ความพยายามของทั้งบริษัท และเจ้าหน้าที่รัฐจากกระทรวงแรงงาน นักการเมืองที่อยู่ในกระทรวงแรงงาน และกรรมาธิการแรงงานของรัฐสภา ในการพยายามให้คนงานหลายร้อยคนที่ไปเก็บผลไม้ที่สวีเดนที่เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อต้นเดือนสิงหาคมและต้นเดือนตุลาคม ที่เข้าร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ให้ยุติโดยเร็วที่สุด ทั้งการพยายามเสนอเงินพิเศษกับแกนนำให้ชักจูงคนงานให้โอนอ่อนผ่อนตามข้อเสนอของบริษัท การโทรมากดดันกับเจ้าหน้าที่ของเครือข่ายฯ ว่าขอให้จบเรื่องเรียกร้องให้เร็วที่สุด การพยายามกันไม่ใช้เจ้าหน้าที่เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการไปทำงานที่ต่างประเทศ เข้าไปอยู่ในกระบวนการต่อรองให้กับสมาชิกของเครือข่ายฯ นำมาซึ่งความกังขาและเงื่อนงำที่จำต้องได้รับการพิสูจน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความพยายามเกลี่ยกล่อมคนงานทั้งโดยตรงและผ่านแกนนำทั้งหลาย ของสี่บริษัทที่ได้รับสัมปทาน โดยที่เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน และนักการเมืองที่เกี่ยวข้อง กลับไม่มีผู้ใดเลยที่พยายามให้คำชี้แนะทางกฎหมายกับคนงาน แต่พยายามเร่งให้คนงานยุติข้อพิพาทกับบริษัทโดยเร็ว และไม่มีการพูดถึงกระบวนการตรวจสอบเอาความผิดกับทั้งบริษัทและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงาน ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบในชะตากรรมของคนงานไทยที่ไปเก็บผลไม้ในสวีเดนจำนวน 5,911 คนในปี 2552 นี้
จดหมายจากเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการไปทำงานต่างประเทศ ถึง เอกอัคราชทูตสวีเดน
Mr Lennart Linnér
เอกอัคราชทูต
สถานทูตสวีเดน
อาคารแฟซิฟิก เพลส, ชั้นที่ 20ม 140 ถนนสุขุมวิท
กรุงเทพฯ
8 ตุลาคม 2552
เรียน ท่านเอกอัคราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย
สำเนาส่ง
ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ท่านไพฑูรย์ แก้วทอง, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
Ms. Wanja Lundby-Wedin, ประธานสภาแรงงานสวีเดน
สมาคมพ่อค้าเบอร์รี่ป่า (Sweden Forest Berries Association (SBIF))
ศูนย์กลางการค้าที่เป็นธรรม (Fair Trade Center, Sweden
Stuart Ward, Swedish International Development Cooperation Agency (SIDA)
คุณวิไลวรรณ แซ่-เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย
เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการไปทำงานที่ต่างประเทศ และสมาชิกได้เดินทางมาที่สถานทูตและขอเข้าพบกับท่านทูตเพื่อนำเสนอปัญหาและ ข้อเสนอแนะถึงวิธีการยุติความทุกข์ยากลำเค็ญของคนงานไทยที่ไปเก็บพลไม้ป่า ที่สวีเดน
เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการไปทำงานที่ต่างประเทศ เป็นองค์กรที่มีระบบสมาชิก ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2550 ด้วยเป้าหมายเพื่อขจัดธุรกิจค้ามนุษย์แรงงานหน้าเลือด และสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อผู้ได้รับผลกระทบหลายล้านคน ที่นับตั้งแต่ปี 2518 เป็นต้นมาได้สูบเลือดสูบเนื้อของเกษตรกรยากจนจากภูมิภาคที่จนที่สุดในประเทศ ไทย ‘อีสาน’ กว่า สามล้านคน เครือข่ายนับตั้งแต่ก่อตั้งได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือ ต่อรอง และเรียกร้องค่าเสียหายให้กับสมาชิกของเราเป็นจำนวนมาก ผ่านมาเพียงสองปีเครือข่ายมีสมาชิกกว่าพันครอบครัวจาก 20 จังหวัดโดยเฉพาะจากภาคอีสานภาคเหนือ
