Skip to main content
sharethis

รัฐบาลยอมรับ “ยูเสด” บริจาคเงินเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยประเทศไทย ขณะที่กลุ่มเสื้อแดงปูดส่งต่อให้ พธม.ทำโทรทัศน์ดาวเทียมช่องใหม่ ด้านปณิธาน - กษิต - สปน. เรียงหน้าออกโรงแจงไม่เกี่ยว ระบุเงินยังไม่ได้มอบให้กลุ่มไหน ด้าน “เพื่อไทย” ออกแถลงการณ์จวกนายกฯ ใช้เวทียูเอ็นโจมตี ใส่ร้ายคู่แข่งการเมือง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีนิตยสารไทม์ ระบุว่า สำนักงานพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ หรือยูเสด (USAID) มอบเงินบริจาคเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยให้กับประเทศไทย ว่า ตนเพิ่งอ่านข่าวนี้จึงยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเงินบริจาคดังกล่าวเข้ามาได้อย่างไร ทางไหน แต่เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องขององค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ)

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีการนำเงินดังกล่าวไปให้กับทางสถานีทีวีดาวเทียมของนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ตนตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ตราบใดที่ต่างประเทศไม่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย แต่เพื่อให้ความรู้เรื่องระบอบประชาธิปไตย ก็ไม่เป็นปัญหา ก็ต้องดูกันไป ขณะนี้ตนกำลังติดตามตรวจสอบ

นายสุเทพตอบคำถาม กรณีมีข่าวว่าเงินดังกล่าวถูกใช้ไปแล้วแต่ไม่มีรายละเอียดว่าใช้อย่างไร ว่า เงินไม่ได้ให้ผ่านรัฐบาล จึงไม่สามารถต่อว่ารัฐบาลได้ “จะต้องไปดูว่าเขาให้เงินใครมา และเงินที่ได้นำไปใช้อะไร ใช้แล้วมีผลอะไร อย่าเพิ่งไปตกใจเพราะไม่รู้ว่าใครปล่อยออกมาก็ไม่ทราบ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริง”

 

“ปณิธาน” รับยูเสดให้เงินเอ็นจีโอ

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยูเสดได้ดำเนินกิจกรรมในไทย โดยมอบทุนสนับสนุนให้องค์กรต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นโครงการด้านสังคม แต่ภายหลังการรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย. 2549 มีเครือข่ายภาคประชาสังคมของไทยไปพูดคุยกับผู้แทนยูเสดว่า ไทยต้องการพัฒนาระบบธรรมาภิบาล ทำให้ยูเสดตัดสินใจจัดสรรงบประมาณให้ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 280 ล้านบาท) ให้แก่องค์กรพัฒนาเอกชน สื่อมวลชน และองค์กรอิสระของไทย เพื่อไปดำเนินการพัฒนาระบบธรรมาภิบาลเป็นเวลา 5 ปี (2553-2558)

“ขณะนี้เม็ดเงินดังกล่าวยังไม่ถูกนำมาใช้ เพราะยูเสดอยู่ระหว่างการประเมินแผนงาน โดยแยกเป็นรายโครงการ คาดว่าในช่วงต้นปี 2553 จะมีการประสานมายังรัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อกำหนดกรอบการทำงานว่าจะร่วมมือกันแค่ไหนร ซึ่งโดยหลักการเราเห็นด้วยที่จะมีการพัฒนาเพื่อยกระดับธรรมาภิบาลประเทศให้เข้มแข็งขึ้น แต่ในฐานะที่เราเป็นเจ้าบ้านก็ต้องเข้าไปควบคุม ดูแลให้เหมาะสมด้วย”

 

นายกฯ ไม่ขัดข้องแต่มีเงื่อนไขห้ามแทรกแซง

นายปณิธาน กล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ขัดข้องที่ยูเสดสนับสนุนเงินให้เอ็นจีโอ แต่รัฐบาลจะมีการตั้งเงื่อนไขเพื่อไม่ให้สหรัฐเข้ามาแทรกแซงกิจการภายใน

“เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษา และวางโครงการให้เป็นรูปธรรม ว่าจะมีการอนุมัติลงไปในส่วนใดบ้าง โดยมีวัตถุประสงค์สนับสนุนการทำงานขององค์กรอิสระภาคประชาสังคม เอ็นจีโอ และ สื่อมวลชน รวมถึงปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยรัฐบาลจะให้กระทรวงการต่าง ประเทศช่วยดูว่าควรช่วยเหลือในด้านใดบ้าง”

ด้านนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การที่ยูเสดตัดสินใจให้เงินมาพัฒนาธรร มาธิบาลในไทยนั้น เป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐอเมริกาและองค์กรภาคประชาสังคมของสหรัฐ ก็ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน มาให้คำปรึกษากับองค์กรต่างๆ ในไทยตลอดเวลาอยู่แล้ว

นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในฐานะโฆษกสปน. กล่าวว่ากรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าสปน.โอนงบ 300 ล้านบาทให้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่อง “ทีเอเอ็น” ที่มีน.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯเป็นผู้บริหารนั้น ไม่เป็นความจริง สปน.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องดังกล่าว

 

พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ตำหนินายกฯ

ที่พรรคเพื่อไทย วันเดียวกันนี้ได้มีการประชุมคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรค โดยมีการหยิบยกกรณีที่นายกฯ เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่องค์การสหประชาชาติ ขึ้นมาหารือด้วย ในที่สุดที่ประชุมมีมติออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยต่อภารกิจดังกล่าวของนายกฯ
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้อ่านแถลง การณ์ว่า การเดินทางไปในฐานะผู้นำ ประเทศไทย แต่ล้มเหลว สูญเปล่า สิ้นเปลืองงบประมาณ ไม่คุ้มค่า ตามเหตุผลดังต่อไปนี้

1.ไม่ทำตัวเป็นผู้แทนของประเทศไทย แต่ทำตัวเสมือนเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเท่านั้น ชอบเล่นการเมืองตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ ไม่รู้กาลเทสะ 2.นายกฯ ใช้เวทีโลกบิดเบือนข้อเท็จจริง ใส่ร้ายคู่แข่งทางการเมือง จ้องทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกฯ ในทุกโอกาส เอาการเมืองในประเทศไปประจานทำให้ประเทศเสียหาย ทั้งที่เมื่อ 3 ปีก่อนที่จะถูกปฏิวัติ พ.ต.ท.ทักษิณก็ไปที่นี้ แต่ไม่ขึ้นไปพูด

3.นายกฯ กล่าวอ้างถึงระบอบประชาธิปไตย สวยหรู แต่ข้อเท็จจริงที่ปฏิบัติในประเทศกลับตรงกันข้าม เช่น มีเอกสารและเทปที่นายกฯ ไปพูดที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ถึงการสมานฉันท์ การปรองดองของคนในชาติ การแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่ไม่ได้ทำอย่างที่พูด เห็นได้ชัดเจนจากที่องค์กรยูเสด ได้ให้งบประมาณองค์กรเอกชนชาวพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย แสดงว่าไม่เชื่อมั่นประชาธิปไตยในประเทศไทยและอยู่ใต้ภาวการณ์ครอบงำของฝ่ายทหาร

4.นายกฯ ได้แสดงภาวะไร้ผู้นำชัดเจน โดยนิตยสารไทม์ แม็กกาซีน ได้แสดงบทความตีพิมพ์ว่า นายกฯ ของไทยเป็นเพียงคนกลางในการบริหารประเทศเท่านั้น คือไม่ได้เป็นผู้บริหารประเทศอย่างแท้จริง 5.นายกฯ ไปบรรยายที่มหาวิทยาโคลัมเบีย ไม่ได้พูดความจริง บิดเบือนข้อมูล ได้เสแสร้งว่าเป็นผู้ที่รักประชาธิปไตย และยังถือโอกาสดูถูกดูแคลนคนยากจนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในโอกาสเดียวกันได้ถือโอกาสโจมตีกลุ่มบุคคลชั้นสูงของประเทศไทย
 
ดังนั้นในเรื่องเหล่านี้ พรรคเพื่อไทยจะจัดสัมมนาวิชาการร่วมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแจกแจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ โดยไม่มีการตัดต่อ บิดเบือน อย่างที่ปรากฏในประเทศไทยในขณะนี้
 

ที่มา: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net