Submitted on Mon, 2009-10-05 04:53
ปัจจุบัน การขาดความเป็นธรรม คือปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน นับวันก็ยิ่งห่างกันไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามจากหลายภาคส่วนที่พยายามจะทำให้สังคมไทยมีช่องว่างลดน้อยลง แต่ก็ดูเหมือนจะเลือนลางลง การขาดความเป็นธรรมในสังคมไทยจึงกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่รอวันประทุอยู่ทุกเวลาและนาที
ระบบสาธารณสุขก็จะพบว่าไม่ได้แตกต่างจากระบบอื่นๆ เท่าใดนัก สังคมไทยยังมีความเหลื่อมล้ำกันอย่างมหาศาล ทั้งด้านทรัพยากรสาธารณสุข ตั้งแต่งบประมาณ จำนวนหมอ พยาบาล จำนวนโรงพยาบาล ตลอดจนเครื่องมือต่างๆ ที่ทันสมัยก็กระจุกตัวอยู่แต่ในกรุงเทพมหานคร และเมืองใหญ่ๆ ขณะที่คนจนในชนบทยากที่จะเข้าถึงการบริการทีมีคุณภาพได้เช่นเดียวกับคนในเมือง
หากมองเจาะลึกทางด้านระบบประกันสุขภาพของไทยก็เช่นเดียวกัน ที่มีช่องว่างระหว่างระบบและงบประมาณค่าหัวที่รัฐบาลจ่ายให้ต่อปี มีความเหลื่อมล้ำกันอยู่อย่างมหาศาล แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีความพยายามในการสร้างหลักประกันสุขภาพ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้เข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นทางด้านสุขภาพ (health needs) อย่างเท่าเทียม โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา การศึกษาและสถานะทางเศรษฐกิจก็ตาม
ปัจจุบันประเทศไทยมีระบบประกันสุขภาพที่สำคัญอยู่ 4 ระบบ คือ
1) ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ครอบคลุมผู้มีสิทธิประมาณ 5 ล้านคน
2) ระบบประกันสังคม ครอบคลุมผู้มีสิทธิประมาณ 9.8 ล้านคน และกำลังจะเพิ่มขึ้นอีก 5.8 ล้านคน
3) ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ครอบคลุมผู้มีสิทธิประมาณ 47.3 ล้านคนและกำลังจะย้ายไปอยู่กับระบบประกันสังคม 5.8 ล้านคน
4) ประกันภาคเอกชน ที่ครอบคลุมประชาชนที่ประสงค์จะจ่ายเงินเองอยู่ประมาณ 1-2 ล้านคน
โดยจาก 3 ใน 4 ระบบนั้นใช้งบประมาณซึ่งเป็นภาษีราษฎร ยกเว้นประกันสังคมที่ผู้ประกันตน นายจ้างและรัฐบาลร่วมจ่าย และประกันภาคเอกชนเป็นระบบที่ประชาชนสมัครใจที่จะจ่ายเอง
หากมองเผินๆ ระบบประกันสุขภาพทั้ง 3 ระบบ (1, 2, และ 3) ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลนั้นน่าจะครอบคลุม คนทุกระดับและในทุกสาขาอาชีพ แต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เรากลับมีระบบประกันสุขภาพอีกประเภทที่ใช้งบประมาณของรัฐบาลซื้อประกันสุขภาพจากบริษัทเอกชน โดยมีสิทธิประโยชน์เหนือกว่าคนไทยโดยทั่วไป และที่สำคัญยังใช้งบประมาณต่อหัวประชากรที่สูงกว่าคนอื่นๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้แก่ สตง. ศาลรัฐธรรมนูญ ปปช. สว. และ สส. โดยมีรายละเอียดของสิทธิประโยชน์ ดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 ค่าใช้จ่ายต่อหัว และสิทธิประโยชน์ของระบบประกันสุขภาพต่างๆ
หน่วยงาน
|
สส.
|
สตง.
|
ศาลรัฐธรรมนูญ
|
ปปช.
|
สว.
|
ข้าราชการ
|
ประกันสังคม
|
สปสช.
