Skip to main content
sharethis
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 52 เวลา 09.30 น.ที่ ห้องพิจารณาคดี 910 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1488/2550 ที่ นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เป็นโจทก์นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ก่อตั้ง นสพ.ผู้จัดการ และ astv, บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด, นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล, นายพชร สมุทวณิช, นายขุนทอง ลอเสรีวานิช, บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์, นายวิรัตน์ แสงทองคำ เป็นจำเลยที่ 1-8 ตามลำดับในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 326, 328, 332 กรณี เมื่อวันที่ 19 ม.ค.50 นายสนธิ จำเลยที่ 1 จัดรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีจำเลยที่ 3-5 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และเผยแพร่ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตทาง เว็บไซต์ www.manager.co.th ของจำเลยที่ 5 ซึ่งมีจำเลยที่ 7-8 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ทำนองว่าโจทก์เป็นคนทรยศต่อทุนหลวง
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยแล้วเห็นว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค.50 จำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่สวนลุมพินีจัดรายการกล่าวถึงโจทก์ว่าได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิอานันทมหิดล แต่โจทก์ไม่มีความกตัญญูกตเวทีในพระมหากรุณาธิคุณโดยโจทก์ไปเป็นทนายความให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยังให้สัมภาษณ์ ในเชิงประชาสัมพันธ์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ จำเลยที่ 1 ยังเปรียบเทียบโจทก์กับ คุณทองแดง (สุนัขทรงเลี้ยง) ซึ่งทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างชัดแจ้ง ซึ่งการที่จำเลยที่ 1 กล่าวถึงโจทก์ในการไปเป็นทนายความให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นศาลเห็นว่าการที่โจทก์จะไปเป็นทนายความให้กับบุคคลใดถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานและเป็นการกระทำโดยส่วนตัวของโจทก์
การที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าการกระทำไปในฐานะสื่อมวลชนและเพื่อปกป้องสถาบันตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 46 และ 70 นั้นศาลเห็นว่า รัฐธรรมนูญฯ มาตรา 46 บัญญัติให้พนักงานหรือลูกจ้างในกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ หรือสื่อมวลชนอื่นมีเสรีภาพในการเสนอข่าวแสดงความคิดเห็นภายใต้ข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญฯ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของหน่วยราชการหรือเจ้าของกิจการ แต่ต้องไม่ขัดจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ จึงหมายความว่าแม้สื่อมวลชนจะมีสิทธิแสดงความคิดเห็นแต่ก็ต้องภายใต้ข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญฯรวมทั้งจริยธรรมการประกอบวิชาชีพซึ่งคดีนี้โจทก์ก็ได้ตอบคำถามทนายความในชั้นพิจารณาแล้วว่าหลังจากได้รับทุนการศึกษาเมื่อเดินทางกลับมาทำงานที่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิอานันทมหิดล และเมื่อเป็น ส.ส.ก็ได้ดำเนินโครงการที่สนับสนุนเกี่ยวข้องกับมูลนิธิซึ่งถือว่าเป็นการทำงานตอบแทนทุนที่ได้รับแล้ว
ส่วนที่จำเลยที่ 1 อ้างถึงการปกป้องสถาบันนั้นก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้กระทำการหรือมีพฤติการณ์จาบจ้วงสถาบันมาก่อนดังนั้นจำเลยที่ 1 จึงไม่มีเหตุที่จะยกเรื่องดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างได้ จำเลยที่ 1จึงมีความผิดตามฟ้อง
ส่วน บริษัทไทยเดย์ฯ จำเลยที่ 2 และ บริษัทแมเนเจอร์ฯ จำเลยที่ 6 ได้นำข้อความที่จำเลยที่ 1 หมิ่นประมาทโจทก์บันทึกภาพและเสียงลงในแผ่นซีดีและเผยแพร่ผ่านเว็บไซด์ จึงเป็นการร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย ซึ่งจำเลยที่ 2 และ 6 ไม่อาจอ้างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 46 มาหักล้างพยานโจทก์ได้ ส่วนจำเลยที่ 3-5 และ 7-8 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจบริษัททั้งสอง พยานหลักฐานโจทก์ไม่อาจนำสืบได้ว่าร่วมกันกระทำผิดกับจำเลยที่ 1,2 และ6 อย่างไร ขณะเดียวกันจำเลยที่ 3-5 และ 7-8 ก็ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ดังนั้นจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยในคดีให้กับจำเลย
พิพากษาว่า นายสนธิ จำเลยที่1 บริษัทไทยเดย์ฯ จำเลยที่ 2 และ บริษัทแมเนเจอร์ฯ จำเลยที่ 6 กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ328 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 6 เดือน ปรับจำเลยที่ 2 และ 6 คนละ 2 หมื่นบาท และให้ยึดทำลายแผ่นซีดีบันทึกภาพและเสียง และทำลายข้อมูลในเว็บไซด์พร้อมให้จำเลยที่ 1,2และ6 ร่วมกันลงโฆษณาคำพิพากษาใน น.ส.พ.ไทยรัฐ,เดลินิวส์และมติชนรายวัน เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน ส่วนคำขออื่นให้ยก
ภายหลัง ทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพ มูลค่า 2แสนบาท ขอประกันตัว ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ประกันตัวออกไปโดยตีราคาประกัน 1 แสนบาท
ด้านนายสนธิ กล่าวว่า ตนยอมรับกับผลคำพิพากษาเพราะถือว่าศาลเป็นหลักสุดท้ายของบ้านเมือง อย่างไรก็ดีขอใช้สิทธิที่จะไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาในบางประเด็น นอกจากนี้ยังระบุว่ามติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิด นายนพดล กรณีลงนามแถลงการณ์ร่วมไทยกัมพูชา สนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าข้อกล่าวหาของตนไม่ได้เกินไปกว่าความจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พร้อมจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ในการประชุมการประชุมใหญ่สมาชิกพรรค วันที่ 6 ต.ค.นี้ หรือไม่ นายสนธิ ตอบว่า หากได้รับการสนับสนุนจากประชาชนตนก็พร้อมที่จะทำหน้าที่
 
ที่มาข่าว:www.manager.co.th
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net