กว่าทศวรรษ กระทรวงแรงงานได้นำเสนอด้วยความภาคภูมิใจถึงตัวเงินกว่า 5-60,000 ล้านบาทที่แรงงานไทยในต่างประเทศปีละกว่า 350,000 คน ส่งผ่านมายังธนาคารต่างๆ แต่เงินจำนวนนี้ไม่ได้ถึงมือครอบครัวทั้งหมด แต่กลับตกไปอยู่ในมือของกลุ่มนายหน้าและบริษัทจัดหางานต่างๆ
นับตั้งแต่เดือน กันยายนปีนี้ เครือข่ายฯ และโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย (องค์กรสนับสนุน) ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากคนงานไทยที่กลับมาจากสวีเดนหลายร้อยคน พวก เขาเหล่านี้เป็นเกษตรกรยากจนจากอีสาน ที่ถูกทำให้เชื่อว่าในระหว่างสองเดือนของการรอฤดูเก็บเกี่ยว พวกเขาสามารถมีรายได้ 200,000 บาทจากการไปเก็บผลเบอร์รี่ป่าที่สวีเดน แลกกับการจ่ายค่านายหน้า 75-100,000 บาท (โดยไปกับสี่บริษัทที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงแรงงาน)
พวกเขาต้องเดินข้ามเขาหลายลูก ข้ามพรมแดนสวีเดนและฟินแลนด์ แต่กลับต้องเผชิญกับภาวะหนี้สินระหว่าง 100-200,000 บาท (เพราะบางคนไปทั้งสามีและภรรยา) เรื่องราวความทุกข์ยากของพวกเขาได้รับการถ่ายทอดผ่านสื่อมวลชนทั้งจากสวีเดน และประเทศไทย กระนั้นก็ตามการเจรจาเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆ ระหว่างคนงาน 400 คนกับรัฐบาลไทย และกระทรวงแรงงาน ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก
ในวันที่ 27 กันยายน 2551 เครือข่าย และโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทยได้จัดเวทีสัมมนาเพื่อนำเสนอปัญหาเรื่องนี้ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เข้าร่วมสัมมนารวมทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ขณะนี้คนงานทุกคน กำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักและถูกตามทวงหนี้อย่างไม่ลดละจากนายทุนเงิน กู้และสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อให้ใช้คืนเงินกู้ บางคนถึงกับขายที่นา บางคนได้รับหมายแจ้ง จำนวนมากได้รับโทรศัพท์ข่มขู่ บางคนเลือกจะไม่เดินทางกลับบ้านเพราะไม่กล้าสู้หน้าเพื่อนๆ ในชุมชน
ดังนั้นเมื่อวันที่ 29 กันยายน คนงานได้ยืนหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีด้วยข้อเรียกร้อง 4 ข้อ คือ
* รัฐต้องแก้ไขปัญหา หนี้สิน โดยการยกเลิกหนี้สิน หรือให้หน่วยงานของรัฐหรือผู้ที่เกี่ยวข้องชดใช้หนี้สินให้แก้ผู้เดือดร้อน หรือดำเนินมาตรการพักชำระหนี้และรับแปลงหนี้นอกระบบมาสู่ธนาคารของรัฐ
* จัดโครงการฟื้นฟูและสนับสนุนการสร้างอาชีพแก่ผู้เดือดร้อนและครอบครัว และการชดเชยค่าเสียโอกาสทางด้านรายได้ต่างๆ
* เร่งรัดกระบวนการ ทางกฎหมายเอาผิดบริษัทจัดส่ง หน่วยงานของรัฐที่เข้าไปพัวพัน และผู้ที่เกี่ยวข้องในการหลอกลวงคนไทยไปเก็บผลไม้ที่สวีเดน
* สร้างความโปร่งใสในกระบวนการจัดส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ เพื่อป้องกันกระบวนการหลอกลวงแรงงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ในวันกรรมกรสากลปี 2551 เครือข่ายฯ ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ให้ออกมาตรการเพื่อให้วงจรค้ามนุษย์แรงงานข้ามชาติที่มีถึง 34 ปี ด้วยสามมาตรการคือ “เยียวยา(ค่าเสียหาย) ป้องกัน(การหลอกลวง) และโครงการพัฒนาที่ยังยืนในหมู่บ้านยากจนต่างๆ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการหลอกลวง พร้อมกับนี้พวกเราได้ยืนขอเสนอว่ากระบวนการจัดส่งควรเป็นในรูปแบบ “รัฐต่อรัฐ” และยุติการให้อนุญาตบริษัทจัดหางานและพวกนายหน้าต่างๆ ซึ่งจากการศึกษาของเครือข่าย ไม่มีบริษัทไหนเก็บค่าหัวคิวตามกฎหมาย แม้แต่บริษัทเดียว