|
ค่าใช้จ่าย/คน/ปี (บาท)
|
50,000
|
30,000
|
38,000
|
30,000
|
20,000
|
10,000-12,000
|
1,938
|
2,202
|
หน่วยงานที่บริหารเงิน
|
บริษัทเอกชน
|
บริษัทเอกชน
|
บริษัทเอกชน
|
บริษัทเอกชน
|
บริษัทเอกชน
|
กรมบัญชีกลาง
|
สำนักงานประกันสังคม
|
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
|
ประเภทหน่วยบริการ
|
ที่ใดก็ได้
|
ที่ใดก็ได้
|
ที่ใดก็ได้
|
ที่ใดก็ได้
|
ที่ใดก็ได้
|
รัฐบาลเท่านั้น
|
รัฐบาลหรือเอกชนที่เลือกลงทะเบียน
|
รัฐบาลหรือเอกชนที่เลือกลงทะเบียน
|
ประเภทของยา
|
ทั้งในและนอกบัญชียาหลักแห่งชาติ
|
ทั้งในและนอกบัญชียาหลักแห่งชาติ
|
ทั้งในและนอกบัญชียาหลักแห่งชาติ
|
ทั้งในและนอกบัญชียาหลักแห่งชาติ
|
ทั้งในและนอกบัญชียาหลักแห่งชาติ
|
ทั้งในและนอกบัญชียาหลักแห่งชาติ
|
ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติเท่านั้น
|
ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติเท่านั้น
|
ผู้ป่วยใน
|
||||||||
ค่าห้องและอาหาร/วัน
|
4,000
(31 วัน/ครั้ง)
|
3,000
(31 วัน/ครั้ง)
|
6,500
(31 วัน/ครั้ง)
|
6,500
(31 วัน/ครั้ง)
|
2,000
(31 วัน/ครั้ง)
|
600
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
ค่าห้อง ไอ ซี ยู
|
จ่ายตามจริง
|
10,000
(7 วัน/ครั้ง)
|
13,000
(7 วัน/ครั้ง)
|
10,000
(7 วัน/ครั้ง)
|
4,000
(15 วัน/ครั้ง)
|
ตามกลุ่มโรค (DRG)
|
เหมาจ่ายไปที่โรงพยาบาล
|
ตามกลุ่มโรค (DRG)
|
ค่ารักษาทั่วไป/ครั้ง
|
500,000
|
80,000
|
100,000
|
100,000
|
30,000
|
ตามกลุ่มโรค (DRG)
|
เหมาจ่ายไปที่โรงพยาบาล
|
ตามกลุ่มโรค (DRG)
|
ค่าผ่าตัด/ครั้ง
|
500,000(ตามจริง)
|
80,000
|
120,000(ตามจริง)
|
120,000(ตามจริง)
|
35,000
|
จ่ายตามจริง
|
เหมาจ่ายไปที่โรงพยาบาล
|
ตามกลุ่มโรค (DRG)
|
ค่าแพทย์เยี่ยมไข้/วัน
|
3,000
(31 วัน/ครั้ง)
|
2,000
(31 วัน/ครั้ง)
|
2,000
(31 วัน/ครั้ง)
|
2,000
(31 วัน/ครั้ง)
|
1,000
(31 วัน/ครั้ง)
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
ผู้ป่วยนอก
|
||||||||
ค่ารักษาพยาบาล
|
8,000
(วันละ 1 ครั้ง)
|
3,000
|
2,000
(วันละ 1 ครั้ง)
|
2,000
(วันละ 1 ครั้ง)
|
1,900
(วันละ 1 ครั้ง)
|
จ่ายตามจริง
|
จ่ายตามจริง
|
จ่ายตามจริง
|
ตรวจสุขภาพประจำปี
|
16 รายการ(กำหนดให้)
|
3,000
|
7,000
|
3,000
|
10 รายการ
|
ตามเงื่อนไขที่กำหนด
|
ไม่มี
|
ไม่มี
|
หมายเหตุ ปัจจุบัน สส.ได้งบประมาณ 20,000 บาท/คน/ปี แต่กำลังขอเพิ่มเป็น 50,000 บาท/คน/ปี
ข้อมูลทั้งหมดสะท้อนว่า งบประมาณสุขภาพรายหัว รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆระหว่างผู้ทรงเกียรติทั้งหลายและราษฎรไทยเต็มขั้น ต่างกันราวฟ้ากับดิน ระหว่างห้าหมื่นกับสองพัน ระหว่างใช้บริการที่โรงพยาบาลเอกชนสุดหรู กับโรงพยาบาลรัฐที่แสนแออัด รอคิวนาน
หากท่านทั้งหลายที่ติดตามข่าวสารอย่างเกี่ยวกับระบบประกันสุขภาพต่อเนื่อง คงจะทราบดีว่าในปัจจุบันภาครัฐกำลังประสบปัญหาอย่างยิ่งในการควบคุมค่าใช้จ่ายของระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจำเป็นต้องหาแนวทางในการลดภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลทุกๆปี แต่ทว่ารัฐบาลเองก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะรู้ดีว่าตัวเองก็คือตัวปัญหา เพราะมีสิทธิประโยชน์ในด้านการรักษาพยาบาลที่ดีกว่าข้าราชการและยังมีค่าใช้จ่ายต่อหัวมากกว่าหลายเท่า
