Skip to main content
sharethis

นักข่าวพลเมืองรายงานจากอ.หนองแซง ลำดับเหตุการณ์กรณีชาวบ้านปิดถนนค้านการสร้างโรงไฟฟ้าจนแกนนำถูกจับกุม กระทั่งได้รับการประกันตัวในที่สุด

จากกรณีที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม  ในเขตอำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรีและเขตอำเภอภาชี จังหวัดอยุธยา ร่วมกับกลุ่มชาวบ้าน ผู้ได้รับผลกระทบจากบ่อจำกัดขยะ ของบริษัท เบ็ตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด ในเขตตำบลหนองปลาไหล และกุดนกเปล้า อำเภอเมืองฯ จังหวัดสระบุรี เข้าปิดถนนพหลโยธิน ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 99 ในวันที่ 24-25 กันยายน 2552 เพื่อคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เพาเวอร์เจนเนอเรชั่น ซัพพลาย  ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติกำลังการผลิต 1.600 เมกกะวัตต์  ซึ่งขณะนี้ทาง สผ.ได้อนุมัติอีไอเอแล้ว แต่ยังไม่ได้มีใบอนุญาตการก่อสร้างจากกรมโรงงาน และยังไม่มีใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
 
ส่งผลให้มีผู้ชาวบ้านถูกดำเนินคดีในข้อหา  “ร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆ ให้สาธารณะอยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจร กระทำการปิดกั้นทางหลวง หรือนำสิ่งใดมาขวางหรือกีดขวางบนทางหลวง ในลักษณะที่อาจเกิดอันตรายหรือเสียหายแก่ยานพาหนะ หรือบุคคล"  มีความผิดตามพ.ร.บ.ทาง หลวง พ.ศ. 2549 มาตรา 39, 71 ประมวลกฎ หมายอาญา 229 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท  โดยถูกจับแล้ว 3 คน นายคูณทวี ภาวรรณ นายนพพล น้อยบ้านโง้ง และนายสุปรีดี วิสุทธิ ส่วนอีก 3 คน ยังไม่ได้เข้ามอบตัว คือ นายตี๋ ตรัยรัตนแสงมณี นายสมคิด ดวงแก้ว และนางสาววัชรี เผ่าเหลือทอง
 
สำหรับผู้ต้องหาชุดแรกได้ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2552 โดยเข้าจับกุมตัวขณะที่ชาวบ้านออกจากที่ชุมนุมเพื่อกลับบ้านไปอาบน้ำ ซึ่งในชั้นตำรวจไม่ให้มีการประกันตัวแต่ แต่ได้ส่งศาลให้พิจารณารับฝากขังภายในเย็นวันที่ 25 กันยายนเลย ต่อมาศาลได้มีคำสั่งเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ว่า “พิจารณาคำสั่งรับฝากขังแล้วเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นแกนนำพาชาวบ้านมาปิดกั้นถนนสาธารณะเพื่อคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามเจรจาต่อรองแล้วแต่ไม่เป็นผล การกระทำของผู้ต้องหาก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนโดยรวม ทั้งก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอีกด้วย ดังนั้นหากให้ปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาอาจจะไปก่อเหตุในลักษณะเช่นนั้นอีกจึงให้ยกเลิกคำร้อง”
 
ต่อมาในวันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2552 จึงได้มีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลอีกครั้ง ซึ่งศาลได้มีคำสั่งออกมาในเวลา 16.45 น.ว่าให้มีการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ออกมาได้ โดยผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวออกมาในเวลา 19.00 น.
 
ในวันนี้ชาวบ้านชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม และเครือข่ายชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐ ประมาณ 150 คน ได้เดินทางไปยังสภ.เมือง สระบุรีเพื่อพาผู้ต้องหาอีก 3 คน เข้ามอบตัว ในเวลา 13.00 น. ซึ่งในชั้นพนักงานสอบสวนนำตัวไปยังศาลให้เป็นผู้พิจารณา
 
ซึ่งในระหว่างที่มีการสอบปากคำผู้ต้องหา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมากล่าวกับชาวบ้านว่า “คดีนี้เป็นคดีเดียวกันกับ 3 คนแรก การประกันตัวต้องไปประกันที่ชั้นศาล ต้องเป็นที่เดียวกัน แต่ถ้าเอาม็อบมากันแบบนี้ศาลคงไม่ปล่อยตัวหรอก”
 
ต่อมาในเวลา 16.00 น. ชาวบ้านทั้ง 3 จึงได้รับการประกันตัวออกมาโดยใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน ราคาประเมิน จำนวน 610,000 บาท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net