คนงานไทยกว่า 400 คนที่กลับมาจากสวีเดนได้สมัครเป็นสมาชิกของเครือข่ายและขอให้เครือข่ายช่วย แก้ปัญหาของพวกเขา พวกเราได้นอนรอพบนายกรัฐมนตรีที่หน้าทำเนียบตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม และบัดนี้พวกเราได้เดินด้วยเท้าหลายกิโลเมตรเช่นเดียวกับการเดินเก็บเบอร์ รี่ที่สวีเดนเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากสถานทูตสวีเดน และเพื่อขอร้องให้มีการปรึกษาหารือว่าสถานทูตจะวางมาตรการอย่างไรในการ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นที่พวกเราประสบมาในปีนี้
พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่าตัวแทนของพวกเราจะได้เข้าพบท่านทูต พวกเราทุกคนขอขอบคุณสถานทูตสวีเดนเป็นอย่างยิ่งที่มีความเข้าใจในปัญหาความ เดือดร้อนของพวกเรา พวกเรามีข้อเสนอเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนดังต่อไปนี้
1. จากบทเรียนที่คนงาน 400 คน (สมาชิกของเครือข่าย) ที่เดินทางไปสวีเดนเพียงสองเดือนตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ได้นำมาซึ่งความทุกข์ยากของครอบครัวและชุมชน เกินกว่าที่พวกเขาจะประมาณ การณ์ได้ รายชื่อของพวกเขาแนบมาพร้อมกับจดหมายฉบับนี้
2. การจ้างงานในลักษณะนี้เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ไม่ควรถูกใช้เป็นการแสวงหาผลกำไร พวกเราขอเรียกร้องให้สถานทูตสวีเดน ให้วีซ่าเฉพาะกับคนงานที่ยืนใบสมัครผ่านทางกระบวนการที่เห็นชอบทั้งจากสถาน ทูตสวีเดน เครือข่ายฯ และกระทรวงแรงงาน
3. พวกเราขอความช่วยเหลือมายันสถานทูตสวีเดนในประเทศไทยให้ช่วยเจรจากับสมาคมพ่อ ค้าเบอรร์รี่ป่า ให้ตั้งกองทุนเพื่อชดเชยหรือช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบตามรายชื่อที่แนบมา ซึ่งพวกเราได้ยื่นข้อร้องเรียนไปยังรัฐบาลไทย และยื่นมายังสถานทูตสวีเดน เครือข่ายฯ ได้นำส่งรายชื่อเหล่านี้ให้ทั้งรัฐบาลไทยและสถานทูตสวีเดน และพวกเราจะขอบคุณท่านเป็นอย่างสูงในความช่วยเหลือในครั้งนี้
4. เครือข่ายฯ มีความประสงค์จะเห็นมาตรการกดดันรัฐบาลไทยเพื่อสร้างหลักประกันว่าจะมีการ ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทจัดหางาน และข้าราชการ โดยเฉพาะจากหน่วยงานสำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ที่พวกเราได้รับฟังเรื่องราวการคอรัปชั่นมายาวนานหลายปี และมีความสงสัยว่านี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำให้สำนักงานบริหารแรงงานไทยไป ต่างประเทศ มักจะอ้างว่าไม่มีความสามารถในการจัดส่งแรงงานเอง แต่ขอให้บริษัทจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง แทนที่จะให้องค์กรของภาครัฐ องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร หรือองค์กรของลูกจ้างเป็นผู้จัดส่ง
5. พวกเราใคร่ขอร้องว่าคนงานที่แนบรายชื่อมานี้ ซึ่งเป็นสมาชิกของเครือข่าย จะได้อยู่ในกลุ่มคนงานกลุ่มแรกที่จะได้โควตาไปเก็บผลไม้ในฤดูกาลหน้า เครือข่ายฯ โดยไม่ได้มุ่งแสวงหากำไร จะรับผิดชอบในการดำเนินขั้นตอนต่างๆ ในการเตรียมการและเอกสารต่างๆ ในการยื่นขอวีซ่าในประเทศไทย และเครือข่ายฯ จะเจรจากับสภาแรงงานระหว่างประเทศสวีเดนเพื่อการดำเนินการรับช่วงต่อไปเมื่อ คนงานเดินทางไปถึงสวีเดนแล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
จรรยา ยิ้มประเสริฐ
ประธาน เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการไปทำงานที่ต่างประเทศ
ผู้อำนวยการ โครงการรรณรงค์เพื่อแรงงานไทย
|
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)