ในทางตรงกันข้าม เวลาที่กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ของบประมาณจากรัฐบาล ทั้งคณะรัฐบาลและท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติเหล่านี้กลับพยายามที่จะตัดงบประมาณให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งๆที่ค่าใช้จ่ายต่อหัวไม่ถึง หนึ่งในสิบ ของงบประมาณที่ท่านทั้งหลายใช้อยู่
นี่แหละคือความเป็นจริงของสังคมไทย
คำถามที่อยากให้ท่านรัฐมนตรี ท่านสมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติ และท่านทั้งหลาย ที่มีระบบประกันสุขภาพที่รัฐจัดให้ซึ่งดีกว่าคนไทยส่วนใหญ่ ช่วยตอบคำถามให้คนไทยทั้งประเทศได้หายข้องใจว่า
1) ท่านจะทราบความทุกข์ยากเดือดร้อน ของชาวบ้านจากระบบประกันสุขภาพได้อย่างไร ในเมื่อท่านไม่เคยมีประสบการณ์การใช้บริการในระบบประกันสุขภาพ เช่นเดียวกับพี่น้องประชาชน
2) ท่านจะปฏิรูประบบระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีค่าใช้จ่ายมหาศาลได้อย่างไร และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบประกันสุขภาพได้อย่างไร ในเมื่อระบบสวัสดิการที่ท่านใช้อยู่นั้นใช้งบประมาณแผ่นดินต่อหัวมากมายกว่าข้าราชการเหล่านั้นหลายเท่า
3) ท่านจะสามารถปรับปรุงการให้บริการของสถานีอนามัย โรงพยาบาลชุมชน หรือโรงพยาบาลรัฐบาลทั้งหลายได้อย่างไร ในเมื่อส่วนใหญ่ท่านทั้งหลายไปใช้บริการในโรงพยาบาลเอกชนหรูหราที่ไหนก็ได้ แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ไปใช้บริการในโรงพยาบาลของรัฐ
ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศแถบทวีปยุโรป ไม่ว่าท่านเป็นใคร จะเป็นรัฐมนตรี สส. ผู้ทรงเกียรติ เป็นพนักงานบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่ง หรือแม้กระทั่งเกษตรกร หรือคนว่างงาน สิทธิด้านสุขภาพที่ได้รับจากรัฐมีความเท่าเทียมและเป็นไปอย่างทั่วถึงกัน ไม่แบ่งแยก เพราะทุกคนต่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน
ดังนั้น สิ่งที่ควรจะเป็นสำหรับกรณีนี้คือ การทำให้คนไทยทุกคนได้รับหลักประกันสุขภาพจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน โดยมีสิทธิประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน ภายใต้ระบบเดียวกัน เพราะทุกๆระบบก็ใช้งบประมาณของแผ่นดินเหมือนๆ กัน และที่สำคัญเรื่องสุขภาพย่อมไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ หรือเป็นระบบอภิสิทธิ์ชนใดๆ แต่เป็นสิ่งที่รัฐต้องจัดให้ประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราควรจะช่วยกันล้มระบบอภิสิทธิ์ชนเหล่านี้ให้หมดไปจากสังคมไทย วันนี้สังคมไทยต้องการคำตอบครับ
.................................................
บทความนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 23 กันยายน 2552

เท่าไรก็ได้ การสนับสนุนจากคุณ คือการร่วมสร้างและรักษาสื่อเสรี ‘ประชาไท’ ... ร่วมสนับสนุนเรา
โอนเงิน พร้อมเพย์ PromptPay "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน" 0993000060423
โอนเงิน PayPal คลิกที่นี่ https://paypal.me/prachatai (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)
โอนเงิน พร้อมเพย์ PromptPay "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน" 0993000060423
โอนเงิน PayPal คลิกที่นี่ https://paypal.me/prachatai (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)
ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai
ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai
LINE ไอดี = @prachatai
เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai
ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai
LINE ไอดี = @prachatai
แสดงความคิดเห็น