งแต่ คมช.เข้ามา โดนโหลหนึ่ง คดีนี้เป็นคดีที่ 4 คดีที่เหลือก็แล้วแต่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้า นายยงยุทธ เคยถูกศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในคดียุบพรรคพลังประชาชน และศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี คดีใบแดง ฐานซื้อเสียง


ที่มา: มติชนออนไลน์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net